LOGINโอลิเวอร์หน้าตึง ตอนที่ยังคบหากันหญิงสาวทำอาหารให้เขารับประทานอยู่บ่อยๆ เขารู้ดีว่าสิตาภาทำอาหารอร่อยแค่ไหน เขาไม่ชอบใจหากหญิงสาวจะทำอาหารให้คนอื่นรับประทานนอกจากเขา แบบนี้ต้องเพิ่มข้อตกลงใหม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย คนขี้หวงคิด
“เราเข้าไปหาแม่ของลูกดีกว่า เดี๋ยวพ่อจะพาไปทานข้าวกัน”
โอลิเวอร์อุ้มลูกชายขึ้น แล้วเดินลิ่วเข้าไปในบ้าน ขณะเปิดประตูเดินเข้าไปในบ้าน ดวงตาสีฟ้าก็วาววับขึ้นเมื่อเห็นโจนาธานกำลังกุมมือหญิงสาวอยู่ ร่างสูงอุ้มลูกชายเดินตรงเข้าไปหาคนทั้งสอง
“ทำอะไรอยู่ครับที่รัก”
เขาวางลูกชายบนตักของคนเป็นแม่ พลางยื่นหน้าไปหอมแก้มนวลฟอดใหญ่ แสดงความเป็นเจ้าของโดยไม่สนใจสายตาของผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ด้วย มุมปากกระตุกยิ้มสาใจเมื่อเห็นแววตาวูบไหวของโจนาธาน
วาสินีทำหน้าไม่ถูกรีบดึงมืออกจากการเกาะกุมของโจนาธาน และต้องหน้าแดงจัดเมื่อถูกจมูกโด่งงามขโมยหอมแก้มต่อหน้าบุคคลที่สาม หญิงสาวอยากข่วนหน้าคนเจ้าเล่ห์ที่ชอบเอาเปรียบเธอนัก แต่ไม่อาจทำได้ดังใจนึก
“เอ่อ... คุณโอลิเวอร์คะ นี่คุณโจนาธานค่ะเป็นเพื่อนของฉันค่ะ” วาสินีขยับถอยห่าง วางลูกชายขวางคนเป็นพ่อไว้ไม่ให้เข้ามานัวเนีย
สองหนุ่มมองหน้ากัน ก่อนจะยื่นมือมาจับกันตามมารยาทสังคม แล้วคลายมือออก
“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับคุณโอลิเวอร์ ผมเป็นเพื่อนสนิทของสินีครับ”
โจนาธานทักทายตอบ เขามองหน้าอีกฝ่ายและมองเลยไปยังเด็กชายตัวน้อยที่เห็นมาตั้งแต่เกิด ไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอก็เห็นชัดถึงความเหมือนของทั้งคู่ โอลิเวอร์คือพ่อของน้องเอื้ออย่างแน่นอน และสายตาของโอลิเวอร์ที่มองวาสินี ทำให้โจนาธานแอบนึกห่วงหญิงสาวขึ้นมา เริ่มไม่มั่นใจว่าสถานภาพการแต่งงานแต่ในนามที่วาสินีบอกเขาจะเป็นไปตามข้อตกลงได้นานแค่ไหน เมื่อว่าที่เจ้าบ่าวของหญิงสาวแสดงความหวงแหนจนรู้สึกได้
“ยินดีที่รู้จักเช่นกันครับคุณโจนาธาน ผมเป็นพ่อของน้องเอื้อเป็นสามีของสิ... สินีครับ”
โอลิเวอร์ตอบกลับด้วยสำนวนเดียวกัน พร้อมแนะนำตัวเสร็จสรรพ เขาเข้าใจว่าสิตาภาเปลี่ยนชื่อเป็นวาสินี จึงเรียกชื่อหญิงสาวตามที่โจนาธานเรียก วงแขนแข็งแรงวางพาดไหล่มนโอบกอดทั้งแม่และลูกชายให้อีกฝ่ายเห็นครอบครัวสุขสันต์ของเขาชัดๆ โจนาธานคงมาหลงเสน่ห์ของสิตาภาเช่นเดียวกับเขาในอดีต หญิงสาวแม้จะเป็นเลสเบี้ยนแต่ก็ชอบหว่านเสน่ห์ให้ผู้ชายหน้าโง่มาหลงรัก ถึงจะรู้แบบนั้นแต่โอลิเวอร์ก็ไม่ชอบใจนัก เขาไมชอบให้ผู้หญิงของเขาถูกผู้ชายคนอื่นมองหรือมาเกาะแกด้วย รอให้เขาจับเธอจดทะเบียนสำเร็จเมื่อไหร่ เขาจะมีสิทธิ์ห้ามเธอเต็มที่ตอนนี้จำต้องปล่อยไปก่อน
“พรุ่งนี้ช่วงค่ำเราจะจัดงานแต่งงานกัน ผมกับสินีขอเชิญคุณมาร่วมงานของเรานะครับ”
โอลิเวอร์เชื้อเชิญโจนาธานด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม (เสแสร้ง) พร้อมทั้งหอมแก้มนิ่มของว่าที่เจ้าสาวอีกหน ทำเอาวาสินีแทบอยากเอาหน้ามุดพื้นหนีอาย หญิงสาวไม่กล้าสบตากับโจนาธานซึ่งกำลังมองเธอด้วยแววตาห่วงใย
“สินีบอกผมแล้วครับ ยินดีด้วยที่ครอบครัวของคุณจะได้อยู่พร้อมหน้ากัน”
โจนาธานปั้นยิ้มให้อีกฝ่าย เขาปรายตามองวาสินีอย่างเห็นใจ หญิงสาวถูกโอลิเวอร์มัดมือชกแบบดิ้นหนีไปไหนไม่พ้น จะบอกความจริงก็ยิ่งทำไม่ได้ เมื่อมีน้องเอื้อเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ยากจะยอมแพ้ วาสินีรักน้องเอื้อราวกับลูกในไส้เขาเองก็เอ็นดูเด็กชายไม่น้อยแม้จะโดนฤทธิ์เดชของเจ้าตัวน้อยอยู่บ่อยครั้งก็ไม่ได้ถือสาแต่อย่างใด โจนาธานได้แต่หวังว่าโอลิเวอร์จะไม่นำความแค้นในอดีตมาลงที่วาสินี และปรารถนาให้ความดีของหญิงสาวเอาชนะหัวใจผู้ชายคนนี้ได้ บางทีนี่อาจเป็นลิขิตจากฟากฟ้า ดลให้สองหนุ่มสาวได้มาคู่กันก็ได้
“คุณโอลิเวอร์ สินี จะรังเกียจไหมถ้าผมจะสั่งให้แผนกจัดเลี้ยง จัดงานแต่งงานครั้งนี้ ในแบบของชาวเกาะล้อมรัก” โจนาธานเสนอ
“จัดงานแต่งแบบชาวเกาะเหรอคะโจ” วาสินีเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนชาย ดวงตาคู่สวยมีรอยประหลาดใจ
“มันเป็นยังไงครับ งานแต่งแบบชาวเกาะล้อมรัก”
โอลิเวอร์ยกคิ้วสูง มองคนพูดอย่างสงสัย ท่าทางโจนาธานดูเหมือนนำเสนองานแต่งงานครั้งนี้อย่างเต็มใจ มากกว่าจะหาเรื่องแกล้งทำให้ยุ่งยาก ชายหนุ่มจึงปัดความระแวงออกจากใจ
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ งานแต่งของชาวเกาะล้อมรัก เขาจัดงานแต่งกันริมทะเล เจ้าบ่าวเจ้าสาวแต่งชุดพื้นเมืองสีขาว เจ้าบ่าวจะสวมแหวนและมอบมงกุฏดอกไม้ให้เจ้าสาวของเขา พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะรักและดูแลเธอไปชั่วชีวิต ส่วนเจ้าสาวจะสวมแหวนให้เจ้าบ่าว และสร้อยร้อยหัวใจซึ่งมีล็อกเก็ตทำจากตลับหอยด้านในบรรจุผมของเจ้าสาวไว้ พร้อมกับคำมั่นสัญญาว่าจะเป็นผู้หญิงของเขาตลอดชีวิต”
โจนาธานอธิบายขั้นตอนการแต่งงานแบบเรียบง่ายของชาวเกาะล้อมรักให้ทั้งสองฟัง บิดาได้พบรักกับมารดาซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของเกาะนี้ ทั้งสองได้แต่งงานกันตามแบบของชาวเกาะล้อมรัก ซึ่งมีพิธีกรรมบางอย่างที่จะผูกพันเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้รักใคร่กันไปชั่วชีวิต นี่จะเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะสามารถทำให้วาสินีได้ เขาปรารถนาให้เธอได้ครองคู่กับคนที่คู่ควรและทำให้ผู้ชายผู้โชคดีคนนั้น รักมั่นต่อหญิงสาวไปจนตราบลมหายใจสุดท้าย
“คุณคิดว่าไงที่รัก อยากให้งานแต่งงานของเราจัดแบบชาวเกาะล้อมรักไหม”
โอลิเวอร์ฟังพิธีการแล้วรู้สึกชอบใจ เขาสบตากับว่าที่เจ้าสาว ในหัวบังเกิดมโนภาพงานแต่งงานตามที่โจนาธานบรรยายขึ้นมา มุมปากเผยอแย้มขึ้นอย่างลืมตัว สิตาภาจะสวยแค่ไหนกันหนอ... ในชุดเจ้าสาวแบบชาวเกาะ
วาสินีเคยเห็นพิธีแต่งงานของชาวเกาะล้อมรักมาก่อน และประทับใจกับงานแต่งงานแบบเรียบง่ายนั้น และเคยแอบคิดตามประสาสาวโสดว่าอยากให้งานแต่งงานของตัวเองจัดแบบนั้นบ้าง โดยไม่รู้ว่าตอนนี้สิ่งที่เคยฝันไว้กำลังจะเกิดขึ้นจริง หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่คัดค้านสักคำ
“ฉันชอบงานแต่งงานของชาวเกาะล้อมรักค่ะ” เธอบอกโจนาธานพร้อมกับคลี่ยิ้มละมุน เมื่ออีกฝ่ายส่งสายตาอาทรของมิตรแท้มาให้ หากคนที่มองเห็นกลับขัดตากับมิตรภาพของสองเพื่อนจนคันยิบๆ ในตับขึ้นมา
“ตกลงผมกับสินีจะแต่งงานตามแบบชาวเกาะล้อมรักในคืนพรุ่งนี้ คงต้องรบกวนคุณโจนาธานช่วยจัดงานให้ด้วยนะครับ”
โอลิเวอร์สรุปรวบรัด เขาทนเห็นสายตาของโจนาธานที่มองว่าที่เจ้าสาวของตัวเองไม่ไหว ต่อมหึงทำงานหนักจนแทบระเบิดความไม่พอใจออกมา หากไม่เห็นแก่มารยาทสังคมเขาคงจัดหนักอีกฝ่ายไปแล้ว คนที่น่าจะโดนด้วยคือฝ่ายหญิงที่ส่งสายตาอ่อนละมุนให้เพื่อนชาย เมื่อก่อนสิตาภาไม่เคยมองผู้ชายคนไหนด้วยสายตาแบบนี้ ผ่านไปห้าปีหญิงสาวกลับทำให้เขาประหลาดใจ ในความอ่อนหวานอ่อนโยนของเธอ เวลาทำให้คนเปลี่ยนไปจริงๆ หรือเนี่ย
“ผมจะจัดงานนี้ให้ดีที่สุด เพื่อเป็นของขวัญให้เพื่อนที่น่ารักคนนี้”
โจนาธานส่งยิ้มให้วาสินี และหันมายิ้มให้เจ้าบ่าวของหญิงสาวด้วยรอยยิ้มมิตรภาพ
“สินีเป็นคนดีมาก คุณโชคดีที่ได้เธอเป็นเจ้าสาว ผมขอตัวไปเตรียมงานให้พวกคุณทั้งสองก่อนนะครับ แล้วพบกันพรุ่งนี้ น้องเอื้อลุงโจไปก่อนนะครับ”
โจนาธานเอ่ยขอตัว แล้วหันไปเอ่ยลาเด็กชายที่ทำหน้าแป้นแล้นเปี่ยมสุข ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมออกไป สองหนุ่มสาวพากันลุกขึ้นแล้วมาส่งที่หน้าประตู โดยที่เด็กน้อยไม่ยอมลุกตามบิดามารดามา
“ท่าทางนายโจนาธานจะรักและปรารถนาดีต่อคุณมากนะสิตา” คล้อยหลังแขกพิเศษ โอลิเวอร์ก็แขวะคนข้างกายทันที เขาเห็นสายตาที่เธอมองงตามร่างสูงใหญ่ของโจนาธานแล้วนึกหมั่นไส้
“ขอบคุณสำหรับความรักที่มอบให้สิตา”เธอฝืนยิ้มทั้งที่รู้สึกรวดร้าว หัวใจทำไมถึงเจ็บปวดแบบนี้ มันเร็วไปไหมกับการรู้สึกแบบนี้กับเขา หรือที่เคยได้ยินว่ารักไม่ต้องการเวลามันคือเรื่องจริง “ผมขอโทษ ขอโทษที่เคยทำร้ายคุณ” เขากล่าวคำที่อยากบอกเธอมานานหลายปีออกมาวาสินีพยักหน้าช้าๆ “มันผ่านไปแล้วค่ะ สิตาก็ทำผิดไว้กับคุณและครอบครัวของคุณมากมาย ถือว่าชดใช้ให้กันนะคะ” เธอยิ้มให้เขาโอลิเวอร์นิ่งงันกับคำตอบของเธอ ดวงตาคมมองใบหน้างามของเธอนิ่ง ในหัวนึกถึงเรื่องของสิตาภาในอดีต หญิงสาวเคยทำร้ายเขาและพี่ชายไว้ร้ายแรงนัก หลอกลวง ปั้นหน้า สร้างเรื่องโกหกสารพัด จนถึงขั้นยิงเอริกจนปางตายเธอก็ทำมาแล้ว หัวใจของเขาเจ็บปวดกับการกระทำของเธอจนแทบขาดใจตาย และกลั่นความรู้สึกเจ็บแค้นมาทำร้ายเธอในภายหลัง วูบแรกที่เจอเธอมันทั้งดีใจและปวดใจในคราเดียวกัน ทั้งรักทั้งแค้นแต่ก็ไม่อาจปล่อยเธอไป“เราจะเริ่มต้นกันใหม่นะ ให้โอกาสผมนะสินี”โอลิเวอร์ยิ้มให้เธอ ก่อนจะก้มลงมาประทับจุมพิตบนริมฝีปากอิ่มสีกุหลาบแล้วแทรกปลายลิ้นร้อนเข้าไปควานหาความหวานฉ่ำอย่างโหยหา เมื่อคืนเขาทนทรมานตัวเองนอนหันหลังให้เธอตลอดทั้งคืนไม่ใช่เพราะเขาโกร
หญิงสาวถอนความคิดออกจากภวังค์ แล้วรามือจากการคนเมื่อเห็นข้าวสุกจนได้ที่ โอลิเวอร์อาสาช่วยยกหม้อลงจากเตา เขาตามติดเป็นเงามานั่งข้างๆ ตอนเธอทำอาหารอย่างอื่น ทำตัวน่ารักสงบเสงี่ยมนั่งมองเธอทำนู่นนี่ด้วยความเพลิดเพลิน ไม่อาสาช่วยเพราะเธอเคยห้ามเขาไว้เมื่อวานเย็น เมื่อปรุงอาหารเสร็จก็ช่วยกันยกมาวางที่โต๊ะหน้ากระท่อมโอลิเวอร์ มองหญิงสาวช่วยคนข้าวต้มในถ้วยของเขาให้คลายร้อน เธอตักไข่เจียวใส่ให้เขา ก่อนจะส่งถ้วยที่ข้าวเริ่มเย็นให้“ค่อยๆ ทานนะคะ มันยังร้อน” วาสินีส่งข้าวต้มให้เขา ก่อนจะตักของตัวเองบ้าง“ของคุณก็ร้อน ระวังลวกปากนะ” เขาบอกอย่างห่วงใยวาสินียิ้มละมุน “ขอบคุณค่ะ” เธอตักข้าวต้มในถ้วยของตัวเองมาเป่าแรงๆ ก่อนจะเอาเข้าปาก“ไข่เจียวอร่อยดี แต่ยำกุ้งแห้งก็น่าอร่อย” เขายื่นมือไปหมายจะตัก แต่วาสินีจับมือเขาไว้ก่อน“เดี๋ยวสินีตักให้ค่ะ มันมีพริก ต้องเขี่ยออกก่อน” เธอใช้ช้อนเขี่ยพริกขี้หนูซอยไปวางข้างขอบจาน เลือกตักแต่กุ้งให้เขาแทน “เห็นเม็ดเล็กๆ แบบนี้เผ็ดจนปากพองเลยนะคะ ปกติถ้าสินีทำทานเองจะชอบตำให้ละเอียดเผ็ดถึงใจดี”โอลิเวอร์ยิ้มขอบคุณตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหารด้วยความเอร็ดอร่อย รู้ส
พระอาทิตย์ทอแสงแรกแห่งวันสาดส่องผืนน้ำสีคราม สายลมอ่อนๆ พัดโชยหอบเอาไอทะเลเย็นฉ่ำกระจายไปทั่วบรรยากาศในยามเช้าบนเกาะดาวเคียงเดือนแสนสดชื่น ผืนป่าเขียวขจีอุดมสมบูรณ์ด้วยต้นไม้ใบหญ้าดั่งมรกตกลางทะเล เหล่านกกาพากันออกหากินต่างโบยบินกระพือปีกส่งเสียงดังไปทั่วเกาะแห่งนี้ ในกระท่อมหลังน้อยอันเป็นที่พักของคู่แต่งงานใหม่ สองหนุ่มสาวนอนหันหลังให้กันมือสองข้างยังถูกพันธนาการด้วยปลอกข้อมือร้อยโซ่ทองเหลือง เป็นตรวนแห่งการพิสูจน์รักแท้ตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวเกาะล้อมรัก ให้คู่แต่งงานใหม่ได้เรียนรู้กันและกัน ทว่าแค่วันเดียวบ่าวสาวชาวเมืองก็พากันแตกคอนอนหันหลังให้กันเสียแล้วฝ่ายหญิงลืมตาตื่นขึ้นก่อนขยับลุกขึ้นนั่งมองคนที่นอนหลับตาหันหลังให้เธอ ใบหน้าหล่อเหลานิ่งสงบอยู่ในห้วงนิทราดูละม้ายคล้ายลูกชายตัวน้อย ต่างจากยามตื่นที่มักทำให้คนถูกมองรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ มือบางยื่นไปแตะแก้มสากคายที่มีตอหนวดขึ้นเขียวครึ้มแผ่วเบา ใจคนมองอ่อนยวบลงด้วยความรู้สึกวูบไหว ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขานิ่งอยู่แบบนั้นขณะสมองคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ตั้งแต่แรกพบจวบจนถึงตอนนี้ เวลาแค่สองวันกลับเปลี่ยนชะชีวิตของเธอให้ตกอยู่ใต้เงื้อมมือของ
“หยุดพูดเลยนะ” เธอสะบัดเสียงใส่อย่างลืมตัว ก่อนจะลดเสียงลงเมื่อเห็นผู้ใหญ่สองคนหันมามอง “ฉันเกลียดผู้ชายอย่างคุณที่สุด ปากร้าย ปากเสีย ชอบใช่ไหมพูดจิกกัดคนอื่นเนี่ย”“เห้อ คนอะไร ไม่ยอมรับความจริงแล้วยังพาลเหมือนหมาบ้าอีก”โจนาธานหัวเราะหึหึ ไม่ได้สะดุ้งสะเทือนกับคำด่าของเธอสักนิด เขาขยับเข้ามาใกล้คนขี้โมโหจงใจเบียดร่างหนากับร่างบางจนแทบจะเกยกัน“เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ ลองคบกับผมดูไหมล่ะ ถ้าไม่รักไม่หลงผมในสามวัน ยินดีให้ถีบหัวส่งโดยไม่คิดค่าเสียหาย” “บ้า ! ฝันไปเถอะย่ะ ชาติหน้าตอนบ่ายแก่ๆ ฉันยังไม่แลตามองคุณ ไปศัลยกรรมให้หล่อเท่าพี่โอลิเวอร์แล้วหาเงินให้รวยๆ เท่าเขาก่อน แล้วค่อยมาเสนอตัวเป็นแฟนฉัน” เธอตอกกลับเขาแบบไม่ไว้หน้า“แหม ถึงผมจะไม่รวยเท่าเขา แต่ก็เลี้ยงดูคุณไม่ให้อดตายได้หรอกน่า” โจนาธานยังยิ้มได้ แม้จะโดนเปรียบเทียบแบบนั้น “และถึงผมจะไม่หล่อในสายตาคุณ แต่ผมเชื่อว่าผมทำให้คุณร้องครางใต้ร่างผมจนลืมผู้ชายคนนั้นได้ก็แล้วกัน”“คุณ! คุณมันไอ้ทุเรศ” มิเชลแทบกรีดร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจเธอไม่น่าปล่อยให้เขามีโอกาสได้พูดจาร้ายกาจแบบนี้ นึกเจ็บใจตัวเองที่เสียท่าถูกเขามอมเมาด้วยเส
“ตอนนี้แยกไม่ได้ สักวันพอตาเอื้อโตรู้ความ คงเลือกอยู่กับเราเองค่ะ แกคงไม่อยู่กับแม่ที่เคยทำร้ายพ่อกับลุงของแกหรอก วันหนึ่งฉันจะบอกหลานเรื่องนี้” คุณอโณมาไม่ยอมแพ้“อย่าพูดเรื่องนี้กับหลานเด็ดขาด” คุณโรเบิร์ตเสียงเข้มขึ้น มองภรรยาด้วยแววตาคมดุ“ผมไม่อยากให้หลานของเรา รับรู้เรื่องไม่ดีในอดีตของพ่อแม่ ถ้าแกรู้ว่าตัวแกเกิดมาจากการข่มขืน คุณคิดดูว่ามันจะเป็นปมด้อยในใจแกแค่ไหน สิตาภาอาจจะเคยทำผิดจริง แต่โอลิเวอร์ก็ทำร้ายสิตาภาไม่น้อยกว่ากัน อย่ามองความผิดของคนอื่นเท่าภูเขาแล้วมองความผิดของลูกชายเราเท่าเม็ดฝุ่นสิคุณ”คุณโรเบิร์ตเตือนสติภรรยา ไม่ให้เอาอคติความเกลียดชังมารดาหลานชายมาสร้างรอยแผลเป็นในใจให้หลาน“คุณคิดเหรอว่าผู้หญิงลักเพศอย่างนั้นจะกลับใจได้ ฉันรู้นะว่าตาโอลิเวอร์คงไปบังคับหรือยื่นข้อเสนออะไรบางอย่างกับสิตา ไม่อย่างนั้นเลสเบี้ยนหรือจะยอมแต่งงานกับผู้ชาย” คุณอโณมาหาเรื่องมาโต้แย้งสามี“คุณจะตัดสินคนจากอดีตสิ ตอนนี้สิตาภาอาจเปลี่ยนไปแล้วก็ได้” คุณโรเบิร์ตถอนหายใจ เหนื่อยหน่ายกับความอคติของภรรยา “ให้โอกาสสิตาภาบ้าง ถ้าไม่เห็นแก่ใครก็เห็นแก่หลานเราบ้าง อย่าปิดตาปิดใจไม่ยอมรับเพราะคว
“มิเชลมีงานค้างอยู่ค่ะ อยากรีบไปสะสาง” มิเชลหาเหตุผลมาอ้างเธอเกรงใจผู้ใหญ่ แต่ก็ไม่อยากอยู่ต่อเพราะไม่ต้องการเผชิญหน้ากับโจนาธานอีก แค่ถูกเขารังแกจนแทบเสียเนื้อเสียตัวก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เธอไม่ชอบโกหกแต่ก็ไม่กล้าบอกความจริงเรื่องนี้ให้ใครรู้ ได้แต่หาทางหลบไปให้พ้นจากสถานการณ์อึดอัดนี้ก่อนคุณอโณมาส่ายหน้าไม่ยอม “ไม่เอาๆ ป้าไม่ให้หนูกลับ งานทางโน้นให้มาคัสดูแลก็ได้ อีกสองสามวันเอริกก็กลับแล้ว ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก ถ้าหนูยังไม่วางใจก็โทรสั่งงานมาคัสไว้สิ” ท่านหาทางออกให้“ป้าเขาไม่ค่อยแข็งแรง หนูช่วยเป็นเพื่อนป้าเขาหน่อยนะมิเชล ลุงเองก็ต้องช่วยป้าเขาดูแลเจ้าตัวเล็กนี่ด้วย”คุณโรเบิร์ตช่วยภรรยาเกลี้ยกล่อมมิเชลอีกแรง ท่านเห็นแววตาของหญิงสาวก็รู้ว่ามีความอึดอัดใจบางอย่างซ่อนอยู่ และรู้ดีว่าทำไมมิเชลถึงได้คิดอยากกลับ ผู้สูงวัยกว่าลอบยิ้มเมื่อนึกถึงภาพที่ท่านเห็นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนบางทีพรหมลิขิตกำลังเล่นกลกับมิเชลอยู่ คู่แท้ของเธอคงไม่ใช่โอลิเวอร์ลูกชายของท่านแต่เป็นชายหนุ่มเจ้าของเกาะแห่งนี้ก็ได้ ท่านจะขอเป็นกามเทพจับคู่สองหนุ่มสาวแข่งกับภรรยาดูสักหน คุณอโณมาอาจจะผิดหวังบ้างที่







