“ท่านส่งข้าย้อนกลับไปตอนสิบหกหนาวพอดีใช่หรือไม่ ท่านยายหนิงข้างบ้านก็เพิ่งเสียชีวิต ข้าเองหมดที่พึ่งแล้ว ชีวิตแรกช่วงเวลานั้น สามีน่าตายผู้นั้นของข้าก็ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับปลุกปลอบ ทำเหมือนข้าเป็นน้องสาวที่เขาเอ็นดูหวงแหนจนข้าตกหลุมพราง”
“...” เขาจำสามีคนนั้นของนางจากบันทึกความทรงจำวิญญาณได้ คนไร้คุณธรรมเช่นนั้นจะลืมได้อย่างไร
“แต่ชีวิตนี้ข้าไม่ได้ตกหลุมพรางของสามีน่าตายผู้นั้น เขาจึงรามือจากข้าและไปเกี้ยวบุตรสาวของพ่อค้าเขียงหมูแทน ส่วนข้าก็มีความคิดที่จะเปิดร้านขายของป่า ดั่งที่เคยวางแผนไว้ในชาติภพแรก น่าเสียดาย…”
“เจ้าโดนพ่อค้าทาสจับไป หรือโดนโจรปล้นล่ะ”
“ท่านรู้ได้อย่างไร” หนิงอันอ้าปากค้างมองยมทูตหนุ่ม ซึ่งตอนนี้นางรู้สึกเหมือนเขาใกล้ชิดราวกับสหาย
“เพิ่งออกจากหมู่บ้าน หญิงสาวตัวคนเดียวไร้ญาติขาดมิตร ซ้ำยังมีชีวิตต่อมาอีกหลายปี หากไม่กลายเป็นทาส ก็คือกลายเป็นภรรยาโจร”
“ท่านเดาผิดแล้วนายท่าน”หนิงอันยิ้มอย่างผู้ชนะ ก่อนจะพึมพำ“แม้จะใกล้เคียงก็ตาม..”
“เช่นนั้นแล้วอย่างไร ใยจึงบอกตนเองใช้ชีวิตคุ้มค่า ตอนที่ฝึกฝนเพื่อเป็นภรรยาของขุนนางในชีวิตแรก ก็ถือว่าได้ความรู้มาไม่น้อยมิใช่หรือ”
“ก็นั่นแหละ ข้าเล่าต่อดีกว่า ท่านคงอยากรู้จะแย่แล้ว”
“...” ยมทูตหนุ่มกลอกตา ไม่ใช่แค่ตนอยากรู้ คาดว่านักอ่านก็คงอยากรู้จะแย่แล้วเช่นกัน
“ข้าเป็นหญิงสาวตัวคนเดียวออกจากหมู่บ้านมาไม่ไกลก็ดันถูกโจรปล้น โชคดีที่ท่านลุงโจรพอมีคุณธรรม นำข้าไปขายในหอนางโลมโดยที่ไม่ได้แตะต้องตัวข้าเพราะสงสารเห็นใจ”
หนิงอันไม่ได้เล่าว่าตอนแรกท่านลุงโจรก็จะมอบนางให้แก่ลูกน้องเหมือนกันนั่นแหละ แต่พอนางเล่าเรื่องชะตาอาภัพของตนที่ต้องสูญเสียครอบครัวพ่อแม่พี่น้องไปจนหมด ท่านลุงโจรก็รู้สึกเห็นใจขึ้นมา กล่าวว่าเขาก็เคยมีบุตรสาวที่ตายไปแล้ว เห็นแก่ที่นางเป็นบุตรสาวไร้ที่พึ่งเช่นกัน เขาจะส่งนางไปที่ที่ดีหน่อยก็แล้วกัน จากนั้นก็นำนางไปขายในหอนางโลม
“นำเจ้าไปขายหอนางโลมยังเรียกว่าสงสารเห็นใจได้หรือ” สำหรับหญิงสาวนี่เท่ากับเหยียบย่ำศักดิ์ศรี แต่หนิงอันไม่ถือสาเพราะนางมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว
“เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือเจ้าคะ ข้ายังมีอีกหนึ่งชีวิต คราวนี้แม้ต้องจบลงที่หอนางโลม ก็เพียงแค่ต้องเก็บเกี่ยวความรู้มาให้มากที่สุด ข้าได้รับรู้ข่าวบ้านข่าวเมืองมากมายตลอดเวลาที่ทำงานอยู่หอนางโลม ได้รู้จักกับพ่อค้า คหบดี ได้แลกเปลี่ยนแนวคิดกับผู้คนหลากหลายอาชีพ ศาสนา ได้ล่วงรู้ความลับของผู้คนมากมาย ยังได้เรียนรู้ศาสตร์และศิลป์อีกต่างหาก”
“เจ้าไม่รู้สึกแย่เช่นนั้นหรือ นางโลม…” นางโลมทำงานอะไรไยยมทูตหนุ่มจะไม่รู้
“ฮ่าๆ ๆ ท่านยมทูตคิดมากเกินไปแล้ว นางโลมเองก็แบ่งเป็นหลากหลายระดับ ตัวข้านั้นเพราะมีความสามารถในการเดินหมาก ชงชา และอ่านออกบ้าง จึงถูกฝึกฝนจนกลายเป็นนางโลมขายศิลป์ ก่อนที่ข้าจะตายยังมีคนเรียกข้าว่านางโลมอันดับหนึ่งอีกด้วยนะเจ้าคะ”
“หน้าตาท่าทางของเจ้าก็ไม่เลว” ยมทูตหนุ่มพูดจากใจจริง
“ขอบคุณนายท่านที่เอ่ยปากชมข้า” ครั้งนี้นางกลับมาด้วยลักษณะของหญิงสาวช่างเอาใจจริง ๆ สมแล้วที่ฝึกฝนในหอนางโลมมากว่าห้าปี
“แล้วอย่างไรต่อ ทำไมจึงตายเร็วนักเป็นถึงนางโลมอันดับหนึ่งแล้ว”
หากว่าผู้หญิงคนเดิมของเขายังเป็นหนิงอันผู้แสนดี ร่าเริง และเป็นดั่งแสงสว่างอยู่เสมอเช่นนี้ เขาก็ไม่สามารถรักใครได้อีก“ความสงบเดียวของข้ากำลังจะจากไป อย่ามาทำเสียงวุ่นวายข้างหูข้าอีก!” ชุนหรงปลดปล่อยความกดดัน แต่ดูเหมือนหัวหน้าองครักษ์เงาจะไม่กลัว แม้กระอักเลือดออกมาคำโตก็ยังพูดต่อ“แค่ก ๆ นายท่าน นี่เกี่ยวกับหญิงสาวที่หอนางโลม”“เกิดอะไรขึ้นกับนาง…ผู้อาวุโสสาม?”ชุนหรงหันไปมอง ก่อนจะชะงักไป เขาผุดลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปยังหอนางโลมทันที‘หนิงอัน อย่าเป็นอะไรไปนะ’เห็นท่าทางร้อนใจของนายท่านองครักษ์เงาก็รีบตามไปขณะเดียวกันก็เล่าสิ่งที่เขาสืบพบขึ้นมา“ผู้อาวุโสสามต้องการใช้ยาควบจิต เพื่อควบคุมจิตใจและทำให้นางหลงไหลในตัวท่าน นายท่าน…เขาต้องการใช้นางเป็นหุ่นเชิดเพื่อควบคุมท่านอีกทีต่างหาก”“บัดซบ!” ชุนหรงหน้ามืดจนเท้าลื่น เกือบจะตกจากหลังคาบ้านใครก็ไม่รู้เด็ก ๆ ที่เงยหน้าขึ้นมองเห็นคนกระโดดผ่านไปล้วนแต่ตกใจร้องไห้จ้า องครักษ์เงาบางคนรีบเอาลูกกวาดไปหลอ
คิดแล้วก็อดขำในใจไม่ได้ตอนนั้นหนิงอันหัดปักผ้า คนแรกที่นางนึกถึงก็คือตัวเขา แต่ชุนหรงคิดว่านางมีชายคนอื่นที่ต้องการมอบผ้าเช็ดหน้าผืนแรกให้ ไหน้ำส้มเขาแตกใส่ตัวเองอย่างไม่รู้ตัวหลังจากนั้นเมื่อเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นทีไร ก็อดหัวเราะไม่ได้ทุกทีนางมีเพียงเขาในชีวิต เขาก็มีเพียงหนิงอันเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มรู้สึกว่าการที่ตนเองรักษาความบริสุทธิ์มาตลอดชีวิตนั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง และเขาพร้อมที่จะมอบมันให้หนิงอันแต่เพียงผู้เดียว“เป็นข่าวดีมาก ๆ ด้วย ท่านต้องร่วมยินดีกับข้านะ”มองหญิงสาวกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย ดวงตาของเขาราวกับจะยิ้มได้ ชุนหรงไม่รู้ว่าเรื่องอะไรที่นางตื่นเต้นยินดีถึงเพียงนี้ แต่เขารู้สึกยินดีด้วยจริง ๆ“ข้ากำลังจะไถ่ตัวออกจากที่นี่ ข้ากำลังจะเป็นอิสระแล้ว!”คำถามแรกที่ผุดขึ้นในใจคือตนได้ยินผิดไปหรือไม่ เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า ชุนหรงก็รู้ว่าตนไม่ได้ยินผิดไป หนิงอันต้องการไถ่ตัวออกจากหอนางโลมนี้จริง ๆ“...” เขาอยากจะถามว่าทำไม แต่บางอย่างตีบตันอยู่ในลำคอ ราวกับตนเองโดนคนที่รักมากทอดทิ้ง เขายังไม่ทันได้สา
แต่จนแล้วจนเล่า นอกจากเฝ้ามองห่าง ๆ ชุนหรงก็ไม่ได้ทำอะไรอีก เมื่อสังเกตเห็นว่าของมีค่าต่าง ๆ ไม่เข้าตาหญิงสาว เขาก็ตัดสินใจแอบดูเพื่อสังเกตว่านางชื่นชอบอะไรกันแน่ชายหนุ่มเกือบโมโหทันทีเมื่อได้ยินรายงาน“นางมักจะแอบนัดพบกับคนเฝ้าประตู มีการติดต่อกันอย่างลับ ๆ หลายครั้ง ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร นายท่านต้องการให้ข้าสอบสวนหรือไม่” องครักษ์เงาไม่ได้ทำเกินหน้าที่ เขาเกรงว่าผิดพลาดนิดเดียวจะโดนทำโทษ จึงกลับมารายงานก่อน“สอบสวนคนเฝ้าประตู” แน่นอนชุนหรงอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคืออะไร ตอนนี้ในใจเขาราวกับมีไฟเผา มันเป็นความรู้สึกราวกำลังมีคนต้องการแย่งของเล่นกับตนเอง และเขาไม่มีวันยอมให้ถูกแย่งไป“...” องครักษ์ลับกลับมาด้วยสีหน้าพูดไม่ออกเล็กน้อย“ตกลงได้ความว่ายังไง พวกเขาเป็นอะไรกัน”“คือ…คนเฝ้าประตูกล่าวทั้งน้ำตาว่า ทั้งคู่ไม่ได้เป็นอะไรกันจริง ๆ ขอรับนายท่าน”“เช่นนั้นมีเหตุผลอะไรต้องแอบลักลอบพบกัน!” ชุนหรงไม่เชื่อ ชายหญิงแอบพบกันในที่ลับตา จะมีอะไรไปได้น
ตอนพิเศษจอมมารกับนางโลมอันดับหนึ่งเลือดถูกชโลมลงบนพื้นไหลออกมาจากร่างที่เคยถูกกล่าวว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง สอง สาม หรืออันดับใดก็แล้วแต่เมื่อพวกนางเลือกที่จะปีนเตียง ‘จอมมาร’ ประมุขวังมารผู้นี้ก็ล้วนมีจุดจบเดียวมอบให้คือความตายแต่เพื่อให้ประมุขได้มีผู้สืบทอดต่อไปผู้อาวุโสเหล่านั้นยอมทำทุกวิถีทาง ในตอนแรกพวกเขาส่งลูกหลานของตนเองขึ้นมาเพื่อสั่งสมอำนาจ แต่หลังจากได้รับรู้ความโหดเหี้ยมไร้หัวใจของผู้เป็นนาย เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่กล้าส่งลูกหลานไปตายอีกพวกเขาค่อย ๆ เลือกจากลูกหลานผู้ใต้บังคับบัญชา หญิงงามประจำเมืองและแคว้นต่าง ๆ องค์หญิงจนถึงบุตรสาวของขุนนางที่ต้องการอำนาจของวังมาร ทุกคนล้วนหลงกลคำลวงของเหล่าผู้อาวุโสและส่งลูกหลานซึ่งเป็นถึงหญิงงามมาตายคนแล้วคนเล่าที่รอดไปได้ก็กลายเป็นบ้า!ข่าวลือเริ่มหนาหูว่าท่านจอมมารไม่มีความรักหยกถนอมบุปผา อย่าว่าแต่ให้ถนอมเลย แค่ให้แตะต้องก็ว่ายากแล้วสุดท้ายเหล่าผู้อาวุโสก็ยอมแพ้ เวลาล่วงเลยไปกว่าห้าปีหลังจากที่ยอมแพ้เรื่องทายาทของผู้เป็นนาย ในที่สุดก็มีคนคิดเรื่อ
“จอมเผด็จการ”“นั่นคือคำจำกัดความโดยทั่วไปของจอมมาร” ชุนหรงลอยหน้าลอยตาอย่างน่าหมั่นไส้ สุดท้ายก็กลับเข้าเรื่องอีกครั้ง“ให้ข้าเล่าต่อ ในตอนนั้นพวกเขายอมแพ้ไปราวห้าปี แต่ก็เริ่มกลับมาหาวิธีอื่น”“วิธีอื่นคือส่งท่านเข้าหอนางโลม?” หนิงอันคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุนี้ทำให้นางได้พบกับชุนหรง คงต้องขอบคุณผู้อาวุโสเหล่านั้นจริง ๆ“ใช่” ไม่ปฏิเสธเลยว่าเพราะเหตุนั้นทำให้เขาได้พบกับภรรยาที่รัก นึกขอบคุณผู้อาวุโสเหล่านั้น คงต้องให้วันหยุดพวกเขาได้พักผ่อนอยู่กับครอบครัวบ้างเพื่อตอบแทน“ข้าได้พบกับเจ้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าไป มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นทำให้ข้าไปอยู่ตรงนั้น เจ้าอาจเข้าใจผิดว่าข้าคือองครักษ์ของหอนางโลมเนื่องจากเจ้าเพิ่งมาใหม่” หน้าตาของจอมมารเป็นที่รู้จักกันทั่วเมือง หลังจากวันนั้นเขาถึงได้เปลี่ยนชุดที่สวมจากดำเป็นขาวและสวมหน้ากากเพื่อเข้าหานาง“ท่านเลยปลอมตัวเพื่อเข้าหาข้า ท่านตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกพบ”“ใช่” ชุนหรงไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าเป็นเพรา
กลับมาทางวังมาร เรือนลับของจอมมารตอนนี้บรรยากาศภายในเรือนเงียบลงเล็กน้อยเมื่อไม่มีต้าเซ่า หนิงอันขยับตัวลุกขึ้นเดินด้วยตัวเอง ชุนหรงก็รีบเข้าไปประคองนางเดินทันที“ข้าเดินเองได้”“ข้ารู้ แต่หากเป็นไปได้ข้าอยากอุ้มอาอันตลอดเวลาด้วยซ้ำ ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร”“ข้าตัวหนัก” หนิงอันกล่าวปฏิเสธกลาย ๆ“ไม่หนักแม้แต่น้อย แม้อาอันจะตัวใหญ่เท่าพ่อครัวใหญ่ของวังมาร ข้าก็ยังอยากอุ้มเจ้าอยู่ดี”หนิงอันไม่เคยเห็นพ่อครัวใหญ่ของวังมาร แต่เชื่อว่าเขาต้องเป็นชายร่างใหญ่รูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์อย่างแน่นอน ให้นางอ้วนขนาดนั้นคงไม่ไหว ชุนหรงนี่ช่างเอาใจเหลือเกิน“อย่าคิดว่าพูดเอาใจแล้วข้าจะไม่คิดบัญชีกับท่าน”“...” ชุนหรงที่ถูกจับได้ ทำได้เพียงใช้สายตากลมโตไร้เดียงสามองหน้าว่าที่ภรรยาราวกำลังบอกว่า‘ข้าเป็นคนดีของศรีภรรยาคนเดียวจริง ๆ นะ’ “ในเมื่อเหลือแค่เราแล้ว เรามีเรื่องต้องคุยกัน”ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ของภรรยา คนเป็นสามีอย่างชุนหรงราวกับเกิดปฏิกริยาอย่างไม่รู้ตัว มือของเขาเริ่มอย