ช่างมารดามันเถอะใครเฝ้าก็เฝ้า

ช่างมารดามันเถอะใครเฝ้าก็เฝ้า

last updateLast Updated : 2025-12-15
Language: Thai
goodnovel16goodnovel
Not enough ratings
35Chapters
63views
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

เมื่อองค์หญิงโดนหมิ่นเกียรติโยนข้อหาคบชู้ให้กับแค่เศษกระดาษหนึ่งแผ่น นางจึงมีจุดจบที่สุสานตระกูลเยียน“สุสานตระกูลเยียนหาใช่สุสานบิดาของข้า ช่างมารดามันเถอะ!ใครอยากเฝ้าก็เฝ้าอยากอยู่ก็อยู่ข้ากับลูกจะไป

View More

Chapter 1

บทที่ 1 สุสานตระกูลเยียน

“สตรีไร้ยางอาย!!”

         เสียงด่าทอในมโนสำนึก ทำให้ร่างที่อ่อนล้าโรยแรงจากอาการป่วยย่ำแย่ลง นางส่ายหัวไปมาพร้อมกับยกมือผลักไสในความมืดมิดจนมองไม่เห็นทางข้างหน้า หมอกสีขาวปกคลุมจนต้องยกมือปัดไปมาให้มันจางลง แต่ทว่ากลับยิ่งหนาขึ้น พร้อมกับความเยือกเย็นราวกับถูกแช่แข็งในภูเขาหิมะพันปีอันหนาวเหน็บ

         “ท่านแม่...ท่านแม่ตื่นสิ...ตื่นก่อน” เสียงเด็กหญิงพลันทำให้นางที่กำลังดิ้นรนหยุดนิ่งสงบลง นางเงี่ยหูฟังอีกหนว่าเสียงที่เรียกนั้นคือเสียงของผู้ใดกัน

         “พี่ใหญ่...ท่านแม่ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” หลิงหลงถามพี่ชายฝาแฝดของตัวเอง ที่นั่งชะโงกหน้าเอามืออังหน้าผากท่านแม่แล้วยกอีกมื้อป้อม ๆ อังที่หน้าผากตัวเองใบหน้าครุ่นคิดจนคิ้วขมวดเป็นปมแน่น

         “ตัวไม่ร้อนเหมือนเมื่อครู่แล้ว” แม้ในใจหลิงเผิง

จะหวาดกลัว แต่เขาต้องเข้มแข็งเพื่อน้องสาวคนเดียวของเขา เขาไม่อยากเห็นน้องสาวร้องไห้อีกแล้ว

         เสียงพี่น้องคุยกันทำให้หยางหยู่เฟยขมวดคิ้ว แม้จะพยายามหาทางออกจากกลุ่มหมอกควันหนาทึบนี้ แต่ก็หาทางออกไม่พบ จนเมื่อมีเสียงหนึ่งที่แว่วดังเข้ามากระทบโสตประสาทการได้ยินของนาง

         ลืมความรัก ลืมความแค้น ลืมว่าใครเคยร้ายกับเจ้า ใช้ชีวิตของเจ้าที่เหลือจากนี้ให้ดีก็พอ

         “ใคร...นั่นเสียงใคร” หยางหยู่เฟยตะโกนใส่ในความมืด ที่นางมองไม่เห็นร่างเงาของผู้ใดเลย มีแต่เสียงสะท้อนคล้ายกับระฆังดังหง่างเหง่ง วังเวงราวกับเป็นเสียงเพรียกจากนรก...

         "ท่านแม่...ข้าหลิงเผิงบุตรชายของท่าน" หลิงเผิง

ยกมือที่เย็นชืดของมารดาทาบที่แก้มป่องของตนเอง แม้จะพยายามเข้มแข็งไม่ให้น้ำตาหลั่งลงมาเท่าใด แต่เขาก็ยังเป็นเพียงเด็กสี่หนาวที่ต้องการมารดา แม้บิดาของเขาจะไม่มี

ก็ตาม

         นางคือความอบอุ่นเดียวที่ทำให้เขาทนทุกการดูถูกของลูกชาวบ้าน ในหมู่บ้านใกล้สุสานตระกูลเยียน เขายอมให้คนหยามเกียรติ แต่จะไม่ทนหากมารดาหนึ่งเดียวของตนต้องจากไป

         “ลูก...ลูก...ลูก ฮึก!” หลังจากนางเดินวนจนหมุนรอบตัวแล้วเกิดแรงเหวี่ยงมหาศาล ผลักนางขึ้นมาจากความมืดมิด ดวงตาที่เคยหลับค่อย ๆ ปรือขึ้นมองสิ่งรอบกาย จากนั้นนางจึงเห็นว่ามีเด็กสองคนที่อยู่ข้าง ๆ โดยมีเด็กชายและหญิง ใบหน้าพวกเขามอมแมมเล็กน้อย คล้ายกับยังไม่ได้อาบน้ำ

         “ท่านแม่ฟื้นแล้ว”

         เสียงตื่นเต้นดีใจของหลิงหลงดังขึ้น พร้อมกับน้ำตาที่หยดแหมะที่มือของนาง นางมองซ้ายขวาเพื่อตั้งสติพลันเรื่องราวชาติที่ผ่านมา เป็นเหมือนความฝันอันยาวนานของนาง ก็ค่อย ๆ หลั่งไหลเข้ามาในความทรงจำ จนทำให้นางรู้สึกเวียนหัว

         ลูก...ลูกยังอยู่กับนาง ลูกคือสิ่งเดียวที่เหลืออยู่

ในชีวิต ลูกคือความหวังเดียวของนาง

         ดวงตาที่พร่าเลือนจากหยาดน้ำใส ๆ ทำให้มองเด็กทั้งสองไม่ชัดนัก นางดึงทั้งคู่เข้ามากอดพร้อมกับภาพที่เห็นพวกเขาถูกบิดาไร้คุณธรรมสังหารกับมือ

         แต่นางจำหน้าเขาผู้นั้นไม่ได้ ความทรงจำของนางเห็นเพียงลาดไหล่กว้าง ความสูงราวแปดฉื่อ กับหยาดน้ำตาหนึ่งหยดที่ไหลตรงปลายคาง...

         ‘ข้าจำใบหน้าเขาไม่ได้สินะ นี่หรือโอกาสที่นางได้รับอีกครั้ง เช่นนั้นนางของแก้ไขชีวิตของนางด้วยตนเองเถิด’

         ผ่านมาสามวันแล้ว นางนั่งคิดทบทวนหลังกล่อมให้ลูกชายลูกสาวนอนกลางวัน ตัวตนของนางคือองค์หญิงผู้กำเนิดในครรภ์กุ้ยเฟยของอดีตฮ่องเต้ ‘ฮันจงตี้’ โดยมีมารดาคือ ‘หวังจื่อ’ กุ้ยเฟยที่มาจากตระกูลหวัง แต่หลังจากเสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ ก็เกิดการแย่งชิงบัลลังก์กันขึ้น

         พี่น้องของนางล้วนถูกส่งตัวแตกแยกออกไป ผู้ที่เป็นชายโดนขับให้อยู่ไกลจากเมืองหลวง ไม่ให้กลับมาอีกตลอดชั่วชีวิต ป้องกันการก่อกบฏซ้ำแย่งบัลลังก์คืนจากเสด็จอาของนาง เหล่าสตรีหากไม่สมรสไปต่างแคว้นเพื่อสร้างความสัมพันธ์ ก็ส่งไปแต่งงานกับตระกูลเล็กใหญ่แล้วแต่เสด็จอาของนางจะจัดการ

         นางที่เป็นองค์หญิงซึ่งกำเนิดจากกุ้ยเฟย จึงได้รับเกียรติอยู่เล็กน้อย ให้แต่งเข้าตระกูลเยียนของเยียนอ๋อง

โดยบุตรชายหนึ่งเดียวนามว่าเยียนอ๋องซื่อจื่อหรือเยียน-

เหรินเข้าพิธีกับนางแต่โดยดีไม่ขัดขืน

         ความสัมพันธ์ของตระกูลเยียนนางรับรู้ดีว่าเยียนอ๋องต้องการเอาใจเสด็จอาของนางที่เพิ่งขึ้นครองราชย์ จึงรับพระราชทานสมรส แต่ทว่าท่านหญิงเหอมารดาของเยียน-

เหรินไม่คิดแค่เอาใจฮ่องเต้เท่านั้น นางมีเชื้อสายตระกูลหวังที่มั่นคงมายาวนาน หวังเชื่อมสัมพันธ์เพื่อส่งให้บุตรชายเป็นใหญ่ในราชสำนักภายหน้า

         ท่านหญิงเหอต้องการให้นางท้องจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้นางและเยียนเหรินเข้าใจกัน แต่นางเป็นสตรีก็ไม่อาจถามถึงความไม่พอใจได้ เพราะเกรงจะทำให้เขาขุ่นเคืองมากขึ้น ได้แต่เป็นชายาที่ดีตั้งใจดูแลเรือนรอคอยสามีกลับบ้านทุกเมื่อเชื่อวัน

         นางแต่งเข้ามามีสาวใช้ที่ไว้เนื้อเชื่อใจเพียงคนเดียว คือ ‘หวงตานตาน’ ดังนั้นมีเรื่องอันใดนางจะเล่าให้หวงตาน-ตานฟังทั้งหมด แต่นางก็จิตใจดีเกินไปและใจอ่อนไว้ใจ

คนง่าย จนไม่รู้ว่าสาวใช้ของนางกำลังหักหลัง

         นางก็ไม่เคยดูแคลนหวงตานตานเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่ามูลเหตุครั้งนี้เกิดเพราะเหตุใดกัน และนั่นคือสิ่งที่นางอยากรู้ที่สุด

         ต่อมาคือจดหมายที่ทำจากกระดาษชวนจื่อ กระดาษที่ใช้ภายในกองทัพมาอยู่ในห้องนางได้อย่างไร อีกทั้งถ้อยคำน่าเกลียดเหล่านั้นอีก นางเคยพบแม่ทัพเหออยู่ครั้งหนึ่ง

ก็ตอนแต่งงาน แล้วมีงานเลี้ยงในจวนตระกูลเยียน แต่เป็นงานเลี้ยงแบ่งแยกชายหญิง นางไม่เคยทักหรือพูดคุยสักคำ ทั้งท่านแม่ทัพก็ดูสุขุมไม่แสดงความเจ้าชู้กับสตรีใดออกมาให้เห็น

         ที่สำคัญกว่าอื่นใดคือ ‘เขาคือญาติฝ่ายมารดาของสามี’ ดังนั้นมีเหตุผลอันใดที่คนใส่ร้ายพุ่งเป้าไปยังแม่ทัพเหอและนาง โอกาสและความเป็นไปได้แทบเป็นศูนย์ แต่คนที่เป็นสามีไม่รู้เกิดมาไร้สมองตรึกตรองหรืออย่างไร เชื่อเพียงเศษกระดาษกับคำโป้ปดของบ่าวคนหนึ่ง แล้วก็ส่งนางมายังสุสานร้างของตระกูลเยียนเพื่อดับโทสะในใจ

         ‘เหอะ...พูดไปก็เจ็บใจเปล่า ๆ ไม่สู้หลังจากนี้ นางจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับลูกชายและลูกสาวหรอกรึ’

         องค์หญิงหยางหยู่เฟยเช่นนางเคยหวังว่าวันหนึ่งเขาจะกลับมารับนางและบอกว่าเข้าใจผิด นางยินดีอภัยและกลับไปเป็นภรรยาของเขา อยู่เลี้ยงดูบุตรชายและบุตรสาวให้เขาอย่างดี

         แต่รอมาจนห้าปี บัดนี้ลูกสาวและลูกชายของนางเติบโตขึ้นแล้ว แต่ครั้งนี้นางจะไม่เดินกลับทางเก่าที่เส้นทางเต็มไปด้วยขวากหนาม มีจุดหมายคือปากเหวมีความตายรออยู่เบื้องหน้า และมีนรกเป็นที่สิ้นสุดอีกแล้ว

         “สุสานตระกูลเยียนหาใช่สุสานบิดาของข้า ช่างมารดามันเถอะ! ใครอยากเฝ้าก็เฝ้า อยากอยู่ก็อยู่ ข้ากับลูกจะไป”

         เมื่อทบทวนเรื่องทุกอย่างดีแล้ว นางจึงหยิบไม้กับถ่านขึ้นมาวาดแผนที่ในหัวที่เคยแอบไปเล่นในห้องทรงอักษรของเสด็จพ่อ นางจำได้ว่าแคว้นชิ่งประกอบด้วยสี่เมืองหลัก คือ ฉางอัน เสี้ยนหยาง ไท่สุ่ย และลั่วหยาง โดยมีสามเมืองติดทะเล มีเพียงเสี้ยนหยางเมืองเดียวที่ไม่ติดทะเล เมื่อคิดอย่างรอบครอบ ฉางอันคือเมืองหลวงการเดินทางจากเหนือลงใต้ เป็นเรื่องที่ต้องใช้ทั้งแรงและเงินจำนวนมาก

         นางมีตั๋วและเงินเพียงสองร้อยตำลึง ที่ตอนถูกทำโทษนั้นมีติดกายอยู่ในถุงหอม ซึ่งเป็นของที่มารดาทำให้ แล้วมารดาก็ใส่ตั๋วแลกเงินไว้ให้นางด้วยเผื่อยามฉุกเฉิน

แต่ก่อนไม่เคยคิดว่าองค์หญิงเช่นนางจะตกต่ำต้องใช้ตั๋วแลกเงินนี้สักครั้งจนเกือบลืมไปแล้ว นางใช้มันแลกเงินมาดูแลลูกตลอดห้าปีหมดไปเกือบครึ่ง แต่ก็ยังเหลืออีกร้อยกว่าตำลึง เพราะใช้กับยารักษาโรคเป็นส่วนมาก จึงทำให้ใช้ออกไปไม่น้อย

         ร้อยตำลึงกว่า ๆ ที่เหลือนี้ยังไม่รวมใช้ตั้งตัวให้กับตัวเอง ดังนั้นเมืองเสี้ยนหยางที่เป็นเมืองรองน่าจะเป็นเมืองที่พวกนางแม่ลูกจะไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

         หลังตื่นนอนตอนบ่ายหลิงเผิงก็สะพายตะกร้าสานขึ้นหลัง เขาจะไปเก็บฟืนรอบ ๆ ป่าให้ท่านแม่ แต่หยางหยู่-เฟยเห็นจึงห้ามเขาเอาไว้

         “หลิงเผิงนั่นเจ้าจะไปที่ใด”

         “เก็บฟืนขอรับท่านแม่ ท่านเพิ่งฟื้นไข้ให้ข้าทำงานช่วยท่านเถิด”

         หยางหยู่เฟยเห็นความไร้เดียงสาและความเข้มแข็งในแววตาของเด็กน้อยผู้นี้ นางไม่รู้ว่าตอนนั้นคิดได้อย่างไร

ที่เลี้ยงดูพวกเขาให้เป็นจอมวายร้ายคิดฆ่าบิดาตัวเอง

เพื่อล้างแค้นให้กับนาง

         “เจ้าเป็นเด็กดีของแม่นัก มานี่เถอะไม่ต้องไปเก็บแล้วฟืน มาช่วยแม่เก็บของพวกเราจะไปจากที่นี่พรุ่งนี้”

         หลิงเผิงคิดว่าตัวเองหูฝาด นี่ท่านแม่พูดจริงหรือหลอกให้เขาดีใจกันแน่ เขารังเกียจที่สุดการนอนอยู่ใกล้สุสาน เด็กคนอื่นในหมู่บ้านรอบสุสานชอบคิดว่าเขาเป็นพวกภูตผีมักล้อเขาเสมอ แม้เจ็บปวดใจแต่เขาอดกลั้นมาตลอด

ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับท่านแม่

         มาวันนี้เหมือนฝันของหลิงเผิงจะเป็นจริง

         “ท่านแม่...เราจะไปจากที่นี่ได้หรือขอรับ ท่านไม่ได้หลอกข้าใช่หรือไม่” หลิงเผิงวิ่งไปกอดขามารดา ตนเองสูงเพียงเลยเข่าของนางมาเท่านั้น พร้อมกับน้ำตาแห่งความดีใจหลั่งออกมา

         คนเป็นแม่อย่างนางอดสงสารลูกไม่ได้ เพราะความหวังในจิตใจเพียงเล็ก ๆ มันสร้างบาดแผลให้กับลูกชายของนาง นางหวังให้สามีหายโกรธนาง ทั้งที่นางไร้ความผิด

         ‘นางรักเขาหรือ’

         เหอะ...มันน่าสมเพชจริง ๆ รักบุรุษชั่วช้าผู้นั้นได้อย่างไร เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็อยากฆ่านางกับลูกให้ตายอยู่ดี บัดนี้ใบหน้าของเขานางก็ลืมเลือนไปแล้ว มีอะไรให้ต้องอาวรณ์อยู่ที่นี่อีกเล่า

         “ใช่ เราจะไปเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ อยู่ด้วยกันแม่ลูก

ที่เสี้ยนหยาง”

         ชั่วชีวิตนางอยู่แต่เมืองหลวงฉางอัน ไม่เคยไปที่ใดเลยนอกจากสุสานตระกูลเยียน ครั้งนี้นางจะไปเมืองอื่นเป็นครั้งแรก หวังว่าชีวิตใหม่ของนางจะมอบอะไรดี ๆ ให้นางบ้าง

         หลิงหลงที่ตื่นนอนทีหลังเพิ่งรับรู้จากพี่ชายก็กระโดดดีใจ นางกลัวที่จะอยู่ที่นี่ นางไม่อยากนอนใกล้กับหลุมศพเหล่านี้ นางอยากมีบ้านสักหลังอยู่กับท่านแม่กินข้าวพร้อมหน้า นางหวังเพียงเท่านั้นจริง ๆ

         รุ่งขึ้นรถม้าที่นางตัดใจไปจ้างมา ก็มารับพวกนางสามแม่ลูก หลิงเผิงจับเอาไก่ใส่เล้าไปด้วย เขาเอาข้าวไปหลอกล่อมันมาจากชายป่า ทุกวันได้กินไข่จากแม่ไก่เหล่านี้ทำให้เขาเติบโต ตอนนี้เขาจะย้ายไปเมืองอื่นก็จะนำมันไปด้วย

         ท้ายรถมีข้าวของสามแม่ลูกหนึ่งหีบกับไก่อีกสามตัวภายในรถม้ามีสามแม่ลูกนั่งอยู่ โดยท่านลุงที่จ้างไปส่งนั้นเป็นท่านลุงใจดีที่มีรถม้ารับส่งคน ทำให้ภายในใจหลิงเผิงรู้สึกดีนัก

         ‘เขารอวันนี้มานาน’

         “อาเฟย เจ้าอยู่ที่นี่มาก็หลายปี ไปต่างเมืองครั้งแรกจะไม่เป็นไรหรือ” ท่านลุงกู่ถามพวกนางแม่ลูกอย่างเป็นห่วง

         “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าอยากให้ลูก ๆ เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดีสักหน่อย หากข้ามีกำลังมากพออยากให้เขาได้ร่ำเรียนมีความรู้” อดีตนางเป็นองค์หญิง แต่ไม่มีใครรู้ฐานะของนาง ทุกคนรู้เพียงนางเป็นคนที่ตระกูลเยียนส่งมาเฝ้าสุสานเท่านั้น

         “เช่นนั้นก็อวยพรพวกเจ้าให้โชคดี เดินทางจากที่นี่ไปก็น่าจะราวห้าวัน ข้าจะเลือกเส้นทางหลวงจะได้ไม่เป็นอันตราย”

         การเดินทางไปต่างเมืองควรเดินทางเป็นขบวนใหญ่ นางลืมข้อนี้ไปจริง ๆ เพราะอาจจะมีโจรชุกชุมได้ แต่หากเป็นถนนหลวงนางก็เบาใจ เพราะอดีตเสด็จพ่อของนางได้เคยวางกำลังทหารดูแลราษฎรไว้ตลอดเส้นทาง ทำให้การสัญจรไร้โจรปล้นฆ่า ทำให้เหล่าคาราวานพ่อค้าและคนเดินทางปลอดภัย

         แต่เมื่อถึงด่านตรวจระหว่างเมืองฉางอันเขตติดต่อของเสี้ยนหยางจำต้องตรวจทะเบียนครัวเรือน นางไม่เคยเดินทางด้วยตนเองมาก่อนจึงไม่รู้ว่าต้องมีด้วย

         “อาเฟยข้างหน้ามีตรวจทะเบียนครัวเรือนแล้ว เจ้ามีหรือไม่”

         “ท่านลุงกู่ทำอย่างไรดี ข้าไม่ได้เตรียมมาด้วยเจ้าค่ะ” นางไปขอเอกสารที่อำเภอไม่ได้ หาไม่ตระกูลเยียนก็จะรู้ว่านางยังรอดชีวิต ทั้งมีลูกสองคนที่ใบหน้าราวกับบิดาถอดออกมา ไม่แน่ว่านางกับลูกอาจไม่ปลอดภัย

         “เช่นนั้นก็แย่แล้ว” ลุงกู่ปาดเหงื่อพูดอย่างจนใจ

         ป้ายผ่านขององค์ชายองค์หญิงมีติดตัวด้วยกันทุกคน และนางก็ยังเก็บเอาไว้เสมอ จากตอนแรกคิดว่าชีวิตนี้ไม่ต้องใช้มันแล้ว แต่คราวนี้เห็นที่ต้องใช้

         นางดึงป้ายที่ติดอยู่ที่เอวมาถือเอาไว้ จากนั้นเปิดรถม้าให้คนตรวจค้นพร้อมกับยื่นให้ทหารผู้ตรวจ ภาวนาว่าอย่าเพิ่งยกเลิกป้ายผ่านทางนี้เลยนะ

         ทหารมองป้ายกับมองนางสองแม่ลูกแล้วก็โค้งเล็กน้อย จากนั้นก็ปล่อยพวกนางออกไป ทำให้หยางหยู่เฟย โล่งอก เอาไว้เมื่อถึงเมืองเสี้ยนหยางได้ที่อยู่เป็นหลักแหล่งนางจะไปขอทะเบียนครัวเรือนด้วยตนเอง

         คล้อยหลังรถม้าผ่านไป นกพิราบสื่อสารก็ส่งไปยังกองทัพตระกูลเหอ คนที่ได้รับจดหมายคลี่ออกแล้วอ่านอักษรเพียงไม่กี่ตัวแล้วจุดไฟเผาทิ้งเสีย

         “เมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะปกป้องเจ้าให้เอง!”

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters
No Comments
35 Chapters
บทที่ 1 สุสานตระกูลเยียน
“สตรีไร้ยางอาย!!” เสียงด่าทอในมโนสำนึก ทำให้ร่างที่อ่อนล้าโรยแรงจากอาการป่วยย่ำแย่ลง นางส่ายหัวไปมาพร้อมกับยกมือผลักไสในความมืดมิดจนมองไม่เห็นทางข้างหน้า หมอกสีขาวปกคลุมจนต้องยกมือปัดไปมาให้มันจางลง แต่ทว่ากลับยิ่งหนาขึ้น พร้อมกับความเยือกเย็นราวกับถูกแช่แข็งในภูเขาหิมะพันปีอันหนาวเหน็บ “ท่านแม่...ท่านแม่ตื่นสิ...ตื่นก่อน” เสียงเด็กหญิงพลันทำให้นางที่กำลังดิ้นรนหยุดนิ่งสงบลง นางเงี่ยหูฟังอีกหนว่าเสียงที่เรียกนั้นคือเสียงของผู้ใดกัน “พี่ใหญ่...ท่านแม่ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่” หลิงหลงถามพี่ชายฝาแฝดของตัวเอง ที่นั่งชะโงกหน้าเอามืออังหน้าผากท่านแม่แล้วยกอีกมื้อป้อม ๆ อังที่หน้าผากตัวเองใบหน้าครุ่นคิดจนคิ้วขมวดเป็นปมแน่น “ตัวไม่ร้อนเหมือนเมื่อครู่แล้ว” แม้ในใจหลิงเผิงจะหวาดกลัว แต่เขาต้องเข้มแข็งเพื่อน้องสาวคนเดียวของเขา เขาไม่อยากเห็นน้องสาวร้องไห้อีกแล้ว เสียงพี่น้องคุยกันทำให้หยางหยู่เฟยขมวดคิ้ว แม้จะพยายามหาทางออกจากกลุ่มหมอกควันหนาทึบนี้ แต่ก็หาทางออกไม่พบ จนเมื่อมีเสียงหนึ่งที่แว่วดังเข้ามากระทบโสตประสาทการได้ยินของนาง ลืมความรัก ลื
last updateLast Updated : 2025-12-15
Read more
บทที่ 2 ทหารตระกูลเหอ
ตลอดเส้นทางหยางหยู่เฟยเปิดม่านที่ปิดหน้าต่างเพื่อบังแสงและฝุ่นที่ฟุ้งกระจายขณะรถม้าวิ่ง แต่กลับเห็นว่าการสัญจรตลอดทางมีเหล่าทหารอยู่เป็นระยะ จนอดถามท่านลุงกู่ให้คลายสงสัยไม่ได้ “ท่านลุงเจ้าคะ ข้าไม่รู้ว่าเสี้ยนหยางสำคัญอย่างไร เหตุใดทหารจึงมีตลอดเส้นทาง” ท่านลุงกู่ยิ้มให้อย่างใจดี แล้วก็ตอบเท่าที่ตัวเองพอรู้มาบ้างเล็กน้อย จากการรับจ้างไปส่งคนต่างเมืองอยู่บ่อยครั้ง “เมืองเสี้ยนหยางนับเป็นเมืองในความรับผิดชอบของกองทัพตระกูลเหอ แม่ทัพเหอได้รับหน้าที่ดูแลชายแดนเพราะเสี้ยนหยางเป็นดินแดนที่แทรกกลางอยู่ระหว่างสองแคว้น ทิศเหนือติดกับแคว้นฉี ทิศใต้ติดกับแคว้นจิ้น ดังนั้นทหารรักษาแคว้นจึงอยู่ที่นี่หลายแสนคน ยามไม่มีศึกก็อารักขาชาวบ้านตลอดเส้นทางเพื่อความปลอดภัย ยามมีศึกก็ต่อสู้อย่างไม่เกรงกลัวอันตรายช่างน่ายกย่องยิ่งนัก” “เช่นนั้นหรือเจ้าคะ ข้าเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้” หยางหยู่เฟยโลกแคบ นางรู้จักเพียงเมืองหลวง อยู่แต่ในวังกับแต่งไปเรือนเยียนอ๋องซื่อจื่อ การได้ออกมาเช่นนี้นับว่าได้เปิดโลกทัศน์ของนางอย่างยิ่ง การเป็นองค์หญิงอยู่อย่างเงียบสงบใครว่าจะ
last updateLast Updated : 2025-12-15
Read more
บทที่ 3 การเดินทางราบรื่นเกินไป
หยางหยู่เฟยตั้งสติมองไปในความมืดแล้วก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาฉับพลัน นางจึงรีบปิดหน้าต่างลงดาลทั้งตรวจสอบประตูให้ดี ก่อนจะขึ้นเตียงนอนนางก้มลงพ่นลมจากปากดับเทียนที่หวิวไหวตามกระแสลมอ่อน ๆ ที่พัดเอื่อยเข้ามาตามช่องหน้าต่าง นางลืมตาโพลงไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ในทันที เพราะไม่เคยเผชิญอันตรายด้านนอก เคยอยู่ในหมู่บ้านที่มีแต่ชาวบ้านป่าและชาวบ้านทั่วไปไม่ได้มีวิชาการต่อสู้อะไร ทำให้นางไม่เคยพบเห็นคนมีวรยุทธบ่อยนัก และไม่รู้ว่าเมื่อครู่คนชุดดำผู้นั้นต้องการสิ่งใดจากนางกันแน่ นางมั่นใจว่าเป็นคนไม่ผิด! กว่าจะข่มตาหลับก็ล่วงเข้ายามโฉ่ว (ราวตี1-ตี3) ร่างกายที่อ่อนล้าถึงได้หลับสนิทลง ลมหายใจที่สม่ำเสมอทำให้คนที่ซ่อนตัวในความมืดออกมา เหอจื่อหยางไม่ได้ต้องการทำให้นางตกใจ เพียงแต่เขาลืมซักถามให้แน่ชัดว่านางนอนที่ห้องใด จึงกระโดดลงจากหลังคามาใกล้บริเวณที่นางนั่งเหม่อลอยอยู่พอดี สายตาของเขามองเห็นได้ในความมืด แม้ไม่ชัดเจนแต่แสงจันทร์หรุบหรู่สีเงินอ่อนยามโฉ่วสองเค่อ แทรกช่องเล็ก ๆ ตามกรอบหน้าต่าง ส่งให้เขายลใบหน้าของนางชัดเจนขึ้น นางยังงามสง่าไม่เปลี่ย
last updateLast Updated : 2025-12-15
Read more
บทที่ 4 บ้านใหม่ดีนัก
นางกางกระดาษเซวียนจื่อสำหรับใช้ในราชสำนัก ที่เป็นโฉนดที่ดินอันเป็นที่ตั้งของบ้าน ซึ่งนางเพิ่งซื้อมาด้วยเงินสิบตำลึงอย่างแปลกใจ พร้อมทบทวนจากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ ‘บ้านเก่าแล้ว เจ้าของเดิมมีหลายหลังอยากขายมันออกบ้างเพราะดูแลไม่ไหว จึงขายเพียงสิบตำลึง เจ้าอย่าคิดมากในสภาพบ้านทั้งหมด ที่นี่ราคาดีที่สุดและบ้านโครงสร้างแข็งแรง’ นางไม่ใช่เชื่อคนง่าย แต่คิดในหัวว่าราคาบ้านแค่นี้น่าจะต้องซ่อมแซมอีกมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ขายราคาถูกราวกับร้อนเงินเช่นนี้ แต่สิ่งที่ตาเห็นกับสิ่งที่คิดไว้สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง “นะ...นี่บ้านเราหรือขอรับ” หลิงเผิงตกตะลึง เขาไม่เคยอยู่บ้านหลังใหญ่ และไม่เคยเห็นบ้านหลังใหญ่กับตาตนเองด้วย แต่นี่เขากำลังจะเป็นเจ้าของบ้านที่หลังใหญ่ขนาดนี้ นี่เขากำลังฝันไปหรือไม่ “ใช่แล้วลูกไม่ผิดแน่” จากตอนแรกที่คิดว่ามาบ้านผิดหรือไม่ แต่เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันหนักแน่นว่าบ้านของนางอยู่เขตชานเมือง เป็นบ้านตรงกลางระหว่างเรือนอีกสองหลังที่ห่างออกไป ทั้งเป็นส่วนตัวและเงียบสงบเหมาะกับการพักผ่อนอย่างมาก และนั่นคือสิ่งที่นางชอบ ไม่วุ่นวายและเงียบสงบ เหมาะกับกา
last updateLast Updated : 2025-12-15
Read more
บทที่ 5 แขกผู้มาเยือน
สีหน้าตกใจราวกับพบวิญญาณอาฆาตทำให้ดวงตาของเหอจื่อหยางไหวระริก เพียงชั่วครู่ก็กลับมองนางอย่างแปลกใจราวกับไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ‘นางจดจำเขาได้’ ‘ในเมื่อนางไม่ต้องการให้คนขุดคุ้ยอดีต เช่นนั้นเขาก็ต้องเล่นให้สมจริงสักหน่อย’ “ขออภัยแม่นาง ข้าเสียมารยาทแล้ว” เหอจื่อหยางรีบโค้งให้ ก่อนจะกระโดดลงจากกำแพง และใช่กระโดดไปฝั่งของบ้านนาง แต่เจ้าเด็กอ้วนทั้งสองนี่สิชื่นชมเขาราวกับเป็นจอมยุทธอันดับหนึ่ง “โอ้โหท่านลุง ท่านร้ายกาจมาก เพียงย่อตัวก็กระโดดขึ้นกำแพง พอกระโดดก็เพียงขยับเล็กน้อย เคลื่อนไหวไร้เสียง ยอดเยี่ยมนัก” หลิงเผิงไม่เคยเห็นคนมีวรยุทธสูง เพียงแค่กระโดดเล็กน้อยเขาก็ชื่นชมแล้ว จนหยาง-หยู่เฟยต้องส่ายหน้า จากนั้นนางเหยียบก้อนหินที่สองแสบจอมซนปีนขึ้นไปแล้วอุ้มพวกเขาลงมา แต่ทว่า “ว้าย...!!” เสียงร้องของนางทำให้แขกผู้มาใหม่เคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายลมพัด ใช้แขนโอบเอวของนางที่กำลังจะหงายท้องลงไปเอาไว้ จากนั้นก็พยุงนางให้ยืนมั่นคง ก่อนจะวางเจ้าไก่อ้วนของตัวเองลง แล้วไปรับเจ้าเด็กตัวแสบลงจากกำแพงที่ทำจากอิฐชิงจวน “มานี่ คราวหน้าอย่าปีนอีกรู้หรือไม่” เ
last updateLast Updated : 2025-12-15
Read more
บทที่ 6 ไม่สบายเป็นปกติ
ห้องทำงานในจวนพักของแม่ทัพเหอ เสียงผ้าไหมชั้นดีเสียดสีกันยามก้าวเดินดังสวบสาบ จนร่างทะนงองอาจไปยืนอยู่กลางห้อง ดวงตาคู่คมฉายเปลวเพลิงลุกโหมจนน่าสะพรึง “ว่ามา!” เสียงเข้มกล่าวสั้น ๆ พร้อมกับเพ่งมองไปยังความมืดด้านนอก หวังให้บรรยากาศช่วยให้จิตใจสงบและมีสมาธิขึ้น “มีความเคลื่อนไหวชายแดนแคว้นฉีทางทิศตะวันออก ชายแดนที่มุ่งสู่เมืองหลวงฉางอันขอรับ” กลุ่มคนชุดดำที่ทำงานเป็นสายลับที่วางไว้ทั่วแคว้นชิ่งและต่างแคว้นคุกเข่าหนึ่งข้างรายงานออกมา สองมือที่ประสานอยู่ด้านหลังกำหมัดแน่น ไม่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของแคว้นฉีมานาน เพราะไม่มีใครกล้าต่อกรกับกองทัพตระกูลเหอ ยิ่งเกิดการเคลื่อนไหวไปยังทิศทางเข้าเมืองหลวง ทำให้รู้สึกว่ามีบางคนกำลังปิดหูปิดตาฮ่องเต้ “สายในวังมีรายงานหรือไม่” “ยังเงียบขอรับ คาดว่า...” “อย่าคาดไปสืบมา ข้าไม่เชื่อว่าจะเคลื่อนไหวโดยไร้ที่มา” ที่จริงเขาแอบสืบอย่างลับ ๆ เรื่องการกบฏมานานแล้ว แต่เป้าหมายไม่บุ่มบ่ามทำการจึงไร้หลักฐานเอาผิด ดังนั้นหากมีการเคลื่อนไหวย่อมต้องมีคนในวังเกี่ยวข้อง ไม่ผู้ใดก็ผ
last updateLast Updated : 2025-12-15
Read more
บทที่ 7 สืบความ
ลานด้านนอกของเรือนพักของหยางหยู่เฟยมีศาลาใกล้สระน้ำเล็ก ๆ เอาไว้นั่งดื่มชา เสียงครืน ๆ ของฟ้ายามฝนใกล้หยุด ทำให้เกิดอารมณ์ผ่อนคลายคล้ายอยากพักผ่อน แต่ไม่ใช่สองบุรุษที่ยืนอยู่ตรงศาลาด้านนอก โจวฝานได้รับพิราบสื่อสารหลังฝนตกหนัก คาดว่าเพราะฝนตกหนักจึงทำให้ข่าวสารล่าช้าไปบ้าง แต่ก็คะเนได้จากรูปการณ์แล้วว่าน่าจะใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันในการคลาดเคลื่อน “ข่าวว่าอย่างไร” “คนของเยียนอ๋องซื่อจื่อออกเสาะหาองค์หญิงหยางหยู่เฟย ตอนนี้กระจายกำลังทั่วแคว้นชิ่ง ไม่เกินสองวันนี้ม้าเร็วน่าจะมาถึงเสี้ยนหยางขอรับ” สองวันนับว่าคนของเยียนอ๋องซื่อจื่อทำการรวดเร็วรอบคอบ วางแผนเสร็จก็จัดการทันที รุกเร็วเช่นนี้เพิ่งนึกได้หรืออย่างไร แต่มันสายไปแล้วกระมัง “แล้วอย่างไรอีก” “เยียนอ๋องออกไปพบคนลึกลับผู้นี้นอกเมืองหลวง คนของเราไม่อาจสืบทราบได้ คาดว่าน่าจะเป็นคนสำคัญ” เมื่อกล่าวถึงเยียนอ๋องซื่อจื่อเขาก็ยังพอเบิกบานใจได้ แต่เมื่อกล่าวถึงบิดาของเขานั้นยังไม่น่าไว้วางใจ แม้ว่าตระกูลเยียนกับตระกูลเหอเกี่ยวดองกัน ฮองเฮาเป็นญาติกับท่านหญิงเหอเหวินอี๋ แต่ก็ไม่แน่
last updateLast Updated : 2025-12-15
Read more
บทที่ 8 คนที่น่าสงสัย
ดวงหน้าหล่อเหลาราวหยกแกะสลักมองนางอย่างใจเย็น ทั้งอยากรู้ว่านางต้องการถามสิ่งใด ท่าทางเหมือนนางอยากถามแต่ก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา “อยากรู้อันใดเกี่ยวกับข้าพูดมาเถิด” ใบหน้าแสร้งทำของเขายังแนบเนียน จนคิดว่าตนเองพัฒนาขึ้นแล้ว จากเมื่อก่อนที่โกหกไม่เก่ง แม้ภายในใจจะกำลังยิ้มเยาะนาง แต่ใบหน้ากลับเรียบเฉย “มะ...ไม่มีอะไร แค่อยากจะบอกท่านว่าเดินดี ๆ ด้วยเล่า ขอบคุณท่านสำหรับวันนี้” หยางหยู่เฟยพูดอย่างตัดใจ บางทีนางอาจคิดมากไปเอง เพราะว่าเริ่มแรกพบเขาล้วนเป็นสิ่งบังเอิญ ต่อไปนางจะไม่คิดถึงอดีตอีกแล้ว ช่างมารดามันเถอะ! นางเดินกลับมายังเรือนของตนเอง เดินดูเหล่าลูก ๆ ทั้งสองนอนหลับ ใบหน้ากลม ๆ ของเจ้าก้อนแป้งทำให้นางตัดขาดอดีตได้อย่างสิ้นเชิง ใช่จำไม่ได้แล้ว เรื่องอันใดหลังจากนั้นก็ลืมแล้ว นางถอนหายใจหนึ่งสายแล้วก็เดินเข้าห้องตนเอง น้ำอุ่นวันนี้มีคนของท่านแม่ทัพช่วยจัดการให้ นางจึงเบาแรงไปได้มาก บ้านหลังนี้มีครบหมดจริง ๆ ทั้งบ่อน้ำที่มีน้ำใสสะอาดไหลจากบนเขา และเขายังเล่าว่าบนเขามีบ่อน้ำพุร้อนอีกด้วย เหล่าเด็ก ๆ ตื่นเต้นกันเป็นอย่างมากอยากที
last updateLast Updated : 2025-12-15
Read more
บทที่ 9 สุนัขตามกลิ่นมา
เขาลงไปราวหนึ่งเค่อและกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ทำให้นางรู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่ทว่าสิ่งที่เขาบอกทำให้นางขมวดคิ้วสงสัย “ไม่มีอันใด แค่สุนัขดุร้ายตัวหนึ่งเข้าเมืองมา ข้าต้องไปจัดการเสียหน่อย” นางหูฝาดไปหรือไม่ แม่ทัพเหอผู้เกรียงไกรกับแค่สุนัขดุร้ายต้องไปจัดการด้วยตัวเองเชียวหรือ หรือว่านี่เป็นความนัยน์บางอย่างที่เขาอยากจะบอกนางหรือไม่ “หากท่านแม่ทัพมีเรื่องต้องทำก็ไปเถิด ข้ากับลูกจะเดินเที่ยวในตลาดกันเอง พวกเรากลับได้” นางไม่คิดรบกวนเขาอยู่แล้ว แต่เดิมก็อยากจะมากันเอง “โจวฝานจะไปกับพวกเจ้า ไม่ต้องห่วงไม่มีอะไร ข้าต้องไปทำอะไรนิดหน่อย” กล่าวจบเขาก็ออกไปทันที ทิ้งให้พวกนางสามแม่ลูกที่กำลังอยู่ในรถม้านั่งมึน แล้วก็คิดว่าวันนี้จะลองเดินดูในตลาดหาสิ่งที่นางพอทำได้ แต่เดินจนสุดตลาดแล้วก็ยังไม่เห็นอาชีพที่สตรีสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ปักผ้าก็มีหลายร้านสอบถามแล้วก็บอกว่ามีช่างปักหลายคน ไม่แน่ปักมาอาจจะรับซื้อไม่ได้ รับจ้างเขียนตำรานางก็ทำได้แต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย สิ่งที่คิดจะทำก็เลือนรางจนเด็ก ๆ ไปนั่งมองไก่ในเล้าของคนขายหลายตัว ‘หรือว่านางจะเลี้ย
last updateLast Updated : 2025-12-15
Read more
บทที่ 10 แหวกหญ้าให้งูตื่น
หยางหยู่เฟยนั่งรถม้ากลับ ภายในใจนึกถึงสหายของท่านแม่ทัพ รู้สึกว่าเขามองนางไม่วางตา แต่ว่านางไม่รู้จักเขาแล้วเหตุใดถึง... “ท่านแม่ทัพสหายของท่านเหตุใดถึงมีท่าทีแปลก ๆ กับข้าเจ้าคะ” “อย่าใส่ใจเลย เขาเห็นสตรีใบหน้างดงามเช่นเจ้าก็พูดไปเรื่อย ว่าแต่เจ้าเคยเห็นเขาที่ใดหรือไม่” นางคิดแล้วก็ไม่รู้ว่าเจอเขาที่ใด แต่มั่นใจว่าไม่รู้จักกันแน่นอน “ข้าไม่รู้จักเขาเจ้าค่ะ ห้าปีอยู่สุสานไม่ได้พบเจอคนเช่นจอมยุทธผู้นั้น” เหอจื่อหยางสบายใจพาให้อารมณ์ดียิ่งนัก นางจำไม่ได้แล้วก็ดี ต่อไปเขาจะได้มีโอกาสมัดใจนางมากขึ้น ส่วนเยียนอ๋องซื่อจื่อคาดว่าคงยุ่งอีกนาน เขาคิดดีแล้วที่โยนเผือกร้อนหัวนี้ให้กับเยียนอ๋องซื่อจื่อ ‘ใครจะตรวจสอบบิดาได้ดีไปกว่าบุตรชายเล่า’ หยางหยู่เฟยเมื่อมองเจ้าสองแฝดชายหญิงที่นอนหนุนตักของนางก็เหมือนคิดอะไรบางอย่างออก จนเอ่ยถามถามท่านแม่ทัพขึ้น “ท่านแม่ทัพหากข้าจะขอคำชี้แนะจากท่าน จะได้หรือไม่” เหอจื่อหยางรีบยืดอกขึ้นแล้วทำหน้าเหมือนผู้ทรงภูมิปัญญาให้นางมั่นใจได้ว่าปรึกษาคนไม่ผิด “ว่ามาเถอะ” “คือข้าเป็นสตรีหม้า
last updateLast Updated : 2025-12-15
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status