LOGINในขณะเดียวกันนั่นเอง...หูของจื่อเหยาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าตึงตังของบ่าวรับใช้สองคนนั้นวิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงความเงียบและเสียงลมหายใจที่ยังคงสั่นระริกของตนเพียงเท่านั้น
ซึ่งนางในตอนนี้ก็ยังคงใช้แขนยันพื้นเอาไว้ พยายามควบคุมร่างกายที่อ่อนแรงจนแทบจะล้มพับลงไปอีกครั้ง โดยในหัวก็กำลังประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างรวดเร็ว
(ศัตรูหนีไปแล้ว แต่ความปลอดภัยยังไม่แน่นอน พลังงานในร่างกายใกล้จะหมด สิ่งที่ร่างกายของร่างนี้ต้องการมากที่สุดคือน้ำและอาหาร)
ในระหว่างที่จื่อเหยากำลังคิดหาหนทางให้ตัวเองอยู่ หูของนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบร้อนอีกคู่กำลังดังใกล้เข้ามา แต่เสียงนี้ต่างออกไป...มันมีความกังวลและลนลานเจือปนอยู่
ปัง! ประตูที่แง้มอยู่ถูกผลักเข้ามาเต็มแรง ร่างของเด็กสาวผู้หนึ่งในชุดบ่าวชั้นผู้น้อยที่ซอมซ่อถลาเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดและเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ
"คุณหนู! คุณหนูเจ้าคะ!"
เสียงเรียกนั้นสั่นเครือและเต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างแท้จริง เด็กสาวคนนั้นรีบวิ่งเข้ามาคุกเข่าลงใกล้เธอและพยายามจะช่วยพยุงร่างของจื่อเหยาเอาไว้ น้ำตาของนางคลอหน่วย
"คุณหนู...เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ บ่าวได้ยินเสียงดังโครม...บ่าวเป็นห่วงแทบแย่!"
ในเสี้ยววินาทีที่เด็กสาวคนนี้สัมผัสตัวเธอ ความทรงจำของหรงจื่อเหยาคนเดิมก็ฉายชัดขึ้นมาอีกครั้ง (หญิงผู้นี้คือ เสี่ยวชุน...สาวใช้คนสนิทที่เติบโตมาด้วยกัน เป็นคนของมารดาแท้ ๆ ของร่างนี้...และเป็นหนึ่งในคนที่ภักดี...แม้จะถูกส่งมาลำบากด้วยกันที่นี่แต่นางก็ยังไม่ทอดทิ้งเจ้าของร่างเดิม)
ความเย็นชาและความแข็งกร้าวที่จื่อเหยาสร้างขึ้นเมื่อครู่พลันอ่อนลงเล็กน้อย เมื่อได้เห็นแววตาที่ห่วงใยอย่างจริงใจคู่นั้น ความรู้สึกอุ่นวาบที่ไม่คุ้นเคยแล่นผ่านเข้ามาในอกของเธอ
"ข้า...ยังไม่ตาย" จื่อเหยาตอบด้วยเสียงที่ยังคงแหบพร่า แต่น้ำเสียงนั้นอ่อนลงมากกว่าตอนที่สั่งบ่าวสองคนนั้นมากนัก
เสี่ยวชุนได้ยินดังนั้นก็ปล่อยโฮออกมาทันที "ขอบคุณสวรรค์! ขอบคุณสวรรค์! บ่าวกลัว...บ่าวกลัวจริง ๆ ว่าคุณหนูจะเป็นอะไรไป คนใจร้ายพวกนั้นไม่ยอมให้บ่าวเอาข้าวเอาน้ำมาให้คุณหนูเลย!"
จื่อเหยามองเด็กสาวที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นตรงหน้า ในหัวของนางทั้งกำลังวิเคราะห์และเกิดความรู้สึกซาบซึ้งอย่างประหลาด นี่คือพันธมิตรคนแรกและอาจจะเป็นคนเดียวของเธอในยามนี้...ก่อนจะรวบรวมแรงยกมือที่สั่นเทาของตัวเองขึ้นไปแตะบนหลังมือของเสี่ยวชุนเบา ๆ
"เสี่ยวชุน..."
"เจ้าคะ คุณหนู?" เสี่ยวชุนรีบเงยหน้าขึ้นมองทั้งน้ำตา
"ลุกขึ้นก่อน...แล้วไปหาน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งหรือน้ำตาลมาให้ข้า...เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้" ดวงตาของจื่อเหยากลับมามีความมุ่งมั่นอีกครั้ง "จากนั้น...เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนให้ข้าฟังอย่างละเอียด"
(การเอาคืน...ต้องเริ่มจากการรวบรวมข้อมูลก่อนเป็นอันดับแรก!) นี่คือความคิดของเธอ
"เจ้าค่ะ คุณหนู!"
เสี่ยวชุนรับคำ...ก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาที่เหลืออยู่บนใบหน้าอย่างลวก ๆ แล้วผุดลุกขึ้นวิ่งออกไปจากห้องด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่เด็กสาวร่างผอมบางจะทำได้ ทิ้งให้หรงจื่อเหยาอยู่ในความเงียบตามลำพังอีกคราหนึ่ง
เมื่อไร้คนอื่นอยู่ด้วย ความเป็นแพทย์นิติเวชก็เข้าครอบงำความคิดของเธอทันที...เธอหลับตาลง พยายามสัมผัสและวิเคราะห์ทุกส่วนของร่างกายที่อ่อนแอนี้ ชีพจรเต้นเร็วแต่ แผ่วเบา
การหายใจตื้น สภาพร่างกายขาดน้ำและสารอาหารรุนแรงกว่าที่ประเมินไว้ตอนแรก กล้ามเนื้อลีบฝ่อเล็กน้อยจากการไม่ได้ใช้งานและขาดโปรตีน หากเป็นในโลกเดิมเธอคงสั่งให้ฉีดสารน้ำทางหลอดเลือดดำพร้อมวิตามินรวมทันที แต่ในยุคนี้...
(ระบบ..ใช่แล้วเมื่อครู่มีเสียงพูดว่า ระบบไขความจริง....หรือว่าจะเป็นเหมือนตามนิยายหรือซีรีส์กัน ไม่ลองไม่รู้สินะ) จื่อเหยาคิดก่อนจะตั้งสมาธิในใจ ลองนึกเรียกเสียงที่ได้ยินก่อนหน้า
{ระบบ...แสดงสถานะ}
คำขอนี้ดูเหมือนจะได้ผล เมื่อมีหน้าต่างโปร่งแสงสีฟ้าปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอ และมีเพียงเธอเท่านั้นที่มองเห็น
[กำลังแสดงสถานะโฮสต์ ชื่อ :หรง จื่อเหยา อายุ:13 ปี สภาพร่างกาย : อ่อนแอขั้นวิกฤต (Vital Signs Unstable) สถานะผิดปกติ : มีภาวะขาดสารอาหารรุนแรง ระดับ 3 ภาวะขาดน้ำ ระดับ 2 และมีพิษเรื้อรัง: ออกฤทธิ์กดการทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง]
ดวงตาของจื่อเหยาเบิกกว้างเมื่อเห็นบรรทัดสุดท้าย (พิษเรื้อรัง! มิน่าเล่าความทรงจำของหรงจื่อเหยาคนเดิมถึงมีแต่ภาพความเกรี้ยวกราดและควบคุมอารมณ์ไม่ได้ มันไม่ใช่แค่นิสัย แต่เป็นผลมาจากยาพิษ!...แม่เลี้ยงเหมยลี่คนนั้น...ไม่ได้แค่ต้องการให้เจ้าของร่างถูกตราหน้าว่าเป็นตัวร้าย แต่ต้องการฆ่าเธออย่างช้า ๆ มาโดยตลอดอีกด้วย)
ในระหว่างที่จื่อเหยากำลังจมอยู่กับความคิดของตน...ทันใดนั้น หน้าต่างระบบก็มีข้อความใหม่ปรากฏขึ้น
[ติ๊ง! ตรวจพบเจตจำนงในการเอาชีวิตรอดของโฮสต์พร้อมกับภารกิจสำหรับมือใหม่: หยดน้ำแห่งชีวิต รายละเอียด : ร่างกายของโฮสต์กำลังต้องการพลังงานอย่างเร่งด่วน จงบริโภคของเหลวที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบเพื่อรักษาเสถียรภาพของร่างกายขั้นพื้นฐาน รางวัล: 5 แต้มไขความจริง กล่องสุ่มสำหรับผู้เริ่มต้น 1 กล่อง บทลงโทษหากล้มเหลว: สภาพร่างกายเสื่อมถอยถาวร]
(แต้มไขความจริง? กล่องสุ่ม? นี่มันเหมือนกับในเกมไม่มีผิด แต่รางวัลและบทลงโทษกลับเป็นของจริงที่ส่งผลต่อชีวิตเธอโดยตรง) วิญญาณของนักนิติเวชสาวจากยุคอนาคตเบิกกว้าง ก่อนจะค่อย ๆ ทำใจให้สงบลง
อีกทางด้านหนึ่ง เสี่ยวชุนที่กำลังวิ่งตรงไปยังโรงครัวของเรือนพัก แต่ยังไม่ทันที่นางจะถึงตัวอาคาร เจ้าตัวก็ถูกสกัดไว้ด้วยร่างอ้วนท้วมของป้าจาง หัวหน้าแม่ครัวและคนสนิทอีกคนของเหมยลี่ฮูหยิน
"จะรีบไปไหนนังหนูเสี่ยวชุน" นางวางมือเท้าสะเอวเอ่ยถามเสียงเย็น "ข้าได้ยินว่าคุณหนูของเจ้ายังไม่สิ้นลมอีกอย่างนั้นรึ ช่างหนังเหนียวเหมือนแม่ของมันไม่มีผิด"
เสี่ยวชุนกำหมัดแน่น พยายามข่มความโกรธเอาไว้ "ข้า...ข้าจะมาขอน้ำร้อนไปให้คุณหนูเจ้าค่ะ"
"น้ำร้อน?" นางจางหัวเราะเสียงแหลม "คุณหนูใหญ่ของเจ้ากำลังถูกลงโทษให้สำนึกผิด จะกินข้าวกินน้ำได้อย่างไร? ฮูหยินสั่งไว้ชัดเจน! ไสหัวกลับไปซะ!"
"แต่คุณหนูไม่สบายมากนะเจ้าคะ! ขอแค่...แค่น้ำร้อนสักถ้วยก็ยังดี!" เสี่ยวชุนอ้อนวอน
"ไม่ได้ก็คือไม่ได้!" นางจางยังตวาดลั่น "อยากได้ก็ไปตักเอาจากบ่อน้ำเย็น ๆ โน่นไป!"
เสี่ยวชุนยืนตัวสั่นด้วยความจนปัญญา แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าซีดขาวของคุณหนู ความกล้าก็พลันบังเกิด นางเหลือบไปเห็นกาต้มน้ำที่เพิ่งยกออกจากเตาใหม่ ๆ วางอยู่ไม่ไกล
ในขณะที่ร่างท้วมของนางจางกำลังหันไปสั่งงานบ่าวคนอื่น เสี่ยวชุนก็ตัดสินใจ...นางวิ่งพรวดเข้าไปหยิบชามใบหนึ่ง เทน้ำร้อนจากกาแล้วรีบวิ่งหนีออกมาในทันที!
"นังเด็กสารเลว! กล้าขโมยของรึ! กลับมานะ!" เสียงของนางจางดังไล่หลังมา แต่เสี่ยวชุนไม่สนใจอีกต่อไป เพราะในมือของนางตอนนี้มีน้ำร้อนหนึ่งถ้วยตามที่คุณหนูต้องการแล้ว...
และระหว่างทางนางยังแอบหยิบน้ำตาลกรวดสองก้อนที่ซ่อนไว้ในผ้าเช็ดหน้าของตัวเองออกมาใส่ลงไปด้วย...ซึ่งนี่คือของล้ำค่าที่นางเก็บไว้กินเวลาหิวจนทนไม่ไหว อีกทั้งยังแอบหยิบมาเผื่อคุณหนูของตนด้วย
ไม่นานนัก เสี่ยวชุนก็กลับมาถึงห้องพักพร้อมกับถ้วยน้ำตาลอุ่น ๆ ในมือที่สั่นเทา
"คุณหนูเจ้าคะ...บ่าว...บ่าวได้มาแล้ว"
จื่อเหยารับถ้วยน้ำอุ่นมาอย่างเชื่องช้า กลิ่นหวานจาง ๆ และไออุ่นจากถ้วยดินเผาทำให้ร่างกายที่หนาวเหน็บของเธอรู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด นางค่อย ๆ จิบน้ำตาลอุ่น ๆ เข้าไปอย่างอ้อยอิ่งปล่อยให้ความหวานซึมซาบเข้าไปในร่างกายที่หิวโหย
[ติ๊ง! ภารกิจหยดน้ำแห่งชีวิตสำเร็จ! ท่านได้รับ: 5 แต้มไขความจริง ท่านได้รับ: กล่องสุ่มสำหรับผู้เริ่มต้นระดับ 1 ไม่ทราบว่าต้องการเปิดกล่องสุ่มหรือไม่?]
จื่อเหยามองเสี่ยวชุนที่มองมาด้วยสายตาเปี่ยมความหวัง ก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าต่างระบบในอากาศ
{เปิด} เธอตัดสินใจในใจทันที
[กำลังเปิดกล่องสุ่ม...ท่านได้รับ: สารละลายอิเล็กโทรไลต์ชนิดผง 1 ซอง คำอธิบาย : ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากศตวรรษที่ 21 ใช้สำหรับชดเชยการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ในผู้ที่มีภาวะขาดน้ำหรือท้องร่วง]
ดวงตาของจื่อเหยาเป็นประกาย...นี่แหละ! นี่คือสิ่งที่เธอต้องการที่สุดในตอนนี้! หลังจากนางดื่มน้ำตาลจนหมดถ้วย ร่างกายพลันรู้สึกมีเรี่ยวมีแรงกลับคืนมาเล็กน้อย ก่อนจะส่งถ้วยคืนให้เสี่ยวชุน พร้อมกับแววตาของนางที่เปลี่ยนไป
"เสี่ยวชุนเจ้าทำดีมาก" นางเอ่ยชม "ตอนนี้ร่างกายข้าพอจะมีแรงพูดคุยแล้ว"
จื่อเหยาพิงตัวเองกับผนังห้องด้วยท่าทางที่มั่นคงขึ้น พลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของสาวใช้ผู้ภักดี
"เอาละ...เล่ามาได้เลย...เรื่องราวทั้งหมดในจวนหรงโหว...ตั้งแต่ที่แม่ของข้าเสียไปจนถึงวันที่ข้าถูกส่งมาที่นี่...เล่ามาให้หมด...ห้ามมีอะไรตกหล่นแม้แต่เรื่องเดียว"
หลายเดือนผ่านไปนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ที่เมืองเหยียนสุ่ย...ผ่านพ้น ในตอนนี้ฤดูร้อนที่ร้อนระอุได้ผ่านไปนานแล้วและถูกแทนที่ด้วยสายลมเย็นสบายแห่งต้นฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้รอบเรือนเมฆาคล้อยเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวชอุ่มเป็นสีเหลืองทองอร่าม บรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยความตึงเครียด บัดนี้กลับสงบสุขและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา จื่อเหยาได้ใช้ช่วงเวลาหลายเดือนนี้ในการฟื้นฟูร่างกายและสร้างฐานอำนาจเล็ก ๆ ของนางขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ โดยอาศัยชื่อเสียงของคุณชายหลี่เหยาที่ตอนนี้ได้กลายมาเป็นตำนานที่เล่าขานกันไปทั่วทั้งอำเภอ แต่กลับไม่มีผู้ใดล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาเลยแม้แต่คนเดียว บ่ายวันหนึ่ง ขณะที่จื่อเหยากำลังนั่งอ่านตำราแพทย์ที่พ่อบ้านสวีอุตส่าห์ไปหามาให้อย่างใจเย็น โดยมีเหลิ่งเยว่ยืนเฝ้าอารักขาอยู่ไม่ห่างนั้นเองที่ตัวตนของนางถูกจื่อเหยารู้แล้วจากอาการบาดเจ็บในครั้งก่อน...เสียงฝีเท้าที่รีบร้อนของพ่อบ้านสวีก็ดังขึ้นจากทางเดินหน้าห้องพัก&nb
เหลิ่งเยว่เตรียมจะรับคำ ทว่าได้มีเสียงของเสี่ยวชุนดังแทรกขึ้นมาอย่างสั่นกลัว "คะ...คุณหนูเราต้องฆ่าพวกเขาเลยหรือเจ้าคะ" คำถามที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและหวาดกลัวของเสี่ยวชุน ทำให้หรงจื่อเหยาที่กำลังจะออกคำสั่งต่อไปถึงกับชะงักงันพร้อมกับคิดว่าโชคดีที่นางได้ให้นางจางกับอาเฉียงหลอกล่อเสี่ยวเฉินออกไป ก่อนที่นางจะหันไปมองบ่าวรับใช้คนสนิทที่อยู่กับนางมาตั้งแต่ต้น...ใบหน้าของเสี่ยวชุนซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำใส ร่างกายของนางสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม...ที่ไม่ใช่เกิดจากการแสดงอีกต่อไปแล้ว จื่อเหยารู้สึกราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบหัวใจของตน...นางเกือบลืมไปแล้ว...ว่าเด็กสาวตรงหน้า...ก็เป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น นางเดินเข้าไปหาเสี่ยวชุนช้า ๆ แววตาที่เคยเย็นเยียบพลันอ่อนแสงลงเล็กน้อย "
ช่วงเย็นจนถึงช่วงหัวค่ำภายในโรงเตี๊ยมจิ่นซิ่วของเมืองอันคังผ่านไปอย่างเงียบสงัด...แต่สำหรับหรงจื่อเหยาแล้ว นางรู้ดีว่านี่เป็นเพียงความเงียบที่ซ่อนเร้นไว้ซึ่งกระแสคลื่นใต้น้ำอันรุนแรง ทั้งนี้เป็นเพราะนางรู้เรื่องแผนการบางอย่างมาจากสายลับพิเศษนั่นเอง หากจะเป็นเรื่องอันใดนั้น คงต้องย้อนกลับไปก่อนหน้าในตอนที่นางสั่งให้วิญญาณของนางจางไปตามติดอยู่กับจ้าวมามา 'นายหญิงเจ้าคะ...' เสียงกระซิบที่เย็นเยียบของวิญญาณป้าจางดังขึ้นในหัวของนางตั้งแต่ตอนที่ขบวนรถม้าเพิ่งผ่านเข้าประตูเมืองอันคังมาได้ไม่นานนัก 'เมื่อครู่...ข้าน้อยได้ยินนางพูดคุยกับบ่าวรับใช้ที่ชื่อเสี่ยวถัง...นางกำชับนังเด็กนั่นว่าเมื่อไปถึงเมืองอันคัง ให้รีบไปติดต่อญาติห่าง ๆ ของนางที่ชื่อจิ่วกุ่ยหวัง ฉายาหวังขี้เมา...ดูเหมือนว่าพวกมันจะวางแผนใช้ชายผู้นี้ให้มาสร้างเรื่องอื้อฉาวเพื่อทำลายชื่อเสียงของนายหญิงในคืนนี้เจ้าค่ะ!'
เมื่อขึ้นมานั่งภายในรถม้า...จื่อเหยาก็รู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวของนางได้กลับคืนมาอีกครั้ง นางจึงเอนกายพิงผนังรถม้าอย่างสบายใจ...ส่วนแววตาที่แสร้งทำเป็นเลื่อนลอยนั้นมาบัดนี้กลับทอประกายแห่งความเย็นชาและมุ่งมั่นมากขึ้นกว่าเดิม (ได้เวลาทวงคืนทุกสิ่งที่เป็นของเจ้าของร่างนี้...พร้อมกับดอกเบี้ยแล้ว...เหมยลี่) ทันใดนั้นเอง...นางก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นในรถม้า...ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นวิญญาณของนางจาง อาเฉียง และเสี่ยวเฉิน ที่ลอยเข้ามานั่งอย่างเบียดเสียดอยู่ตรงข้ามกับนางด้วยท่าทีตื่นเต้น 'นายหญิง/พี่สาว...ท่านจะให้พวกเราติดตามกลับไปเมืองหลวงด้วยจริง ๆ หรือขอรับ/เจ้าคะ?' เสียงของทั้งสามดังขึ้นพร้อมกันในหัวของจื่อเหยา แววตาโปร่งแสงของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างปิดไม่มิด จื่อเ
"พวกเจ้ารีบไป!" จ้าวมามาหันไปสั่งบ่าวรับใช้หญิงสองคนที่ติดตามมาด้วย "ช่วยกันจับตัวคุณหนูใหญ่ไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย! เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ข้าเตรียมมาให้เรียบร้อย! เราจะให้ท่านเจ้ากรมหลี่เห็นหลานสาวสุดที่รักในสภาพเช่นนี้ไม่ได้เป็นอันขาด!" บ่าวรับใช้หญิงร่างกำยำสองคนรับคำแล้วเดินตรงเข้ามาหาจื่อเหยาทันที แต่ยังไม่ทันที่มือหยาบกร้านของพวกนางจะได้แตะต้องตัวของจื่อเหยา! เสียงกรีดร้องอย่างแหลมหูของเด็กสาวที่นั่งขดอยู่เป็นก้อนกลมพลันส่งเสียงออกมา...พร้อมกันนั้นนางก็ได้ดีดตัวลุกขึ้นราวกับกระต่ายตื่นตูม! นางถอยกรูดไปจนชิดมุมห้อง แววตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและบ้าคลั่งอย่างสมจริง! ไม่เพียงแค่นั้น นางยังคว้าแจกันดินเผาที่ร้าวบิ่นใบหนึ่งขึ้นมาถือไว้ในมือเพื่อเป็นอาวุธอีกด้วย ซึ่งท่าทางของนางในยามนี้ทำให้จ้าวมามาถึงตกตะลึง&
เมื่อนางกลับมานั่งลงที่มุมเดิม เจ้าตัวก็รีบหักขนมเปี๊ยะชิ้นโตส่งให้วิญญาณของเสี่ยวเฉินที่กำลังลอยอยู่ไม่ห่างด้วยแววตาที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ 'เอาไปสิ' 'ขอบพระคุณพี่สาว!' เสี่ยวเฉินรับของเซ่นไหว้นั้นมาด้วยความดีใจเช่นเดิม จากนั้นเขาก็รีบกินมันเข้าไปด้วยความเอร็ดอร่อยทันที เมื่อเห็นท่าทางของเด็กชายเช่นนี้จื่อเหยาก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ แล้วในระหว่างนี้นางก็ได้อาศัยการตรวจสอบเรื่องกับดักซ้ำกับระบบอีกครั้งแม้ว่านางจะไว้ใจต่อคำรายงานของเสี่ยวเฉินก็ตาม...ถึงกระนั้นนางคิดว่าอย่างไรเสียก็ไม่ควรจะประมาท [ระบบ ช่วยตรวจสอบเส้นทางในอุโมงค์ให้ที ว่าปลอดภัยตามคำรายงานของเสี่ยวเฉินหรือไม่] ติ๊ง!&n







