ยมทูตหนุ่มนั่งจิบชาอย่างใจเย็น นี่เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดจริง ๆ หญิงสาวผู้มีโอกาสถึงสามครั้งให้เลือกใช้ชีวิต กลับจบชีวิตลงอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่คาด นึกสงสัยในตนเอง คิดว่ารู้จักมนุษย์ดีแล้ว ยังมีมนุษย์ผู้หนึ่งที่ทำให้การคำนวนของตนผิดพลาดอยู่ด้วย เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริง ๆ
“ไหนว่ามาซิ เหตุใดเจ้าจึงกลับมาเร็วนัก รู้ว่ามีเหลืออยู่อีกเพียงสองชีวิต ทำไมไม่ใช่ชีวิตให้คุ้มค่า รีบกลับมาทำไมกัน”
“แหะ ๆ ท่านยมทูต ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้หรอก” หนิงอันจิบชาราวกับกระหายน้ำอย่างมาก พอดื่มเสร็จวางจอก ถึงได้เริ่มรำพึงรำพันต่อ
“ข้าเองก็อยากมีชีวิตที่ยืนยาวกว่านี้ เพียงแต่มนุษย์ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก อะแฮ่ม ข้าหมายถึง ท่านยมทูต ครั้งนี้ข้าไม่ได้คิดที่จะตายเร็วเลยแม้แต่น้อยจริงๆ นะเจ้าคะ”
“เช่นนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้น ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจแล้ว ชีวิตนี้เป็นชีวิตสุดท้ายของเจ้าแล้วนะ หากเจ้าเจอเรื่องไม่คาดฝันอีกจะทำอย่างไร ใช้ชีวิตสี่ห้าปีแล้วตายอีกครั้งหรือ”
“โถ่~” โอดครวญแล้วก็หยิบน้ำชาขึ้นมากระดกอีกหลายอึก
“…”
“เป็นใครไม่เสียดายบ้างล่ะเจ้าคะ ข้าเองก็เสียดายเช่นเดียวกัน แต่จะให้ทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ มันเป็นเหตุสุดวิสัยช่วยไม่ได้จริง ๆ”
“...” ยมทูตหนุ่มรู้สึกว่าตนเองแก่ลงหลายปี
“ห้าปีเองนะเจ้าคะ หรือว่าข้าถูกกำหนดมาให้ตายตอนอายุยี่สิบ…เอ็ด แหะ ๆ ก็คราวก่อนข้าก็ตายตอนยี่สิบ คราวนี้ตายตอนยี่สิบเอ็ด คราวหน้าไม่ใช่จะตายตอนยี่สิบสองนะเจ้าคะ แบบนี้ข้าไม่เอานะ” พอรู้ว่าตนเองมีโอกาสสามรอบ ก็อดสงสัยไม่ได้หรือว่าเวลาที่มีให้จะจำกัด ก็นางตายเร็วตลอดเลยนี่นา
“...”
“ข้ายังใช้ชีวิตไม่คุ้มเลย ทั้งที่มีโอกาสแท้ ๆ” หญิงสาวทอดถอนใจออกมา บ่งบอกว่านางไม่ใช่คนฆ่าตัวตาย หรือตั้งใจให้ตัวเองตกตาย แต่เป็นเหตุสุดวิสัยจริง ๆ
“เอาล่ะ เจ้าไม่ได้ถูกกำหนดให้อยู่หรือตาย ผู้ที่กำหนดได้มีแต่ตนเอง ไหนเล่ามาซิว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงกลับมาเร็วนัก”
“เฮ้อ ถ้าจะให้พูดถึง…” หนิงอันถอนหายใจออกมายาว ดวงตานางดูเหม่อลอย ก่อนจะกลายเป็นประกายสดใสในชั่วพริบตา
“ชีวิตนี้ข้าใช้อย่างคุ้มค่าที่สุดแล้ว แม้จะไม่ได้มีชีวิตที่ยืนยาว แต่ก็พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ข้าได้รับหลายสิ่งหลายอย่าง มากมายยิ่งกว่าในชีวิตแรก”
“อย่างไร” ตามจริงยมทูตหนุ่มไม่ได้มีหน้าที่มานั่งสนทนากับวิญญาณสาว คราแรกเขาก็คิดจะปล่อยผ่านไม่สนใจ แต่ตอนนี้เขาชักอยากรู้เรื่องราวในชีวิตที่สองของนางเสียแล้ว
“ท่านยมทูต ข้าเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดา ท่านให้โอกาสชีวิตข้าอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้หมายถึงให้โอกาสบิดามารดาของข้า พวกเขาได้จากไปแล้วด้วยไข้ป่าเมื่อข้าย้อนเวลากลับไปในตอนสิบหกหนาวใช่หรือไม่”
“สิบหกหนาว เป็นช่วงเวลาสำคัญในชีวิต ให้เจ้าได้มีทางเลือกมากมาย”
“ข้าก็ไม่คิดประท้วงแต่อย่างใด แม้ย้อนกลับไปไวกว่านั้นก็ไม่แน่ว่าจะช่วยชีวิตบิดามารดาเอาไว้ได้ ลิขิตสวรรค์หรือจะสู้มานะคน แต่มานะคนก็ไม่สู้ธรรมชาติการเกิดแก่เจ็บตาย อย่างไรก็ต้องพ่ายให้โรคภัยอยู่ดี ตัวข้าเองก็ไม่ได้คาดหวังมากมายถึงเพียงนั้น”
“เจ้าอยากย้อนกลับไปตั้งแต่วัยเยาว์หรือ?”
“ไม่เลย ข้ามีความทรงจำวัยเยาว์ร่วมกับบิดามารดาอย่างงดงาม หากย้อนกลับไปแล้วไม่รู้ว่าข้าปฏิบัติสิ่งใดผิดพลาดทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมาหรือไม่ ข้าก็ขอย้อนกลับไปแค่ช่วงเวลาสิบหกหนาวยังดีกว่า”
“เพราะเกรงจะเกิดเหตุสุดวิสัยดั่งชีวิตนี้ของเจ้าหรือ”
“...” หนิงอันตอบด้วยรอยยิ้ม นางหยิบขนมบนโต๊ะขึ้นมากิน ทำให้ยมทูตหนุ่มรู้สึกประหลาดใจ
“นั่นเจ้า…” บนโต๊ะมีของว่างมากมาย การหยิบขนมชิ้นหนึ่งไม่ได้แปลก ในคราวก่อนหนิงอันก็กินขนมแต่ที่น่าแปลกคือ ดั่งนางรับรู้ว่าต้องกินขนมชิ้นนี้กับชาดำฉีเหมินจึงจะเข้ากัน ดูเหมือนในชาติภพที่สองของนางไม่เสียเปล่าจริง ๆ
หากว่าผู้หญิงคนเดิมของเขายังเป็นหนิงอันผู้แสนดี ร่าเริง และเป็นดั่งแสงสว่างอยู่เสมอเช่นนี้ เขาก็ไม่สามารถรักใครได้อีก“ความสงบเดียวของข้ากำลังจะจากไป อย่ามาทำเสียงวุ่นวายข้างหูข้าอีก!” ชุนหรงปลดปล่อยความกดดัน แต่ดูเหมือนหัวหน้าองครักษ์เงาจะไม่กลัว แม้กระอักเลือดออกมาคำโตก็ยังพูดต่อ“แค่ก ๆ นายท่าน นี่เกี่ยวกับหญิงสาวที่หอนางโลม”“เกิดอะไรขึ้นกับนาง…ผู้อาวุโสสาม?”ชุนหรงหันไปมอง ก่อนจะชะงักไป เขาผุดลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปยังหอนางโลมทันที‘หนิงอัน อย่าเป็นอะไรไปนะ’เห็นท่าทางร้อนใจของนายท่านองครักษ์เงาก็รีบตามไปขณะเดียวกันก็เล่าสิ่งที่เขาสืบพบขึ้นมา“ผู้อาวุโสสามต้องการใช้ยาควบจิต เพื่อควบคุมจิตใจและทำให้นางหลงไหลในตัวท่าน นายท่าน…เขาต้องการใช้นางเป็นหุ่นเชิดเพื่อควบคุมท่านอีกทีต่างหาก”“บัดซบ!” ชุนหรงหน้ามืดจนเท้าลื่น เกือบจะตกจากหลังคาบ้านใครก็ไม่รู้เด็ก ๆ ที่เงยหน้าขึ้นมองเห็นคนกระโดดผ่านไปล้วนแต่ตกใจร้องไห้จ้า องครักษ์เงาบางคนรีบเอาลูกกวาดไปหลอ
คิดแล้วก็อดขำในใจไม่ได้ตอนนั้นหนิงอันหัดปักผ้า คนแรกที่นางนึกถึงก็คือตัวเขา แต่ชุนหรงคิดว่านางมีชายคนอื่นที่ต้องการมอบผ้าเช็ดหน้าผืนแรกให้ ไหน้ำส้มเขาแตกใส่ตัวเองอย่างไม่รู้ตัวหลังจากนั้นเมื่อเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นทีไร ก็อดหัวเราะไม่ได้ทุกทีนางมีเพียงเขาในชีวิต เขาก็มีเพียงหนิงอันเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มรู้สึกว่าการที่ตนเองรักษาความบริสุทธิ์มาตลอดชีวิตนั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง และเขาพร้อมที่จะมอบมันให้หนิงอันแต่เพียงผู้เดียว“เป็นข่าวดีมาก ๆ ด้วย ท่านต้องร่วมยินดีกับข้านะ”มองหญิงสาวกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย ดวงตาของเขาราวกับจะยิ้มได้ ชุนหรงไม่รู้ว่าเรื่องอะไรที่นางตื่นเต้นยินดีถึงเพียงนี้ แต่เขารู้สึกยินดีด้วยจริง ๆ“ข้ากำลังจะไถ่ตัวออกจากที่นี่ ข้ากำลังจะเป็นอิสระแล้ว!”คำถามแรกที่ผุดขึ้นในใจคือตนได้ยินผิดไปหรือไม่ เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า ชุนหรงก็รู้ว่าตนไม่ได้ยินผิดไป หนิงอันต้องการไถ่ตัวออกจากหอนางโลมนี้จริง ๆ“...” เขาอยากจะถามว่าทำไม แต่บางอย่างตีบตันอยู่ในลำคอ ราวกับตนเองโดนคนที่รักมากทอดทิ้ง เขายังไม่ทันได้สา
แต่จนแล้วจนเล่า นอกจากเฝ้ามองห่าง ๆ ชุนหรงก็ไม่ได้ทำอะไรอีก เมื่อสังเกตเห็นว่าของมีค่าต่าง ๆ ไม่เข้าตาหญิงสาว เขาก็ตัดสินใจแอบดูเพื่อสังเกตว่านางชื่นชอบอะไรกันแน่ชายหนุ่มเกือบโมโหทันทีเมื่อได้ยินรายงาน“นางมักจะแอบนัดพบกับคนเฝ้าประตู มีการติดต่อกันอย่างลับ ๆ หลายครั้ง ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร นายท่านต้องการให้ข้าสอบสวนหรือไม่” องครักษ์เงาไม่ได้ทำเกินหน้าที่ เขาเกรงว่าผิดพลาดนิดเดียวจะโดนทำโทษ จึงกลับมารายงานก่อน“สอบสวนคนเฝ้าประตู” แน่นอนชุนหรงอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคืออะไร ตอนนี้ในใจเขาราวกับมีไฟเผา มันเป็นความรู้สึกราวกำลังมีคนต้องการแย่งของเล่นกับตนเอง และเขาไม่มีวันยอมให้ถูกแย่งไป“...” องครักษ์ลับกลับมาด้วยสีหน้าพูดไม่ออกเล็กน้อย“ตกลงได้ความว่ายังไง พวกเขาเป็นอะไรกัน”“คือ…คนเฝ้าประตูกล่าวทั้งน้ำตาว่า ทั้งคู่ไม่ได้เป็นอะไรกันจริง ๆ ขอรับนายท่าน”“เช่นนั้นมีเหตุผลอะไรต้องแอบลักลอบพบกัน!” ชุนหรงไม่เชื่อ ชายหญิงแอบพบกันในที่ลับตา จะมีอะไรไปได้น
ตอนพิเศษจอมมารกับนางโลมอันดับหนึ่งเลือดถูกชโลมลงบนพื้นไหลออกมาจากร่างที่เคยถูกกล่าวว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง สอง สาม หรืออันดับใดก็แล้วแต่เมื่อพวกนางเลือกที่จะปีนเตียง ‘จอมมาร’ ประมุขวังมารผู้นี้ก็ล้วนมีจุดจบเดียวมอบให้คือความตายแต่เพื่อให้ประมุขได้มีผู้สืบทอดต่อไปผู้อาวุโสเหล่านั้นยอมทำทุกวิถีทาง ในตอนแรกพวกเขาส่งลูกหลานของตนเองขึ้นมาเพื่อสั่งสมอำนาจ แต่หลังจากได้รับรู้ความโหดเหี้ยมไร้หัวใจของผู้เป็นนาย เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่กล้าส่งลูกหลานไปตายอีกพวกเขาค่อย ๆ เลือกจากลูกหลานผู้ใต้บังคับบัญชา หญิงงามประจำเมืองและแคว้นต่าง ๆ องค์หญิงจนถึงบุตรสาวของขุนนางที่ต้องการอำนาจของวังมาร ทุกคนล้วนหลงกลคำลวงของเหล่าผู้อาวุโสและส่งลูกหลานซึ่งเป็นถึงหญิงงามมาตายคนแล้วคนเล่าที่รอดไปได้ก็กลายเป็นบ้า!ข่าวลือเริ่มหนาหูว่าท่านจอมมารไม่มีความรักหยกถนอมบุปผา อย่าว่าแต่ให้ถนอมเลย แค่ให้แตะต้องก็ว่ายากแล้วสุดท้ายเหล่าผู้อาวุโสก็ยอมแพ้ เวลาล่วงเลยไปกว่าห้าปีหลังจากที่ยอมแพ้เรื่องทายาทของผู้เป็นนาย ในที่สุดก็มีคนคิดเรื่อ
“จอมเผด็จการ”“นั่นคือคำจำกัดความโดยทั่วไปของจอมมาร” ชุนหรงลอยหน้าลอยตาอย่างน่าหมั่นไส้ สุดท้ายก็กลับเข้าเรื่องอีกครั้ง“ให้ข้าเล่าต่อ ในตอนนั้นพวกเขายอมแพ้ไปราวห้าปี แต่ก็เริ่มกลับมาหาวิธีอื่น”“วิธีอื่นคือส่งท่านเข้าหอนางโลม?” หนิงอันคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุนี้ทำให้นางได้พบกับชุนหรง คงต้องขอบคุณผู้อาวุโสเหล่านั้นจริง ๆ“ใช่” ไม่ปฏิเสธเลยว่าเพราะเหตุนั้นทำให้เขาได้พบกับภรรยาที่รัก นึกขอบคุณผู้อาวุโสเหล่านั้น คงต้องให้วันหยุดพวกเขาได้พักผ่อนอยู่กับครอบครัวบ้างเพื่อตอบแทน“ข้าได้พบกับเจ้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าไป มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นทำให้ข้าไปอยู่ตรงนั้น เจ้าอาจเข้าใจผิดว่าข้าคือองครักษ์ของหอนางโลมเนื่องจากเจ้าเพิ่งมาใหม่” หน้าตาของจอมมารเป็นที่รู้จักกันทั่วเมือง หลังจากวันนั้นเขาถึงได้เปลี่ยนชุดที่สวมจากดำเป็นขาวและสวมหน้ากากเพื่อเข้าหานาง“ท่านเลยปลอมตัวเพื่อเข้าหาข้า ท่านตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกพบ”“ใช่” ชุนหรงไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าเป็นเพรา
กลับมาทางวังมาร เรือนลับของจอมมารตอนนี้บรรยากาศภายในเรือนเงียบลงเล็กน้อยเมื่อไม่มีต้าเซ่า หนิงอันขยับตัวลุกขึ้นเดินด้วยตัวเอง ชุนหรงก็รีบเข้าไปประคองนางเดินทันที“ข้าเดินเองได้”“ข้ารู้ แต่หากเป็นไปได้ข้าอยากอุ้มอาอันตลอดเวลาด้วยซ้ำ ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร”“ข้าตัวหนัก” หนิงอันกล่าวปฏิเสธกลาย ๆ“ไม่หนักแม้แต่น้อย แม้อาอันจะตัวใหญ่เท่าพ่อครัวใหญ่ของวังมาร ข้าก็ยังอยากอุ้มเจ้าอยู่ดี”หนิงอันไม่เคยเห็นพ่อครัวใหญ่ของวังมาร แต่เชื่อว่าเขาต้องเป็นชายร่างใหญ่รูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์อย่างแน่นอน ให้นางอ้วนขนาดนั้นคงไม่ไหว ชุนหรงนี่ช่างเอาใจเหลือเกิน“อย่าคิดว่าพูดเอาใจแล้วข้าจะไม่คิดบัญชีกับท่าน”“...” ชุนหรงที่ถูกจับได้ ทำได้เพียงใช้สายตากลมโตไร้เดียงสามองหน้าว่าที่ภรรยาราวกำลังบอกว่า‘ข้าเป็นคนดีของศรีภรรยาคนเดียวจริง ๆ นะ’ “ในเมื่อเหลือแค่เราแล้ว เรามีเรื่องต้องคุยกัน”ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ของภรรยา คนเป็นสามีอย่างชุนหรงราวกับเกิดปฏิกริยาอย่างไม่รู้ตัว มือของเขาเริ่มอย