Share

ตอนที่ 8 ใครว่าคนตายพูดไม่ได้

คืนที่สองของเส้นตายสามวันมาถึงพร้อมกับความกดดันที่ทวีสูงขึ้น บรรยากาศในเรือนเมฆาคล้อยหนักอึ้งไปด้วยความหวาดระแวงและความกลัว

            จื่อเหยารู้ดีว่าการรอให้หลักฐานชิ้นต่อไปปรากฏขึ้นเองนั้นโง่เขลา นางต้องเป็นฝ่ายรุกเสียเอง

            "เสี่ยวชุน" จื่อเหยาเอ่ยขึ้นในความเงียบของห้องพัก "ข้ามีแผนที่จะทำให้หนูสกปรกสองตัวนั่นร้อนรนจนต้องเผยหางออกมา"

            "แผนอะไรหรือเจ้าคะคุณหนู?"

            "คนโบราณเชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณ...เราก็จะใช้ความเชื่อนี้ให้เป็นประโยชน์" จื่อเหยาคลี่ยิ้มเย็น "เจ้าจงไปปล่อยข่าวลือ...บอกบ่าวคนอื่นว่าเมื่อคืนเจ้าได้ยินเสียงคนร้องไห้โหยหวนมาจากทางบ่อน้ำ และเมื่อเช้านี้ตอนที่ข้าตื่นนอน ข้าก็ละเมอพูดจาแปลก ๆ ว่า...ข้าหนาว...ของของข้าอยู่ที่ไหน...เอาของของข้าคืนมา..."

            เสี่ยวชุนเบิกตากว้าง "คุณหนูจะให้บ่าวกุเรื่องว่าวิญญาณของป้าจางมาเข้าฝันคุณหนูอย่างนั้นหรือเจ้าคะ!"

            "ถูกต้อง" จื่อเหยากล่าว "และเจ้าจะต้องจงใจเล่าให้ดูน่ากลัวและสมจริงมากที่สุด บอกว่าวิญญาณของนางยังคงวนเวียนอยู่แถวนี้เพื่อตามหาของสำคัญของคนที่ฆ่านางคว้าติดมือมาได้ก่อนตาย...และนางจะตามทวงคืนจากเจ้าของ...ของมัน"

            ซึ่งแผนการนี้คือการสาดน้ำมันเข้ากองไฟโดยแท้อย่างที่หรงจื่อเหยานึกไม่ถึงทีเดียว และเสี่ยวชุนก็ไม่รอช้า นางรีบทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายทันที

            และเมื่อนางได้ออกจากห้องและตรงมาที่โรงครัวเด็กหญิงก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้บ่าวรับใช้สองสามคนที่ดูขวัญอ่อนมากที่สุดฟังก่อนเป็นอันดับแรก

            และเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ข่าวลือเรื่องวิญญาณป้าจางเฮี้ยนก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเรือนราวกับไฟลามทุ่ง บรรยากาศที่น่าหวาดหวั่นอยู่แล้ว ยิ่งทวีความน่าขนลุกขึ้นไปอีกหลายเท่า

            และกับดักนี้ก็ได้ผล...เสี่ยวชิวมีอาการหวาดผวาอย่างเห็นได้ชัด นางหน้าซีดและทำของตกหล่นอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งตกดึกในคืนนั้นเอง...เรื่องราวที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น!

            "กรี๊ด! มีคนตาย!"

            เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันได้ดังมาจากทางเรือนเก็บฟืน! บ่าวไพร่ที่ยังไม่ทันข่มตาหลับต่างวิ่งกรูไปยังที่เกิดเหตุ

            และภาพที่เห็นก็ทำให้ทุกคนต้องแข็งทื่อด้วยความตกตะลึง...ร่างของอาเฉียงนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น! ที่กลางอกของเขามีมีดทำครัวปักอยู่จนมิดด้าม ส่วนเสี่ยวชิวนั่งตัวสั่นเทาอยู่ไม่ไกล นางเอาแต่กรีดร้องว่า "เงาตัวดำ ๆ มันฆ่าเขา...วิญญาณป้าจางกลับมาแล้ว!"

            เหตุฆาตกรรมซ้อนที่เกิดขึ้นทำให้นายอำเภอหวังต้องกลับมาที่เรือนเมฆาคล้อยอีกครั้งในยามวิกาล คราวนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและสับสน

            จื่อเหยาเห็นว่านี่คือโอกาสเดียวของนาง นางจึงเรียกเสี่ยวชุนมาสั่งการพร้อมกับนำเงินก้นหีบที่ค้นเจอซึ่งเจ้าของร่างเดิมน่าจะซ่อนไว้ออกมา

            "เจ้าจงนำเงินก้อนนี้ไปมอบให้นายอำเภอหวัง บอกเขาว่าข้ามีลูกพี่ลูกน้องชายห่าง ๆ ทางแม่ที่เป็นศิษย์หมอเทวดาคนหนึ่ง เขามีความสามารถในการตรวจดูศพเพื่อหาสาเหตุการตายได้อย่างแม่นยำ ข้าขออนุญาตให้น้องชายของข้าเข้าไปตรวจสอบศพของอาเฉียงเพื่อหาเบาะแสที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าในคดีของป้าจาง"

            แม้ว่าเสี่ยวชุนจะรู้สึกสงสัยว่าน้องชายผู้นั้นของคุณหนูเป็นใครมาจากไหน แต่ทว่านางก็เชื่อฟังคุณหนูของตัวเองเป็นอย่างดี "เจ้าค่ะ คุณหนู" นางรับคำก่อนจะค่อย ๆ หาโอกาสส่งเงินในมือมอบให้ขุนนางผู้ละโมบอย่างลับ ๆ

            นายอำเภอหวังผู้เห็นแก่เงิน เมื่อได้รับสินน้ำใจก้อนโตและเห็นว่าเป็นหนทางที่จะปิดคดีที่น่าปวดหัวนี้ได้เร็วขึ้นจึงยอมตกลงอย่างง่ายดาย เมื่อเสี่ยวชุนเห็นดังนั้นนางจึงได้รีบกลับไปห้องพักอย่างรวดเร็ว

            "คะ...คุณหนู!" น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นคุณหนูแต่งกายในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มคล้ายบัณฑิต

            "เจ้าอย่าได้เสียงดังไป ยามนี้ค่อนข้างมืด เจ้ารีบออกไปดูต้นทางให้ข้าทีว่ามีใครหรือไม่" จื่อเหยายกนิ้วขึ้นจุ๊ปากของตน ก่อนจะสั่งสาวใช้ออกมา

            "จะ...เจ้าค่ะ" เสี่ยวชุนตอบรับด้วยความสับสน "ปลอดคนเจ้าค่ะ" หลังคนด้านในได้ยินคำพูดนี้ของนาง หรงจื่อเหยาในคราบของคุณชายหลี่เหยาก็ได้เดินออกมาด้วยท่าทางสุขุมเกินวัย

            "เสี่ยวชุน หากข้าอยู่ในรูปลักษณ์เช่นนี้เจ้าจงเรียกข้าว่า หลี่เหยา เข้าใจหรือไม่" หรงจื่อเหยาพยายามเปลี่ยนน้ำเสียงของตนให้เข้มขึ้นเล็กน้อย

            "บ่าวเข้าใจแล้ว...ว่าแต่คุณหนูทำแบบนี้ทำไมหรือเจ้าคะ" ครานี้เสี่ยวชุนไม่ปล่อยผ่านความสงสัยจึงได้ถามออกมา

            "ข้าก็คือศิษย์หมอเทวดาผู้นั้นอย่างไรเล่า" สิ้นคำกล่าวของหรงจื่อเหยา เสี่ยวชุนก็อ้าปาก ดวงตาเบิกกว้างในทันที

            "คุณหนู หมายความว่าท่านจะเข้าไปดูศพด้วยตัวเองหรือเจ้าคะ" เสียงของบ่าวรับใช้ถามออกมาอย่างตกใจ

            "ใช่! เจ้าเลิกตกใจได้แล้ว รีบไปบอกท่านนายอำเภอหวังเถอะว่าคุณชายหลี่กำลังมา"

            แม้ว่าเสี่ยวชุนอยากจะค้านคนเป็นนายใจแทบขาด แต่เมื่อได้เห็นแววตาคมกริบคู่นั้นที่จ้องมองมา นางก็ได้แต่ต้องวิ่งเหยาะ ๆ จากไปท่ามกลางแสงสลัวของดวงจันทร์

            และไม่นานหลังจากนั้น จื่อเหยาที่รออยู่ชั่วครู่ใหญ่ก็ได้เดินออกไปปรากฏกายในนามของคุณชายหลี่เหยา

            "ท่านคือคุณชายหลี่" นายอำเภอหวังถามอย่างกังขา เนื่องจากเด็กหนุ่มคนนี้มีรูปร่างผอมบางและอ่อนแอคล้ายอิสตรีไม่มีผิด จะดูแตกต่างออกไปเล็กน้อยก็คือแววตาคมปลาบและสุขุมเกินวัย

            "คารวะท่านนายอำเภอหวัง ผู้น้อยแซ่หลี่นามเหยาขอรับ"

            จื่อเหยาในคราบคุณชายกล่าวทักทายพลางประสานมือคารวะ แม้จะดูสุภาพทว่าก็ไม่ได้นอบน้อมมากจนเกินควร

            "ไม่ต้องมากพิธี" ชายมากวัยกล่าวพลางโบกมือ "เอาละ ในเมื่อท่านมาแล้วก็เชิญเถอะ" เขากล่าวอย่างขอไปทีอีกครั้ง แม้ว่าเจ้าตัวจะยังคงสงสัยทว่าก็ยอมปล่อยผ่านแต่โดยดีเนื่องจากยามนี้ก็ดึกมากแล้ว

            จื่อเหยาในคราบของหลี่เหยาเองก็ไม่รอช้า นางจึงได้เดินตรงไปยังศพของอาเฉียงโดยไม่แสดงอาการรังเกียจแม้แต่น้อย ท่ามกลางสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของทุกคน

            นางเริ่มทำการชันสูตรด้วยตนเอง "เรียนท่านนายอำเภอ" นางกล่าวกับนายอำเภอหวัง "ผู้ตายไม่ได้ถูกฆ่าโดยเงา อย่างที่นางกล่าวอ้าง" คำพูดนี้ทำให้เสี่ยวชิวที่กำลังร้องไห้ตัวสั่นสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจไปชั่วขณะ

            "เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร" นายอำเภอผู้ไม่คิดจะสนใจเรื่องคดี ถามพลางอ้าปากหาว

            หรงจื่อเหยาที่เห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาก็ส่ายหน้าในใจ (เหตุใดคนเช่นนี้ถึงได้มาเป็นผู้รักษากฏหมายได้กัน) นางคิดก่อนจะหันมาสนใจเรื่องตรงหน้าของตนต่อ

            "บาดแผลนี้เกิดจากคมมีดเพียงครั้งเดียว อีกทั้งยังลึกและแม่นยำตัดขั้วหัวใจพอดี นี่แสดงว่าคนร้ายต้องเป็นคนที่รู้ตำแหน่งจุดตายบนร่างกายเป็นอย่างดี และต้องเป็นคนที่ผู้ตายไม่ได้ระมัดระวังตัว เขาจึงสามารถเข้าประชิดได้ในระยะนี้" นางกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วของตนไปยังบาดแผล

            นายอำเภอหวังทำเพียงชะโงกหน้ามาดูเล็กน้อยด้วยความรังเกียจ "แล้วยังไงต่อ" เขาถามอย่างไม่ใส่ใจ

            จื่อเหยาเองก็คร้านจะสนใจท่าทางเช่นนี้ของคนผู้นี้อีก ดังนั้นนางจึงได้พลิกฝ่ามือของผู้ตายขึ้นมา "ในมือของผู้ตายมีเศษผ้าฝ้ายหยาบ ๆ แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือกลิ่น...ซึ่งบนตัวผู้ตายมีกลิ่นหมึกจาง ๆ ติดอยู่ ซึ่งไม่ใช่กลิ่นที่บ่าวรับใช้ในเรือนฟืนควรจะมี"

            และคำพูดของนางก็ได้ทำให้ทุกคนต่างพากันตกตะลึง โดยเฉพาะบัณฑิตเฝิง บัณฑิตหนุ่มหน้าตาหมดจดผู้มีชื่อเสียงดีงามและเป็นที่นับหน้าถือตาของคนในหมู่บ้าน ซึ่งบังเอิญมาเยี่ยมเยียนพ่อบ้านสวีในคืนนี้พอดี

            "คุณชาย...ท่านเป็นใครกันแน่ ถึงได้มาพูดจาเหลวไหลที่นี่!" บัณฑิตเฝิงกล่าวตำหนิด้วยสีหน้าไม่พอใจ หลังเห็นสายตาเคลืองแคลงของทุกคนมองมาทางตนเอง

            จื่อเหยาหันไปเผชิญหน้ากับเขาอย่างตรงไปตรงมา "ข้าเป็นเพียงศิษย์แพทย์ที่พูดไปตามหลักฐานที่เห็น...แต่ท่านบัณฑิตนี่สิ น่าแปลกนัก เหตุใดท่านจึงดูร้อนรนกับเรื่องนี้ยิ่งกว่าคนอื่นเล่า?" และเป็นอีกคำรบที่สองที่คำพูดนี้ทำให้เกิดความกังขาในหมู่ของผู้คน

            "ไร้สาระ!" บัณฑิตเฝิงสะบัดแขนเสื้อ "ทุกคนต่างก็รู้ว่าคุณหนูใหญ่ต่างหากคือผู้ต้องสงสัยในคดีแรก...ไหนจะเรื่องปิ่นปักผมที่พบในที่เกิดเหตุ? เหตุใดท่านจึงไม่ไปสืบสวนนางต่อเล่า ไม่แน่ว่าการตายของบ่าวชายคนนี้ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับนางด้วยก็ได้"

            ในตอนนี้เพียงคำพูดประโยคเดียวของเขาได้ทำให้ทั่วทั้งเรือนห้องเก็บฟืนแห่งนี้เงียบกริบ! เสี่ยวชุนเบิกตากว้าง...ส่วนจื่อเหยาก็คลี่ยิ้มออกมา...ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มของผู้ชนะ

            "น่าแปลกนะท่านบัณฑิต..." จื่อเหยากล่าวเสียงเย็น "เรื่องปิ่นนั้นเป็นเรื่องที่พ่อบ้านสวีรายงานท่านนายอำเภอเป็นการส่วนตัว...หากท่านไม่เกี่ยวข้องกับแผนการใส่ร้ายญาติผู้พี่ของข้าตั้งแต่แรก...แล้วท่านไปได้ยินเรื่องนี้มาจากที่ใดกัน?"

            บัณฑิตเฝิงหน้าซีดเผือดทันที! และดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าตัวเองได้หลุดปากพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมาเสียแล้ว

            "ขะ...ข้า...ข้าก็ได้ยินคนอื่นเขาพูดกันมา!"

            "งั้นหรือ!" จื่อเหยาตวาดลั่น "ถ้าเช่นนั้นข้าจะบอกความจริงให้! คนที่ฆ่าป้าจางก็คือเจ้า! เจ้าลอบมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับเสี่ยวชิว! แต่ป้าจางผู้ละโมบรู้ความลับนี้เข้า อีกทั้งนางยังมีลูกชายติดการพนัน นางจึงข่มขู่เรียกเงินจากเจ้าไม่หยุดหย่อน!

            เจ้าซึ่งกำลังจะแต่งงานกับบุตรสาวขุนนางและกลัวว่าอนาคตจะดับสิ้น จึงวางแผนฆ่านางเพื่อปิดปาก! เจ้าใช้อาเฉียงเป็นคนลงมือ และใช้เสี่ยวชิวเป็นคนนำปิ่นญาติผู้พี่ของข้าไปวางเพื่อโยนความผิด! แต่เมื่อมีเรื่องวิญญาณดังขึ้นมา พวกเจ้าก็กลัวว่าอาเฉียงจะปากสว่างจึงฆ่าเขาเพื่อปิดปากอีกคน! ข้าพูดถูกหรือไม่!!!"

            ทุกประโยคของเด็กหนุ่มราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงกลางใจของบัณฑิตเฝิงและเสี่ยวชิว! เสี่ยวชิวซึ่งตกอยู่ในอาการช็อกจากการตายของคนรักและหวาดกลัววิญญาณอยู่แล้ว

            เมื่อนางถูกความจริงจี้ใจดำเข้าอย่างจังก็สติแตกทันที "ข้าไม่ได้ฆ่า! เขาเป็นคนทำ! เขาเป็นคนวางแผนทั้งหมด! ข้าไม่ได้อยากทำ!" นางกรีดร้องพลางชี้มือไปที่บัณฑิตเฝิง

            เมื่อมีคำสารภาพของผู้สมรู้ร่วมคิดหลักฐานทุกอย่างก็มัดตัวบัณฑิตเฝิงจนดิ้นไม่หลุด นายอำเภอหวังแม้จะตกตะลึงแต่ก็จำใจต้องสั่งจับกุมบัณฑิตเฝิงและเสี่ยวชิวทันที

            และแล้วในที่สุดคดีฆาตกรรมซ้อนที่ดูเหมือนจะมืดแปดด้าน ก็กลับถูกคลี่คลายลงได้อย่างน่าทึ่งโดยคุณชายปริศนาเพียงคนเดียว...นามของเขาคือคุณชายหลี่เหยา

            รวมถึงจุดประสงค์ของหรงจื่อเหยาก็ได้สำเร็จลงด้วยดีเช่นกัน เนื่องจากบัดนี้ชื่อเสียงภายในค่ำคืนนี้ของนางที่ตั้งใจปิดบังตัวได้เริ่มเป็นที่รู้จักขึ้นมาในบัดดล

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ช่วยด้วย! ข้าถูกตัวร้ายปักธงเข้าให้แล้ว   ตอนที่ 36 คืนกลับสู่จวนหรงโหว

    หลายเดือนผ่านไปนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ที่เมืองเหยียนสุ่ย...ผ่านพ้น ในตอนนี้ฤดูร้อนที่ร้อนระอุได้ผ่านไปนานแล้วและถูกแทนที่ด้วยสายลมเย็นสบายแห่งต้นฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้รอบเรือนเมฆาคล้อยเริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวชอุ่มเป็นสีเหลืองทองอร่าม บรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยความตึงเครียด บัดนี้กลับสงบสุขและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา จื่อเหยาได้ใช้ช่วงเวลาหลายเดือนนี้ในการฟื้นฟูร่างกายและสร้างฐานอำนาจเล็ก ๆ ของนางขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ โดยอาศัยชื่อเสียงของคุณชายหลี่เหยาที่ตอนนี้ได้กลายมาเป็นตำนานที่เล่าขานกันไปทั่วทั้งอำเภอ แต่กลับไม่มีผู้ใดล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาเลยแม้แต่คนเดียว บ่ายวันหนึ่ง ขณะที่จื่อเหยากำลังนั่งอ่านตำราแพทย์ที่พ่อบ้านสวีอุตส่าห์ไปหามาให้อย่างใจเย็น โดยมีเหลิ่งเยว่ยืนเฝ้าอารักขาอยู่ไม่ห่างนั้นเองที่ตัวตนของนางถูกจื่อเหยารู้แล้วจากอาการบาดเจ็บในครั้งก่อน...เสียงฝีเท้าที่รีบร้อนของพ่อบ้านสวีก็ดังขึ้นจากทางเดินหน้าห้องพัก&nb

  • ช่วยด้วย! ข้าถูกตัวร้ายปักธงเข้าให้แล้ว   ตอนที่ 40 เบี้ยที่ถูกกลืน

    เหลิ่งเยว่เตรียมจะรับคำ ทว่าได้มีเสียงของเสี่ยวชุนดังแทรกขึ้นมาอย่างสั่นกลัว "คะ...คุณหนูเราต้องฆ่าพวกเขาเลยหรือเจ้าคะ" คำถามที่เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาและหวาดกลัวของเสี่ยวชุน ทำให้หรงจื่อเหยาที่กำลังจะออกคำสั่งต่อไปถึงกับชะงักงันพร้อมกับคิดว่าโชคดีที่นางได้ให้นางจางกับอาเฉียงหลอกล่อเสี่ยวเฉินออกไป ก่อนที่นางจะหันไปมองบ่าวรับใช้คนสนิทที่อยู่กับนางมาตั้งแต่ต้น...ใบหน้าของเสี่ยวชุนซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำใส ร่างกายของนางสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม...ที่ไม่ใช่เกิดจากการแสดงอีกต่อไปแล้ว จื่อเหยารู้สึกราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบหัวใจของตน...นางเกือบลืมไปแล้ว...ว่าเด็กสาวตรงหน้า...ก็เป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น นางเดินเข้าไปหาเสี่ยวชุนช้า ๆ แววตาที่เคยเย็นเยียบพลันอ่อนแสงลงเล็กน้อย "

  • ช่วยด้วย! ข้าถูกตัวร้ายปักธงเข้าให้แล้ว   ตอนที่ 39 แผนตลบหลัง

    ช่วงเย็นจนถึงช่วงหัวค่ำภายในโรงเตี๊ยมจิ่นซิ่วของเมืองอันคังผ่านไปอย่างเงียบสงัด...แต่สำหรับหรงจื่อเหยาแล้ว นางรู้ดีว่านี่เป็นเพียงความเงียบที่ซ่อนเร้นไว้ซึ่งกระแสคลื่นใต้น้ำอันรุนแรง ทั้งนี้เป็นเพราะนางรู้เรื่องแผนการบางอย่างมาจากสายลับพิเศษนั่นเอง หากจะเป็นเรื่องอันใดนั้น คงต้องย้อนกลับไปก่อนหน้าในตอนที่นางสั่งให้วิญญาณของนางจางไปตามติดอยู่กับจ้าวมามา 'นายหญิงเจ้าคะ...' เสียงกระซิบที่เย็นเยียบของวิญญาณป้าจางดังขึ้นในหัวของนางตั้งแต่ตอนที่ขบวนรถม้าเพิ่งผ่านเข้าประตูเมืองอันคังมาได้ไม่นานนัก 'เมื่อครู่...ข้าน้อยได้ยินนางพูดคุยกับบ่าวรับใช้ที่ชื่อเสี่ยวถัง...นางกำชับนังเด็กนั่นว่าเมื่อไปถึงเมืองอันคัง ให้รีบไปติดต่อญาติห่าง ๆ ของนางที่ชื่อจิ่วกุ่ยหวัง ฉายาหวังขี้เมา...ดูเหมือนว่าพวกมันจะวางแผนใช้ชายผู้นี้ให้มาสร้างเรื่องอื้อฉาวเพื่อทำลายชื่อเสียงของนายหญิงในคืนนี้เจ้าค่ะ!'

  • ช่วยด้วย! ข้าถูกตัวร้ายปักธงเข้าให้แล้ว   ตอนที่ 38 สัญญาณอันตรายบนเส้นทาง

    เมื่อขึ้นมานั่งภายในรถม้า...จื่อเหยาก็รู้สึกว่าความเป็นส่วนตัวของนางได้กลับคืนมาอีกครั้ง นางจึงเอนกายพิงผนังรถม้าอย่างสบายใจ...ส่วนแววตาที่แสร้งทำเป็นเลื่อนลอยนั้นมาบัดนี้กลับทอประกายแห่งความเย็นชาและมุ่งมั่นมากขึ้นกว่าเดิม (ได้เวลาทวงคืนทุกสิ่งที่เป็นของเจ้าของร่างนี้...พร้อมกับดอกเบี้ยแล้ว...เหมยลี่) ทันใดนั้นเอง...นางก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นในรถม้า...ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นวิญญาณของนางจาง อาเฉียง และเสี่ยวเฉิน ที่ลอยเข้ามานั่งอย่างเบียดเสียดอยู่ตรงข้ามกับนางด้วยท่าทีตื่นเต้น 'นายหญิง/พี่สาว...ท่านจะให้พวกเราติดตามกลับไปเมืองหลวงด้วยจริง ๆ หรือขอรับ/เจ้าคะ?' เสียงของทั้งสามดังขึ้นพร้อมกันในหัวของจื่อเหยา แววตาโปร่งแสงของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างปิดไม่มิด จื่อเ

  • ช่วยด้วย! ข้าถูกตัวร้ายปักธงเข้าให้แล้ว   ตอนที่ 37 เดินทาง

    "พวกเจ้ารีบไป!" จ้าวมามาหันไปสั่งบ่าวรับใช้หญิงสองคนที่ติดตามมาด้วย "ช่วยกันจับตัวคุณหนูใหญ่ไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย! เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ข้าเตรียมมาให้เรียบร้อย! เราจะให้ท่านเจ้ากรมหลี่เห็นหลานสาวสุดที่รักในสภาพเช่นนี้ไม่ได้เป็นอันขาด!" บ่าวรับใช้หญิงร่างกำยำสองคนรับคำแล้วเดินตรงเข้ามาหาจื่อเหยาทันที แต่ยังไม่ทันที่มือหยาบกร้านของพวกนางจะได้แตะต้องตัวของจื่อเหยา! เสียงกรีดร้องอย่างแหลมหูของเด็กสาวที่นั่งขดอยู่เป็นก้อนกลมพลันส่งเสียงออกมา...พร้อมกันนั้นนางก็ได้ดีดตัวลุกขึ้นราวกับกระต่ายตื่นตูม! นางถอยกรูดไปจนชิดมุมห้อง แววตาเบิกกว้างเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและบ้าคลั่งอย่างสมจริง! ไม่เพียงแค่นั้น นางยังคว้าแจกันดินเผาที่ร้าวบิ่นใบหนึ่งขึ้นมาถือไว้ในมือเพื่อเป็นอาวุธอีกด้วย ซึ่งท่าทางของนางในยามนี้ทำให้จ้าวมามาถึงตกตะลึง&

  • ช่วยด้วย! ข้าถูกตัวร้ายปักธงเข้าให้แล้ว   ตอนที่ 35 รุ่งอรุณแห่งการเปิดโปง (6)

    เมื่อนางกลับมานั่งลงที่มุมเดิม เจ้าตัวก็รีบหักขนมเปี๊ยะชิ้นโตส่งให้วิญญาณของเสี่ยวเฉินที่กำลังลอยอยู่ไม่ห่างด้วยแววตาที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ 'เอาไปสิ' 'ขอบพระคุณพี่สาว!' เสี่ยวเฉินรับของเซ่นไหว้นั้นมาด้วยความดีใจเช่นเดิม จากนั้นเขาก็รีบกินมันเข้าไปด้วยความเอร็ดอร่อยทันที เมื่อเห็นท่าทางของเด็กชายเช่นนี้จื่อเหยาก็อดที่จะยิ้มออกมาอย่างรู้สึกเอ็นดูไม่ได้ แล้วในระหว่างนี้นางก็ได้อาศัยการตรวจสอบเรื่องกับดักซ้ำกับระบบอีกครั้งแม้ว่านางจะไว้ใจต่อคำรายงานของเสี่ยวเฉินก็ตาม...ถึงกระนั้นนางคิดว่าอย่างไรเสียก็ไม่ควรจะประมาท [ระบบ ช่วยตรวจสอบเส้นทางในอุโมงค์ให้ที ว่าปลอดภัยตามคำรายงานของเสี่ยวเฉินหรือไม่] ติ๊ง!&n

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status