Share

บทที่ 5 แขกผู้มาเยือน

last update Last Updated: 2025-12-15 23:25:06

สีหน้าตกใจราวกับพบวิญญาณอาฆาตทำให้ดวงตาของเหอจื่อหยางไหวระริก เพียงชั่วครู่ก็กลับมองนางอย่างแปลกใจราวกับไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ‘นางจดจำเขาได้’

         ‘ในเมื่อนางไม่ต้องการให้คนขุดคุ้ยอดีต เช่นนั้นเขา

ก็ต้องเล่นให้สมจริงสักหน่อย’

         “ขออภัยแม่นาง ข้าเสียมารยาทแล้ว” เหอจื่อหยางรีบโค้งให้ ก่อนจะกระโดดลงจากกำแพง และใช่กระโดดไปฝั่งของบ้านนาง แต่เจ้าเด็กอ้วนทั้งสองนี่สิชื่นชมเขาราวกับเป็นจอมยุทธอันดับหนึ่ง

         “โอ้โหท่านลุง ท่านร้ายกาจมาก เพียงย่อตัวก็กระโดดขึ้นกำแพง พอกระโดดก็เพียงขยับเล็กน้อย เคลื่อนไหวไร้เสียง ยอดเยี่ยมนัก” หลิงเผิงไม่เคยเห็นคนมี

วรยุทธสูง เพียงแค่กระโดดเล็กน้อยเขาก็ชื่นชมแล้ว จนหยาง-หยู่เฟยต้องส่ายหน้า จากนั้นนางเหยียบก้อนหินที่สองแสบจอมซนปีนขึ้นไปแล้วอุ้มพวกเขาลงมา แต่ทว่า

         “ว้าย...!!” เสียงร้องของนางทำให้แขกผู้มาใหม่เคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายลมพัด ใช้แขนโอบเอวของนางที่กำลังจะหงายท้องลงไปเอาไว้ จากนั้นก็พยุงนางให้ยืนมั่นคง ก่อนจะวางเจ้าไก่อ้วนของตัวเองลง แล้วไปรับเจ้าเด็กตัวแสบลงจากกำแพงที่ทำจากอิฐชิงจวน

         “มานี่ คราวหน้าอย่าปีนอีกรู้หรือไม่” เขาช่วยนางอุ้มเด็ก ๆ ลงมา จากนั้นจัดเสื้อผ้าเล็กน้อยให้ดูองอาจน่ามอง ก่อนจะหันกลับมาพบว่านางก้มหน้าไม่กล้าสบตาเขาอยู่แล้ว

         หยางหยู่เฟยไม่กล้าสบตา นางเหยียบพลาดเพราะรองเท้านางเก่าแล้ว ทำให้ลื่นไปหน่อยจนนางหงายหลัง และที่ต้องสำรวมก็เพราะว่ากลัวเขาจะจดจำนางได้

         เหอจื่อหยางเห็นนางมีท่าทีอึกอักไม่พูดไม่จาทั้งยืนนิ่งเหมือนหิน ปล่อยให้เจ้าตัวอ้วนมองเขาสลับกับมองนางต่อไปไม่ไหว จึงเอ่ยทำลายความเงียบ

         “คารวะแม่นาง ข้าบ้านอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง พอดีว่าเจ้ากะต๊ากอ้วนของข้ามาเดินเล่นไกล ข้ากลัวจะมีคนจับไปตุ๋นน้ำแกงเสียก่อน จึงไล่จับมันมาถึงตรงนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินต้องขออภัย”

         เป็นครั้งแรกที่เขาสุภาพและพูดยาวเหยียด เพื่อหาข้ออ้างในการมาพบสตรี นึกไปแล้วก็น่าอายเขาไม่มีประสบการณ์เกี้ยวสตรีสักครั้ง นี่คือครั้งแรกและก็คิดได้ว่าเจ้าหลานชายคนเก่งชอบไก่

         “ท่านลุง ไก่ท่านยังผอมไปหน่อย สู้ไก่ข้ามิได้ไม่เชื่อท่านมาทางนี้สิ” หลิงเผิงอยากจะโอ้อวดว่าตนเองเก่งกาจเพียงใด เขาน่ะเลี้ยงไก่เก่งที่สุด ต่อให้บ้านของเขาจะขัดสน แต่หญ้าหวานกับผลไม้ป่าก็ไม่เคยขาด เพราะเขาเก็บมาสับรวมกันให้มันกินทุกวัน และไม่มีใครสอนเขาสังเกตหญ้าที่พวกมันชอบกิน

         “เช่นนั้นหรือ เจ้ากะต๊ากของข้ามันบาดเจ็บตั้งแต่เล็กข้าจึงเลี้ยงมันไว้ แต่ข้าว่าของข้าตัวใหญ่แล้วยังมีใหญ่กว่านี้อีกรึ” เขาทำท่าเหมือนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งก่อน จากนั้นก็เข้าสู่แผนการต่อไป

         “ข้าจะพาท่านไปดูให้เห็นกับตา” หลิงหลงจับไก่ของท่านลุงมาใหม่ไปด้วย เพื่อให้เทียบกันชัด ๆ จากนั้นก็เดินตามพี่ชายต้อย ๆ ไปด้านหลังที่มีคอกไก่สวยงามราวกับสร้างมาเพื่อพวกมันโดยเฉพาะ

         หยางหยู่เฟยตอนแรกคิดว่าจะได้ยินคำพูดของเขาที่แปลกใจกับการได้มาพบนางที่นี่ แต่ดูเหมือนเขาจะจำนางไม่ได้ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ เอาไว้ค่อย ๆ คุยกันก็ไม่สาย ตอนนี้นางต้องเข้าครัวทำอาหารเย็นแล้ว

         ในคอกไก่ที่ทำจากไม้เนื้อดีที่เหอจื่อหยางกำชับนักหนา ให้พวกมันได้เดินเล่นอย่างสบายเหมือนสัตว์เลี้ยงที่รักมาก ๆ จนเหล่ายอดฝีมือในกองทัพต่างงงงวย และเมื่อแม่ทัพเหอเดินมาถึงคอกไก่ที่ด้านหลัง เหล่าคนที่ส่งมาเฝ้าต่างหลบเร้นกายไม่โผล่หน้ามาอย่างรู้งาน แต่หนึ่งคนที่รับรู้โดยไม่ต้องอธิบายว่าเหตุใดไก่จึงสำคัญ ก็คือโจวฝาน

เขาแอบมองแล้วหัวเราะคิกคัก จากนั้นก็ถูกก้อนหินเล็ก ๆ ซัดที่กลางหลังอย่างไม่รู้ตัว

         อั่ก!

         “อ๊ะ...ซี๊ด!” เขาหันไปทางทิศที่มาแล้วก็ค้อนท่านแม่ทัพตากลับ จากนั้นยกมือโบกให้ทุกคนออกไป หลังจากแม่ทัพกลับค่อยมาเฝ้าใหม่อีกครั้ง

         “นี่อิงเอ๋อร์ นี่อิงหลิว ส่วนตัวนี้น้องเล็กสุด อิงผิน” เด็กชายตัวน้อยแนะนำไก่ของตนเอง ให้ท่านลุงคนใหม่ พร้อมทำให้เห็นว่าไก่ของเขาสำคัญมาก

         “โอ้โห...เจ้าเลี้ยงไก่เก่งนัก หากข้าจ้างให้เจ้าเลี้ยงไก่ให้ข้าอีกสักตัวได้หรือไม่”

         หลิงเผิงได้ฟังก็อ้าปากกว้าง เขาเลี้ยงไก่ได้อ้วนพีเพราะใส่ใจและพูดคุยกับพวกมันทุกวัน ทั้งยังจะทำเสื้อให้พวกมันอีกด้วย หากท่านลุงผู้นี้จะจ้างเขา เช่นนั้นเขาก็ช่วยท่านแม่หาเงินได้อีกใช่หรือไม่

         “ท่านพูดจริงหรือปดข้า” เด็กชายตัวน้อยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ

         “พูดจริงสิ ข้าน่ะเป็นแม่ทัพไม่ค่อยได้เลี้ยงมันนัก

คนรับใช้ก็ละเลย มันจึงผอมแห้งเห็นหรือไม่” เขาพูดให้ดูน่าสงสารและเมื่อเจ้าหนูน้อยรับปาก เขายังหาโอกาสมาเยี่ยมเจ้ากะต๊ากได้ทุกวันอีกด้วย

         ‘เขานี่มันบุรุษแสนปราดเปรื่องจริง ๆ’

         “เช่นนั้นท่านจ้างข้าเท่าไหร่” เรื่องนี้ต้องชัดเจน เพราะจะได้รู้ว่าควรออกแรงแค่ไหนกัน 

         “เดือนละห้าตำลึงหากฝากไว้บ้านเจ้า และข้าจะมาเยี่ยมมันทุกวัน”

         หลิงหลงรู้ว่าหนึ่งตำลึงเป็นเงินจำนวนมาก เพราะนางเป็นเด็กกินซาลาเปาหนึ่งลูกยังใช้สองอีแปะ ดังนั้นห้าตำลึงกินซาลาเปาได้เท่าไหร่กัน นางนับไม่ถูกแล้ว

         “เช่นนั้นให้อยู่ที่บ้านข้าเถิด ส่วนค่าจ้างท่านจ่ายที่ท่านแม่ข้า”

         เหอจื่อหยางอยากให้เจ้าหนูน้อยนี่เป็นบุตรชายเขาจริง ๆ เขาจะปกป้องให้ดีที่สุดเชียว ทำงานยังไม่เก็บเงินเอาไว้ไม่พอ ยังกตัญญูต่อมารดาอีกต่างหาก

         แต่เขารู้ว่านางไม่รับแน่

         “ให้เจ้ากับให้มารดาเจ้าต่างกันเช่นไร ไม่สู้ให้เจ้าไปมอบให้มารดาเองดีหรือไม่” เขาพูดให้เด็ก ๆ คิด ตอนเป็นเด็กใคร ๆ ก็ต่างอยากได้คำชมจากบิดามารดาทั้งนั้น

         หลิงเผิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง จนคิ้วขมวดอย่างน่าเอ็นดู แต่ไม่ถึงลมหายใจก็ถูกน้องสาวเร่งรัด

         “พี่ใหญ่รับเอาไว้เถอะ นี่คือการค้าของเรากับท่านลุง ท่านหาตำลึงได้ให้ท่านแม่ ท่านแม่ย่อมดีใจ”

         หลิงเผิงมองน้องสาวชั่วครู่ก่อนพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นจึงตอบรับ “ตกลงขอรับท่านลุง”

         เมื่อคุยมานานแล้ว เขาก็อยากรู้จักเด็กน้อยที่เป็นหลานของเขาเสียที จึงเอ่ยถามชื่อแซ่ขึ้น

         “พวกเจ้านามว่าอะไรต่อไปข้าจะได้เรียกถูก”

         “ข้าแซ่หยาง ชื่อหลิงเผิง ส่วนนี่น้องสาวข้า หลิงหลง ข้ากำพร้าบิดาไม่มีญาติอยู่กันลำพังกับท่านแม่” หลิงเผิงตอบฉะฉาน เขาท่องมาอย่างดีไม่ทำให้มารดาผิดหวัง

         แต่หยางหยู่เฟยที่แอบฟังพวกเขาคุยกันเริ่มกุมขมับ

         ‘รีบตอบไปหมดเช่นนั้น แม่ทัพเหอจะไม่สงสัยหรือไงเจ้าอ้วนเอ้ย!’

         ได้แต่คิดแล้วก็ภาวนาให้นางไม่สะดุดตาท่านแม่ทัพ หวังว่าการพบกันครั้งเมื่อนานมาแล้ว เขาจะลืมนางจนสิ้น เหมือนที่นางเองก็ลืมสามีเก่าไปเช่นกัน เมื่อเขาจะถามต่อนางจึงขัดขึ้น

         “เด็ก ๆ มากินข้าวเถิด ล้างมือให้สะอาดด้วยเล่า”

         เสียงเรียกพร้อมกับกลิ่นข้าวที่หุงสุกใหม่ ชวนให้คนที่มาเป็นแขกท้องร้องแล้วเช่นกัน เนิ่นนานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้รู้สึกอยากกินข้าวมากมายขนาดนี้

         เหอจื่อหยางเดินเข้าแถวตามเด็ก ๆ ไปที่ตุ่มใส่น้ำ โดยมีหยางหยู่เฟยถือกระบวยไม้ตักน้ำมาให้พวกเขาล้างมือกันก่อน

         หลิงหลงผู้ล้างมือเสร็จเป็นคนแรก นางรีบวิ่งเข้าครัวไปนั่งให้เรียบร้อย หลิงเผิงก็เช่นเดียวกัน พวกเขาชินแล้วหลังจากท่านแม่ฟื้นขึ้นมาก็ทำกับเขาเช่นนี้ ทั้งสั่งสอนว่าเวลาจะหยิบของกินมือต้องสะอาด จนมาถึงเหอจื่อหยางนางวางกระบวยไม้ลง แล้วทำท่าจะหันกลับแต่กลับถูกเขาเรียกเอาไว้

         “ดะ...เดี๋ยว...ข้าเล่าเจ้าไม่ตักให้หรือ”

         “เอ่อ...ไม่ทราบคุณชายอยากกินข้าวกับพวกเราหรือเจ้าคะ” นางพูดให้เขารู้สึกว่าตอนนี้เขาละลาบละล้วงเกินไปแล้ว อีกอย่างวันนี้ก็เพิ่งเป็นวันแรกก็พบเจอคนที่ไม่ได้พบมานานแล้ว ไม่รู้ว่าต่อไปนางจะหลบเลี่ยงเช่นไรดี แม้รู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องพบนางก็ตาม

         “ใช่ ข้าอยู่บ้านมีแต่ทหารรับใช้ กับข้าวล้วนรสชาติกินไม่ค่อยได้ วันนี้มีเจ้ามาเป็นเพื่อนบ้านใกล้กัน จึงอยากฝากท้องสักมื้อ ได้หรือไม่” เขาใช้น้ำเสียงเศร้าพูดอย่างคน

ตกทุกข์ สีหน้าและแววตาล้วนทำให้นางเชื่อว่าเขานั้นไม่ได้อยู่ดีกินดีนัก

         “กับข้าวบ้านข้าเป็นเพียงอาหารพื้น ๆ เกรงว่าท่านจะรังเกียจ” นางบอกปัดอีกครั้งหวังว่าเขาจะเข้าใจ แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด

         “ไม่เป็นไร เจ้าทำกับข้าวกลิ่นหอมเช่นนี้ข้าย่อมเจริญอาหารมากแน่นอน” เขาหยิบกระบวยขึ้นมา แล้วจัดการ

ตักน้ำล้างมือเองเสียเลย ไม่รอให้นางจัดการให้ ก่อนจะเดินแทรกตัวเข้าไปตรงประตูด้านหลัง แต่ทว่าปลายจมูกของเขาเฉี่ยวเข้ากับไรผมด้านบนของนาง ทำให้เกิดแรงลมยามสัมผัสและทำให้นางถึงกับผงะ

         เขายกยิ้มชั่วครู่ก่อนจะตีหน้ามึน แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เดินไปนั่งที่โต๊ะรอนางตักข้าวให้กิน เขามองอาหารที่มีไข่ผัดมะเขือเทศ เนื้อแห้งผัดกับต้นหอม เต้าหู้ผัดผักกาดขาว ดูแล้วเป็นอาหารที่เขาเตรียมไว้แบบไม่ได้เยอะมากนัก เพียงแต่ให้ดูครบเขาลืมพวกเนื้อไปได้ยังไงกันนะ

         “วันนี้วันแรกที่ย้ายมา หวังว่าคุณชายจะไม่รังเกียจอาหารพื้น ๆ เอาไว้ข้าไปตลาดซื้อเนื้อมา แล้วจะเชิญท่านมาแก้มืออีกครั้ง” หยางหยู่เฟยวางถ้วยข้าวกับตะเกียบให้เขา แม้ถ้วยและจานชามยังเป็นของชั้นดี นางไม่รู้จะขอบคุณเจ้าของเก่าเช่นไรดี

         “เกรงใจไปแล้ว ข้าต่างหากที่เสียมารยาทมาฝากท้องกับเจ้า เรื่องเนื้อไม่ต้องกังวลข้าจัดการเอง”

         หลิงเผิงเห็นท่านลุงคุยกับมารดาโดยที่มารดาประหยัดคำพูดนัก เขาจึงพูดเรื่องการค้าที่เขาตกลงกับท่านลุงเหอในวันนี้

         “ท่านแม่พวกเราช่วยท่านหาเงินได้แล้ว ท่านลุงเหอ จ้างให้ข้าเลี้ยงเจ้ากะต๊ากให้เขา ให้ค่าตอบแทนเดือนละ

ห้าตำลึงเชียวนะขอรับ” หลิงเผิงพูดอย่างภาคภูมิใจที่สุด โดยไม่รู้ว่ามารดาหนาวเหน็บไปถึงกระดูกแล้ว

         รับจ้างทั่วไปเดือนหนึ่งได้สองตำลึงก็นับว่ามากมายแล้ว นี่ให้ถึงห้าตำลึงเชียวหรือ ไก่ของเขาเป็นไก่หายากหรืออย่างไรกัน

         “คุณชาย...” หยางหยู่เฟยกำลังจะปฏิเสธ แต่ทว่าโดนเขายกมือห้ามเอาไว้

         “แบบนี้เหมาะสมแล้ว” เขาพูดพร้อมยักคิ้วให้ดู

สีหน้าของเด็กน้อยทั้งสองคน วันนี้นางไม่ควรทำลายรอยยิ้มนี้

         “แต่ว่า”

         “กินข้าวกันเถอะ พวกเจ้าน่าจะหิวแล้ว” เขาเบี่ยงความสนใจไปที่อาหารตรงหน้า ทั้งคีบให้กับเด็ก ๆ กินอย่างเอร็ดอร่อย บทสนทนาระหว่างเขาและนางจบลงเพียงตรงนั้น จนเมื่อใกล้อิ่มแล้วเขาจึงถามขึ้น

         “ขอบังอาจถามเจ้า เหตุใดสามีเจ้าถึงปล่อยให้พวกเจ้าอยู่กันลำพังเล่า”

         หยางหยู่เฟยรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อยกับคำถามนี้ของเขา แต่นางก็ตั้งสติพร้อมกับตอบอย่างที่ตัวเองคิดทบทวนมาดีแล้ว และหวังให้เขาเชื่อ

         “เรื่องราวก่อนหน้าข้าจำได้เลือนราง ข้าป่วยหนักตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็จำเรื่องเกี่ยวกับสามีไม่ได้ จึงคิดว่าเขาน่าจะตายไปแล้ว จากนั้นก็คิดว่าถ้าพาลูก ๆ มาตั้งรกรากที่เมืองเสี้ยนหยางน่าจะสงบดี”

         ภายในใจเหอจื่อหยางเหมือนฟูขึ้นจนลอยได้ ไม่รู้ทำไมถึงดีใจที่นางบอกว่าเยียนอ๋องซื่อจื่อโง่เง่านั่นตายไปแล้ว นี่สิถึงจะเหมาะสมให้เขาปกป้องนาง

         ‘บุรุษเบาปัญญา สมองมีแต่น้ำไม่คู่ควรกับนางสักนิด’

         “เช่นนั้นพวกเรามาเป็นเพื่อนบ้านกัน ข้าแม่ทัพเหอ หากเดือดร้อนใจไปหาข้าได้ทุกเมื่อ” พูดไปแล้วไม่ลืมส่งยิ้มจริงใจกลับไปให้นาง หวังให้นางเชื่อถือเขาสักหน่อย เขาย่อมไม่ทรยศต่อความไว้ใจของนางเป็นแน่

         “ไม่กล้ารบกวนท่าน ราชการงานกองทัพหนักหนาอยู่แล้วเจ้าค่ะ”

         นางยังคงเกรงใจเขา ไม่กล้าให้ความสนิทสนมนัก

         “คนกันเอง ตอนนี้เจ้าก้อนแป้งน้อยของเจ้ารับเลี้ยงไก่ให้ข้า ก็ถือว่าเป็นคนกันเองแล้ว ต่อไปข้าจะมาเยี่ยมไก่ของข้าบ่อย ๆ หวังว่าเจ้าคงไม่รังเกียจ นี่ก็รบกวนเจ้านานเกินไปแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อนเจ้าจะได้พัก” เขารีบพูดแล้วก็รีบลุกขึ้น เวลาสายัณห์ย่ำท้องฟ้ามืด ทำให้สังเกตเสียงที่วิ่งผ่านความมืดได้ง่าย พลันสายตาของบุรุษองอาจเหลือบเห็นพลุสัญญาณจึงรีบร้อนกลับ ไม่รู้เกิดเรื่องอันใดขึ้นจึงไม่อาจรั้งรออยู่ได้ หากข้าศึกลอบโจมตีจะไม่ทันการณ์ และไม่ลืมจ่ายตำลึงล่วงหน้าให้กับเจ้าก้อนแป้งตัวน้อย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ช่างมารดามันเถอะใครเฝ้าก็เฝ้า   ตอนพิเศษ 3 รับคนหอสุราเหอเหมยลู่

    เสี้ยนหยางอ๋องหลบหน้าลูกสาวออกมา จนเมื่อได้เวลารับรางวัล เขาจึงต้องกลับมาประทานรางวัลให้ โดยผู้ชนะมีสุราชั้นดีสิบไห ไข่ไก่อีกหนึ่งร้อยฟอง เงินรางวัลยี่สิบตำลึง และได้รับขึ้นทะเบียนเป็นทหารสังกัดกองทัพรักษาเมืองเสี้ยนหยางทันที “เก่งมาก นี่โจวอวิ๋นจือเป็นรองแม่ทัพ ให้เขาช่วยชี้แนะเจ้าเถิด” เด็กหนุ่มยืนปาดน้ำตา ในที่สุดก็มีหนทางรอดแล้ว บิดาของเขาเพิ่งเสียชีวิตไม่นาน มารดาต้องลำบากหาเลี้ยงพี่น้องห้าคน เขาเป็นบุตรชายคนโต ไม่ค่อยรู้หนังสือไปค้าขายโดนหลอกเป็นประจำ ดังนั้นจึงอยากมารับราชการทหาร อย่างน้อยได้เรียนอักษรหาเงินให้ท่านแม่ก็ยังดี เขาคุกเข่าโขกศีรษะให้เสี้ยนหยางอ๋องสามครั้ง จากนั้นรับรางวัลแล้วรีบกลับบ้าน “โจวฝาน ให้ทหารพาเขากลับบ้าน มีตำลึงมาก ของเยอะเขาอาจจะถูกปล้นกลางทาง” หยางหยู่เฟยกำชับนั่นจึงทำให้เหอจื่อหยางมองเด็กหนุ่มผู้นี้ดี ๆ อีกหน และพบว่าเป็นจริงดังภรรยาว่า เขาแต่งตัวไม่ดีนัก แน่นอนว่าวันนี้มีผู้มาชมการแข่งขันมาก อาจมีคนอิจฉาและไม่หวังดีกับเขาอยู่บ้าง ดังนั้นมีคนไปส่งยอมจัดการได้ดี แต่ทว่าการประทานรางวัลทั้งหมดยังไม่จบเท่านั้

  • ช่างมารดามันเถอะใครเฝ้าก็เฝ้า   ตอนพิเศษ 2 เขาควรชนะ

    หลังจากนางรั้งสามีให้อยู่กับตัวเอง ก็คิดถึงอยากจ้างขอทานเหล่านั้นให้มาทำงานที่ในสวนปศุสัตว์ของหลิงเผิง และนางก็จะเปิดหอสุราเหอเหมยลู่และรับแรงงานอีกทาง “ท่านอ๋องเจ้าค่ะ ข้าจะเปิดหอสุรา รับคนงานพวกขอทาน พวกเขาจะได้ลืมตาอ้าปากได้” เสี้ยนหยางอ๋องที่กอดประคองภรรยาอยู่ในอ้อมกอด กดจมูกที่ขมับของนาง จากนั้นค่อยกล่าว “ชายาข้าช่างเป็นคนดีเสียจริง” “ใช่ข้าที่ไหนเจ้าคะ ลูกสาวท่านต่างหา เห็นอกเห็นใจขอทาน จนจะลงแข่งขี่ม้ายิงธนู ที่แอบไปให้รองแม่ทัพฝึกให้” ร้อยก็ไม่เชื่อพันก็ไม่เชื่อ ยอดฝีมืออยู่กับนางแล้ว ยังจะไปหาโจวอวิ๋นจือด้วยเหตุอันใด หากไม่ใช่เพราะเห็นว่าเขารูปงาม “ลูกสาวเจ้าร้ายกาจ รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองยิงธนูไม่เป็นก็ยังจะลงแข่ง คิดว่าข้าอย่างไรก็ต้องให้รางวัลนางสินะ” “ของเช่นนี้ย่อมตรึกตรองมาดีแล้วเจ้าค่ะ” นางรู้สึกว่าสามีโดนสองแสบไถ่เงินจนครึ่งท้องแล้วกระมัง แต่ทว่าไม่มีสิ่งใดไม่ดี อีกสองวันก็ถึงวันงานแข่งแล้ว นางสั่งให้เอาไหสุราหมักขึ้นมาขายเป็นของที่ระลึก นอกจากนี้ขนนกยูงบุรุษชายยังไปหาช่างนำมาทำต่างหูสวยงามขายในร้านเ

  • ช่างมารดามันเถอะใครเฝ้าก็เฝ้า   ตอนพิเศษ 1 สวนปศุสัตว์เหอหลิงเผิง

    ฤดูหนาวผ่านไปสวนปศุสัตว์ของหลิงเผิงเป็นรูปเป็นร่าง สองแฝดได้นำชื่อเข้าผังตระกูลเหอ และเป็นลูกชายและลูกสาวลำดับที่หนึ่งและสองของเขาอีกด้วย ทุกวันหลิงเผิงมักจะออกไปตรวจสวนปศุสัตว์เลี้ยงตระกูลเหอ ที่มีสัตว์แปลก ๆ มากมายพื้นที่ของปศุสัตว์แห่งนี้มีถึงหนึ่งร้อยหมู่ นอกจากไก่ไข่ที่เป็นของขึ้นชื่อจากปศุสัตว์ตระกูลเหอนี้ที่ผู้คนต่างแวะเวียนมาชื่นชม และซื้อกลับโดยสวนปศุสัตว์ของหลิงเผิง สามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำเพราะต้นทุนบิดาจ่าย “ท่านพ่อ...ท่านพ่อ นกกระจอกเทศมีไข่อีกแล้ว ข้าจะได้ลูกนกกระจอกเทศเพิ่มแล้ว” เหอจื่อหยางที่กำลังกอดรัดภรรยาต้องขยับออก เมื่อลูกชายวิ่งมาเล่าเรื่องราวจากปศุสัตว์ที่เลี้ยงเอาไว้ของเขา “เก่ง เจ้าเก่งที่สุด” ถ้อยคำชื่นชมแบบขอไปทีหลุดออกจากปาก โดยผู้ที่เป็นภรรยามองอย่างขบขัน “ข้าว่าพวกมันควรจะจัดแข่งขันกันดีหรือไม่” หลิงเผิงสังเกตมาสักพักแล้ว เขาเห็นว่ามันวิ่งรวดเร็วนัก หากจัดแข่งขันและให้ผู้ชมเสียตำลึงเข้ามานั่งดู ทั้งจัดที่สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว มีสุราและอาหารย่อมทำให้เกิดความสำราญ หยางหยู่เฟยเห็นว่าความคิดนี้

  • ช่างมารดามันเถอะใครเฝ้าก็เฝ้า   บทที่ 32 บทส่งท้าย

    คฑาหรูอี้หนึ่งคู่ทำจากทองคำประดับด้วยหยกสีเขียวมรกตสว่างยามต้องแสง วางประดับอยู่ในเรือนของทั้งคู่ แน่นอนว่าเป็นของขวัญล้ำค่าจากเหอฮองเฮาที่อยากอวยพรให้ทั้งคู่สมความปรารถนา เหอจื่อหยางและหยาง-หยู่เฟยยืนมองของขวัญที่ทั้งคู่ชื่นชอบและเก็บเอาไว้ใกล้ ๆ วันนี้ครบสามวันแล้วหลังจากแต่งงานงาน การเดินทางกลับเสี้ยนหยางจึงเริ่มต้นขึ้น ข้าวของในจวนของเสี้ยนหยางอ๋องถูกคลุมเอาไว้ ส่วนที่จะเอาไปชายแดนก็ทยอยนำขึ้นรถม้าล่วงหน้าไปแล้วเป็นขบวนยาว ทหารของกองทัพเหอเข้ามาช่วยขนของจากเรือนเสี้ยนหยางอ๋อง และคุ้มกันออกจากเมืองหลวงอีกด้วย เพราะหีบสมบัติของพระชายาเสี้ยนหยางอ๋องมีมากมายนัก ทั้งยังเป็นของจากเยียนอ๋องที่มอบให้บุตรชายและบุตรสาวก็ไม่น้อยสักนิด เมื่อเวลาของการจากลามาถึง พวกเขาจึงต้องเตรียมตัวร่ำลาญาติหนึ่งเดียวของเหอจื่อหยาง นั่นก็คือฮองเฮา เพราะคนอื่นเขาไม่นับเป็นญาติเท่าใดนัก เนื่องจากไม่ใช่คนที่สนิทชิดเชื้อ “เสด็จป้าดูแลสุขภาพด้วย ข้าจะกลับมาเยี่ยมท่านบ่อย ๆ” เหอฮองเฮาเลี้ยงเขามาตั้งแต่ตนเองยังไม่ได้ขึ้นเป็นฮองเฮา ย่อมมีความผูกพันเป็นอันมาก วันนี้เขามาลานา

  • ช่างมารดามันเถอะใครเฝ้าก็เฝ้า   บทที่ 31 เป็นของข้าตลอดไป

    หลังจากเทศกาลจงหยวนผ่านไป มีการจัดงานเทศกาลโคมไฟเป็นพิเศษในปีนี้ เนื่องจากฮองเฮามีรับสั่งเพราะว่าอยากอยู่ชมโคมไฟกับหลานรัก ก่อนที่พวกเขาจะย้ายไปอยู่เสี้ยนหยาง เนื่องจากกรมพิธีการรับหน้าที่จัดงาน คล้ายกับเฉลิมฉลองที่บ้านเมืองปลอดภัยจากกบฏอีกด้วยจึงคึกคักมาก ทุกที่ตั้งแต่หน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองจนถึงในวังล้วนประดับประดาโคมไฟสีต่าง ๆ ไว้จนเต็มท้องถนน สร้างความตื่นตาตื่นใจให้เด็ก ๆ ส่วนสองแฝดพี่น้องนั้น เหอจื่อหยางที่อยู่ในช่วงพักผ่อนก่อนแต่งงานพานางและลูก ๆ เที่ยวชมการจัดงานเทศกาลโคมไฟ สองสามีภรรยาเดินจับมือกัน พร้อมกับที่พวกเขาจูงมือลูก ๆ คนละฝั่ง ผู้คนออกมาเดินเล่นคึกคัก แม้วันนี้จะเป็นวันก่อนเทศกาล เพราะว่าพรุ่งนี้ต้องเข้าไปชมโคมไฟร่วมกับฮองเฮาในวัง จึงถือโอกาสพานางกับลูกทั้งสองมาดูด้วยกัน “สวยหรือไม่” เขาหันมาถามนางด้วยรอยยิ้ม “สวยเจ้าค่ะ” หยางหยู่เฟยตอบกลับเขา ตอนเด็กนางมาเที่ยวเทศกาลโคมไฟได้สองปีเท่านั้นก็ถูกจับแต่งงานแล้ว ก่อนหน้านั้นเป็นองค์หญิงที่ถูกขังอยู่แต่ในวังไม่มีอิสรเสรี หากไม่ได้หนีออกมาเที่ยวเล่นเอง วันนี้ได้มีสามีอีกครั้งแล

  • ช่างมารดามันเถอะใครเฝ้าก็เฝ้า   บทที่ 30 ข้ายอมแพ้แล้ว

    “สาบานได้ว่าข้าไม่เคย ไม่เคยจริง ๆ เจ้าคือคนแรก” นางใบหน้าง้ำงอ แม้ว่าจะอธิบายหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่ทว่ายังยืนยันคำเดิม คือไม่เชื่อเพราะเขาดันปากสว่างรู้ตื้นลึกหนาบาง “บุรุษในกองทัพยากนักเชื่อถือ” อยู่ดี ๆ นางก็คิดไปถึงตอนที่ยังอยู่เสี้ยนหยาง นางไปหาเขาที่กองทัพแล้วพบว่าองค์หญิงตานชิงกำลังยั่วยวนเขา ทำให้นางพาลมาโกรธเอาตอนนี้ด้วย “ตอนข้าเห็นท่านในกองทัพ มีสตรีเข้าไปยั่วยวนท่านถึงในกระโจม ยกแข้งแหกขาขึ้นสูง ท่านมองไม่กะพริบตา” เหอจื่อหยางสาบานว่าชาตินี้มองเพียงแต่หยางหยู่-เฟยผู้เดียว ไม่เคยคิดเกินเลยกับสตรีอื่นเลยสักนิด แล้วสตรีที่ไปยั่วยวนเขา...เห็นจะมีคนเดียวกระมัง “นั่นเป็นตานชิง นางดื้อมาที่ด่านปาต้าหลิ่ง แถมยังเอาเรื่องในกองทัพไปพูด ข้าให้ข้อหากบฏนางไปแล้ว เจ้าพอใจหรือยัง” เขาเร่งร้อนอธิบายเพราะไม่อยากให้นางโกรธด้วยไม่อยากนอนคนเดียว อีกอย่างตานชิงที่จริงเหมือนสำคัญ แต่เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งก็เท่านั้น ไม่ได้สลักสำคัญอะไร ฝ่าบาทเพียงอยากมีเชื้อพระวงศ์อยู่ในวัง จึงอุปโลกน์นางขึ้นเป็นองค์หญิงเท่านั้น “แล้วก่อนหน้านี้เล่า ไม่เห็นใช่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status