———ทางด้านของมีอาและเคลเบรอสที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์…
〖เหมือนกันจริงๆ〗
〝คุณหมา!? หมายถึงอะไรเหรอ?〞
หลังจากที่ผู้ประกาศเข้าโจมตีกรด้วยศรแสงในครั้งแรก แล้วมีอาตะโกนออกไปเพื่อเตือนกรแต่กรไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
มีอาที่นั่งดูการต่อสู้ของกรอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆนี้แสดงอาการกระวนกระวายปนเศร้าใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือกรได้มาตลอดตั้งแต่ก่อนการเข้าปะทะ แม้จะไม่ได้ถามเหตุผลแต่เธอก็ยังปล่อยให้กรทำตามใจ เคลเบรอสที่เห็นแบบนั้นก็โผล่หน้าออกมาจากฝัก และพูดสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ออกมาโดยอาศัยความคิดสงสัยของตัวเองเพื่อดึงความสนใจของมีอาออกมาจากสนามรบเล็กน้อย ก็เพื่อให้เธอผ่อนคลายขึ้นซักนิดก็ยังดี
〖ก็… เจ้าหนูกับคุณนายตรงนั้นหน่ะสิ〗
〝เอ๋?〞
หลังจากที่ได้ยินเคลเบรอสพูดแบบนั้น มีอาก็เอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังดังเช่นทุกที
〝หมายความว่ายังไงเหรอคุณหมา?〞
〖นั่นสินะ ข้าเองก็อธิบายไม่เก่งซะด้วย… แต่ทั้งสองคนหน่ะ มีสไตล์การต่อสู้เหมือนๆกัน〗
〝เรื่องที่ไม่ประมาทศัตรูงั้นเหรอ?〞
〖เรื่องที่กลัวคนอื่นต่างหาก 〗
〝เอ๋? ต่างกันงั้นเหรอ?〞
เคลเบรอสที่ได้ยินคำถามกลับมาจากมีอาก็ส่งเสียง อืม ออกมาเบาๆ ราวกับกำลังหาคำอธิบายให้มีอาเข้าใจได้ง่ายๆ
〖อืม… จริงๆมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นักหรอก เพียงแต่ความกลัวมันจะทำให้วิตกจริตและกลัวศัตรูจนจดจ่อแต่กับมันมาเกินไปจนมองสภาพแวดล้อมได้ไม่ทั่วถึงหน่ะ… ประมาณนี้มั้ง 〗
〝อ๋อ! เข้าใจหล่ะ〞
〖จะว่าไปแล้ว พื้นฐานของทั้งสองคนก็เป็นเหมือนกันนี่นะ… เป็นพวกขี้อาย แล้วก็หวาดกลัวผู้คนที่ตัวเองไม่รู้จัก… ก็เหมือนกับตอนที่เจอคุณหนูครั้งแรกนั่นแหล่ะนะ 〗
〝ก็จริงนะ… ตอนแรกกรก็แค่ ไม่เชื่อใจคนอื่นเองนี่นา อู… พอนึกย้อนกลับไปแล้วเจ็บปวดนิดหน่อยเลย〞
ระหว่างที่คุยกับเคลเบรอสีอาก็จะเหล่มองกรที่กำลังต่อสู้อยู่ตลอดบทสนทนา และก็แสดงสีหน้าตกใจและร้อง อ๊ะ! ออกมาเป็นพักๆ
〖เรื่องที่ไม่เชื่อใจคนอื่นนั่น โดยพื้นฐานแล้วก็มาจากความกลัวนั่นแหล่ะ〗
〝งั้นเหรอ... เรื่องนั้น…อาจจะจริงก็ได้〞
〖ไอ้เรื่องความกลัวหน่ะ… ส่วนใหญ่ก็มาจากปมด้อยหรือบาดแผลในใจที่แก้ไม่หายนั่นแหล่ะ ข้าเองก็ไม่เคยถามซะด้วยสิ ว่าเรื่องก่อนหน้าที่เจ้าหนูนั่นจะลงมาในดันเจี้ยนนั้นเป็นยังไง〗
〝อ๊ะ!!! จะว่าไปฉันเองก็ไม่รู้เรื่องของกรเลยนี่นา! แต่ถ้านั่นเป็นเรื่องที่กรนึกถึงแล้วเจ็บปวดหล่ะก็——〞
〖หึหึ! ไม่เป็นไรหรอกคุณหนู หากถึงเวลาเจ้าหนูมันคงเล่าให้ฟังเองหล่ะ… ถึงทางนี้จะอยากรู้สุดเลยก็เถอะ——อึก!〗
และก็เช่นเคย พอเคลเบรอสพูดแบบนั้นออกไป เหมือนกับว่าเคลเบรอสไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของกร(จากมุมมองของมีอา) เธอจึงเข้าสู่โหมด『อัลติเมทมีอา(ชื่อไม่เป็นทางการ)』 ดังเช่นทุกที นั่นเลยทำให้เคลเบรอสที่เสียวสันหลังวาบสะอึกออกมาแรงๆครั้งนึง ก่อนที่จะปิดปากของตัวเองสนิท
〝อ๊ะ!!! ขอโทษนะคุณหมา ดันลืมตัวซะได้〞
〖มะ ไม่เป็นไรขอรับกระผม〗
แล้วจากนั้นทั้งคู่จึงกลับมาสนใจการต่อสู้ของกรและผู้ประกาศอีกครั้งอย่างรวดเร็วพร้อมๆกัน…
❖❖❖❖❖———ทางด้านของกรและผู้ประกาศที่ยังคงปะทะกันอยู่…
〝หึ! ตกใจที่เจอความสามารถแบบเดียวกับตัวเองเข้ารึไง?〞
เป็นอีกครั้งที่กรต้องตกใจกับความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ของศัตรูดังเช่นบอสอีกครั้งหนึ่ง และหนทางชนะถูกบีบเข้ามาด้วยท่าทางสบายๆของสาวผู้ประกาศที่พูดแบบนั้นออกมาด้วยเสียงเรียบๆ ทั้งที่ยังขยับร่างกายและหลบกระสุนไปมาได้อย่างคล่องแคล่ว และแน่นอนว่ากระสุนของกรไม่เฉียดตัวเธอเลยซักนิดเดียว
〝ชิ!!!〞
บ้าเอ้ย!!! ยัยนี่… ยุ่งยากขึ้นเรื่อยๆเลย
ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยคิดถึงสถานการณ์แบบนี้หรอกนะ… แต่นี่มันจะเร็วเกินไปหน่อยแล้ว!
แถมคนที่มีมันอยู่ดันเป็นยัยนี่อีก! บาเรียของยัยนี่เองก็ด้วย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีการจัดการหรอก
แต่ไอ้『สุดยอดการประมวลผล』เองนี่แหล่ะที่เป็นปัญหาหลัก——
〝เอาหล่ะ… โชว์ของแค่นี้ก็พอแล้วมั้ง!〞
ซู่ม!
〝!?〞
ทันทีผู้ประกาศสาวพูดแบบนั้นก็มีพลังเวทย์ก่อขึ้นมาทั่วร่างของตัวเอง แล้วจากนั้นมันก็ขยายตัวออกไปรวมกับบาเรียที่อยู่รอบตัวของเธอซึ่งมีอยู่แล้ว ทันทีที่มันขยายตัวผ่านกระสุนที่กรกำลังควบคุมอยู่ กระสุนทั้งหมดก็สลายหายไปเหมือนกับครั้งที่กระสุนในครั้งแรกโดนบาเรียแล้วสลายไปไม่มีผิด
〝ต่อไปก็…【เวทย์แห่งความมืด•แบล็คเกเฮน่า!!!!】〞
ซู่ม!
ทันทีที่ผู้ประกาศพูดออกมาแบบนั้น ทั่วทั้งบริเวณก็เกิดเปลวเพลิวสีทำทมิฬเสียยิ่งกว่าสกิลเพลิงทมิฬของเคลเบรอสพวยพุ่งออกมาจากผืนดินจนสูงระดับเอว แต่บริเวณที่อยู่ในบาเรียของเธอไม่ได้มีเปลวเพลิงนั้นเล็ดรอดเข้าไปแต่อย่างใด
〝อึก! ร้อน อึดอัด! บ้าชัดๆ!〞
เดี๋ยวก่อนสิ… ไม่ใช่ว่าไอ้ฉายา〘เหนือฟ้าใต้หล้า ทนทานทุกสิ่ง〙มันป้องกันสถานะผิดปกติได้ทั้งหมดรึไง
หรือนี่จะเป็นช่องว่างของผลพิเศษ แต่มารู้ตัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว… แล้วทำไมถึงพึ่งมาเจอกันฟ่ะ!
〝【แสงแห่งการชำระล้าง!!!!】〞
หลังจากที่กรถูกความเจ็บปวดทิ่มแทงไปทั่วร่างก็ใช้เวทย์เฉพาะของตัวเองตอบสนองกลับแทบจะทันที ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างส่องลงมาจากด้านบนโดยมีกรเป็นจุดศูนย์กลาง ชั่วพริบตานั้นผลจากสกิลที่เธอคนนั้นปล่อยออกมาก็บรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด จากตอนแรกที่หายใจไม่คล่องคอ เจ็บปวดราวกับถูกเข็มแทงไปทั่วร่างและปวดแสบปวดร้อนไปทั่วทั้งตัว อาการทั้งหลายก็หายเป็นปลิดทิ้งในทันทีที่ร่างของกรสัมผัสกับแสงสีขาวอันอบอุ่นนี้
〝เวทย์เฉพาะตัวสายแสงสว่างงั้นเหรอ? ไม่เข้ากันสุดๆไปเลย〞
〝หมายความว่าไง?〞
〝หึ! ก็ทั้งชุดของนาย… ทั้งเนื้อในของนาย… มันดำสนิทเลยนี่น๊ะ〞
〝…………〞
ผู้ประกาศสาวพูดแบบนั้นพลางแสร้งยิ้มให้กับกรที่อยู่ห่างออกไป
〝เฮอะ! เธอเองก็อย่าพูดเหมือนกับรู้ไปหมดหน่อยเลย!〞
〝ไม่ยอมรับงั้นสิ! เฮ้อ…..ช่างว่างเปล่าซะจริงๆน้า〜 นายหน่ะ〞
〝ชิ! ชักจะพล่ามมากเกินไปแล้วนะยัยนี่!!!〞
ชั่วพริบตานั้นกรก็รวบรวมออร่าสีขาวที่อยู่ทั่วร่างให้หนาแน่นขึ้น แต่เน้นเป็นพิเศษตรงบริเวณแขนและขาทั้งสอง ก่อนที่จะถีบพื้นเข้าไปหาจุดที่ผู้ประกาศอยู่ในทันที
【ใช่แล้ว ว่างเปล่า… เหมือนกันกับฉัน】
ผู้ประกาศพูดแบบนั้นในลำคอด้วยน้ำเสียงเรียบๆเช่นเคย และแน่นอนว่ากรที่มีสุดยอดการประมวลผลได้ยินมันอย่างชัดเจน และรับรู้ได้ว่าเธอค่อนข้างหวั่นไหวในขณะที่พูดแบบนั้นออกมา แต่กรก็สะบัดความคิดหลายๆอย่างที่ก่อตัวขึ้นมาเพียงเสี้ยววิออกไป และดึงสมาธิของตัวเองกลับมาแทบจะทันทีเพราะตอนนี้เขาพุ่งเข้ามาจนอยู่ห่างจากเธอเพียงแค่ 5 เมตรเท่านั้นเอง
〝งั้นคราวนี้ ฉันจะเอาจริงขึ้นมานิดนึงละกัน!!!〞
ขณะที่พูดแบบนั้น ผู้ประกาศสาวคนนี้ก็ทำการคว้าคฑาที่ลอยอยู่ตรงหน้าของตนและถ่ายพลังเวทย์ลงไป แม้กรที่วิ่งเข้าหาเธอจะอยู่ห่างออกไปถึง 5 เมตร แต่ก็สัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์และปริมาณอันมหาศาลของพลังเวทย์ของเธอได้อย่างชัดเจน
〝【เวทย์อัญเชิญระดับเทพเจ้า•เทพอสูรอาชูร่า!!!!】〞
ซู่ม!
ทันทีที่การร่ายเวทย์เสร็จสิ้น ก็ปรากฏยักษ์สีดำสนิทใบหน้าเคร่งขรึมที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์สวมชุดนักบวชของศาสนาพุทธ 3 เศียร 6 กร แต่ขนาดนั้นสูงเกือบ 10 เมตร ในมือทั้ง 6 ข้างละ 3 มีสองมือซ้ายขวาที่อยู่ตรงกลางเท่านั้นที่ว่างเปล่า ส่วนอีก 4 ข้าง จากบนลงล่าง ซ้ายไปขวา ก็คือ ดาบคาตานะ โล่กลมแบนคล้ายกระจก ตรีศูรด้ามจับยาว และสุดท้ายคือหอกปลายแหลมที่มีด้ามจับยาวพอๆกัน โผล่ขึ้นมาขวางทางที่กรกำลังพุ่งไปยังผู้ประกาศ
〝เฮ้ยๆ!!! ยังมีของแบบนี้ซ่อนอยู่อีกงั้นเหรอ?〞
〝ยังมีอีกเยอะเลยหล่ะ! ถ้านายรอดไปจนถึงตอนนั้นได้หล่ะก็นะ〞
อีกแล้ว! ทั้งเวทย์แห่งความมืดกับเวทย์อัญเชิญ เป็นเวทย์ที่เราไม่มีในครอบครอง
ทีแบบนี้หล่ะออกมากันจังนะครับ!
อีแบบนี้ถึงคาดการณ์ล่วงหน้าไปก็เปล่าประโยชน์
แถมเนตรทวิกาลที่เรามีใช้ดูอนาคตเองก็เถอะ! อนาคตอีก 1 วินาที ก็แตกแขนงไปกว่า 40 แบบแล้ว
แค่ 1 วินาทีไม่เพียงพอต่อการคาดเดา… ไม่สิ สำหรับพวกเรา 1 วินาทีมันยาวนานพอสมควรเลยนี่นา
นี่สินะคือการต่อสู้ของคนที่มีสุดยอดการประมวลผลเหมือนกัน อีแบบนี้คงต้องมองให้ละเอียดขึ้นเป็นเสี้ยววิเลยสิเนี่ย ถึงจะคาดเดาได้ละเอียดขึ้น…
กึก!
〝แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้เราต้องจัดการไอ้ตัวเป้งนี่ก่อน!!!〞
ทันทีที่กรพูดแบบนั้น ก็ใช้เท้ายันพื้นและยึดกับพื้นแน่น และยืนเผชิญหน้ากับเทพอสูรขนาด 10 เมตรตรงหน้า ด้วยท่าทางสบายๆ
ถึงจะมีความเป็นไปได้ที่ยัยนี่จะเรียกออกมาเพิ่มก็เถอะ
แต่ถ้าไม่อัดไอ้เวรนี่ให้ปลิวก่อนก็คงเข้าไม่ถึงตัวยัยสาวแว่นคนนี้ง่ายๆแน่
〝เอาให้ไม่เหลือซากเลยอาชูร่า!!!〞
〖น้อมรับคำบัญชาขอรับ นายท่าน〗
พูดได้ด้วย!!! งั้นก็แสดงว่าไอ้หมอนี่มันมีสติปัญญางั้นสิ!
〖ตายซะเถอะ ศัตรูผู้ที่ข้ายังไม่ทราบนามเอ๋ย!!!!〗
ทันใดนั้นเทพอสูรตนนี้ก็ยกด้ามคาตานะขึ้นเหนือหัวด้วยความเร็วสุดยอด แล้วก็ฟาดลงด้วยความเร็วสูงพอๆกันโดยไม่ให้กรที่เพิ่งยึดกับพื้นเมื่อครู่พักเลยแม้แต่น้อย
〝ไม่ง่ายแบบนั้นหรอกน่าลุง【Ogre Shield Form!!!】〞
แคร๊ง!
〖หืม!!!!〗
เสียงโลหะเสียดสีกันอย่างรุนแรงจนเกิดประกายไฟ จากที่ดาบคาตานะของเทพอสูรแฉลบผ่านโล่ยักษาของกรที่ตั้งรับโดยทำมุม 45 องศาเพื่อเบี่ยงการโจมตีออกไปแทนที่จะรับตรงๆ นั่นเพราะกรเห็นการโจมตีนี้ล่วงหน้าจากเนตรทวิกาลอยู่แล้ว
เทพอสูรต่างจากผู้ประกาศที่มีของคล้ายกับสุดยอดการประมวลผล กรจึงสามารถคาดเดาท่าทางของเขาได้ล่วงหน้าแทบจะแน่นอน เทพอสูรตัวปัญหาที่เห็นกรสามารถป้องกันการโจมตีแรกได้ ก็แสดงอาการตกตะลึงออกมา เพราะราวกับว่าที่กรสามารถรับการโจมตีนี้ได้นั้น มันเหมือนกับกรรู้การโจมตีล่วงหน้า นั่นจึงทำให้เทพอสูรตนนี้ต้องเอาจริงในทันที
แล้วหลังจากนั้นเทพอสูรก็เงื้อมหอกและตรีศูรทั้งสองไปข้างหลัง แล้วจากนั้นก็แทงเข้ามาทางกรด้วยความเร็วที่ตามนุษย์ปกติมองไม่ทัน
〝【สโมร์ค!!!】〞
ฟู่!
แล้วจากนั้นกรก็หายไปจากทัศนวิสัยของเทพอสูรอย่างรวดเร็ว เนื่องจากทัศนวิสัยถูกบดบังไปด้วยกลุ่มควันตรงบริเวณที่กรอยู่ แล้วพอควันที่ว่าจางหายไป ร่างของกรที่เคยยืนอยู่ตรงนั้นก็หายไปด้วยเทพอสูรที่โจมตีจั่วลมไปก็หันซ้ายทีขวาทีอย่างรวดเร็วเพื่อหาตัวกรในทันที
〝อาชูร่า ข้างล่าง!!!〞
〖!!!!〗
ต่างจากเทพอสูรที่มีประสาทสัมผัสตามปกติ จึงมองไม่ทันการกระทำของกร แต่แน่นอนว่าผู้ประกาศที่สามารถเร่งความคิดให้เร็วขึ้นเช่นเดียวกับกรสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
〝สายไปแล้ว!!!【ไวน์ออฟอิกดราชิล!!!】〞
แต่ก็ไม่ทันการ หลังจากที่กรหายตัวไปและแทบจะทันทีที่เสียงของกรดังขึ้นจากจุดที่เทพอสูรมองไม่เห็น ขาทั้งสองข้าง แขนทั้งหกของเทพอสูร รวมถึงลำตัวท่อนล่างก็ถูกพันธนาการด้วยเถาวัลย์หนาถึง 5 เมตรด้วยเวทย์พฤกษาระดับเทพเจ้าของกร
〖โกหกน่า!!!!〗
〝ไปพักผ่อนซะเถอะลุง!!!〞
ทันทีที่กรตะโกนออกไปแบบนั้น ร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นมาจากพื้นดินตรงจุดที่เขาหายไป นั่นเป็นเพราะกรที่หลบการโจมตีของเทพอสูรได้ เกิดจากการที่เขาทำการแปรธาตุพื้นที่อยู่ตรงเท้าของตัวเองไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ที่เบี่ยงคาตานะออกไปแล้ว อนึ่งเวทย์แปรธาตุของกรในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุที่มีรูปร่างและขนาดแน่นอนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว นั่นเพราะระดับของเวทย์แปรธาตุที่กรมีตอนนี้อยู่ในระดับเทพเจ้า กรจึงสามารถแปรธาตุจากพื้นได้โดยตรงไปแล้ว
และพอมองเห็นอนาคตที่ตัวเองจะถูกตรีศูรและหอกแทง จึงทำให้กรยุบพื้นที่อยู่ใต้เท้าเป็นช่องว่างทรงลูกบาศก์ แล้วนำตัวเองเข้าไปก่อนที่จะปิดมันด้วยพื้นดินราวกับโลงศพอย่างรวดเร็ว
〝【วันพ้านนนนช์!!!】〞
จากนั้นเขาก็ถีบพื้นที่ถูกเสริมด้วยออร่าเทพเจ้า และเงื้อมหมัดขวาที่ถูกเสริมด้วยออร่าแบบเดียวกันไปข้างหลัง แล้วก็จัดการอัดเข้าไปที่ใบหน้าของเทพอสูรที่อยู่ตรงหน้าจนเทพอสูรที่กำลังถูกมัดอยู่ ถูกกระแทกอยู่กับที่จนสลายไปทั้งอย่างงั้นเลย
ส่วนเนตรทวิกาลเองกรก็ทำการปลดมันออกหลังจากที่กำจัดเทพอสูรลงไปได้ในทันที เพราะมันใช้พลังเวทย์มากเกนความจำเป็นนั่นแหล่ะ รวมถึงต่อจากนี้กรไม่จำเป็นต้องใช้ก็ด้วย กรจึงต้องปลดมันออกอย่างเลี่ยงไม่ได้
ฟุบ!
〝โห๋ๆ!!! คราวนี้ต้องขอชมเลยนะ〞
ทันทีที่กรลงถึงพื้น เธอก็เปิดปากชมกรในทันที
〝จิบๆน่า! เอาไว้ฉันชนะก่อนค่อยพูดก็ยังไม่สายหรอกน่า… แล้วถ้าจะชม เอาเป็นบอกเรื่องที่ว่า เธอรู้เรื่องที่ฉันมาจากต่างโลกได้ไง แทนจะดีกว่านะ〞
〝หึหึ! งั้นเพื่อเพิ่มแรงจูงใจ ถ้าชนะฉันได้จะบอกเรื่องนั้นก็ได้นะ!〞
〝มันต้องอย่างงั้นสิ!〞
ตู้ม!!!
จากนั้นกรที่ลงพื้นและปรับสมดุลของตัวเองในขณะที่สนทนากับผู้ประกาศเสร็จแล้วก็ถีบพื้นแล้วพุ่งเข้าไปหาผู้ประกาศอีกครั้งตรงๆ ราวกับไม่สนใจบาเรียของเธอยังไงอย่างงั้น
〝พุ่งเข้ามาตรงๆงั้นเหรอ!? บอกไว้ก่อนนะว่าบาเรียนี่สามารถลบสสารและเวทย์ทุกอย่างที่สัมผัสมันได้ทั้งหมดเลยนะ… และแน่นอนว่าตัวนายเองก็ลบให้หายไปได้ด้วยเหมือนกัน〞
〝เรื่องนั้นรู้ตั้งแต่ตอนที่ใช้ปืนแล้วเฟ้ย! ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกนา แล้วอีกอย่างนึง——〞
แล้วจากนั้นกรก็เพิ่มความเร็วให้มากขึ้นอีก แม้จะอยู่ห่างแค่ 5 เมตรก็ตามที แล้วจากนั้น…
〝ไม่ได้มีแต่เธอหรอกนะเฟ้ย! ที่สามารถลบสสารทุกอย่างได้หน่ะ!!!〞
〝หา! แย่หล่ะสิ!!!〞
วูม!!!
ทันทีที่กรพูดแบบนั้น อัญมณีที่อยู่บนหลังมือซ้ายของเขาก็เปล่งแสงสว่างสีเขียวออกมาจนแสบตา แล้วปฏิกิริยาของผู้ประกาศที่ตกใจกับคำพูดของกรเองก็ทำให้กรตกใจเล็กน้อย เพราะนั่นเหมือนกับรู้อยู่แล้วว่ากรมีสกิลแบบเดียวกันนั่นเอง
หึ! สกิล『ดูดซับทุกสิ่ง???』 ใช้กับบอสไม่ค่อยได้ผลก็จริงเพราะระดับที่แตกต่างกันจนเกินไป
แต่ถ้าเป็นมอสเตอร์ในชั้นหรือกับคนด้วยกันหล่ะก็ ฉันคนนี้ก็มั่นใจว่าระดับสูงพอที่จะดูดซับได้แน่นอน… ก็เกิดใหม่มาตั้ง 3 รอบแล้วนี่นะ
〝แต่สกิลนั่นต้องใช้เวลาไม่ใช่เหรอ!!! นั่นหน่ะ——〞
〝ก็ไม่รู้ว่าหรอกนะว่าเธอรู้ได้ยังไงหน่ะ… แต่นี่ไม่ใช่สกิลแบบปกติ จะเรียกว่านี่เป็นวิชาที่ฉันพัฒนาขึ้นมาเองก็ได้!〞
แล้วกรก็พูดกดดันอีกฝ่ายเพิ่มเข้าไปอีก ทั้งที่กำลังพุ่งตัวเข้าไปหาผู้ประกาศคนนี้อย่างรวดเร็ว
ถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่าเธอรู้ได้ยัง แต่เรื่องนั้นค่อยถามหลังจบเรื่องก็ได้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดตอนนี้
แล้วก็เป็นอย่างที่ยัยแว่นนี่พูด… สกิลนี้ต้องใช้เวลาในการดูดซับขึ้นกับระดับของอีกฝ่าย
ดูแล้วยังไงเธอคนนี้ เราคงดูดซับไม่ได้ง่ายๆ
แต่ว่านั่นไม่ใช่กับวิชาใหม่ของฉันคนนี้ ที่ฝึกกับมีอาตั้งวันนึงเต็มๆหรอกนะ!
คอยดูให้ดีเถอะ!!!
หมัดนี้ที่ผสมผสานเวทย์หลายๆแบบเข้าด้วยกัน และถูกเสริมกำลังและเร่งปฏิกิริยาด้วยพลังเวทย์ของเราและเวทย์สนับสนุนหลายๆแบบ จนกลายเป็นสุดยอดหมัดที่ทะลวงได้ทุกสิ่ง!
〝รับไปซะ!!! 【หมัดสว่าน!!!】〞
ตู้ม!!!
แล้วหมัดของกรก็เข้าปะทะกับบาเรียของผู้ประกาศอย่างรุนแรงจนเกิดแรงกระแทกไปยังตัวผู้ประกาศจนแทบจะปลิวเลยทีเดียว แต่บาเรียก็ยังไม่ได้หายไปในทันที นั่นเป็นเพราะเธอคนนี้ได้เปลี่ยนรูปร่างของมันให้กลายเป็นโล่อยู่ตรงจุกที่หมัดของกรตกกระทบ ทั้งยังเพิ่มจำนวนขึ้นอีก
〝อึก! เซนส์ตั้งชื่อห่วยชะมัด... ชื่อหมัดตะปูยังดูดีกว่าร้อยเท่าเลย〞
〝หนวกหูน่า! เรื่องชื่อจะยังไงก็ได้น่า ฉันไม่ใช่นักล่าอาหารนะเฟ้ย!!!〞
แล้วหมัดของกรก็ทะลวงโล่ที่สร้างขึ้นด้วยสกิลแบบเดียวกับบาเรียของผู้ประกาศไปเรื่อยๆ และแน่นอนว่าการดูดซับของกรนั้นเร็วจนถึงกับทำให้ผู้ประกาศตกใจจนออกนอกหน้าเลยทีเดียว แม้จะพูดตดตลกแต่สีหน้าเธอก็ไม่ได้ขำด้วยแต่อย่างใด
เพล้ง!!!
〝แย่หล่ะสิ!〞
แล้วในที่สุดหมัดของกรก็ทะลวงบาเรียทุกชั้นได้อย่างหมดจดและเข้าประชิดตัวของผู้ประกาศได้ในที่สุด
〝ขอเอาคืนบ้างหล่ะนะ!〞
ทันทีที่เข้าประชิดตัวของเธอได้ ก็ทำการซัดหมัดขวาเข้าไปที่บริเวณสีข้างซ้ายของเธออย่างรวดเร็ว
〝หึ! ซะเมื่อไหร่!〞
〝อึก!〞
ชั่วพริบตาที่หมัดของกรจะเข้ากระทบสีข้างของเธอ ผู้ประกาศก็ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์และพูดออกมาอย่างมีเลศนัย กรจึงหยุดหมัดของตัวเองในทันที แต่ดูเหมือนจะช้าไปเล็กน้อย เพราะถึงมือของเขาจะหยุดได้ทัน แต่ถุงมือส่วนหนึ่งของเขาก็สัมผัสสีข้างของเธอเข้าให้แล้ว ผลลัพธ์ก็คือ ถุงมือบริเวณที่สัมผัสได้หายไปเหมือนกับที่การโจมตีถูกลบหายไป ซึ่งเป็นผลของบาเรียไปเสียอย่างงั้น
〝เฮ้ยๆ! เอามาคลุมตัวก็ได้เหมือนกันงั้นเหรอ?〞
〝ตอนที่หลบกระสุนก็ทำให้ดูครั้งนึงแล้ว… นี่นา!!!〞
ทันทีที่เธอพูดแบบนั้น ก็จัดการใช้คฑาคู่กายซัดเข้าไปที่บริเวณใบหน้าของกร แต่แน่นอนว่ากรก็หลบได้เช่นกัน
〝เฮอะ! แต่หมัดสว่านก็ยังใช้ได้นะเฟ้ย!〞
แล้วกรก็ทำการใช้หมัดซ้าย ชกสวนตรงไปยังบริเวณสีข้างขวาของเธอ แต่เธอก็เอี้ยวตัวหลบได้เช่นกัน
แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็ผลัดกันรับผลัดกันรุกอยู่เกือบ 10 วินาทีซึ่งอีกฝ่ายสามารถหลบและรับการโจมตีของอีกฝ่ายได้ทั้งหมด โดยที่กรใช้หมัดชกแล้วเธอเอี้ยวตัวหลบ ส่วนผู้ประกาศก็ใช้คฑาเสริมพลังเวทย์ฟาดและแทงกรในระยะประชิดแต่กรก็หลบและปัดได้ จนกระทั่งถึงจังหวะที่เธอคนนี้ฟาดเข้ามาที่กลางลำตัวกรจากทางด้านซ้ายของกร กรจึงใช้ต้นแขนกันคฑาของเธอไว้ได้ แล้วจากนั้นก็ใช้มือซ้ายกำด้ามของคฑาในทันที
〝อ๊ะ!〞
ทันใดนั้นกรก็ดึงคฑาและตัวผู้ประกาศที่ยังคงจับคฑาไว้แน่นเข้ามาใกล้จนหน้าของเธอห่างจากเขาเพียงแค่ 1 ฝ่ามือเท่านั้นจนตัวผู้ประกาศหน้าแดงออกมาหน่อยๆเลยทีเดียว ก่อนที่จะปล่อยมือซ้ายของตัวเองที่จับอยู่และเตรียมโจมตีผู้ประกาศที่กำลังเสียหลักอยู่ในทันที
〝พลังเวทย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของจอมเวทย์สินะ! ถ้าเกิดมันหายไปจะเป็นยังไงน้า〜〞
〝 อะ อะไรอีก?〞
หมับ!
〝อะ อะเด๋ !!!!〞
จากนั้นก็เอื้อมมือซ้ายของเขาไปจับมือขวาของผู้ประกาศอย่างกระทันหันจนเธอตกใจและร้องเสียงแปลกๆออกมาเลยทีเดียว
〝ขอหล่ะนะ! พลังเวทย์ของเธอหน่ะ【ดูดพลังเวทย์!!!】〞
〝อึก!!!!〞
ทันทีที่กรประกาศใช้เวทย์เฉพาะที่ดรอปมาจากบอสมังกรห้าหัวในครั้งก่อนออกไป อันเป็นสกิลที่สร้างความลำบากให้แก่มีอาและตัวเขาจนตายมาแล้วนั่นเอง จากนั้นพลังเวทย์ในตัวของผู้ประกาศจำนวนมหาศาลก็หลั่งไหลเข้ามาสู่ตัวกรในทันทีราวกับก็อกแตกเลยทีเดียว ผู้ประกาศที่อ่อนแรงลงเพราะถูกช่วงชิงพลังเวทย์ไปก็ไม่สามารถขัดขืนกรได้อีก นั่นจึงทำให้พอผ่านไปได้ 15 วินาที กรจึงช่วงชิงพลังเวทย์ของเธอมาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่กรดูดพลังเวทย์ของผู้ประกาศมาหมดแล้ว เธอก็ยืนไหล่ตกอย่างไร้เรี่ยวแรงทั้งที่กรยังจับมอของเธอไว้อยู่ พอกรสังเกตดวงตาที่ไร้แววของเธอ ซึ่งมันคล้ายคลึงกับตอนที่มีอาเสียพลังเวทย์ทั้งหมดไปยังไงอย่างงั้นเลย กรจึงมั่นใจในชัยชนะของตัวเองได้ในทันที แต่ทว่า…
เอาหล่ะ! จนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็อยู่ในการคาดการณ์ ถึงจะง่ายไปหน่อยก็เถอะ
แค่นี้เราก็ชนะแล้วหล่ะ ทำไมหน่ะเหรอ?
〝จบแล้วหล่ะคุณผู้ประกาศ! ผู้ที่พลังเวทย์หมดจนเหลือศูนย์จะอยู่ในอยู่ในอาการซีโร่เซนต์… หมดไฟแบบนี้ไม่มีทางสู้ต่อได้แล้วหล่ะ〞
〝……… 〞
และแน่นอนว่าผู้ประกาศที่หมดสิ้นซึ่งพลังเวทย์ใดๆในตัว ไม่สามารถตอบสนองการกระทำใดๆของกรได้อีกแล้ว
กรที่เห็นแบบนั้นจึงคิดอยู่ในใจเล็กๆว่าตัวเองทำเกนไปหน่อย เขาจึงคิดที่จะพยุงตัวเอคนนี้ไปไว้ที่มุมกำแพงแล้วถ่ายเวทย์กลับให้เธอเล็กน้อยเพื่อดึงสติเธอกลับมาบ้าง พอคิดได้กรก็เอื้อมมือขวาไปจับแขนซ้ายของคุณผู้ประกาศที่อ่อนแรงและห้อยลงตามแรงโน้มถ่วงอยู่ในทันที เพียงแต่ชั่วพริบตาก่อนที่กรจะสัมผัสร่างของเธอ ก็กลับเกิดเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
.
.
.
.
.
〝น่ารำคาญ〞
〝!!!!!!!!!!!〞
ชั่วพริบตาที่ผู้ประกาศพูดออกมาแบบบนั้นด้วยเสียงเรียบๆทั้งที่ไม่น่าจะพูดได้ออกมา พร้อมกับส่งจิตสังหารออกมาอย่างหนักหน่วงจนกรแทบอาเจียนออกมาและขนลุกชูชันไปทั่วร่าง กรก็ทำการปล่อยมือออกจากตัวเธอและดีดตัวเองถอยห่างจากตัวเธอไปเกือบ 20 เมตรในครั้งเดียวเพราะความตกใจ
〝โกหก…. ชัดๆ〞
แล้วกรก็รำพึงแบบนั้นอยู่คนเดียว หลังจากที่มองไปยังจุดที่ผู้ประกาศยืนอยู่
บ้าหน่ะ! พลังเวทย์ของเธอคนนี้กลับมาแล้ว… แถมยังทั้งหมดด้วย!!!
เธอคนนี้ไม่ได้แย่งคืนไปจากเราเลย… แล้วพลังเวทย์ขนาดนั้นไปซ่อนอยู่ที่ไหนกันฟ่ะ
แถมท่าทียังเปลี่ยนไปอีกด้วย… มีแต่เรื่องไม่เข้าใจทั้งนั้นเลยนี่หว่า!!!
〝ตอนแรกก็แค่คิดจะทดสอบแบบธรรมดาอยู่หรอก แต่นายนี่มันน่ารำคาญกว่าที่คิดอีกนะ〞
〝อะไรนะ!?〞
〝น่ารำคาญ น่ารำคาญ น่ารำคาญ…. นี่นายมีบรรพบุรุษเป็นแมลงสาบรึไงกันฮะ!!!〞
ท่าทีของผู้ประกาศเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากที่ค่อนข้างเงียบกลายเป็นหงุดหงิดออกมาเหมือนกับกรในตอนที่เข้ามาในห้องครั้งแรกไม่มีผิด นั่นจึงทำให้กรรู้สึกตกตะลึงมาก
〝พอกันที! ไม่เอาแล้ว นี่มันเหนื่อยกว่าที่คิดซะอีก…. เพราะงั้นหล่ะก็คราวนี้หน่ะ——〞
ซู่ม!
〝อะ อะไรอีกวะเนี่ย!!!〞
ในขณะที่ผู้ประกาศพูดออกมาแบบนั้นด้วยเสียงเรียบๆ ทั่วทั้งร่างของเธอก็กลับมีอักขระแดงสดราวโลหิตปรากฏขึ้นทั่วร่าง อย่างสลับซับซ้อน มันครอบคลุมไปทั่วทั้งตัว จนแม้แต่ใบหน้าอันสละสลวยของเธอก็ยังไม่มีข้อยกเว้น ดวงตาของเธอเองก็เปลี่ยนเป็นสีแดงสดเช่นเดียวกัน แล้วจากนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือออร่าสีดำทมิฬตรงข้ามกับที่กรใช้เอง ก็ซึมออกมาจากอักขระที่ปรากฏขึ้นมาของเธอนั่นแล้วครอบคลุมไปทั่วร่างเช่นเดียวกับกร เพียงแต่เป็นคนละสีกันเท่านั้น
〝สั้นๆนะ… ไปตายซะ… จบไหม?〞
〝ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ… ใครมันจะไปยอม—— อึก!〞
ฟิ้ว!!!
ตู้ม!!!
หลังจากที่กรพูดแบบนั้นโดยที่ยังไม่ทันจบประโยคดี ก็มีศรสีดำแดงถูกยิงออกมาจากทางที่คุณผู้ประกาศสาวยืนอยู่ด้วยความเร็วเหนือเสียงพุ่งเข้ามายังใบหน้าของกร กรจึงเอี้ยวหลบด้วยปฏิกิรยารีเฟล็กซ์อย่างรวดเร็ว มันจึงเฉียดใบหน้าของเขาออกไปเพียงถากๆแล้วไปชนเข้ากับกำแพงจนเกิดรูขนาดใหญ่กว่าหัวลูกศรเกือบ 10 เท่าและเกิดสียงระเบิดตามมาดังลั่น แถมศรที่ว่ายังคงฝากรอยแผลไว้ที่ใบหน้าของกรเป็นทางยาวไว้ได้อีกด้วย พอสัมผัสความเจ็บปวดเข้าถึงสติของกร เขาจึงตั้งท่าตั้งรับโดยตั้งหมัดทั้งสองขึ้นมาการ์ดไว้ในทันที
อึก! ไม่ใช่ท่าทางเท่านั้นที่เปลี่ยน แต่ความแน่วแน่และรังสีการฆ่าฟันก็เพิ่มสูงขึ้นจนน่าตกใจเลยทีเดียว
แถมรูปลักษณ์แบบนั้นก็อีก… รวมถึงเรื่องที่พลังเวทย์ฟื้นกลับมาๆได้ด้วย… นี่มันจะเหนือความคาหมายเกินไปแล้ว
〝บ้าเอ้ย! ทนทายาทเหลือเกินนะเธอหน่ะ! แบบนี่มันเกินคนมากไปแล้ว!〞
〝คนเหรอ? ดูเหมือนนายจะเข้าใจผิดไปไกลโขเลยนะ〞
〝เอ๋?〞
มะ หมายความว่ายังไงกันเนี่ย!
ไม่สิ… ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจที่ต้องการจะสื่อหรอกนะ เพียงแต่ยังไม่มั่นใจเท่านั้นเอง….
รวมกับเรื่องที่เธอใช้เวทย์แห่งความมืดกับอักขระที่น่าตกใจพวกนี้ก็เดาได้ไม่ยากหรอก
เพียงแต่ความเป็นจริงมันไม่ได้มีแค่อย่างเดียวซะหน่อย… เราอาจจะคิดไปเองก็ได้นี่นา——
〝ฉันหน่ะเป็น『ปีศาจ』ยังไงหล่ะ… แบบสายเลือดแท้เลยด้วย〞
〝อึก! อะ… เอาจริงดิ?〞
แล้วกรก็เข้าใจเหตุผลทั้งหมดได้ในที่สุด แล้วเริ่มที่จะวิตกกังวลขึ้นมาอีกครั้งเสียแล้ว เพราะสุดท้ายยังไงๆก็ต้องเกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงอยู่ดีไม่ว่าจะเตรียมตัวมาดีแค่ไหนก็ตาม โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าตัวตนของสาวปีศาจตรงหน้าเขานี้จะยังเปลี่ยนแปลงชีวิตและชะตากรรมของตัวเองไปตลอดกาลในเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้….
〝ต่อจากนี้จะไม่มีการออมมือแล้วนะ…〞〝ฮะฮ่ะ! พูดเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้กะเอาให้ตายเลยนะ〞 หลังจากที่ผู้ประกาศเปลี่ยนแปลงลักษณะภายนอกไปจากเดิม โดยมีอักขระสีแดงสดปรากฏขึ้นทั่วร่างอย่างสลับซับซ้อน รวมถึงน้ำเสียงที่เรียบเฉยและเย็นชาของเธอเองก็เปลี่ยนไปจากครั้งแรกเช่นกัน นั่นจึงทำให้กรที่ตอบเธอกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติแบบนั้น แต่กลับมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขาหลายต่อหลายหยดอย่างต่อเนื่องจนถึงขั้นไหลลงไปถึงลำคอ และทำได้แค่หัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อนกลับไปเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าตัวเขาค่อนข้างกระวนกระวายกับสถานการณ์ในตอนนี้มากเลยทีเดียวแย่แล้ว! แย่แล้วไหมหล่ะ! ปีศาจงั้นเหรอ?งั้นนี่ก็คือเผ่าที่ พวกนักเรียนผู้กล้าทุกคน ต้องสู้ในอนาคตงั้นสิ? จะบอกว่าซักวันพวกรินจะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนแบบนี้งั้นเหรอ?ตัวเราเองยังไม่มั่นใจ 100% เลยว่าจะชนะยัยนี่ได้พวกรินหน่ะไม่ไหวหรอก! ไม่ได้ดูถูกนะ แต่ยังไงก็ไม่ไหวชัวร์ๆ——〝รับมือ!!!〞ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!—————————〝!!!!!!〞 หลังจากการสนทนาพอเป็นพิธีจบลง ผู้ประกาศสาวก็ทำการยิงศรสีดำแดงออกมาจากทางด้านหลังโดยที่ไม่ได้ร่าย
หลังจากที่ทั้งสามคน อันประกอบไปด้วย กร มีอาและผู้ประกาศ ตกลงมาจากห้องบอสชั้นที่ 75 มาจนถึงชั้นที่ 100 ตอนนี้ทั้งสามคนกำลังอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบสุดๆ เพราะกำลังยืนเผชิญหน้ากับบอสประจำชั้นที่ 100 ซ้ำยังเป็นบอสที่แข็งแกร่งที่สุดในดันเจี้ยนแห่งนี้อย่างกะทันหันอีกด้วย ทั้งที่ร่างกายและจิตใจยังไม่ได้พักฟื้นจากศึกเมื่อ 10 นาทีก่อนเลยแท้ๆวูม!!! พื้นที่โดยรอบสว่างขึ้นอย่างกะทันหันด้วยแสงสีน้ำเงินทั่วทั้งห้อง จนสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมได้ทั้งหมด ห้องบอสในชั้นนี้ มีบริเวณกว้างขวางมากกว่า 5 กิโลเมตร ซึ่งมันคือความกว้างพอๆกับดันเจี้ยนชั้นเดียว กรจึงคาดว่าห้องบอสนี้น่าจะใช้หลักการเดียวกับห้องบอสในชั้นที่ 50 พื้นของห้องถูกปูด้วยอิฐสีน้ำเงินเข้มวางสลับกันเหมือนกำแพงอิฐแดง ทั่วทั้งชั้นมีเสากรีกโรมันสีฟ้าขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 20 เมตร ตั้งเรียงกันเหมือนตารางหมากรุก โดยเสาทุกต้นที่อยู่ใกล้ทั้งด้านซ้าย ขวา หน้าและหลังจะห่างกันประมาณ 100 เมตร เท่าๆกันทุกเสา เพดานทำจากหินอ่อน และเป็นแหล่งให้แสงสว่างแก่ชั้นนี้ไปในตัว ซึ่งแสงสว่างที่วาก็เป็นสีน้ำเงิน
〝งั้นก็กลับมาคำถามเดิม... เมอร์ลิน ไอ้ยักษ์นั่นมันคืออะไร?〞 หลังจากที่เมอร์ลินเข้ามาเป็นพรรคพวกอย่างเต็มตัวแล้ว ทั้งสามคนจึงนั่งหันหน้าเข้าหากันเป็นสามเหลี่ยม เพื่อที่จะปรึกษาแผนการในการสู้กับบอส และเรื่องที่กรถามเป็นอย่างแรกก็คือคำถามก่อนหน้านี้ที่ถูกเลี่ยงไปนั่นเอง〝หัวแข็งชะมัดเลยนะนายเนี่ย... แต่เอาเถอะ จริงๆก็กะจะบอกอยู่แล้วหน่ะนะ〞แล้วจะเล่นตัวทำมะเขืออะไร! เธอนั่นแหล่ะเฟ้ยที่หัวแข็ง ยังมาว่าคนอื่นอีก!!!〝งั้นก่อนอื่น... พวกเธอรู้จักทศกัณฑ์รึเปล่า?〞〝ขอโทษนะกร แต่ฉันไม่เคยได้ยินเลยหล่ะ〞〝น่าๆ〞 มีอาที่ได้ยินคำถามของกร แต่ไม่เข้าใจว่าคืออะไร เธอจึงเอียงคอสงสัยก่อนที่จะตอบออกไปด้วยน้ำเสียงหงอยๆเล็กน้อย กรจึงลูบหัวเธอไปมาเหมือนทุกที และหันไปถามเมอร์ลินทั้งที่กำลังลูบหัวมีอาอยู่〝แล้วเมอร์ลินหล่ะ? …ไม่สิ เธอต้องรู้อยู่แล้วนี่นะ〞〝ต้องรู้อยู่แล้ว… นายอยากจะถามว่า ทำไมตัวละครในวรรณคดีของประเทศนาย ถึงได้กลายมาเป็นลาสบอส ทั้งที่ปกติจะมีแต่บอสแนวตะวันตกยุคกลาง... ใช่รึเปล่า?〞〝อื้ม! ใช่เลยหล่ะ〞แน่ชัดแล้วหล่ะว่าตัวตนของทศกันฑ์ไม่เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป... ถึงจะใช้ความรู
〝อย่างที่วางแผนเอาไว้... พอปลดเวทย์ออกก็เข้าฟอร์เมชั่นเลยนะ〞 หลังจากที่กร มีอา และเมอร์ลินเรียนรู้สกิลและความสามารถของกันและกันจนหมด รวมถึงฝึกความเข้ากันและฟอเมชั่นต่างๆเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมพร้อมที่จะสู้กับทศกัณฑ์ซึ่งเป็นบอสชั้นสุดท้าย ในทันทีที่ปรับสภาพจิตใจเรียบร้อย กรจึงเป็นคนให้สัญญาณก่อนเริ่มออกมาในทันทีที่ทุกคนพร้อมลุยแล้ว〝อื้ม!〞〝รับทราบ!〞 เมอร์ลินและมีอาตอบกรกลับอย่างแข็งขันในทันที ซึ่งส่วนนึงก็เพื่อปลุกจิตสู้ของตัวเองไปพร้อมกันนั่นแหล่ะ〝5.... 4…. 3….〞ชึบ! ทันทีที่เมอร์ลินเริ่มนับถอยหลัง กรและมีอาก็ตั้งสมาธิจดจ่อกับยักษ์ที่อยู่ตรงหน้าในทันที〝2…. 1…. ศูนย์!!!!〞วูม! ทันทีที่การนับถอยหลังสิ้นสุดลง สภาพแวดล้อมโดยรอบที่เคยหยุดนิ่งเมื่อเสี้ยววินาทีที่แล้วก็กลับมาเคลื่อนไหวต่อในทันที ทศกัณฑ์ที่อยู่ตรงหน้าทั้งสามคนก็ยังคงเอื้อมมือทั้ง 10 มาทางทั้งสามคนที่อยู่ห่างออกไป 10 เมตรดังเช่นก่อนที่เมอร์ลินจะใช้เวทย์หยุดเวลา และในเสี้ยววินาทีที่สภาพแวดล้อมกลับมาเคลื่อนไหว ทั้งสามคนก็ถีบตัวเองถอยห่างออกไปจากจุดที่เคยอยู่ราวๆ 500 เมตร และทำก
〝อืม〜〞 แสงอาทิตย์อุ่นๆยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างชั้นสองเข้ามากระทบใบหน้าของเด็กหนุ่มที่กำลังอยู่ในช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่น เป็นสิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มตื่นขึ้นจากภวังค์ แต่เพราะกำลังถูกความสบายเพราะนอนหลับนานกว่า 8 ชั่วโมงกดทับไว้อยู่เด็กหนุ่มจึงครางออกมาแบบนั้นด้วยเสียงเหนื่อยหน่ายเพราะไม่อยากลุกจากเตียงทันทีนั่นเอง และถึงแม้ก่อนหน้านี้ 10 นาที นาฬิกาปลุกจากสมาร์ทโฟนของเขาจะดังไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมลุกจากเตียงแต่อย่างใด〝กร!!! 7 โมงครึ่งแล้วนะ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสายหรอก!〞 เสียงของหญิงสาวผู้เป็นแม่ตะโกนขึ้นไปยังห้องที่อยู่บนชั้นสอง หรือก็คือห้องของกรด้วยน้ำเสียงดุดัน เพื่อเรียกให้ลงมาเตรียมตัวไปโรงเรียนโดยเร็ว〝งือ〜 ขออีกซัก 12 ชั่วโมงครับแม่〞〝ปกติมันต้องขอ 5 นาทีไม่ใช่เหรอ!!!!! แล้วขอตั้ง 12 ชั่วโมง คิดจะหลับจนถึงเย็นเลยรึไงกันยะ!!!!〞〝คุณแม่รับมุขได้สวยครับ... ครอก〜〞และต่อให้ท่านแม่ผู้บังเกิดเกล้าตะโกนขนาดไหน ฉันก็ไม่คิดที่จะลุกออกจากที่นอนเลยซักนิดพอตบมุขคุณแม่เสร็จ ฉันก็ดึงผ้าห่มมาคลุมโปง แล้วกลับไปนอนต่อในทันที อา.... สุขสุดๆ〝สวัสดีค่ะคุณน้า! ขออนุญาตนะคะ!〞
หลังจากที่กรเข้าไปรับการโจมตีปริศนาด้วยลูกธนูยักษ์จากทศกัณฑ์ เพื่อไม่ให้มีอาและเมอร์ลินได้รับดาเมจที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ในครั้งเดียว ทั้งที่อุตส่าห์ลบลูกธนูที่ว่าให้หายไปได้ ก็กลับเป็นตัวกรเองที่ต้องรับดาเมจทางจิตใจอันหนักหน่วงอย่างคาดไม่ถึง〝อ้ากกกก!!!!!!!——————〞 เสียงร้องโหยหวนอันเกิดจากความเจ็บปวดทางจิตใจระดับที่เรียกได้ว่ามหาศาลของกร ยังคงลากยาวอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยซักนิด〝กร!〞〝กะ เกิดบ้าอะไรขึ้นกับหมอนี่อีกเนี่ย!〞 ทั้งมีอาและเมอร์ลินที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย ก็ได้แต่ตกตะลึงและเบิกตาโพลงกับสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความงุนงง แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าตัวกรในตอนนี้กำลังรับภาระอะไรบางอย่างจนทรมานอย่างไม่ต้องสงสัย แต่เพราะทั้งสองคนถูกจำกัดการเคลื่อนไหวด้วยเวทย์แรงโน้มถ่วงจนขยับเข้าไปใกล้กรไม่ได้เลยซักนิด ทั้งสองคนจึงทำได้แค่ดูและเรียกหากรที่กำลังเจ็บปวดโดยที่ทำอะไรไม่ได้เพียงเท่านั้นตุ๊บ! และด้วยเพราะกรถูกการโจมตีทางจิตใจเข้าไปโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ผลของสกิล『แขนยักษา』จึงได้คลายออกโดยอัตโนมัติทำให้ผลกระทบด้านลบของมันเริ่มทำงาน ผลลัพธ์ก็คือต
หลังจากที่กรได้สติจากการหลับใหลในเวลาสมมติอย่างทรมานเกือบๆแสนปี ภายในหัวตอนนี้มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น...〝อาวหล่ะทีนี้... จะจัดการยังไงดีน้า!?〞กร๊อบ! กรหักนิ้วมือทั้งสิบของตัวเอง พลางคิดแผนการ ฆ่า ทศกัณฑ์อยู่ในหัว มีอาและเมอร์ลินที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ขยับเข้ามาใกล้กร เพื่อที่จะปรึกษาแผนการ〖แก... ท่าทางหยิ่งยโสแบบนั้นมันอะไร!? เจ้าหนุ่ม แกทำข้าโมโหนัก!!!!〗 กับผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามกับที่หวังไว้ว่า กรที่โดนเวทย์เข้าไป ต้องจิตใจแหลกสลายแล้วกลายเป็นเจ้าชายนิทราตลอดกาล นั่นเลยทำให้ทศกัณฑ์ตกตะลึงและหงุดหงิดถึงที่สุด〝มีอาคุ้มกันด้วย.... เมอร์ลินยื่นหูมาทีสิ〞 กรหันกลับไปด้านหลังทำเมินทศกัณฑ์อีกครั้ง แล้วกวักมือเรียกทั้งสองคนก่อนที่จะออกคำสั่งตามลำดับ มีอาขยับขึ้นมาข้างหน้าบังกรไว้ ส่วนเมอร์ลินก็ขยับหูเข้ามาใกล้ เพื่อที่กรจะได้แอบกระซิบอะไรบางอย่างได้สะดวก〝นะ นี่นาย! แบบนั้นไม่ไหวหรอก!〞〝!〞 เมอร์ลินตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจทันทีที่กรกระซิบบอกแผนการ นั่นทำให้มีอาที่คอยดูท่าทีทศกัณฑ์อยู่เยื้องไปข้างหน้าเล็กน้อย ร่างกระตุกเบาๆเช่น
สายลมฤดูร้อนพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้ผ้าม่านในห้องพยาบาลสำหรับทหารในกองอัศวินโบกสะบัด แล้วพอลมสงบ ก็ปรากฏร่างของเด็กสาวนั่งเหยียดขาตรงอย่างเรียบร้อยอยู่ใต้ผ้าห่ม เอนหลังพิงกับหัวเตียง มองออกไปทางหน้าต่างที่เพิ่งมีลมพัดผ่านโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตาซักนิด เด็กสาวที่แม้จะเพิ่งตื่นจากการหลับใหล อยู่ในชุดเดรสติดระบายสีขาวหลวมๆ แต่เนื้อผ้าไม่ได้โปร่งถึงขนาดจะส่องเห็นเนื้อหนังมังสาได้ เด็กสาวที่ได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ ถึงจะไม่มากนัก แต่ก็ทำให้บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไปนิดหน่อย แต่เดิมที่ขี้อาย ก็ค่อนข้างเงียบขรึมและเยือกเย็นขึ้นมา แม้ลมจะพัดเข้ามาเป็นครั้งที่สองของวัน มากระทบกับเปลือกตา แต่เธอก็ยังไม่ยอมหลับตา และจ้องมองออกไปยังอีกฟากหนึ่งของท้องฟ้า เพื่อรอคอยการกลับมาของชายที่ตัวเองรักด้วยความรู้สึกหลายๆอย่างทับถมกันอยู่ในอก อย่างกระวนกระวายและทรมานก๊อกๆๆ!〝ริน! พวกเราเข้าไปนะ! 〞〝อื้ม!〞 หลังสิ้นคำขออนุญาตด้วนน้ำเสียงที่ฟังแล้วสุภาพและค่อนข้างเป็นทางการ ชาญที่เป็นต้นเสียง อลิซและโชตก็เดินเข้ามาในห้องพยาบาลส่วนตัวที่มีแค่รินอยู่ข้างในตามลำดับ แ
ช่วงเที่ยงเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่มีนัดสำคัญในช่วงบ่าย นี่เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมในการเตรียมตัวสำหรับสองสาว... สำหรับเรเชลกับริต้า พวกเธอกำลังลองชุดสำหรับเดทในช่วงบ่ายกับแฟนหนุ่มสุดที่รักของพวกเธอ สำหรับเรเชล เรื่องชุดไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะเลือกไว้นานมาก และมีชุดตัวเก่งในแบบที่เรียบร้อยเหมาะสมกับตัวเองอยู่แล้ว ปัญหาคือชุดของน้องสาวอย่างริต้านี่แหละที่ทำให้พี่สาวคนนี้เป็นกังวลจนต้องกุมขมับ ถึงจะเป็นเสื้อยืดที่ใส่แล้วรัดรูปโชว์สะดือ และกางเกงยีนส์ขาสั้นเหมือนกับทุกทีก็เถอะ“...พี่ว่าชุดแบบนี้มันเปิดไปหน่อยนะ”“สงสัย... คุณกรน่าจะชอบ... แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” ริต้ามองกลับมาด้วยสายตาออดอ้อนอย่างบริสุทธิ์ใจ ในหัวเธอคงคิดอยู่แค่สามเรื่องเท่านั้นอันได้แก่ กร ครอบครัว แล้วก็กร ซึ่งอันที่จริงแนวคิดตรงนั้นก็ไม่ต่างจากเรเชลเท่าไรนัก ริต้ามองกวาดจากหัวจรดเท้า มองชุดเดรสแบบเปิดไหล่ของเรเชลแต่เป็นกระโปรงแบบคลุมเข่า เรียบร้อยเหมือนกับที่เรเชลใส่เป็นปกติ ความใคร่รู้ของริต้าจึงเกิดขึ้นในจังหวะนั
หลังจากเดทกับไมน์และรีเบคก้าจบลงพวกเราก็กลับบ้านเป็นเดทที่ดีอีกครั้งสำหรับสาว ๆ ที่ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเรานักเพราะถ้าว่ากันตามตรง เหล่าภรรยาของฉันหลายคนเพิ่งจะได้คบกันในช่วงที่กำลังลุยดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ ของอาร์เคมีดีสหมายถึงเจนนี่ ไมน์ รีเบคก้า ซิลเวีย ยูมิน่า ฟลอร่า แล้วก็เฮเลน่ากับคอร์ดิเรีย ทั้งแปดคนนั่นแหละพวกเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเดทกันเท่าไหร่ก็เลยยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บ้างแต่ข้อดีก็คือไม่ว่าจะพาไปเดทที่ไหนพวกเธอก็ยังไม่คุ้นชินเลยมีโอกาสเรียนรู้กันและกันอีกมากหืม? แล้วความทรงจำเรื่องเดทจากเมื่อชาติก่อน ๆ ของพวกเธอที่เคยมีกับเรานี่ไม่นับเหรอ?ก็ไม่เชิงหรอกนะ... ความทรงจำเมื่อชาติก่อนมันก็เหมือนกับความทรงจำในวัยเด็กนั่นแหละ เรื่องเกิดตั้งนานแล้วใครจะไปจำรายละเอียดได้ล่ะจริงไหม?ก็จริงแหละที่ถ้าทำอะไรสักอย่างให้นึกถึง ความทรงจำพวกนั้นก็จะถูกกระตุ้นทำให้นึกออกแต่ฉันคุยกับทุกคนหลายรอบแล้วว่าอดีตก็คืออดีต จะไม่ให้มันกลายมาเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้กันและกันของพวกเราหรอกก็ด้วยเหตุนั้นแหละ ทั้งแปดคนเลยยังไม่ค่อยชินกับการไปเดทแบบทั่วไป ก็เลยพาไปเดทที่ต่าง ๆ
เวลาผ่านไปจนเกินเที่ยง ฉันเลยติดต่อบอกให้ทุกคนกินข้าวรอกันไปก่อนส่วนฉัน ฟลอร่าแล้วก็ยูมิน่าไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารใกล้ ๆนับว่าเป็นการยืดเวลาเดทได้ดี สองสาวดีใจใหญ่ที่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น น่ารักจริง ๆ เลยน้าทั้งสองคนจากนั้นช่วงบ่ายไปถึงเย็นก็จะเป็นคิวของไมน์กับรีเบคก้า ฉันก็เลยต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวใหม่เพราะทั้งสองคนก็รออยู่ที่บ้านเหมือนกันแหล่ะนะแถมแฟนของฉันแต่ละคนก็ชอบบรรยากาศการเดทแตกต่างกันด้วยทั้งสไตล์การแต่งตัว น้ำหอม สถานที่ เวลา หรือความใกล้ชิดในที่สาธารณะเพราะทุกคนโตมาต่างกันเลยมีความต้องการคนละแบบ ก็ปกตินั่นแหล่ะแต่ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดเพราะฉันรู้สิ่งที่ทุกคนชอบดีอยู่แล้ว จำได้ขึ้นใจด้วยว่าไปแล้วพอพูดถึงความใกล้ชิด ไมน์กับรีเบคก้านี่ก็ออกจะเหนียมอายกว่าทุกคนหน่อยถ้าเป็นสาว ๆ ส่วนใหญ่จะเดินกอดแขนฉันกลางธารกำนัลได้สบายแต่ไมน์กับรีเบคก้าจะยังไม่ค่อยกล้าทำอย่างนั้นเท่าไหร่ ก็เป็นในทำนองเดียวกับรินนั่นแหล่ะอลิซนั้นยังพอว่าเพราะโตมาแบบรับวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้เต็ม ๆก็ขนาดพุ่งเข้ามากอดฉันที่เป็นเพื่อนสนิทยังกับเพื่อนเพศเดียวกันได้สบาย ๆ นั่นแหล่ะ (ถึงเธอจะไม่ได้ทำแบบ
หลังจากการเที่ยวสวนสนุกของฉัน เจนนี่และเฮเลน่าจบลงด้วยความหวานชื่น พวกเราก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกเต็มอิ่มขากลับก็มีการซื้อของที่ระลึกอย่างสร้อยคอให้พวกเธอและแน่นอน นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็ซื้อเค้กกลับไปฝากทุกคนด้วยถึงจะมีเดทกับแฟนสาว แต่ก็ต้องไม่ลืมครอบครัวที่รออยู่บ้านด้วยโดยเฉพาะลูกสาวสุดที่รักอย่างแมรี่ นี่แหล่ะหน้าที่เสาหลักของบ้านล่ะ อื้ม ๆ!เท่านี้วันแห่งการพักผ่อนก็จบไปอีกวันด้วยความสงบสุข...ถึงก่อนนอนจะมีเรื่องจริงจังให้คิดนิดหน่อยก็เถอะนั่นเพราะระหว่างวันได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการคร่าว ๆ ของการประกาศความสำเร็จที่พวกเราทุกคนปราบอาร์เคมีดีสส่งเข้ามาน่ะสิก็มาจากพวกเสือ คัทยูชา แอดรูวส์แล้วก็พี่มารีนั่นแหล่ะดูเหมือนอีก 6 วันนับจากนี้จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกถึงความสำเร็จของพวกเราพร้อมกับพิธีมอบรางวัลจากกษัตริย์ของอาณาจักรที่เป็นพันธมิตรก็... ฟังดูเป็นพิธีที่น่ารำคาญ แต่มันก็ขาดเสียมิได้หรอกแถมการทำแบบนั้นยังเป็นการตรวจสอบความร่วมมือจากอาณาจักรต่าง ๆ ให้ร่วมมือกันในการรับมือกับจอมมารในอนาคตด้วยแต่... ปัญหาก็คือพวกเราในตอนนี้ยังไม่มีเส้นสายในการติดต่อกับเผ่าปีศาจนี่แหล่ะ
ในห้องน้ำส่วนที่เป็นห้องแต่งตัวบ้านครอบครัวของกรก่อนหรือหลังเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำรวมของบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่มีใครใช้งานเป็นเวลานาน มันจึงเป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่จะมีคนเพิ่งอาบน้ำในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ โดยเฉพาะบ้านของกรที่ต้องตื่นมากินข้าวเช้า รวมถึงอาบและแช่น้ำรวมกันทั้งบ้านเป็นกิจวัตร“แบบนี้ดีไหมนะ? หรือแบบนี้ดี?” นั่นถึงเป็นเรื่องแปลกเมื่อมีหญิงสาวกำลังจัดทรงผมด้วยสีหน้าสายตาจริงจังในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสาวผู้มีสไตล์มากที่สุดและมีเสน่ห์ของสาวผู้ใหญ่เหลือล้นอย่างเจนนี่หนึ่งเดียวคนนี้เอง โดยปกติแล้วเธอเองก็ค่อนข้างดูแลตัวเองตลอดเวลา เรียกว่าแม้จะอยู่บ้านก็ยังแต่งหน้าแต่งตาบาง ๆ ให้ดูเป๊ะอยู่เสมอ อย่างน้อย ๆ นั่นก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แฟนหนุ่มอย่างกรรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะเธอค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียว ถึงแบบนั้นก็ไม่มากเกินไปกว่าระดับที่ทำให้ดูผิดธรรมชาติ“เป็นยังไงบ้างคะเจนนี่” ในจังหวะนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้องพอดิบพอดี เธอเป็นสาวหูแมวผู้เงียบขรึมดูไร้อารมณ์ที่สุ
ยามเช้าอันสดใสมาพร้อมเสียงสัตว์อรุณสวัสดิ์เป็นกิจวัตรอันสร้างความสดชื่นรับวันใหม่ได้ทุกครา ไม่มีเสียงปลุกอะไรไพเราะไปกว่านี้ กับบรรยากาศสดชื่นและน่าเย้ายวนชวนให้ตื่นเช้าเช่นนี้ คงไม่มีใครหาญกล้านอนต่อได้นอกเสียจากคนที่ทำงานจนเหนื่อยล้าหรือกำลังอยู่ในช่วงขี้เกียจสันหลังยาว เว้นเสียแต่ว่าเธอคนนั้นไม่ได้หลับเสียตั้งแต่แรก ข้อยกเว้นดังกล่าวคือฟีโอน่าที่กำลังนั่งเขียนเอกสารในห้องส่วนตัวของเธอ ในบ้านส่วนตัวที่อยู่อาศัยร่วมกันกับครอบครัวของเธอตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้าตรู่นี้ อันที่จริงต่อให้เธอทำงานค้างไว้ก็คงไม่มีใครว่าเธอได้ เพราะในอาณาจักรที่เธอปกครองตอนนี้ไม่มีใครใหญ่ยิ่งไปกว่าเธออีกแล้ว ต่อให้ประกาศกับเหล่าขุนนางไปแล้วว่าจะวางมือ แต่สถานะของอดีตราชินีและหนึ่งในสมาชิกปาร์ตี้ผู้กอบกู้โลกคงไม่มีใครกล้าหือแน่นอนต่อให้ลงจากตำแหน่งไปแล้ว สิ่งที่ผลักดันฟีโอน่าให้ทำงานจึงเป็นแรงขับเคลื่อนส่วนตัวอย่างความรับผิดชอบล้วน ๆ จะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเหล่าขุนนางก็คงได้ แต่อันที่จริง... สาเหตุหลักมันเป็นเพราะเธ
“ทนไม่ไหวแล้ว!!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายเป็นสิ่งแรกของยามเช้าอันสดใสของพวกกร ความเหนื่อยล้าจากศึกกลางคืนทำให้ทุกคนยังงัวเงีย แต่ก็ตื่นเต็มตากันหมดเพราะเสียงตะโกนของตัวป่วนประจำบ้านอย่างอลิซ ด้วยความที่ทุกคนนอนบนฟูกปูพื้นทำให้ทุกคนนอนเกลื่อนกลาด และเพราะผ่านศึกอันหนักหน่วงกันมา ทั้งสาว ๆ และกรเลยมีแค่ผ้าห่มคนละผืนทับตัวเปล่า ๆ เหมือนเด็กแรกเกิด แต่สภาพแบบนั้นไม่ได้ทำให้อลิซร่าเริงน้อยลงเลย“ได้ยินป่าว! ฉันบอกว่า ‘ทน-ไม่-ไหว-แล้ว’ อ่ะ!” เธอทำแก้มป่องทุบพื้นหลายต่อหลายที ถึงไม่รู้ว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรก็เถอะ“มีเรื่องอะไรแต่เช้าเนี่ย?” กรที่หนุนหมอนอยู่ถึงชันตัวขึ้น เขาต้องค่อย ๆ ใช้แขนสองข้างประคองให้มีอากับรินลงหนุนหมอนแทนจากที่นอนซบไหล่เขามาตลอดคืน อาจเพราะแบบนั้นด้วยมีอากับรินเลยทำหน้ามุ่ย แต่พอได้กรลูบหัวไปคนละสองทีพวกเธอก็ยิ้มพริ้มกันเพลินจนต้องหลับต่อ“หรือว่าอยากกอดเหรอ? งั้นมามะ” กรอ้าแขนเชื้อเชิญด้วยใบหน้าระรื่น เพราะเขาเองก็อยากจะกอดอลิซเหมือนกัน“ไม่ใช่ย่ะ! ไม่สิ... ถึงจริง ๆ จะอยากกอดก็เถอะ แต่ที่จะพูดมันไม่ใช่เรื่
————วันรุ่งขึ้นหลังจบศึก, ณ มหาดันเจี้ยนโบราณเด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว ภายในมหาดันเจี้ยนโบราณของฟรังซ์ ออลเดลผู้เป็นเจ้าของนั้น มีดันเจี้ยนชั้นหนึ่งที่เป็นส่วนอยู่อาศัย หากนับตามลำดับคงเป็นชั้นที่ 101 ว่าไปแล้ว มันก็คือดันเจี้ยนชั้นเดียวกับที่กรและมีอาได้เข้ามาพักหลังจากที่เคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้สำเร็จแล้วนั่นเอง คฤหาสน์ของฟรังซ์นั้นมีห้องอยู่จำนวนมากทั้งที่กำลังใช้งานอยู่และที่เป็นห้องว่างพร้อมให้ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบต่าง ๆ ตามต้องการ ในบรรดาห้องว่างทั้งหลายเหล่านั้นคือห้องชั้นใต้ดินของอาคารหลักอันมืดมิด ได้ถูกดัดแปลงเป็นห้องกรงแบบง่าย ๆ คำว่าง่าย ๆ ที่ว่านั้น คือการใส่ลูกกรงเหล็กหน้าห้องแทนประตู พื้นที่เป็นดินไม่ได้รับการตกแต่งหรือทำความสะอาดเพื่อไว้ใช้ลงโทษ นอกเหนือจากนั้นคือกุญแจมือและเท้าที่ล่ามติดโซ่ผู้กระทำผิดเอาไว้ในฐานะนักโทษอยู่กลางห้องไม่ให้ขยับไปไหนได้ และคนที่ถูกล่าม ไม่สิ... ล่ามตัวเองอยู่นั้น ก็ไม่ได้เป็นใครอื่นนอกจากอาร์เคมีดีส ตัวอาร์เคมีดีสนั้นแม้จะถูกล่ามโซ่ในสภาพอนาถาแต่กิริยาของเขากลับยังนิ่งสงบ ทั้
————ก่อนหน้านี้เล็กน้อย“แล้ว... จะเอายังไงต่อดีล่ะเนี่ย” หลังออกมาจากมหาดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ จนมาอยู่บนชายหาดของเกาะที่อยู่ใกล้ที่สุด เมอร์ลินก็เอ่ยถามขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะอาเธนที่เป็นคนใช้ไอเทมทำให้ทุกคนออกมาได้รวมถึงมหาปราชญ์คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้มาด้วย เนื่องจากจำเป็นต้องทำลายแกนพลังงานของดันเจี้ยนเพื่อลดอัตราการดูดซับเท่าที่จะทำได้แม้แกนกลางของดันเจี้ยนจะกลายเป็นลาสบอสพร้อมกับอาร์เคมีดีสไปแล้วก็ตาม และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่มันก็เหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง คำถามของเมอร์ลิน จึงไม่ใช่อะไรนอกจากการยืนยันสิ่งที่กรจะทำหลังจากนี้ ทั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นและกังวล แต่ว่าก่อนหน้านั้น...“เดี๋ยวก่อนสิ! นี่จะไม่สนใจไอ้เจ้ายักษ์นั่นหน่อยเหรอเนี้ยว!?”“นะ นั่นสิคะ! นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ควรกังวลมากกว่านะคะ!” ในขณะที่ฟลอร่ากับซาช่าต่างก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเหมือนคนสติแตก ซึ่งถ้าบนนั้นมีแค่เมฆสีครามเหมือนปกติก็จะดี แต่เพราะไม่ใช่ พวกเธอถึงกลัวจนขนลุกกันขนาดนั้น เพราะที่อยู่บนนั้น คือมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่า