———ทางด้านของมีอาและเคลเบรอสที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์…
〖เหมือนกันจริงๆ〗
〝คุณหมา!? หมายถึงอะไรเหรอ?〞
หลังจากที่ผู้ประกาศเข้าโจมตีกรด้วยศรแสงในครั้งแรก แล้วมีอาตะโกนออกไปเพื่อเตือนกรแต่กรไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
มีอาที่นั่งดูการต่อสู้ของกรอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆนี้แสดงอาการกระวนกระวายปนเศร้าใจที่ไม่สามารถช่วยเหลือกรได้มาตลอดตั้งแต่ก่อนการเข้าปะทะ แม้จะไม่ได้ถามเหตุผลแต่เธอก็ยังปล่อยให้กรทำตามใจ เคลเบรอสที่เห็นแบบนั้นก็โผล่หน้าออกมาจากฝัก และพูดสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ออกมาโดยอาศัยความคิดสงสัยของตัวเองเพื่อดึงความสนใจของมีอาออกมาจากสนามรบเล็กน้อย ก็เพื่อให้เธอผ่อนคลายขึ้นซักนิดก็ยังดี
〖ก็… เจ้าหนูกับคุณนายตรงนั้นหน่ะสิ〗
〝เอ๋?〞
หลังจากที่ได้ยินเคลเบรอสพูดแบบนั้น มีอาก็เอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังดังเช่นทุกที
〝หมายความว่ายังไงเหรอคุณหมา?〞
〖นั่นสินะ ข้าเองก็อธิบายไม่เก่งซะด้วย… แต่ทั้งสองคนหน่ะ มีสไตล์การต่อสู้เหมือนๆกัน〗
〝เรื่องที่ไม่ประมาทศัตรูงั้นเหรอ?〞
〖เรื่องที่กลัวคนอื่นต่างหาก 〗
〝เอ๋? ต่างกันงั้นเหรอ?〞
เคลเบรอสที่ได้ยินคำถามกลับมาจากมีอาก็ส่งเสียง อืม ออกมาเบาๆ ราวกับกำลังหาคำอธิบายให้มีอาเข้าใจได้ง่ายๆ
〖อืม… จริงๆมันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นักหรอก เพียงแต่ความกลัวมันจะทำให้วิตกจริตและกลัวศัตรูจนจดจ่อแต่กับมันมาเกินไปจนมองสภาพแวดล้อมได้ไม่ทั่วถึงหน่ะ… ประมาณนี้มั้ง 〗
〝อ๋อ! เข้าใจหล่ะ〞
〖จะว่าไปแล้ว พื้นฐานของทั้งสองคนก็เป็นเหมือนกันนี่นะ… เป็นพวกขี้อาย แล้วก็หวาดกลัวผู้คนที่ตัวเองไม่รู้จัก… ก็เหมือนกับตอนที่เจอคุณหนูครั้งแรกนั่นแหล่ะนะ 〗
〝ก็จริงนะ… ตอนแรกกรก็แค่ ไม่เชื่อใจคนอื่นเองนี่นา อู… พอนึกย้อนกลับไปแล้วเจ็บปวดนิดหน่อยเลย〞
ระหว่างที่คุยกับเคลเบรอสีอาก็จะเหล่มองกรที่กำลังต่อสู้อยู่ตลอดบทสนทนา และก็แสดงสีหน้าตกใจและร้อง อ๊ะ! ออกมาเป็นพักๆ
〖เรื่องที่ไม่เชื่อใจคนอื่นนั่น โดยพื้นฐานแล้วก็มาจากความกลัวนั่นแหล่ะ〗
〝งั้นเหรอ... เรื่องนั้น…อาจจะจริงก็ได้〞
〖ไอ้เรื่องความกลัวหน่ะ… ส่วนใหญ่ก็มาจากปมด้อยหรือบาดแผลในใจที่แก้ไม่หายนั่นแหล่ะ ข้าเองก็ไม่เคยถามซะด้วยสิ ว่าเรื่องก่อนหน้าที่เจ้าหนูนั่นจะลงมาในดันเจี้ยนนั้นเป็นยังไง〗
〝อ๊ะ!!! จะว่าไปฉันเองก็ไม่รู้เรื่องของกรเลยนี่นา! แต่ถ้านั่นเป็นเรื่องที่กรนึกถึงแล้วเจ็บปวดหล่ะก็——〞
〖หึหึ! ไม่เป็นไรหรอกคุณหนู หากถึงเวลาเจ้าหนูมันคงเล่าให้ฟังเองหล่ะ… ถึงทางนี้จะอยากรู้สุดเลยก็เถอะ——อึก!〗
และก็เช่นเคย พอเคลเบรอสพูดแบบนั้นออกไป เหมือนกับว่าเคลเบรอสไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของกร(จากมุมมองของมีอา) เธอจึงเข้าสู่โหมด『อัลติเมทมีอา(ชื่อไม่เป็นทางการ)』 ดังเช่นทุกที นั่นเลยทำให้เคลเบรอสที่เสียวสันหลังวาบสะอึกออกมาแรงๆครั้งนึง ก่อนที่จะปิดปากของตัวเองสนิท
〝อ๊ะ!!! ขอโทษนะคุณหมา ดันลืมตัวซะได้〞
〖มะ ไม่เป็นไรขอรับกระผม〗
แล้วจากนั้นทั้งคู่จึงกลับมาสนใจการต่อสู้ของกรและผู้ประกาศอีกครั้งอย่างรวดเร็วพร้อมๆกัน…
❖❖❖❖❖———ทางด้านของกรและผู้ประกาศที่ยังคงปะทะกันอยู่…
〝หึ! ตกใจที่เจอความสามารถแบบเดียวกับตัวเองเข้ารึไง?〞
เป็นอีกครั้งที่กรต้องตกใจกับความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ของศัตรูดังเช่นบอสอีกครั้งหนึ่ง และหนทางชนะถูกบีบเข้ามาด้วยท่าทางสบายๆของสาวผู้ประกาศที่พูดแบบนั้นออกมาด้วยเสียงเรียบๆ ทั้งที่ยังขยับร่างกายและหลบกระสุนไปมาได้อย่างคล่องแคล่ว และแน่นอนว่ากระสุนของกรไม่เฉียดตัวเธอเลยซักนิดเดียว
〝ชิ!!!〞
บ้าเอ้ย!!! ยัยนี่… ยุ่งยากขึ้นเรื่อยๆเลย
ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยคิดถึงสถานการณ์แบบนี้หรอกนะ… แต่นี่มันจะเร็วเกินไปหน่อยแล้ว!
แถมคนที่มีมันอยู่ดันเป็นยัยนี่อีก! บาเรียของยัยนี่เองก็ด้วย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีการจัดการหรอก
แต่ไอ้『สุดยอดการประมวลผล』เองนี่แหล่ะที่เป็นปัญหาหลัก——
〝เอาหล่ะ… โชว์ของแค่นี้ก็พอแล้วมั้ง!〞
ซู่ม!
〝!?〞
ทันทีผู้ประกาศสาวพูดแบบนั้นก็มีพลังเวทย์ก่อขึ้นมาทั่วร่างของตัวเอง แล้วจากนั้นมันก็ขยายตัวออกไปรวมกับบาเรียที่อยู่รอบตัวของเธอซึ่งมีอยู่แล้ว ทันทีที่มันขยายตัวผ่านกระสุนที่กรกำลังควบคุมอยู่ กระสุนทั้งหมดก็สลายหายไปเหมือนกับครั้งที่กระสุนในครั้งแรกโดนบาเรียแล้วสลายไปไม่มีผิด
〝ต่อไปก็…【เวทย์แห่งความมืด•แบล็คเกเฮน่า!!!!】〞
ซู่ม!
ทันทีที่ผู้ประกาศพูดออกมาแบบนั้น ทั่วทั้งบริเวณก็เกิดเปลวเพลิวสีทำทมิฬเสียยิ่งกว่าสกิลเพลิงทมิฬของเคลเบรอสพวยพุ่งออกมาจากผืนดินจนสูงระดับเอว แต่บริเวณที่อยู่ในบาเรียของเธอไม่ได้มีเปลวเพลิงนั้นเล็ดรอดเข้าไปแต่อย่างใด
〝อึก! ร้อน อึดอัด! บ้าชัดๆ!〞
เดี๋ยวก่อนสิ… ไม่ใช่ว่าไอ้ฉายา〘เหนือฟ้าใต้หล้า ทนทานทุกสิ่ง〙มันป้องกันสถานะผิดปกติได้ทั้งหมดรึไง
หรือนี่จะเป็นช่องว่างของผลพิเศษ แต่มารู้ตัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว… แล้วทำไมถึงพึ่งมาเจอกันฟ่ะ!
〝【แสงแห่งการชำระล้าง!!!!】〞
หลังจากที่กรถูกความเจ็บปวดทิ่มแทงไปทั่วร่างก็ใช้เวทย์เฉพาะของตัวเองตอบสนองกลับแทบจะทันที ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างส่องลงมาจากด้านบนโดยมีกรเป็นจุดศูนย์กลาง ชั่วพริบตานั้นผลจากสกิลที่เธอคนนั้นปล่อยออกมาก็บรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด จากตอนแรกที่หายใจไม่คล่องคอ เจ็บปวดราวกับถูกเข็มแทงไปทั่วร่างและปวดแสบปวดร้อนไปทั่วทั้งตัว อาการทั้งหลายก็หายเป็นปลิดทิ้งในทันทีที่ร่างของกรสัมผัสกับแสงสีขาวอันอบอุ่นนี้
〝เวทย์เฉพาะตัวสายแสงสว่างงั้นเหรอ? ไม่เข้ากันสุดๆไปเลย〞
〝หมายความว่าไง?〞
〝หึ! ก็ทั้งชุดของนาย… ทั้งเนื้อในของนาย… มันดำสนิทเลยนี่น๊ะ〞
〝…………〞
ผู้ประกาศสาวพูดแบบนั้นพลางแสร้งยิ้มให้กับกรที่อยู่ห่างออกไป
〝เฮอะ! เธอเองก็อย่าพูดเหมือนกับรู้ไปหมดหน่อยเลย!〞
〝ไม่ยอมรับงั้นสิ! เฮ้อ…..ช่างว่างเปล่าซะจริงๆน้า〜 นายหน่ะ〞
〝ชิ! ชักจะพล่ามมากเกินไปแล้วนะยัยนี่!!!〞
ชั่วพริบตานั้นกรก็รวบรวมออร่าสีขาวที่อยู่ทั่วร่างให้หนาแน่นขึ้น แต่เน้นเป็นพิเศษตรงบริเวณแขนและขาทั้งสอง ก่อนที่จะถีบพื้นเข้าไปหาจุดที่ผู้ประกาศอยู่ในทันที
【ใช่แล้ว ว่างเปล่า… เหมือนกันกับฉัน】
ผู้ประกาศพูดแบบนั้นในลำคอด้วยน้ำเสียงเรียบๆเช่นเคย และแน่นอนว่ากรที่มีสุดยอดการประมวลผลได้ยินมันอย่างชัดเจน และรับรู้ได้ว่าเธอค่อนข้างหวั่นไหวในขณะที่พูดแบบนั้นออกมา แต่กรก็สะบัดความคิดหลายๆอย่างที่ก่อตัวขึ้นมาเพียงเสี้ยววิออกไป และดึงสมาธิของตัวเองกลับมาแทบจะทันทีเพราะตอนนี้เขาพุ่งเข้ามาจนอยู่ห่างจากเธอเพียงแค่ 5 เมตรเท่านั้นเอง
〝งั้นคราวนี้ ฉันจะเอาจริงขึ้นมานิดนึงละกัน!!!〞
ขณะที่พูดแบบนั้น ผู้ประกาศสาวคนนี้ก็ทำการคว้าคฑาที่ลอยอยู่ตรงหน้าของตนและถ่ายพลังเวทย์ลงไป แม้กรที่วิ่งเข้าหาเธอจะอยู่ห่างออกไปถึง 5 เมตร แต่ก็สัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์และปริมาณอันมหาศาลของพลังเวทย์ของเธอได้อย่างชัดเจน
〝【เวทย์อัญเชิญระดับเทพเจ้า•เทพอสูรอาชูร่า!!!!】〞
ซู่ม!
ทันทีที่การร่ายเวทย์เสร็จสิ้น ก็ปรากฏยักษ์สีดำสนิทใบหน้าเคร่งขรึมที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์สวมชุดนักบวชของศาสนาพุทธ 3 เศียร 6 กร แต่ขนาดนั้นสูงเกือบ 10 เมตร ในมือทั้ง 6 ข้างละ 3 มีสองมือซ้ายขวาที่อยู่ตรงกลางเท่านั้นที่ว่างเปล่า ส่วนอีก 4 ข้าง จากบนลงล่าง ซ้ายไปขวา ก็คือ ดาบคาตานะ โล่กลมแบนคล้ายกระจก ตรีศูรด้ามจับยาว และสุดท้ายคือหอกปลายแหลมที่มีด้ามจับยาวพอๆกัน โผล่ขึ้นมาขวางทางที่กรกำลังพุ่งไปยังผู้ประกาศ
〝เฮ้ยๆ!!! ยังมีของแบบนี้ซ่อนอยู่อีกงั้นเหรอ?〞
〝ยังมีอีกเยอะเลยหล่ะ! ถ้านายรอดไปจนถึงตอนนั้นได้หล่ะก็นะ〞
อีกแล้ว! ทั้งเวทย์แห่งความมืดกับเวทย์อัญเชิญ เป็นเวทย์ที่เราไม่มีในครอบครอง
ทีแบบนี้หล่ะออกมากันจังนะครับ!
อีแบบนี้ถึงคาดการณ์ล่วงหน้าไปก็เปล่าประโยชน์
แถมเนตรทวิกาลที่เรามีใช้ดูอนาคตเองก็เถอะ! อนาคตอีก 1 วินาที ก็แตกแขนงไปกว่า 40 แบบแล้ว
แค่ 1 วินาทีไม่เพียงพอต่อการคาดเดา… ไม่สิ สำหรับพวกเรา 1 วินาทีมันยาวนานพอสมควรเลยนี่นา
นี่สินะคือการต่อสู้ของคนที่มีสุดยอดการประมวลผลเหมือนกัน อีแบบนี้คงต้องมองให้ละเอียดขึ้นเป็นเสี้ยววิเลยสิเนี่ย ถึงจะคาดเดาได้ละเอียดขึ้น…
กึก!
〝แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้เราต้องจัดการไอ้ตัวเป้งนี่ก่อน!!!〞
ทันทีที่กรพูดแบบนั้น ก็ใช้เท้ายันพื้นและยึดกับพื้นแน่น และยืนเผชิญหน้ากับเทพอสูรขนาด 10 เมตรตรงหน้า ด้วยท่าทางสบายๆ
ถึงจะมีความเป็นไปได้ที่ยัยนี่จะเรียกออกมาเพิ่มก็เถอะ
แต่ถ้าไม่อัดไอ้เวรนี่ให้ปลิวก่อนก็คงเข้าไม่ถึงตัวยัยสาวแว่นคนนี้ง่ายๆแน่
〝เอาให้ไม่เหลือซากเลยอาชูร่า!!!〞
〖น้อมรับคำบัญชาขอรับ นายท่าน〗
พูดได้ด้วย!!! งั้นก็แสดงว่าไอ้หมอนี่มันมีสติปัญญางั้นสิ!
〖ตายซะเถอะ ศัตรูผู้ที่ข้ายังไม่ทราบนามเอ๋ย!!!!〗
ทันใดนั้นเทพอสูรตนนี้ก็ยกด้ามคาตานะขึ้นเหนือหัวด้วยความเร็วสุดยอด แล้วก็ฟาดลงด้วยความเร็วสูงพอๆกันโดยไม่ให้กรที่เพิ่งยึดกับพื้นเมื่อครู่พักเลยแม้แต่น้อย
〝ไม่ง่ายแบบนั้นหรอกน่าลุง【Ogre Shield Form!!!】〞
แคร๊ง!
〖หืม!!!!〗
เสียงโลหะเสียดสีกันอย่างรุนแรงจนเกิดประกายไฟ จากที่ดาบคาตานะของเทพอสูรแฉลบผ่านโล่ยักษาของกรที่ตั้งรับโดยทำมุม 45 องศาเพื่อเบี่ยงการโจมตีออกไปแทนที่จะรับตรงๆ นั่นเพราะกรเห็นการโจมตีนี้ล่วงหน้าจากเนตรทวิกาลอยู่แล้ว
เทพอสูรต่างจากผู้ประกาศที่มีของคล้ายกับสุดยอดการประมวลผล กรจึงสามารถคาดเดาท่าทางของเขาได้ล่วงหน้าแทบจะแน่นอน เทพอสูรตัวปัญหาที่เห็นกรสามารถป้องกันการโจมตีแรกได้ ก็แสดงอาการตกตะลึงออกมา เพราะราวกับว่าที่กรสามารถรับการโจมตีนี้ได้นั้น มันเหมือนกับกรรู้การโจมตีล่วงหน้า นั่นจึงทำให้เทพอสูรตนนี้ต้องเอาจริงในทันที
แล้วหลังจากนั้นเทพอสูรก็เงื้อมหอกและตรีศูรทั้งสองไปข้างหลัง แล้วจากนั้นก็แทงเข้ามาทางกรด้วยความเร็วที่ตามนุษย์ปกติมองไม่ทัน
〝【สโมร์ค!!!】〞
ฟู่!
แล้วจากนั้นกรก็หายไปจากทัศนวิสัยของเทพอสูรอย่างรวดเร็ว เนื่องจากทัศนวิสัยถูกบดบังไปด้วยกลุ่มควันตรงบริเวณที่กรอยู่ แล้วพอควันที่ว่าจางหายไป ร่างของกรที่เคยยืนอยู่ตรงนั้นก็หายไปด้วยเทพอสูรที่โจมตีจั่วลมไปก็หันซ้ายทีขวาทีอย่างรวดเร็วเพื่อหาตัวกรในทันที
〝อาชูร่า ข้างล่าง!!!〞
〖!!!!〗
ต่างจากเทพอสูรที่มีประสาทสัมผัสตามปกติ จึงมองไม่ทันการกระทำของกร แต่แน่นอนว่าผู้ประกาศที่สามารถเร่งความคิดให้เร็วขึ้นเช่นเดียวกับกรสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
〝สายไปแล้ว!!!【ไวน์ออฟอิกดราชิล!!!】〞
แต่ก็ไม่ทันการ หลังจากที่กรหายตัวไปและแทบจะทันทีที่เสียงของกรดังขึ้นจากจุดที่เทพอสูรมองไม่เห็น ขาทั้งสองข้าง แขนทั้งหกของเทพอสูร รวมถึงลำตัวท่อนล่างก็ถูกพันธนาการด้วยเถาวัลย์หนาถึง 5 เมตรด้วยเวทย์พฤกษาระดับเทพเจ้าของกร
〖โกหกน่า!!!!〗
〝ไปพักผ่อนซะเถอะลุง!!!〞
ทันทีที่กรตะโกนออกไปแบบนั้น ร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นมาจากพื้นดินตรงจุดที่เขาหายไป นั่นเป็นเพราะกรที่หลบการโจมตีของเทพอสูรได้ เกิดจากการที่เขาทำการแปรธาตุพื้นที่อยู่ตรงเท้าของตัวเองไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ที่เบี่ยงคาตานะออกไปแล้ว อนึ่งเวทย์แปรธาตุของกรในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุที่มีรูปร่างและขนาดแน่นอนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว นั่นเพราะระดับของเวทย์แปรธาตุที่กรมีตอนนี้อยู่ในระดับเทพเจ้า กรจึงสามารถแปรธาตุจากพื้นได้โดยตรงไปแล้ว
และพอมองเห็นอนาคตที่ตัวเองจะถูกตรีศูรและหอกแทง จึงทำให้กรยุบพื้นที่อยู่ใต้เท้าเป็นช่องว่างทรงลูกบาศก์ แล้วนำตัวเองเข้าไปก่อนที่จะปิดมันด้วยพื้นดินราวกับโลงศพอย่างรวดเร็ว
〝【วันพ้านนนนช์!!!】〞
จากนั้นเขาก็ถีบพื้นที่ถูกเสริมด้วยออร่าเทพเจ้า และเงื้อมหมัดขวาที่ถูกเสริมด้วยออร่าแบบเดียวกันไปข้างหลัง แล้วก็จัดการอัดเข้าไปที่ใบหน้าของเทพอสูรที่อยู่ตรงหน้าจนเทพอสูรที่กำลังถูกมัดอยู่ ถูกกระแทกอยู่กับที่จนสลายไปทั้งอย่างงั้นเลย
ส่วนเนตรทวิกาลเองกรก็ทำการปลดมันออกหลังจากที่กำจัดเทพอสูรลงไปได้ในทันที เพราะมันใช้พลังเวทย์มากเกนความจำเป็นนั่นแหล่ะ รวมถึงต่อจากนี้กรไม่จำเป็นต้องใช้ก็ด้วย กรจึงต้องปลดมันออกอย่างเลี่ยงไม่ได้
ฟุบ!
〝โห๋ๆ!!! คราวนี้ต้องขอชมเลยนะ〞
ทันทีที่กรลงถึงพื้น เธอก็เปิดปากชมกรในทันที
〝จิบๆน่า! เอาไว้ฉันชนะก่อนค่อยพูดก็ยังไม่สายหรอกน่า… แล้วถ้าจะชม เอาเป็นบอกเรื่องที่ว่า เธอรู้เรื่องที่ฉันมาจากต่างโลกได้ไง แทนจะดีกว่านะ〞
〝หึหึ! งั้นเพื่อเพิ่มแรงจูงใจ ถ้าชนะฉันได้จะบอกเรื่องนั้นก็ได้นะ!〞
〝มันต้องอย่างงั้นสิ!〞
ตู้ม!!!
จากนั้นกรที่ลงพื้นและปรับสมดุลของตัวเองในขณะที่สนทนากับผู้ประกาศเสร็จแล้วก็ถีบพื้นแล้วพุ่งเข้าไปหาผู้ประกาศอีกครั้งตรงๆ ราวกับไม่สนใจบาเรียของเธอยังไงอย่างงั้น
〝พุ่งเข้ามาตรงๆงั้นเหรอ!? บอกไว้ก่อนนะว่าบาเรียนี่สามารถลบสสารและเวทย์ทุกอย่างที่สัมผัสมันได้ทั้งหมดเลยนะ… และแน่นอนว่าตัวนายเองก็ลบให้หายไปได้ด้วยเหมือนกัน〞
〝เรื่องนั้นรู้ตั้งแต่ตอนที่ใช้ปืนแล้วเฟ้ย! ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นหรอกนา แล้วอีกอย่างนึง——〞
แล้วจากนั้นกรก็เพิ่มความเร็วให้มากขึ้นอีก แม้จะอยู่ห่างแค่ 5 เมตรก็ตามที แล้วจากนั้น…
〝ไม่ได้มีแต่เธอหรอกนะเฟ้ย! ที่สามารถลบสสารทุกอย่างได้หน่ะ!!!〞
〝หา! แย่หล่ะสิ!!!〞
วูม!!!
ทันทีที่กรพูดแบบนั้น อัญมณีที่อยู่บนหลังมือซ้ายของเขาก็เปล่งแสงสว่างสีเขียวออกมาจนแสบตา แล้วปฏิกิริยาของผู้ประกาศที่ตกใจกับคำพูดของกรเองก็ทำให้กรตกใจเล็กน้อย เพราะนั่นเหมือนกับรู้อยู่แล้วว่ากรมีสกิลแบบเดียวกันนั่นเอง
หึ! สกิล『ดูดซับทุกสิ่ง???』 ใช้กับบอสไม่ค่อยได้ผลก็จริงเพราะระดับที่แตกต่างกันจนเกินไป
แต่ถ้าเป็นมอสเตอร์ในชั้นหรือกับคนด้วยกันหล่ะก็ ฉันคนนี้ก็มั่นใจว่าระดับสูงพอที่จะดูดซับได้แน่นอน… ก็เกิดใหม่มาตั้ง 3 รอบแล้วนี่นะ
〝แต่สกิลนั่นต้องใช้เวลาไม่ใช่เหรอ!!! นั่นหน่ะ——〞
〝ก็ไม่รู้ว่าหรอกนะว่าเธอรู้ได้ยังไงหน่ะ… แต่นี่ไม่ใช่สกิลแบบปกติ จะเรียกว่านี่เป็นวิชาที่ฉันพัฒนาขึ้นมาเองก็ได้!〞
แล้วกรก็พูดกดดันอีกฝ่ายเพิ่มเข้าไปอีก ทั้งที่กำลังพุ่งตัวเข้าไปหาผู้ประกาศคนนี้อย่างรวดเร็ว
ถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่าเธอรู้ได้ยัง แต่เรื่องนั้นค่อยถามหลังจบเรื่องก็ได้ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องคิดตอนนี้
แล้วก็เป็นอย่างที่ยัยแว่นนี่พูด… สกิลนี้ต้องใช้เวลาในการดูดซับขึ้นกับระดับของอีกฝ่าย
ดูแล้วยังไงเธอคนนี้ เราคงดูดซับไม่ได้ง่ายๆ
แต่ว่านั่นไม่ใช่กับวิชาใหม่ของฉันคนนี้ ที่ฝึกกับมีอาตั้งวันนึงเต็มๆหรอกนะ!
คอยดูให้ดีเถอะ!!!
หมัดนี้ที่ผสมผสานเวทย์หลายๆแบบเข้าด้วยกัน และถูกเสริมกำลังและเร่งปฏิกิริยาด้วยพลังเวทย์ของเราและเวทย์สนับสนุนหลายๆแบบ จนกลายเป็นสุดยอดหมัดที่ทะลวงได้ทุกสิ่ง!
〝รับไปซะ!!! 【หมัดสว่าน!!!】〞
ตู้ม!!!
แล้วหมัดของกรก็เข้าปะทะกับบาเรียของผู้ประกาศอย่างรุนแรงจนเกิดแรงกระแทกไปยังตัวผู้ประกาศจนแทบจะปลิวเลยทีเดียว แต่บาเรียก็ยังไม่ได้หายไปในทันที นั่นเป็นเพราะเธอคนนี้ได้เปลี่ยนรูปร่างของมันให้กลายเป็นโล่อยู่ตรงจุกที่หมัดของกรตกกระทบ ทั้งยังเพิ่มจำนวนขึ้นอีก
〝อึก! เซนส์ตั้งชื่อห่วยชะมัด... ชื่อหมัดตะปูยังดูดีกว่าร้อยเท่าเลย〞
〝หนวกหูน่า! เรื่องชื่อจะยังไงก็ได้น่า ฉันไม่ใช่นักล่าอาหารนะเฟ้ย!!!〞
แล้วหมัดของกรก็ทะลวงโล่ที่สร้างขึ้นด้วยสกิลแบบเดียวกับบาเรียของผู้ประกาศไปเรื่อยๆ และแน่นอนว่าการดูดซับของกรนั้นเร็วจนถึงกับทำให้ผู้ประกาศตกใจจนออกนอกหน้าเลยทีเดียว แม้จะพูดตดตลกแต่สีหน้าเธอก็ไม่ได้ขำด้วยแต่อย่างใด
เพล้ง!!!
〝แย่หล่ะสิ!〞
แล้วในที่สุดหมัดของกรก็ทะลวงบาเรียทุกชั้นได้อย่างหมดจดและเข้าประชิดตัวของผู้ประกาศได้ในที่สุด
〝ขอเอาคืนบ้างหล่ะนะ!〞
ทันทีที่เข้าประชิดตัวของเธอได้ ก็ทำการซัดหมัดขวาเข้าไปที่บริเวณสีข้างซ้ายของเธออย่างรวดเร็ว
〝หึ! ซะเมื่อไหร่!〞
〝อึก!〞
ชั่วพริบตาที่หมัดของกรจะเข้ากระทบสีข้างของเธอ ผู้ประกาศก็ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์และพูดออกมาอย่างมีเลศนัย กรจึงหยุดหมัดของตัวเองในทันที แต่ดูเหมือนจะช้าไปเล็กน้อย เพราะถึงมือของเขาจะหยุดได้ทัน แต่ถุงมือส่วนหนึ่งของเขาก็สัมผัสสีข้างของเธอเข้าให้แล้ว ผลลัพธ์ก็คือ ถุงมือบริเวณที่สัมผัสได้หายไปเหมือนกับที่การโจมตีถูกลบหายไป ซึ่งเป็นผลของบาเรียไปเสียอย่างงั้น
〝เฮ้ยๆ! เอามาคลุมตัวก็ได้เหมือนกันงั้นเหรอ?〞
〝ตอนที่หลบกระสุนก็ทำให้ดูครั้งนึงแล้ว… นี่นา!!!〞
ทันทีที่เธอพูดแบบนั้น ก็จัดการใช้คฑาคู่กายซัดเข้าไปที่บริเวณใบหน้าของกร แต่แน่นอนว่ากรก็หลบได้เช่นกัน
〝เฮอะ! แต่หมัดสว่านก็ยังใช้ได้นะเฟ้ย!〞
แล้วกรก็ทำการใช้หมัดซ้าย ชกสวนตรงไปยังบริเวณสีข้างขวาของเธอ แต่เธอก็เอี้ยวตัวหลบได้เช่นกัน
แล้วจากนั้นทั้งคู่ก็ผลัดกันรับผลัดกันรุกอยู่เกือบ 10 วินาทีซึ่งอีกฝ่ายสามารถหลบและรับการโจมตีของอีกฝ่ายได้ทั้งหมด โดยที่กรใช้หมัดชกแล้วเธอเอี้ยวตัวหลบ ส่วนผู้ประกาศก็ใช้คฑาเสริมพลังเวทย์ฟาดและแทงกรในระยะประชิดแต่กรก็หลบและปัดได้ จนกระทั่งถึงจังหวะที่เธอคนนี้ฟาดเข้ามาที่กลางลำตัวกรจากทางด้านซ้ายของกร กรจึงใช้ต้นแขนกันคฑาของเธอไว้ได้ แล้วจากนั้นก็ใช้มือซ้ายกำด้ามของคฑาในทันที
〝อ๊ะ!〞
ทันใดนั้นกรก็ดึงคฑาและตัวผู้ประกาศที่ยังคงจับคฑาไว้แน่นเข้ามาใกล้จนหน้าของเธอห่างจากเขาเพียงแค่ 1 ฝ่ามือเท่านั้นจนตัวผู้ประกาศหน้าแดงออกมาหน่อยๆเลยทีเดียว ก่อนที่จะปล่อยมือซ้ายของตัวเองที่จับอยู่และเตรียมโจมตีผู้ประกาศที่กำลังเสียหลักอยู่ในทันที
〝พลังเวทย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของจอมเวทย์สินะ! ถ้าเกิดมันหายไปจะเป็นยังไงน้า〜〞
〝 อะ อะไรอีก?〞
หมับ!
〝อะ อะเด๋ !!!!〞
จากนั้นก็เอื้อมมือซ้ายของเขาไปจับมือขวาของผู้ประกาศอย่างกระทันหันจนเธอตกใจและร้องเสียงแปลกๆออกมาเลยทีเดียว
〝ขอหล่ะนะ! พลังเวทย์ของเธอหน่ะ【ดูดพลังเวทย์!!!】〞
〝อึก!!!!〞
ทันทีที่กรประกาศใช้เวทย์เฉพาะที่ดรอปมาจากบอสมังกรห้าหัวในครั้งก่อนออกไป อันเป็นสกิลที่สร้างความลำบากให้แก่มีอาและตัวเขาจนตายมาแล้วนั่นเอง จากนั้นพลังเวทย์ในตัวของผู้ประกาศจำนวนมหาศาลก็หลั่งไหลเข้ามาสู่ตัวกรในทันทีราวกับก็อกแตกเลยทีเดียว ผู้ประกาศที่อ่อนแรงลงเพราะถูกช่วงชิงพลังเวทย์ไปก็ไม่สามารถขัดขืนกรได้อีก นั่นจึงทำให้พอผ่านไปได้ 15 วินาที กรจึงช่วงชิงพลังเวทย์ของเธอมาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่กรดูดพลังเวทย์ของผู้ประกาศมาหมดแล้ว เธอก็ยืนไหล่ตกอย่างไร้เรี่ยวแรงทั้งที่กรยังจับมอของเธอไว้อยู่ พอกรสังเกตดวงตาที่ไร้แววของเธอ ซึ่งมันคล้ายคลึงกับตอนที่มีอาเสียพลังเวทย์ทั้งหมดไปยังไงอย่างงั้นเลย กรจึงมั่นใจในชัยชนะของตัวเองได้ในทันที แต่ทว่า…
เอาหล่ะ! จนถึงตอนนี้ทุกอย่างก็อยู่ในการคาดการณ์ ถึงจะง่ายไปหน่อยก็เถอะ
แค่นี้เราก็ชนะแล้วหล่ะ ทำไมหน่ะเหรอ?
〝จบแล้วหล่ะคุณผู้ประกาศ! ผู้ที่พลังเวทย์หมดจนเหลือศูนย์จะอยู่ในอยู่ในอาการซีโร่เซนต์… หมดไฟแบบนี้ไม่มีทางสู้ต่อได้แล้วหล่ะ〞
〝……… 〞
และแน่นอนว่าผู้ประกาศที่หมดสิ้นซึ่งพลังเวทย์ใดๆในตัว ไม่สามารถตอบสนองการกระทำใดๆของกรได้อีกแล้ว
กรที่เห็นแบบนั้นจึงคิดอยู่ในใจเล็กๆว่าตัวเองทำเกนไปหน่อย เขาจึงคิดที่จะพยุงตัวเอคนนี้ไปไว้ที่มุมกำแพงแล้วถ่ายเวทย์กลับให้เธอเล็กน้อยเพื่อดึงสติเธอกลับมาบ้าง พอคิดได้กรก็เอื้อมมือขวาไปจับแขนซ้ายของคุณผู้ประกาศที่อ่อนแรงและห้อยลงตามแรงโน้มถ่วงอยู่ในทันที เพียงแต่ชั่วพริบตาก่อนที่กรจะสัมผัสร่างของเธอ ก็กลับเกิดเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
.
.
.
.
.
〝น่ารำคาญ〞
〝!!!!!!!!!!!〞
ชั่วพริบตาที่ผู้ประกาศพูดออกมาแบบบนั้นด้วยเสียงเรียบๆทั้งที่ไม่น่าจะพูดได้ออกมา พร้อมกับส่งจิตสังหารออกมาอย่างหนักหน่วงจนกรแทบอาเจียนออกมาและขนลุกชูชันไปทั่วร่าง กรก็ทำการปล่อยมือออกจากตัวเธอและดีดตัวเองถอยห่างจากตัวเธอไปเกือบ 20 เมตรในครั้งเดียวเพราะความตกใจ
〝โกหก…. ชัดๆ〞
แล้วกรก็รำพึงแบบนั้นอยู่คนเดียว หลังจากที่มองไปยังจุดที่ผู้ประกาศยืนอยู่
บ้าหน่ะ! พลังเวทย์ของเธอคนนี้กลับมาแล้ว… แถมยังทั้งหมดด้วย!!!
เธอคนนี้ไม่ได้แย่งคืนไปจากเราเลย… แล้วพลังเวทย์ขนาดนั้นไปซ่อนอยู่ที่ไหนกันฟ่ะ
แถมท่าทียังเปลี่ยนไปอีกด้วย… มีแต่เรื่องไม่เข้าใจทั้งนั้นเลยนี่หว่า!!!
〝ตอนแรกก็แค่คิดจะทดสอบแบบธรรมดาอยู่หรอก แต่นายนี่มันน่ารำคาญกว่าที่คิดอีกนะ〞
〝อะไรนะ!?〞
〝น่ารำคาญ น่ารำคาญ น่ารำคาญ…. นี่นายมีบรรพบุรุษเป็นแมลงสาบรึไงกันฮะ!!!〞
ท่าทีของผู้ประกาศเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากที่ค่อนข้างเงียบกลายเป็นหงุดหงิดออกมาเหมือนกับกรในตอนที่เข้ามาในห้องครั้งแรกไม่มีผิด นั่นจึงทำให้กรรู้สึกตกตะลึงมาก
〝พอกันที! ไม่เอาแล้ว นี่มันเหนื่อยกว่าที่คิดซะอีก…. เพราะงั้นหล่ะก็คราวนี้หน่ะ——〞
ซู่ม!
〝อะ อะไรอีกวะเนี่ย!!!〞
ในขณะที่ผู้ประกาศพูดออกมาแบบนั้นด้วยเสียงเรียบๆ ทั่วทั้งร่างของเธอก็กลับมีอักขระแดงสดราวโลหิตปรากฏขึ้นทั่วร่าง อย่างสลับซับซ้อน มันครอบคลุมไปทั่วทั้งตัว จนแม้แต่ใบหน้าอันสละสลวยของเธอก็ยังไม่มีข้อยกเว้น ดวงตาของเธอเองก็เปลี่ยนเป็นสีแดงสดเช่นเดียวกัน แล้วจากนั้นสิ่งที่ตามมาก็คือออร่าสีดำทมิฬตรงข้ามกับที่กรใช้เอง ก็ซึมออกมาจากอักขระที่ปรากฏขึ้นมาของเธอนั่นแล้วครอบคลุมไปทั่วร่างเช่นเดียวกับกร เพียงแต่เป็นคนละสีกันเท่านั้น
〝สั้นๆนะ… ไปตายซะ… จบไหม?〞
〝ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ… ใครมันจะไปยอม—— อึก!〞
ฟิ้ว!!!
ตู้ม!!!
หลังจากที่กรพูดแบบนั้นโดยที่ยังไม่ทันจบประโยคดี ก็มีศรสีดำแดงถูกยิงออกมาจากทางที่คุณผู้ประกาศสาวยืนอยู่ด้วยความเร็วเหนือเสียงพุ่งเข้ามายังใบหน้าของกร กรจึงเอี้ยวหลบด้วยปฏิกิรยารีเฟล็กซ์อย่างรวดเร็ว มันจึงเฉียดใบหน้าของเขาออกไปเพียงถากๆแล้วไปชนเข้ากับกำแพงจนเกิดรูขนาดใหญ่กว่าหัวลูกศรเกือบ 10 เท่าและเกิดสียงระเบิดตามมาดังลั่น แถมศรที่ว่ายังคงฝากรอยแผลไว้ที่ใบหน้าของกรเป็นทางยาวไว้ได้อีกด้วย พอสัมผัสความเจ็บปวดเข้าถึงสติของกร เขาจึงตั้งท่าตั้งรับโดยตั้งหมัดทั้งสองขึ้นมาการ์ดไว้ในทันที
อึก! ไม่ใช่ท่าทางเท่านั้นที่เปลี่ยน แต่ความแน่วแน่และรังสีการฆ่าฟันก็เพิ่มสูงขึ้นจนน่าตกใจเลยทีเดียว
แถมรูปลักษณ์แบบนั้นก็อีก… รวมถึงเรื่องที่พลังเวทย์ฟื้นกลับมาๆได้ด้วย… นี่มันจะเหนือความคาหมายเกินไปแล้ว
〝บ้าเอ้ย! ทนทายาทเหลือเกินนะเธอหน่ะ! แบบนี่มันเกินคนมากไปแล้ว!〞
〝คนเหรอ? ดูเหมือนนายจะเข้าใจผิดไปไกลโขเลยนะ〞
〝เอ๋?〞
มะ หมายความว่ายังไงกันเนี่ย!
ไม่สิ… ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจที่ต้องการจะสื่อหรอกนะ เพียงแต่ยังไม่มั่นใจเท่านั้นเอง….
รวมกับเรื่องที่เธอใช้เวทย์แห่งความมืดกับอักขระที่น่าตกใจพวกนี้ก็เดาได้ไม่ยากหรอก
เพียงแต่ความเป็นจริงมันไม่ได้มีแค่อย่างเดียวซะหน่อย… เราอาจจะคิดไปเองก็ได้นี่นา——
〝ฉันหน่ะเป็น『ปีศาจ』ยังไงหล่ะ… แบบสายเลือดแท้เลยด้วย〞
〝อึก! อะ… เอาจริงดิ?〞
แล้วกรก็เข้าใจเหตุผลทั้งหมดได้ในที่สุด แล้วเริ่มที่จะวิตกกังวลขึ้นมาอีกครั้งเสียแล้ว เพราะสุดท้ายยังไงๆก็ต้องเกิดเรื่องที่คาดไม่ถึงอยู่ดีไม่ว่าจะเตรียมตัวมาดีแค่ไหนก็ตาม โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าตัวตนของสาวปีศาจตรงหน้าเขานี้จะยังเปลี่ยนแปลงชีวิตและชะตากรรมของตัวเองไปตลอดกาลในเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้….
ช่วงหลังมานี้... หลังจากที่เหล่าภรรยาของฉันได้รู้ทุกอย่างและยอมรับสิ่งที่ฉันเป็นหรือเจอมา จำนวนครั้งที่ฝันร้ายก็ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดใช่ มันไม่ได้หายไปหรอก... ฉันรู้ตัวดี และสัมผัสได้ก็เพราะความกังวลยังมีอยู่นั่นแหละนะแต่ก็ต้องขอบคุณความอ่อนโยนของทุกคน มันถึงไม่ได้เลวร้ายเหมือนเมื่อก่อนเพราะมีพวกเธออยู่เคียงข้าง ฉันเลยไม่ได้กลัวจนสติแตกเหมือนเมื่อก่อนแล้วใช่... ต่อให้ฝันร้ายถึง ‘เรื่องในอดีต’ ฉันก็ไม่ได้กลัวหรือว่าเศร้าอีกแล้วเพราะงั้น... ความรู้สึกปั่นป่วนในอกนี่ จึงใกล้เคียงกับความกังวลมากกว่า กรรู้สึกชื่นชมความใจเย็นของตัวเอง มั่นใจว่าอย่างน้อยมันก็ดีขึ้นกว่าก่อนแน่ ไม่อย่างนั้น... ภาพของชายหาดที่เต็มไปด้วยซากศพรอบกายของเขา คงทำเอารู้สึกผิดจนทรมานตัวสั่นไปแล้วเป็นฝันร้ายที่ไร้รสนิยมซะจริง กรรู้สึกขนลุกจนหน้าเหยเกแม้จะรู้ว่าทั้งหมดเป็นแค่ความคิด ด้วย ‘สุดยอดการประมวลผล’ มันไม่ยากอยู่แล้วที่จะรู้ตัวขณะหลับ ...มันสุดยอดจนถึงกับรู้ด้วยซ้ำว่าอะไรเป็นสาเหตุของการฝัน ชายหาดนี้ไม่ใช่ที่ที่กรรู้จัก แต่จำนวนศพที่มากขนาดนี้ เดาได้เลยว
————สามวันต่อมา, ทวีปอีเดน - ใจกลางเมืองหลวงแอสการ์ด ใจกลางทวีปอีเดนนั้น ปกติแล้วคือสวนอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่าเทพผู้ปกครอง ซึ่งมีไว้ใช้เพื่อกำหนดทิศทางของสรวงสวรรค์หรือหมายรวมถึงโลกมนุษย์เบื้องล่าง ถนนสายหลักของตระกูลทั้งเจ็ดล้วนแล้วแต่เข้ามาบรรจบ ณ ที่สวนพฤกษานี้ เมื่อไรก็ตามที่มีหัวหน้าตระกูลมาเยือน ทางเข้าของสวนจากถนนเส้นนั้นจะมีมือขวาข้ารับใช้เฝ้าถนนเส้นนั้นไว้เป็นปกติ ...ทว่าในวันนี้กลับแตกต่างเป็นพิเศษ เพราะจำนวนข้ารับใช้ของทั้งหกตระกูลที่มานั้นมีจำนวนกว่าร้อยคน แถมทางเข้าสวนจากถนนแต่ละเส้นยังติดธงประดับตราประจำตระกูลอีก ซ้ำร้าย... ธงที่ว่ายังเป็นลักษณะเดียวกับที่ใช้ในสงคราม มันเคยถูกใช้ทั้งกับจอมมารในอดีตกาลหรือกับราชาปีศาจในปัจจุบัน นั่นแลคือสัญญาณบ่งบอกความรุนแรงของสถานการณ์ในตอนนี้ โดยเฉพาะใจกลางสวนพฤกษา ที่ตั้งของโต๊ะกลมทำจากหินอ่อนซึ่งเป็นสถานที่ประชุมของเหล่าหัวหน้าตระกูลยกเว้นกาบริเอล สีหน้าทุกคนนั้นอยู่ไม่สุข ทั้งกังวลและโกรธเกรี้ยวบ้าง สับสนบ้าง ...และสาเหตุของเรื่องนั้น ก็คือกระดาษแผ่นน
หลังจากที่อัพเดทข้อมูลกับเหล่าสหายภาคีโต๊ะจัตุรัส กรก็ต้องกลับไปแต่งชุดเพื่อเข้าพิธีรับมอบรางวัลต่อ เพราะตัวเอกของงานคือพวกกรทั้ง 4 ฝ่าย และมีเหล่าราชาจากอาณาจักรในสังกัดสภาโลกเป็นผู้มอบรางวัล นั่นหมายความว่าเหล่าภรรยาของกรที่เป็นกำลังหลักในการปราบอาร์เคมีดีสก็ต้องร่วมงานรับรางวัลด้วย ไม่สิ... ‘ดาร์คไนท์ซิริอุส’ ที่เป็นกำลังหลักนี่แหละคือตัวเอกหลักของงาน ไม่ร่วมเห็นทีคงจะไม่ได้เพราะงั้นพวกเราก็เลยได้ห้อง VIP ไว้แต่งตัว ต้องขอบคุณแอนดรูว์เลยแหละแล้วระหว่างที่รอสาว ๆ เขาแต่งองค์ทรงเครื่องกัน ฉันก็ไปอัพเดทข้อมูลรอถึงจริง ๆ จะอยู่ในห้องตอนสาว ๆ แต่งตัวได้แบบไม่เป็นไรก็เถอะ (ก็เห็นกันทุกซอกทุกมุมแล้วนี่นา)แต่ในแง่ของความรู้สึก... ขืนจ้องของสวย ๆ งาม ๆ ขนาดนั้นนานเข้า พูดตามตรงว่ามันจะของขึ้นจนไม่เป็นอันทำงานเอาน่ะสิฉันก็รู้นิสัยตัวเองดีอ่ะนะ เลยขอป้องกันไว้ก่อนดีกว่า กรอมยิ้มแห้งกับขีดจำกัดของตัวเองเหมือนทำใจ ก่อนเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เขากับสาว ๆ เช่าพัก“อ๊ะ! กรกลับมาแล้ว!”“เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหมกร?” มีอากับรินเดินเข้ามารับกรก่อนใคร
หลังจากที่เมอร์ลินบอกว่าเครื่องเคลื่อนย้ายออกแบบเสร็จแล้ว พวกเราก็ทำตัวเอื่อยเฉื่อยกันอีกแปปนึงก่อนจะกลับบ้านพวกเราแจ้งข่าวเรื่องนี้กับทุกคน โดยเฉพาะรินกับอลิซพวกเธอดีใจเข้ามากอดแล้วก็ร้องไห้โฮใหญ่เลยแต่ก็ช่วยไม่ได้หรอก ก็จากบ้านมากตั้ง 5 เดือนแล้วนี่นาไหนจะทั้งคุณลุง คุณน้าที่รออยู่ที่บ้าน... ชีวิตประจำวันที่ผ่านมาตลอด 17 ปีมันทดแทน 5 เดือนไม่ได้หรอก (ถ้าไม่นับเรื่องที่ได้คบกันล่ะนะ)เพราะงั้นจะอยากกลับไปก็คงไม่แปลกเราเองก็เถอะ... ถึงกลับบ้านไปจะไม่มีใครอยู่แล้ว แต่มันก็ยังเต็มไปด้วยความทรงจำที่ทำให้เราเป็นอย่างทุกวันนี้เป็นสถานที่ให้กำเนิดความฝันของเรา ...และเราก็ไม่ได้รังเกียจมันอีกแล้วด้วยเพราะงั้นเราจะกลับไปให้ได้! เครื่องมือมีพร้อมหมดแล้วที่เหลือก็มีแต่การจัดแจงสถานการณ์ ให้กลับไปได้โดยที่โลกเดิมไม่มีปัญหา...แต่เรื่องนั้นแหละที่ยากที่สุด❖❖❖❖❖————สองวันต่อมา, โรงแรมเดอะกลอรี่ ณ สหพันธ์แห่งความรุ่งโรจน์ หลังจากวันหยุดของกรและครอบครัวสิ้นสุด แผนการขั้นถัดไปของภาคีโต๊ะจัตุรัสก็เสร็จสมบูรณ์ด้วย ...และก็เป็นการเริ่มแผนด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนั้น ก
“โดนแกล้งอีกแล้วอ่า!”“น่า ๆ ไม่เป็นไรนะกร”“แล้วจะโทษใครได้ล่ะหืม?” ได้ยินแฟนหนุ่มเดินบ่นกลางป่า มีอากับเมอร์ลินจึงได้ลูบหัวปลอบใจไปคนละกรุบ ...ถึงต้นเหตุจะเป็นเพราะพวกเธออยู่แล้วก็เถอะว่าแต่ นี่เดจาวูป่ะเนี่ย?ไหงรู้สึกเหมือนเรื่องคล้าย ๆ กันเพิ่งเกิดขึ้นเลย“!!!?” ระหว่างที่คิดอะไรไร้สาระอยู่ มีอากับเมอร์ลินก็เข้ามาควงแขนกรเหมือนกับตอนที่มาถึง กรเลยคิดว่า ‘โอเค ช่างมันละกัน’ แล้วหันไปสนใจกับการเที่ยวลมชมวิวกับภรรยาทั้งสองดีกว่า จากก่อนหน้านี้... หลังจากพักผ่อนในตึกกลางสำหรับติดต่อ พวกกรก็ออกเดินเท้าไปตามทางที่ทำไว้ เห็นว่าหากเดินตามทางนี้จะสามารถชมวิวได้ครบทุกแห่งและวนไปยังกระท่อมที่จองไว้ได้พอดี“กรดูสิ! มีแม่น้ำด้วย!”“ตื้นพอให้ลงไปเล่นได้ด้วยแฮะ” มีอากับเมอร์ลินดูจะสนใจแม่น้ำทางขวาที่ทั้งสามกำลังเดินเลียบผ่าน ความใสของมันทำให้เห็นดินและกรวดก้นแม่น้ำได้ แถมความสูงของมันยังแค่ครึ่งแข้งเอง เรียกว่าเหมาะกับการเล่นสุด ๆ มีอากับเมอร์ลินจึงไม่รอช้า พวกเธอถอดรองเท้าแล้วจูงมือกรลงไปในแม่น้ำ“ไปกันเถอะกร! น่า
หลังจากถ่ายรูปกันอย่างหวานแหวว เวลาก็ยังเหลืออีกนิดหน่อย พวกเราเลยจะไปเดินเล่นกันต่อ...และแน่นอน คุณรินกับอลิซก็ยังคงตามแกล้งฉันเหมือนเดิมช่างใจร้ายเหลือร้าย ตั้งแต่ในโรงหนังแล้วนะ!มาปลุกเร้ากันขนาดนี้ในสถานการณ์ที่ทำได้แค่อดทน นี่มันการทรมานประเภทไหนกันเนี่ย!?เหมือนเอาเนื้อสเต็ก A5 มาจ่อลิ้นแต่ไม่ยอมให้กินเลยนะเฮ้ย!จะทั้งชาลอตกับซาช่าที่ขยันเซอร์วิสให้ตอนช่วงเช้า หรือรินกับอลิซที่มาแกล้งกันทั้งช่วงบ่ายฉันเลยต้องกัดฟันทนน้ำตาไหลเป็นโลหิตไปจนถึงตอนกลางคืนโน่นเลย!พอถึงเวลาหม่ำ ๆ ฉันก็เลยล้างแค้นด้วยการกินพวกเธอเกือบทั้งคืนจนแทบไม่ได้หลับได้นอนทำกันยังกับเป็นกระต่ายเลยเชียวล่ะ!...ก็ พอมานึกดู ฉันอาจจะหนักมือไปหน่อยแต่พวกเธอมาแกล้งฉันก่อนนี่หว่า! จะโดนเอาคืนมันก็ไม่แปลกนี่นา!!!เหมือนที่เคยมีใครบางคนพูดไว้นั่นแหละ‘ผู้ที่จะเขมือบได้ก็มีแต่คนที่เตรียมใจจะโดนเขมือบเท่านั้น’ อื้ม ๆ! กรตื่นเช้ามาก็พยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองใหญ่ทั้งที่ไม่จำเป็น แต่ก็ต้องขอบคุณศึกอันหนักหน่วงเมื่อวานด้วย ความงุ่นง่านในตัวกรเลยลดลงไปมากจนระบบความคิดปกติเริ่มกลับมาทำงาน เขา