LOGINหลายชั่วยามผ่านไป...ราตรีอันเงียบสงัดโรยตัวลงมาปกคลุมทั่วทั้งเรือนเมฆาคล้อย แสงจันทร์สีเงินนวลสาดส่องลงมาอาบไล้หลังคาเรือนไม้เก่า...ชวนให้ดูวังเวงมากกว่าเดิม ยังดีที่มีเสียงแมลงกลางคืนกรีดร้องระงมทำให้มันไม่ดูเงียบเหงามากนัก
ภายในห้องพักซอมซ่อ หรงจื่อเหยามิได้หลับใหลอย่างแท้จริง นางเพียงนั่งขัดสมาธิบนแคร่ไม้ หลับตาลงเพื่อสงวนพลังงานและโคจรลมปราณเท่าที่ความรู้จากโลกเก่าจะเอื้ออำนวย ในใจก็กำลังทบทวนแผนการไปพลาง ๆ ร่างกายนี้อ่อนแอมากเกินไป หากปราศจากสารอาหารที่เพียงพอ แผนการต่าง ๆ ที่นางคิดไว้ก็ไม่อาจสำเร็จ
เสี่ยวชุนเองก็นอนแทบไม่หลับ นางกระสับกระส่ายอยู่บนที่นอนฟางบาง ๆ ของตนที่มุมห้อง ด้วยความเป็นห่วงคุณหนูจับใจ
"คุณหนู...ยังไม่หลับหรือเจ้าคะ" เสี่ยวชุนกระซิบถาม
จื่อเหยาลืมตาขึ้นในความมืด ดวงตาของนางกลับดูสุกสว่างเป็นพิเศษ "ข้ากำลังคิดว่ามื้อเย็นของเรามีเพียงน้ำเปล่าผสมยาบำรุงมันคงไม่พอที่จะทำให้เรามีแรงไปทำอะไรในวันรุ่งขึ้น"
"แต่ป้าจางเฝ้าโรงครัวไม่ห่างเลยเจ้าค่ะ" เสี่ยวชุนตอบเสียงแผ่ว "บ่าวพยายามจะขอเศษอาหารแล้ว แต่นางกลับไล่ตะเพิดออกมา"
"ข้ารู้" จื่อเหยาตอบเสียงเรียบ "คนอย่างนางจาง การขอร้องตรง ๆ ไม่มีประโยชน์...เราต้องหยิบมาเอง"
"จะ...จะให้บ่าวไปขโมยหรือเจ้าคะ!" เสี่ยวชุนตกใจจนเผลอทำเสียงดังขึ้นเล็กน้อย
"ชู่ว์..." จื่อเหยาปราม "ไม่ใช่การขโมย แต่เป็นการหยิบยืมสิ่งที่ควรจะเป็นของเราอยู่แล้วต่างหาก" นางมองตรงไปยังสาวใช้ "เสี่ยวชุน ข้ารู้ว่ามันเสี่ยง แต่เจ้ากล้าพอหรือไม่?"
เสี่ยวชุนมองลึกเข้าไปในดวงตาของคุณหนู นางเห็นความแน่วแน่และเชื่อมั่นที่ทำให้นางรู้สึกมีความหวังอย่างประหลาด ความกลัวถูกความภักดีกดทับจนมิด นางพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ
"เพื่อคุณหนู...บ่าวกล้าเจ้าค่ะ"
"ดี" จื่อเหยาให้คำแนะนำสั้น ๆ "ตอนนี้เป็นยามกุน (ประมาณ 21:00-22:59 น.) พวกบ่าวรับใช้ส่วนใหญ่คงหลับกันหมดแล้ว เจ้าจงเคลื่อนไหวในเงามืด ฟังเสียงรอบตัวให้ดี อย่ารีบร้อน และเป้าหมายของเราคืออาหารแห้งที่เก็บไว้ได้นานกับน้ำสะอาดเพียงเท่านั้น"
เสี่ยวชุนพยักหน้ารับคำอย่างจริงจัง นางถอดรองเท้าฟางออกเพื่อไม่ให้เกิดเสียง พลางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ แง้มประตูไม้ออกไปอย่างเงียบเชียบเท่าที่จะทำได้
ความเย็นยามค่ำคืนปะทะผิวกายทำให้เสี่ยวชุนขนลุกซู่ นางหลบอยู่หลังเสาเรือน มองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น ก่อนจะย่องเบาออกไปตามแนวเงาของชายคา มุ่งหน้าไปยังโรงครัวที่อยู่ท้ายเรือน
หัวใจของนางเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมานอกอก ทุกเสียงที่ได้ยินไม่ว่าจะเป็นเสียงลมพัดใบไม้ไหว หรือเสียงสัตว์ตัวเล็ก ๆ วิ่งผ่าน ก็ทำให้นางสะดุ้งจนตัวเกร็ง
เมื่อมาถึงหน้าโรงครัว นางพบว่าประตูไม้ถูกลงดาลจากด้านในอย่างแน่นหนา เสี่ยวชุนใจแป้วไปวูบหนึ่ง แต่นางนึกถึงคำของคุณหนูที่ให้สังเกต...บ่าวรับใช้ตัวน้อยจึงเดินอ้อมไปด้านหลัง และพบกับสิ่งที่คาดหวัง...หน้าต่างบานเล็กที่ใช้ระบายควันนั้นปิดไม่สนิทนัก!
เด็กหญิงจึงค่อย ๆ ใช้ปลายนิ้วดันหน้าต่างที่ฝืดนั้นออกอย่างช้า ๆ จนเกิดเป็นช่องพอให้ร่างผอมบางของตนลอดเข้าไปได้ และเมื่อเข้ามาด้านใน กลิ่นอาหารที่ยังหลงเหลืออยู่ก็ปะทะจมูกจนท้องของนางร้องประท้วง
เสี่ยวชุนไม่รอช้า นางคลำทางในความมืดตรงไปยังตู้เก็บอาหารที่ตนเคยเห็นพวกแม่ครัวเก็บของเหลือไว้ เป้าหมายแรกคือหมั่นโถวที่เย็นชืด
นางหยิบมาได้สามลูกยัดใส่ในอกเสื้ออย่างรวดเร็ว จากนั้นก็คว้าผักดองที่อยู่ในไหเล็กมาหนึ่งกำ ห่อด้วยใบบัวแห้งที่วางอยู่ใกล้กัน และสุดท้ายคือการเติมน้ำสะอาดใส่ในกระบอกไม้ไผ่เก่า ๆ ที่พกติดตัวมา
แต่ในขณะที่นางกำลังจะปีนกลับออกไปด้านนอก ฉับพลันร่างของนางก็ตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินเสียงดัง
แอ๊ด...เสียงครวญครางของใครบางคนดังขึ้นจากห้องพักของนางจางที่อยู่ติดกับโรงครัว ตามมาด้วยเสียงพลิกตัวบนเตียงไม้!
เสี่ยวชุนรีบหลบเข้าใต้โต๊ะทันที หัวใจของเด็กหญิงแทบจะหยุดเต้น มือทั้งสองข้างกอดห่อหมั่นโถวเอาไว้แน่น รอคอยอย่างทรมานอยู่ครู่หนึ่ง...เมื่อไม่ได้ยินเสียงใด ๆ อีก นางจึงค่อย ๆ คลานออกมาแล้วปีนกลับออกจากหน้าต่างบานเดิมอย่างรวดเร็วและระมัดระวัง
เมื่อกลับมาถึงห้องพักอย่างปลอดภัย นางก็ทรุดตัวลงกับพื้นหอบหายใจอย่างหนัก เหงื่อกาฬแตกพลั่กเต็มแผ่นหลัง
"คุณหนู...บ่าว...บ่าวทำได้แล้วเจ้าค่ะ" นางยื่นห่อผ้าที่มีหมั่นโถวและผักดองให้คุณหนูอย่างภาคภูมิใจ
จื่อเหยารับมา...นางมองอาหารในมือด้วยแววตาสงบนิ่ง ก่อนจะหักหมั่นโถวออกเป็นสองส่วนเท่า ๆ กัน ยื่นครึ่งหนึ่งส่งคืนให้เสี่ยวชุน
"เจ้าก็ยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน กินเสียสิ"
เสี่ยวชุนน้ำตาคลอเบ้า นางไม่คิดว่าคุณหนูจะแบ่งให้นาง "แต่ว่านี่..."
"ไม่มีแต่" จื่อเหยาพูดเสียงเรียบ "จากนี้ไป เราคือคนที่อยู่เรือลำเดียวกัน ต้องช่วยเหลือกัน"
นางมองเสี่ยวชุนที่รับหมั่นโถวไปกินทั้งน้ำตา ก่อนจะกัดอาหารในมือของตัวเองเข้าไปคำหนึ่ง มันทั้งแข็งและเย็นชืด แต่สำหรับเธอในตอนนี้...มันคือรสชาติของความหวัง
"กินให้อิ่มเสี่ยวชุน" จื่อเหยากล่าวหลังจากกลืนอาหารลงคอไปแล้ว "เพราะรุ่งเช้า...งานของเจ้าจะเริ่มขึ้นแล้ว"
เมื่อท้องได้สัมผัสกับอาหารเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน แม้จะเป็นเพียงหมั่นโถวแข็ง ๆ ก็ตาม ร่างกายที่อ่อนล้าถึงขีดสุดของเสี่ยวชุนก็ไม่อาจทนทานต่อไปได้
นางจึงผล็อยหลับไปข้างแคร่ไม้ของคุณหนูของตนอย่างรวดเร็ว เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของนางเป็นสิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าในห้องนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่
จื่อเหยาค่อย ๆ วางหมั่นโถวคำสุดท้ายลง นางไม่ได้กินจนหมดแต่เก็บส่วนหนึ่งไว้สำหรับมื้อต่อไป การบริหารทรัพยากรคือสิ่งสำคัญที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้และอดที่จะทำให้นางรู้สึกอดสูไม่ได้ไปพร้อมกัน
ก่อนที่นางจะพิงร่างกับผนังที่เย็นชืด หลับตาลงรู้สึกถึงพลังงานอันน้อยนิดที่เริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ความรู้สึกอุ่นสบายจากการได้กินอาหารทำให้จิตใจของนิติเวชสาวพอจะสงบลงได้บ้าง...ก่อนที่
[ติ๊ง!]
เสียงสังเคราะห์ที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นในหัว พร้อมกับหน้าต่างระบบสีฟ้าที่ปรากฏขึ้นตรงหน้า...
[ตรวจพบโฮสต์ได้รับสารอาหารพื้นฐาน กำลังประเมินสภาพร่างกาย...ประเมินเสร็จสิ้น สภาพร่างกายปัจจุบัน: อ่อนแอมีเสถียรภาพ ค่าพลังชีวิตฟื้นฟู 5%]
(มีเปอร์เซ็นต์บอกด้วยแฮะ...แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน) จื่อเหยาคิดอย่างพึงพอใจเล็กน้อย แต่ข้อความต่อมากลับทำให้นางต้องขมวดคิ้ว
[คำเตือน! ตรวจพบภัยคุกคามระดับสูงต่อโฮสต์! พิษเรื้อรัง เงามรณาไร้ลักษณ์กำลังกัดกินระบบประสาทของโฮสต์ในอัตรา 0.1% ต่อวัน หากไม่ทำการรักษาภายใน 30 วัน พิษจะสร้างความเสียหายถาวรต่อสมอง]
"เงามรณาไร้ลักษณ์..." จื่อเหยาพึมพำชื่อที่ดูน่าเกรงขามออกมาเบา ๆ (แค่ชื่อก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา...เป็นพิษที่ออกฤทธิ์อย่างช้า ๆ ไม่ทิ้งร่องรอย และทำลายจากภายใน เป็นฝีมือของคนใจคออำมหิตโดยแท้)
ยังไม่ทันที่นางจะได้วิเคราะห์ต่อ หน้าต่างภารกิจก็เด้งขึ้นมา
[ระบบได้ทำการสร้างภารกิจหลักบทที่ 1 ภารกิจ: ก้าวแรกสู่การถอนพิษ รายละเอียด:ในการจะต่อต้านพิษ เงามรณาไร้ลักษณ์โฮสต์จำเป็นต้องรวบรวมสมุนไพร 3 ชนิด เพื่อสร้างยาหักล้างพิษขั้นต้น...ซึ่งจะช่วยชะลอการทำงานของพิษและฟื้นฟูระบบประสาทที่เสียหายเล็กน้อย
รายการที่ต้องรวบรวม: ใบหญ้าลิ้นงู 1 ตำลึง (ประมาณ 37.5 กรัม) ดอกสายน้ำผึ้ง 1 ตำลึง และรากชะเอมเทศ 5 เฟิน (ประมาณ 18.75 กรัม)
รางวัลเมื่อสำเร็จภารกิจ: 15 แต้มไขความจริง สูตรยาถอนพิษขั้นต้น บันทึกในระบบถาวร ชุดทดสอบสารพิษเบื้องต้นแบใช้แล้วหมดไป 3 ชุด เวลาที่กำหนด: 7 วัน
บทลงโทษหากล้มเหลว : พิษจะเริ่มดื้อยา ทำให้การรักษาในอนาคตยากขึ้น 20%]
จื่อเหยาไล่อ่านรายละเอียดทั้งหมดอย่างถี่ถ้วน ในฐานะแพทย์ เธอพอจะรู้จักชื่อสมุนไพรเหล่านี้อยู่บ้างจากตำราแพทย์แผนจีนโบราณ
ทั้งหมดล้วนมีสรรพคุณในการขจัดสารพิษและลดการอักเสบ ระบบนี้ไม่ได้ให้ภารกิจมาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า แต่มันมีหลักการทางยาที่ชัดเจน
(ปัญหาคือ...เธอจะไปหาสมุนไพรพวกนี้มาจากไหน?)
นางมองไปรอบ ๆ ห้องที่ว่างเปล่า ก่อนจะเหลือบมองไปยังร่างของเสี่ยวชุนที่กำลังหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว แผนการเดิมของนางคือให้เสี่ยวชุนเป็นหูเป็นตาเพื่อสร้างคดีคงต้องถูกพับเอาไว้ก่อน...เพราะตอนนี้นางมีเป้าหมายที่ชัดเจนและเร่งด่วนมากกว่านั้นเพิ่มเข้ามา
"หญ้าลิ้นงูมักจะขึ้นตามที่ชื้นแฉะริมรั้วหรือชายป่า...ดอกสายน้ำผึ้งก็เป็นไม้เลื้อยที่พบได้ทั่วไป...ส่วนชะเอมเทศอาจจะหายากหน่อย แต่อาจจะมีขายตามร้านยาเล็ก ๆ ในหมู่บ้าน หรืออาจจะมีชาวบ้านปลูกไว้"
จื่อเหยาพึมพำพลางถอนหายใจออกมาเพื่อหวังระบายความอึดอัด "ดูเหมือนว่าพรุ่งนี้...งานของเสี่ยวชุนจะหนักมากกว่าที่คิดไว้เสียแล้ว"
นางปิดหน้าต่างระบบลง เอนกายพิงผนังแล้วหลับตาลงอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่เพื่อพักผ่อนแต่เพื่อวางแผนการสำหรับวันพรุ่งนี้อย่างละเอียดที่สุด การเอาชีวิตรอด การสืบสวน และการรักษา...ทั้งหมดได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกันแล้วบนกระดานหมากที่เรียกว่าเรือนเมฆาคล้อย...แห่งนี้
หลายเดือนผ่านไปนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ที่เมืองเหยียนสุ่ย...ผ่านพ้น ในตอนนี้ฤดูร้อนที่ร้อนระอุได้ผ่านไปนานแล้วและถูกแทนที่ด้วยสายลมเย็นสบายแห่งต้นฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้รอบเรือนเมฆาคล้อยเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวชอุ่มเป็นสีเหลืองทองอร่าม บรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยความตึงเครียด บัดนี้กลับสงบสุขและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา จื่อเหยาได้ใช้ช่วงเวลาหลายเดือนนี้ในการฟื้นฟูร่างกายและสร้างฐานอำนาจเล็ก ๆ ของนางขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ โดยอาศัยชื่อเสียงของคุณชายหลี่เหยาที่ตอนนี้ได้กลายมาเป็นตำนานที่เล่าขานกันไปทั่วทั้งอำเภอ แต่กลับไม่มีผู้ใดล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาเลยแม้แต่คนเดียว บ่ายวันหนึ่ง ขณะที่จื่อเหยากำลังนั่งอ่านตำราแพทย์ที่พ่อบ้านสวีอุตส่าห์ไปหามาให้อย่างใจเย็น โดยมีเหลิ่งเยว่ยืนเฝ้าอารักขาอยู่ไม่ห่างนั้นเองที่ตัวตนของนางถูกจื่อเหยารู้แล้วจากอาการบาดเจ็บในครั้งก่อน...เสียงฝีเท้าที่รีบร้อนของพ่อบ้านสวีก็ดังขึ้นจากทางเดินหน้าห้องพัก&nb
เหลิ่งเยว่เตรียมจะรับคำ ทว่าได้มีเสียงของเสี่ยวชุนดังแทรกขึ้นมาอย่างสั่นกลัว "คะ...คุณหนูเราต้องฆ่าพวกเขาเลยหรือเจ้าคะ" คำถามที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและหวาดกลัวของเสี่ยวชุน ทำให้หรงจื่อเหยาที่กำลังจะออกคำสั่งต่อไปถึงกับชะงักงันพร้อมกับคิดว่าโชคดีที่นางได้ให้นางจางกับอาเฉียงหลอกล่อเสี่ยวเฉินออกไป ก่อนที่นางจะหันไปมองบ่าวรับใช้คนสนิทที่อยู่กับนางมาตั้งแต่ต้น...ใบหน้าของเสี่ยวชุนซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำใส ร่างกายของนางสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม...ที่ไม่ใช่เกิดจากการแสดงอีกต่อไปแล้ว จื่อเหยารู้สึกราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบหัวใจของตน...นางเกือบลืมไปแล้ว...ว่าเด็กสาวตรงหน้า...ก็เป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น นางเดินเข้าไปหาเสี่ยวชุนช้า ๆ แววตาที่เคยเย็นเยียบพลันอ่อนแสงลงเล็กน้อย "
ช่วงเย็นจนถึงช่วงหัวค่ำภายในโรงเตี๊ยมจิ่นซิ่วของเมืองอันคังผ่านไปอย่างเงียบสงัด...แต่สำหรับหรงจื่อเหยาแล้ว นางรู้ดีว่านี่เป็นเพียงความเงียบที่ซ่อนเร้นไว้ซึ่งกระแสคลื่นใต้น้ำอันรุนแรง ทั้งนี้เป็นเพราะนางรู้เรื่องแผนการบางอย่างมาจากสายลับพิเศษนั่นเอง หากจะเป็นเรื่องอันใดนั้น คงต้องย้อนกลับไปก่อนหน้าในตอนที่นางสั่งให้วิญญาณของนางจางไปตามติดอยู่กับจ้าวมามา 'นายหญิงเจ้าคะ...' เสียงกระซิบที่เย็นเยียบของวิญญาณป้าจางดังขึ้นในหัวของนางตั้งแต่ตอนที่ขบวนรถม้าเพิ่งผ่านเข้าประตูเมืองอันคังมาได้ไม่นานนัก 'เมื่อครู่...ข้าน้อยได้ยินนางพูดคุยกับบ่าวรับใช้ที่ชื่อเสี่ยวถัง...นางกำชับนังเด็กนั่นว่าเมื่อไปถึงเมืองอันคัง ให้รีบไปติดต่อญาติห่าง ๆ ของนางที่ชื่อจิ่วกุ่ยหวัง ฉายาหวังขี้เมา...ดูเหมือนว่าพวกมันจะวางแผนใช้ชายผู้นี้ให้มาสร้างเรื่องอื้อฉาวเพื่อทำลายชื่อเสียงของนายหญิงในคืนนี้เจ้าค่ะ!'
เมื่อขึ้นมานั่งภายในรถม้า...จื่อเหยาก็รู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวของนางได้กลับคืนมาอีกครั้ง นางจึงเอนกายพิงผนังรถม้าอย่างสบายใจ...ส่วนแววตาที่แสร้งทำเป็นเลื่อนลอยนั้นมาบัดนี้กลับทอประกายแห่งความเย็นชาและมุ่งมั่นมากขึ้นกว่าเดิม (ได้เวลาทวงคืนทุกสิ่งที่เป็นของเจ้าของร่างนี้...พร้อมกับดอกเบี้ยแล้ว...เหมยลี่) ทันใดนั้นเอง...นางก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นในรถม้า...ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นวิญญาณของนางจาง อาเฉียง และเสี่ยวเฉิน ที่ลอยเข้ามานั่งอย่างเบียดเสียดอยู่ตรงข้ามกับนางด้วยท่าทีตื่นเต้น 'นายหญิง/พี่สาว...ท่านจะให้พวกเราติดตามกลับไปเมืองหลวงด้วยจริง ๆ หรือขอรับ/เจ้าคะ?' เสียงของทั้งสามดังขึ้นพร้อมกันในหัวของจื่อเหยา แววตาโปร่งแสงของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างปิดไม่มิด จื่อเ
"พวกเจ้ารีบไป!" จ้าวมามาหันไปสั่งบ่าวรับใช้หญิงสองคนที่ติดตามมาด้วย "ช่วยกันจับตัวคุณหนูใหญ่ไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย! เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ข้าเตรียมมาให้เรียบร้อย! เราจะให้ท่านเจ้ากรมหลี่เห็นหลานสาวสุดที่รักในสภาพเช่นนี้ไม่ได้เป็นอันขาด!" บ่าวรับใช้หญิงร่างกำยำสองคนรับคำแล้วเดินตรงเข้ามาหาจื่อเหยาทันที แต่ยังไม่ทันที่มือหยาบกร้านของพวกนางจะได้แตะต้องตัวของจื่อเหยา! เสียงกรีดร้องอย่างแหลมหูของเด็กสาวที่นั่งขดอยู่เป็นก้อนกลมพลันส่งเสียงออกมา...พร้อมกันนั้นนางก็ได้ดีดตัวลุกขึ้นราวกับกระต่ายตื่นตูม! นางถอยกรูดไปจนชิดมุมห้อง แววตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและบ้าคลั่งอย่างสมจริง! ไม่เพียงแค่นั้น นางยังคว้าแจกันดินเผาที่ร้าวบิ่นใบหนึ่งขึ้นมาถือไว้ในมือเพื่อเป็นอาวุธอีกด้วย ซึ่งท่าทางของนางในยามนี้ทำให้จ้าวมามาถึงตกตะลึง&
เมื่อนางกลับมานั่งลงที่มุมเดิม เจ้าตัวก็รีบหักขนมเปี๊ยะชิ้นโตส่งให้วิญญาณของเสี่ยวเฉินที่กำลังลอยอยู่ไม่ห่างด้วยแววตาที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ 'เอาไปสิ' 'ขอบพระคุณพี่สาว!' เสี่ยวเฉินรับของเซ่นไหว้นั้นมาด้วยความดีใจเช่นเดิม จากนั้นเขาก็รีบกินมันเข้าไปด้วยความเอร็ดอร่อยทันที เมื่อเห็นท่าทางของเด็กชายเช่นนี้จื่อเหยาก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ แล้วในระหว่างนี้นางก็ได้อาศัยการตรวจสอบเรื่องกับดักซ้ำกับระบบอีกครั้งแม้ว่านางจะไว้ใจต่อคำรายงานของเสี่ยวเฉินก็ตาม...ถึงกระนั้นนางคิดว่าอย่างไรเสียก็ไม่ควรจะประมาท [ระบบ ช่วยตรวจสอบเส้นทางในอุโมงค์ให้ที ว่าปลอดภัยตามคำรายงานของเสี่ยวเฉินหรือไม่] ติ๊ง!&n







