เสียงตีฆ้องร้องบอกยามเหม่าดังขึ้น ปลุกให้ร่างเล็กของเด็กหญิงวัยสิบปีลุกขึ้นจากที่นอน เสียงนกที่ร้องเรียกพวกพ้องให้ออกไปหากินดังก้องไปทั่วท้องนภาแม้ว่าแสงจันทรายังไม่ลาลับไปก็ตาม ผู้คนต่างก็ตื่นนอนหุงหาอาหารกันเฉกเช่นทุกวัน วันนี้เป็นวันสำคัญของชิงเหมย เพราะเป็นวันที่สำนักศึกษาหวุนซีจะเปิดรับศิษย์ที่สามารถผ่านการทดสอบของสำนักศึกษา ชิงเหมยนั้นเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีเพราะไม่อยากที่จะพลาดโอกาสในปีนี้ไป
“อาบน้ำแต่งกายให้เรียบร้อยแล้วออกมากินข้าวเถิดเหมยเอ๋อร์…” น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนของท่านยายที่ดังมาจากด้านนอกทำให้ชิงเหมยยิ้มกว้างออกมา ท่านยายของนางนั้นช่างดีต่อนางยิ่งนัก ถึงแม้นจะไม่มีบิดามารดานางกลับไม่รู้สึกว่าตนเองโหยหาความรักเลย “เจ้าค่ะท่านยาย” ชิงเหมยที่กำลังแต่งกายด้วยอาภรณ์ชุดใหม่ที่ท่านยายเป็นผู้ตัดเย็บให้นางเพื่อไปสอบในวันนี้ตอบกลับทันที ไม่ถึงหนึ่งเค่อเด็กหญิงในชุดฮั่นฝูสีฟ้าอ่อนก็เดินออกมาจากห้องนอน โต๊ะอาหารกลางเรือนมีอาหารสามถึงสี่อย่างวางอยู่บนโต๊ะ ทั้งผัดผัก เกี๊ยวผัก และไก่สับหน่อไม้ฉีก ซุนฉีตักข้าวให้หลานสาวก่อนที่นางจะตักให้ตนเองเช่นกัน สองยายหลานนั่งกินมื้อเช้าร่วมกัน ก่อนที่ซุนฉีจะพาหลานสาวเดินทางไปสอบที่สำนักศึกษาหวุนซี วันนี้นางปิดร้านขายขนมเพื่อไปสำนักศึกษากับชิงเหมย มีแค่นางเท่านั้นที่เป็นญาติผู้ใหญ่เพียงผู้เดียวของหลานสาว แม้ฝ่ายพ่อของชิงเหมยจะเป็นถึงตระกูลขุนนาง ทว่าตั้งแต่ชิงเหมยเกิดมาก็ไม่เคยได้รับการยอมรับจากปู่และย่าของนาง จึงไม่มีเหตุผลอันใดที่นางเองจะต้องนับถืออีกฝ่ายเช่นกัน ดีที่ว่าตระกูลซิ่วนั้นอยู่ในเมืองถิงฮวา จึงไม่มีเหตุให้ได้พบหน้ากัน “ตื่นเต้นหรือไม่เหมยเอ๋อร์” ซุนฉีเอ่ยถามหลานสาวออกมาขณะเดินไปยังสำนักศึกษา ยามนี้หลายตระกูลก็กำลังพาลูกหลานเดินทางไปสอบเข้าสำนักศึกษาเช่นกัน “เจ้าค่ะท่านยาย แต่ท่านไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ หลานคนนี้จะไม่ทำให้ท่านยายผิดหวังเป็นแน่” ชิงเหมยตอบท่านยายด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ซุนฉียิ้มจางๆ พลางส่ายหน้าไปมา นางไม่ได้หวังว่าหลานสาวจะสอบได้ลำดับที่ดีๆ ขอเพียงแค่นางสอบผ่านตามเกณฑ์ของสำนักศึกษาหวุนซีได้นางก็พอใจแล้ว ก่อนหน้านี้นางไม่เคยรับรู้ถึงความต้องการของหลานสาวมาก่อน ครั้นได้รู้ว่าชิงเหมยนั้นใฝ่รู้ อยากมีวิชาความรู้ติดตัว นางก็สนับสนุนหลานสาวเต็มที่ “แค่ตั้งใจก็พอ เจ้าจะได้ไม่มีอะไรให้ต้องเสียดายในภายหลัง” ชิงเหมยพยักหน้าพลางมองไปยังหนทางข้างหน้า สองยายหลานมุ่งหน้าสู่สำนักศึกษาหวุนซี ซุนฉีไปลงทะเบียนสอบให้หลานสาวก่อนที่นางจะออกมารออยู่ด้านนอก เพราะด้านในอนุญาตให้เพียงแค่เด็กที่จะมาสอบเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาอยู่เท่านั้น การสอบในวันนี้นั้นไม่ได้มีอะไรยากอย่างที่คิด เพราะเป็นการสอบวัดระดับความรู้ทั่วไปและความถนัดในการเล่นดนตรีและท่องบทกวี ดีที่ว่าชิงเหมยนั้นเคยเล่นฉินและอ่านบทกวีของบรรดานักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงมาบ้าง จึงทำให้นางสอบผ่านทุกวิชาไปได้ด้วยดี แต่ผลคะแนนที่ออกมาทำให้นางเป็นผู้ที่กลายเป็นคนที่อาจารย์ทุกคนอยากเห็นหน้า เด็กวัยสิบปีที่เอาชนะเด็กจากทั่วทั้งเมืองถิงฮวาที่เดินทางมาสอบเข้าสำนักศึกษาในปีนี้เกือบร้อยคน “ศิษย์ชายหญิงปีนี้ล้วนแต่มีความรู้ความสามารถยิ่งนัก” อาจารย์หวุนกล่าวออกมาหลังจากได้อ่านนามของศิษย์ใหม่ตามลำดับคะแนนที่ทดสอบ “จริงขอรับ… ยิ่งกับแม่นางน้อยผู้นี้ยิ่งทำให้ข้าประหลาดใจนัก ยามที่นางท่องบทกวีทำเอาข้าลืมไม่ลงเลย ถึงจะมิใช่บทกวีที่นางแต่งขึ้นเองก็ตาม” อาจารย์ลู่อวิ๋นแสดงความเห็นของตนออกมา “แต่ข้าชื่นชอบยามที่นางดีดฉินยิ่งนักเจ้าค่ะ ตั้งแต่เรารับศิษย์เข้ามา ข้ายังมิเคยเห็นเด็กคนใดดีดฉินได้ไพเราะเช่นนี้มาก่อน” อาจารย์หยวนซู่ชื่นชมหนึ่งในเด็กที่มาสอบในวันนี้อย่างไม่ปิดบัง “นางมาจากตระกูลใด… พวกเจ้าพอจะรู้กันหรือไม่” อาจารย์หวุนเอ่ยถามออกมาด้วยความสนใจ “นางเป็นเด็กกำพร้าอาศัยอยู่กับยายแค่สองคน ยายของนางแซ่ซุน เปิดร้านขายขนมเล็กๆ อยู่ในตลาดซานฉี รสชาติขนมของนางนั้นตราตรึงใจข้ายิ่งนักเจ้าค่ะ” อาจารย์เซียงหลินที่เป็นคนในพื้นที่ตอบออกมาเท่าที่นางรู้ นางก็เป็นหนึ่งลูกค้าประจำของร้านขนมยายซุนฉี จึงทำให้ได้รู้เรื่องราวของสองยายหลานคู่นี้อยู่ไม่น้อย “โฮะๆๆ ที่แท้รู้จักเพราะเป็นลูกค้าประจำร้านขนมยายของนางหรอกหรือ” ท่านอาจารย์หวุนหัวเราะชอบใจออกมา “แต่แท้ที่จริงแล้วเด็กคนนี้มีพ่อเป็นอดีตรองแม่ทัพ ทว่าเขากลับตายในสนามรบทำให้เด็กคนนี้ไม่ได้รับการยอมรับจากตระกูลเพราะเป็นลูกที่เกิดจากหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาเจ้าค่ะ” "ถึงนางจะเป็นเด็กที่มีชะตาชีวิตอาภัพ แต่นางก็ช่างเป็นเด็กที่มีความพยายามและความสามารถยิ่งนัก หากข้าเป็นครอบครัวของนางข้าย่อมจะต้องภูมิใจที่มีนางเป็นลูกเป็นหลานในตระกูลเป็นแน่ ช่างน่าเสียดายแทนตระกูลที่โง่เขลาตระกูลนั้นยิ่งนัก” หายากยิ่งนักที่เด็กหญิงจะเก่งรอบด้านเช่นนี้ หากมิได้ฝึกฝนหรืออ่านตำราอย่างเคี่ยวกรำก็คงมีพรสวรรค์ในการจดจำ แต่ถึงอย่างไรการสอบครานี้ก็แสดงให้เห็นว่าเด็กหญิงผู้นี้นั้นตั้งใจที่จะเข้าสำนักศึกษาของเขาอย่างแท้จริง ถึงสตรีไม่อาจเป็นขุนนางได้ในยุคสมัยนี้ แต่ถ้าหากมีความรู้ติดตัวไปก็ไม่มีวันอดตาย หรือแต่งเข้าตระกูลใดก็มิโดนดูถูกดูแคลน ป้ายประกาศรายชื่อของผู้ผ่านการสอบคัดเลือกเข้าศึกษาในสำนักศึกษาหวุนซีถูกนำมาติดหลังจากที่เหล่าอาจารย์ตรวจสอบคะแนนและลำดับของศิษย์ใหม่เรียบร้อย รายชื่อลำดับแรกเป็นของบัณฑิตชายจากเมืองหวงหลง ซึ่งอยู่ติดกับเมืองถิงฮวาเพียงแปดสิบลี้ รายชื่อลำดับต่อๆ ไปก็ไม่เกินความคาดหมายนักเพราะต่างเป็นบุตรีและบุตรชายของขุนนางที่พำนักอยู่ในเมืองซานฉีหลังจากเฉียวจูจ้านและซูฉีเดินทางออกจากจวนกลับไปได้ไม่นาน เยว่อู๋ชางก็กลับมาจากในวังหลวง เพราะภรรยาตั้งครรภ์อ่อนๆ เขาจึงได้รับพระกรุณาจากองค์รัชทายาทให้กลับมาค้างที่จวนในทุกค่ำคืน จนกว่าครรภ์ของนางจะมั่นคง ถึงค่อยให้เขากลับไปดูแลพระองค์อย่างใกล้ชิดอีกครา“ท่านพี่กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” เสียงหวานทักทายสามีที่กำลังเดินเข้ามาภายในศาลากลางน้ำ“อื้ม…แล้วนี่น้องหญิงกำลังทำสิ่งใดอยู่รึ”เขาเดินไปนั่งลงเคียงข้าง แล้วยกร่างบางขึ้นมานั่งบนตัก จากนั้นจึงหอมแก้มนางไปหนึ่งที สองสาวรับใช้คนสนิทและสาวรับใช้ที่อยู่คอยรับใช้นายหญิง ต้องรีบพากันหลุบตามองต่ำ“ท่านพี่!!! พวกสาวรับใช้อยู่กันเยอะแยะ ข้าอายพวกนางนะเจ้าคะ”ชิงเหมยกระซิบเสียงดุใส่สามี สองแขนเรียวโอบล้อมรอบลำคอของเขาเพราะกลัวตกเซียงซุนและหยวนเวยพากันยิ้มออกมา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเพียงใด ความรักที่นายท่านมีต่อนายหญิงหาได้ลดน้อยลงไม่ ทว่ามีแต่จะเพิ่มขึ้นในทุกวัน ยิ่งนายหญิงมีครรภ์เช่นนี้ นายท่านก็ดูจะทะนุถนอม และรักใคร่นายหญิงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ความสัมพันธ์ของสามีภรรยากลมเกล
หลังจากนอนค้างที่จวนตระกูลซิ่วได้เพียงหนึ่งคืน เช้านี้ชิงเหมยจำต้องติดตามผู้เป็นสามี เดินทางกลับเข้าเมืองหลวง ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบของเขา ทำให้นางมิอาจเอาแต่ใจตนเองได้ ก่อนเดินทางออกจากจวน นางและสามีก็ได้กินมื้อเช้าพร้อมหน้าพร้อมตา มีท่านย่า ท่านยาย และพี่น้องตระกูลซิ่วของนาง ท่านยายเล็ก ท่านลุง ท่านป้าสะใภ้และลูกๆ ทั้งสองของท่านลุงนั้น ได้เดินทางกลับจวนตระกูลซุนไปตั้งแต่พิธีแต่งงานเสร็จสิ้นแล้ว ในวันที่นางกลับมาเยี่ยมบ้านเดิมจึงมิได้พบกับพวกเขา“เดินทางปลอดภัย ขอให้เจ้าจงรักษาตัวให้ดี หากมีเวลาก็กลับมาเยี่ยมยายบ้าง”ซุนฉีกล่าวในขณะที่นางออกมาส่งหลานสาวอยู่ที่ด้านหน้าจวน ยามนี้ขบวนขนสัมภาระและผู้ติดตามของหลานเขยกับหลานสาวเตรียมพร้อมหมดแล้ว รอเพียงแค่ให้ชิงเหมยได้ร่ำลาครอบครัวก่อนออกเดินทางก็เท่านั้น“เจ้าค่ะท่านยาย ท่านเองก็อย่าลืมรักษาสุขภาพให้ดี รอหลานกลับมาเยี่ยมนะเจ้าคะ”ชิงเหมยกล่าวออกมา น้ำเสียงข่มความอาลัยเอาไว้อย่างมิดชิด เพื่อไม่ให้ท่านยายเป็นห่วงนางมากนัก ครานี้เป็นคราแรกที่นางจะต้องห่างไกลจากท่านยายจริงๆ หาใช่เพียงแค่ไปไม่กี่
หลังจากที่เยว่อู๋ชางเดินออกจากห้องหอไปได้ไม่นานนัก สองสาวรับใช้คนสนิทของชิงเหมยก็เข้ามาด้านใน ร่างระหงนั่งสัปหงกอยู่บนเก้าอี้ หยวนเวยจึงรีบไปเตรียมน้ำให้นางอาบ ส่วนเซียงซุนรับหน้าที่เข้าไปปัดกวาดเตียงนอน ครั้นได้เห็นร่องรอยของการร่วมหอในค่ำคืนที่ผ่านมา ใบหน้างามของสาวรับใช้ที่ยังไม่เคยออกเรือนก็ถึงกับร้อนผ่าว ในใจพลันรู้สึกยินดี ที่ท่านเขยและคุณหนูใหญ่ ไม่ได้ปล่อยให้คืนเข้าหอผ่านไปอย่างไร้ค่า“ข้าน้อยเตรียมน้ำเสร็จแล้วเจ้าค่ะคุณหนู อุ๊ย!!! ฮูหยินเล็ก”หยวนเวยกลับเข้ามาภายในห้องพลางกล่าวรายงาน ก่อนที่นางจะปิดปากครั้นรู้ตัวว่านางเรียกขานสถานะเดิมของชิงเหมยที่เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลซิ่ว แล้วจึงเปลี่ยนคำเรียกขานคุณหนูใหญ่ของนางใหม่ ยามนี้คุณหนูใหญ่ก้าวผ่านค่ำคืนของการเป็นผู้ใหญ่มาแล้ว หมายความว่าบัดนี้ชิงเหมย นางได้กลายมาเป็นฮูหยินเล็กสกุลเยว่เต็มตัวแล้ว"ฮูหยินเล็ก อืม… ใช่แล้วล่ะ สถานะข้าในยามนี้กลายเป็นฮูหยินของพี่ชางแล้วสินะ" ใบหน้างามปรากฏคลื่นแห่งความสุขออกมา แม้จะยังคงง่วงงุนแต่ทว่าใบหน้าของนางกลับอิ่มเอิบ“เช้านี้ท่านเขยดูอารมณ์ดียิ่ง
ท่ามกลางความเงียบสงบจากภายนอก ภายในห้องหอกลับมีเสียงครางทุ้มหวานของคู่บ่าวสาว ดังสอดประสานกันขึ้นมาเป็นระยะ คราแรกที่ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มรุกล้ำเข้าไปภายในกลีบบุปผางามของนาง ชิงเหมยก็แทบจะปิดบังบังความเจ็บปวดเอาไว้ไม่อยู่ นางแสดงออกมาผ่านทางสีหน้าและแววตา ปลายหางตามีหยาดน้ำเปียกชุ่มอยู่เพียงเล็กน้อย แต่ทว่านางกลับไม่กล้าเอ่ยปากขัดขวางอารมณ์ที่เร่าร้อนของเขามือบางกอบกุมผ้าปูเตียงเอาไว้แน่น ก่อนที่นางจะค่อยๆ ผ่อนคลายลง ความรู้สึกเจ็บปวดในคราแรก จึงแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกวาบหวาม เร่าร้อน เข้ามาแทนที่ ยามนี้ผิวกายของนางและเขาต่างร้อนผ่าว ทุกคราที่เขาขยับโยกกาย ก่อให้เกิดความรู้สึกหลากหลาย สิ่งนี้น่ะหรือที่พวกผู้ใหญ่เรียกว่า หยินหยางสอดประสาน ชิงเหมยเพิ่งได้รู้ซึ้งก็ในวันนี้นี่เอง ความรู้สึกที่มีทั้งสุขและทุกข์ผสมผสานกันไป ทว่าความทุกข์นั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่หอมหวานชวนลุ่มหลง“น้องหญิง…เจ้าเจ็บหรือไม่”ชายหนุ่มเหนือร่างงามหาได้ทำตามแต่ใจตนเองผู้เดียวไม่ เขาหยุดจังหวะการรุกล้ำ แล้วเอ่ยถามความรู้สึกของผู้เป็นภรรยาออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แม้อารมณ์ใคร่
ขบวนสินเดิมของเจ้าสาวยาวเกือบหนึ่งลี้ ถือว่าไม่น้อยหน้าสมกับเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่ ผู้คนต่างพากันนึกอิจฉานางขึ้นมา ด้วยไม่คิดว่าสตรีที่เกิดจากตระกูลธรรมดาอย่างซุนฉี จะสามารถมอบสินเดิมให้กับหลานสาวมากมายถึงเพียงนี้ แม้ผู้คนจะรู้ดีว่ามิใช่ของตระกูลซุนเพียงตระกูลเดียว แต่ก็รู้สึกนับถือซุนฉี ที่อีกฝ่ายคอยเก็บสะสมทรัพย์สินมากมาย เพื่อให้หลานเป็นสินเดิมติดตัวไปยามออกเรือน“คุณหนูเจ้าคะ หิวหรือไม่เจ้าคะ ข้าน้อยเตรียมขนมมาให้ หากคุณหนูหิวก็กินรองท้องไปก่อนหนาเจ้าคะ ดูจากการเคลื่อนขบวนแล้ว ข้าน้อยคิดว่ากว่าจะถึงจวนตระกูลเยว่ก็คงอีกสองเค่อ” เซียงซุนเปิดม่านเกี้ยวแล้วบอกคุณหนูของนางด้วยความห่วงใย เพราะวันนี้คุณหนูหาได้กินสิ่งใดลงไม่ อาจจะเป็นเพราะความตื่นเต้น“อื้อ…”ชิงเหมยมองออกไปผ่านผ้าคลุมหน้าก็เห็นว่าข้างทางมีชาวบ้านมากมาย ใบหน้าทุกคนต่างยิ้มแย้มออกมาด้วยความยินดี ทำให้นางรู้สึกประทับใจยิ่งนัก ไม่คิดว่างานแต่งงานของนางจะทำให้ผู้คนสนใจมาชื่นชมมากมายถึงเพียงนี้และก็เป็นอย่างที่เซียงซุนบอก เพราะกว่าจะถึงจวนตระกูลเยว่ก็ใช้เวลานานเกือบสองเค่
หนึ่งปีต่อมาวสันตฤดูเวียนมาถึง นั่นก็หมายความว่า กำหนดการพระราชทานสมรสระหว่างคุณชายรองสกุลเยว่กับคุณหนูใหญ่สกุลซิ่วก็มาถึงเสียที ชิงเหมยต้องไปออกเรือนที่ตระกูลซิ่ว ทำให้ซุนฉี ซุนเฉียว เหลียงจง หลิวเวย และลูกๆ ทั้งสองของนาง ต้องเดินทางจากจวนตระกูลซุน ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านซานฉี เข้าเมืองถิงฮวาไปพำนักที่ตระกูลซิ่วชั่วคราว ก่อนที่จะถึงวันวิวาห์ เพื่อร่วมกันส่งหลานสาวออกเรือน“ข้ารู้สึกใจหายยิ่งนัก หลังจากเหมยเอ๋อร์ออกเรือนไปแล้ว ข้าจะทำเยี่ยงไร” ซุนฉีนึกใจหายขึ้นมา หลานสาวอาศัยอยู่กับนางมาตั้งแต่เกิด จนมาถึงวัยสิบแปดปี วัยที่เหมาะสมแก่การออกเรือน“ท่านกล่าวอันใดเยี่ยงนั้น ท่านไม่อยากเห็นเหมยเอ๋อร์มีความสุขหรอกรึ” ผิงหลันแสร้งถามออกมาทั้งๆ ที่ใจนางเองก็ไม่ต่างจากซุนฉีแม้แต่น้อยหลังจากหลานสาวกลับจากเยี่ยมบ้านเดิมตามธรรมเนียม ชิงเหมยก็ต้องออกเดินทางเข้าเมืองหลวงทันที เพราะว่าที่หลานเขยของนางต้องทำงานรับใช้ราชวงศ์ ไม่อาจลางานนานได้ และเพราะหน้าที่ของเขา ทำให้ไม่สะดวกต่อการเดินทางไกล จวนของเขาที่เตรียมไว้ยามนี้ตกแต่งไว้รอนายหญิงของจวนเรียบร้อยแล