Home / โรแมนติก / ซาตานหัวใจพยศ / Chapter 4 ซวยซ้ำซวยซ้อน

Share

Chapter 4 ซวยซ้ำซวยซ้อน

last update Last Updated: 2024-10-23 11:46:38

เมื่อได้คำสั่งจากเจ้านายเช่นนั้น เหล่าหนุ่มหน้าโหดก็กลับขึ้นรถ เลี้ยวกลับไปยังศาลาที่ห่างไปประมาณสามกิโลเมตร มันเป็นศาลาครึ่งปูน โครงสร้างเป็นไม้ มีหลังคาสังกะสี

ทีแรกชายเหล่านั้นก็นั่งนิ่ง ๆ คุยกันเบา ๆ แต่ผ่านไปไม่นานก็เบื่อ ก้นที่นั่งแช่อยู่ก็เมื่อยขบ จึงลงไปนั่งหย่อนอารมณ์ที่ศาลา เห็นปลายบุหรี่แดงกวาบ ๆ ท่ามกลางความมืดและสายฝนพรำ

สรวิชญ์ยังนั่งอยู่ที่นั่งข้างปุณิกา เขาพิงหลังกับพนัก หลับตา มืดยังกอดอก เธอแอบหรี่ตามองแล้วค่อนแคะ ผู้ชายอะไร...ขนาดนอนยังหน้าเครียด คิ้วขมวดแทบเป็นโบอยู่แล้ว

เขานอนจริงละหรือ บางทีอาจเป็นกลลวงแบบเสือหลับ หลอกล่อให้เหงื่ออย่างเธอเยื้องกราย แล้วเขารอตะครุบ จับกินทั้งตัว ปุณิกาไม่โง่ขนาดนั้น เธอจะรอโอกาสเขาเผลอ เตรียมหนีทันที

โอกาสที่ว่านั้นมาทันใจ เมื่อเสียงมือถือเขาดัง

“ห่าเอ๊ย! สัญญาณไม่ดีเลย”

สรวิชญ์สบถใส่สายที่โทรมา

“เดี๋ยวนะมึง กูเดินหาสัญญาณก่อน ที่นี่ฝนตกว่ะ”

ชายหนุ่มเปิดประตูรถ แล้วปิดมันลง เดินเข้าศาลาไปรวมกับลูกน้อง นี่แหละโอกาสทองที่ปุณิการออยู่

เธอเคลื่อนกายที่ถูกมัดไปยังประตูรถ พบว่ามันล็อก ปรกติใช้มือดันแล้วเลื่อนก็จะเปิดออกได้ แต่ตอนนี้ทั้งปาก มือ เท้า เธอถูกพันธนาการไว้หมด จะทำอย่างไรดี

เอาว่ะลองเสี่ยงดู หญิงสาวใช้ไหล่ดันประตู ไปให้ถึงตัวล็อก ออกแรงเคลื่อน ประตูขยับแต่ไม่เปิดออก งั้นต้องใช้วิธีใหม่

เธอหันหลัง ยืดตัวขึ้น กะระดับข้อมือที่โดนผูกไพล่หลังให้พอดีกับตัวล็อก นิ้วที่ยังเป็นอิสระของเธอยื่นไขว่คว้า สะเปะสะปะจนกระทั่งรู้สึกได้ว่าจับถูกอะไรเป็นแท่งแข็งยาวพอประมาณ

ปุณิกาส่งแรงไปที่นิ้ว เกี่ยวกระชากสุดชีวิต จนหูได้ยินเสียงประตูรถเปิดออก ความเย็นของสายฝนจู่โจมปะทะผิว จมูกได้กลิ่นดินปนกลิ่นใบไม้ แต่นี่ไม่ใช่เวลาชื่นชมกับธรรมชาติ

เธอทิ้งตัวเองลงพื้นลูกรังที่เจิ่งไปด้วยน้ำฝน หากเป็นเวลาปรกติคนคงจับสังเกตได้เมื่อเห็นรถเคลื่อนไหว เสียงตัวเธอสัมผัสพื้นไม่เบาเท่าไรนัก แต่เนื่องด้วยสายฝนโปรยปรายบดบังการมองเห็น อีกทั้งมันยังเสียงดัง ทำให้พวกที่อยู่ในศาลาไม่สังเกต

เมื่อกายสัมผัสพื้นหญิงสาวรีบกลิ้งตัวลงริมถนน ไม่สนคมหินหรือคมหญ้าจะบาดเนื้อ สมองสั่งแต่ให้หนี...และหนี

ปุณิกาเคยกลิ้งตัวฝ่าดงไม้ไผ่ เมื่อยามเรียนเนตรนารี เธอผ่านไปอย่างเชื่องช้า ด้วยกลัวเจ้าพืชที่มีใบแหลมจะสร้างริ้วรอยบนผิว ความเร็วในตอนนั้นเทียบตอนนี้ไม่ได้

ปุณิกาคลุกโคนแดง ขาโดนดอกหญ้าเจ้าชู้เกาะติด บางครั้งก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ใบหน้าเพราะถูกหนามกระสุนแทง แต่เธอยังคงมุ่งมั่นกลิ้งหนี ตั้งใจไปให้ไกลที่สุด พรุ่งนี้เช้าหลังฝนหยุดต้องมีคนมาช่วยเธอแน่

เพื่อนตั้งแต่เด็กและมีอาชีพเป็นตำรวจยศสารวัตรโทรมาบอกข้อมูลเพิ่ม

“มีคนเห็นรถคันนั้นขึ้นเฟอร์รี่ไปเกาะสมุย”

“ห่าเอ๊ย!”

สรวิชญ์คำรามแข่งสายฝน

“คืนนี้คงต้องเลิกหาไปก่อน ไว้พรุ่งนี้จะวานเพื่อนตำรวจที่อยู่นั่นดูให้”

“มันจะไม่พาสตางค์หนีไปเกาะอื่นแล้วเรอะ!”

“จะไปเกาะอื่นจากที่สมุยต้องไปท่าเรือ น้องมึงกับคนที่พาหนีมันคงไปไหนได้ไม่ไกลหรอกคืนนี้”

“กูจะขึ้นเครื่องไปสมุยพรุ่งนี้ ติดต่อเพื่อนมึงไว้ให้หน่อย”

ต่อให้ต้องข้ามไปอีกฟากโลก สรวิชญ์ก็ต้องพาสิริยากลับมาให้ได้

“เออ เดี๋ยวเช้าก็ส่งเบอร์มันไปให้ ว่าแต่มึงอ่ะ ได้นอนบ้างหรือยังตั้งแต่สตางค์หายไป”

“เป็นมึงน้องหายจะมามัวหลับสบายใจเฉิบอยู่อีกเหรอ”

เขากัดฟันกรอด ขณะนึกถึงภาพปุณิกาที่หลับไม่รู้เรื่องในรถตู้

“กลัวมึงจะเดี้ยงก่อนเจอสตางค์นะสิ”

“กูไม่ตายง่าย ๆ หรอกว่ะ ขอบใจที่ส่งข่าว”

สัญญาณโทรศัพท์ไปก่อนที่สรวิชญ์จะบอกลูกน้อง

“กูไม่กลับไร่แล้ว จะไปสมุย ไอ้ปาล์มบอกว่าคนของมันเห็นสตางค์ไปที่นั่น พาไปสนามบินเลย แกจะขึ้นเครื่องบินเที่ยวแรก”

“แล้วตัวพี่สาวละครับ”

ลูกน้องมองไปทางรถตู้

“เอากลับกรุงเทพฯด้วยกันก่อน ส่งกูแล้วค่อยเอาไปขังไว้ที่ไร่”

ชะตากรรมของปุณิกา ยังไม่พ้นเป็นตัวประกันถูกขัง สรวิชญ์คิดว่าสาสมแล้วกับเรื่องน้องเธอพาน้องเขาหนี สาสมกับที่เธอออกฤทธิ์ให้เขาหัวหมุน แถมยังหลับสบายในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน ปุณิกาช่างเป็นผู้หญิงเลือดเย็นเสียเหลือเกิน

เขาเดินกลับมาที่รถตู้ แล้วก็คำรามก้องเมื่อเห็นประตูเปิดอยู่

“ยัยนั่นหนีไปแล้ว!”

ลูกน้องวิ่งตาเหลือกมาหาเจ้านายทันที

“รีบตามหาเลย โดนมัดไว้คงไปได้ไม่ไกล”

รอยกลิ้งบนพื้นลูกรังเฉอะแฉะหายไปในพงหญ้าข้างทาง

“ถ้าจับได้ครั้งนี้กูจะล่ามโซ่เลย ผู้หญิงอะไรบ้าฉิบหาย อยู่นิ่ง ๆ ไม่เป็นหรือไงวะ สร้างแต่เรื่อง”

ชายหนุ่มให้คำปฏิญาณกับตัวเอง ขณะรับไฟฉายจากนายหน้าเสี้ยมสองดูตามพื้นหญ้า

ปุณิกาสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเขาดังแหวกสายฝนเข้ามา ต้องหนีแล้ว แต่ตอนนี้ตัวเธอหนักอึ้งไปด้วยโคลนและน้ำฝน ผมเต็มไปด้วยหญ้า ใบหน้าแสบเป็นริ้ว ๆ

ทันใดนั้นเธอเห็นพุ่มไม้ใหญ่ น่าจะกันภัยได้ หญิงสาวกลิ้งตัวเข้าไปกระทบหนามไม้เต็มรัก ความเจ็บหายไปทันทีเมื่อหูได้เสียง

“ฟ่อ...”

อสรพิษดำมะเมื่อมที่อยู่ที่หน้าแข้ง ดวงตาสีแดงมองมาอย่างมาดร้าย ปุณิกาตัวแข็งทื่อ ใจภาวนาถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก โปรดดลบันดาลให้เธอพ้นจากทุกข์เภทภัยนี้เถิด เธอยอมรำถวายพร้อมจัดเครื่องเซ่นไหว้ชุดใหญ่เลยเอ้!

ทว่าคำภาวนาไม่ได้ผล เมื่อสัตว์ร้ายรู้สึกถึงความสั่นของพื้น เพราะเหล่าหนุ่มหน้าโหดเดินลงเท้าหนัก ๆ เพื่อหาตัวเธอ ปุณิการู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าแข้ง งูตัวขั้นฝังเขี้ยวลงบนเนื้ออ่อน ๆ ของเธอ

“อื้อ...”

เธอยกขาสะบัดจนเจ้างูลอยเหนือพื้น มันตกตุบที่ฝากหนึ่งของพุ่มไม้ แล้วรีบเลื้อยเร้นกายหนีไป

“อื้อ...”

ปุณิกาน้ำตาคลอ ส่งเสียงขอความช่วยเหลือ ช่างโชคร้ายอะไรเช่นนี้ หนีก็ไม่รอด แถมมาถูกงูกัด เธอจะตายในสภาพอนาถเช่นนี้ละหรือ

“เจอแล้ว แม่ตัวดี”

คนเลวที่จับเธอมาร้อง มองหญิงสาวด้วยสายตาถมึงถึง

“ฤทธิ์มากนักนะ”

ในเมื่อปุณิกาเลือกรักษาชีวิตไว้ก่อน เธอจึงรีบยกขาที่ถูกมัดให้เขาดู

“อื้อ...”

“อะไร! ฉันไม่บ้าขนาดจะแก้มัดให้เธอหรอก จะให้คนหามเธอไปขึ้นรถเหมือนหมู”

เธอสะบัดหน้า ตั้งใจจะบอกว่าไม่ใช่อย่างนั้น...ขา ดูที่ขาเธอหน่อยสิ เป็นนายหน้าเสี้ยมนั่นเองที่สังเกต ส่องไฟฉายมายังขาจนหอบรอยเขี้ยวที่มีเลือดซึม

“คุณเต้ยครับ เธอโดนงูกัด มีเขี้ยวแบบนี้เป็นงูพิษแน่”

เจ้านายยกขาขาวขึ้นดู

“รีบพากลับเข้าเมืองไปหาหมอดีกว่า”

นายหน้าเสี้ยมถอดเสื้อตัวเอง มามัดไว้เหนือแผลและคลายพันธนาการที่ข้อเท้าเธอ

“โว้ย ! เธอนี่ก่อเรื่องไม่รู้จบ”

ปุณิกากัดผ้า เป็นสัญญาณว่าอยากให้เอามันออกด้วย

“เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าคุณใจเย็นสักนิด ไม่คิดเอาฉันมาเป็นตัวประกัน”

เธอหอบหายใจแรง บอกไม่ถูกว่าเหนื่อย หรือเป็นผลจากพิษงูเป็นแน่

“คุณนั่นแหละ มาทำฉันซวยไปด้วย”

บางทีอีกไม่กี่ชั่วโมง เธออาจตายเพราะพิษงู อย่างน้อยขอได้ด่าตัวการหน่อยเถอะ และสาบานเลยหากตายแล้วจะมาเป็นผีหลอกหลอนเขาตลอดชีวิต

“ใครก็ได้โทรหาหมอวิโรจน์หน่อย นัดเจอที่บ้านแก บอกมีคนไข้ด่วน ให้ช่วยดูแลไปจนกว่าจะถึงโรงพยาบาล”

สรวิชญ์เลือกที่พึ่งเป็นแพทย์สูงอายุที่รู้จักกันดี บ้านท่านห่างไปอีกสองหมู่บ้าน ประมาณห้ากิโลเมตร ใกล้กว่าในเมืองที่มีโรงพยาบาลห่างไปอีกยี่สิบกิโลเมตร อยู่ในความดูแลของแพทย์แล้วเธอคงจะไม่ได้ตายง่าย ๆ

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
เป็นผู้หญิงที่ทรหดมาก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 32 บทส่งท้าย

    หากไม่อยู่ในอารมณ์โกรธ สรวิชญ์คือคนสุขุมคนหนึ่ง เขาแสดงออกโดยการจัดการจดทะเบียนสมรสกับปุณิกาเสียในบ่ายนั้น“ฉันอยากให้ลูกเกิดภายใต้ทะเบียนสมรส”เธอมองกระดาษแผ่นที่ชาตินี้ตัวเองไม่คิดว่าจะได้มันมาอย่างงง ๆ จู่ ๆ เธอก็กลายเป็นนาง พ่วงด้วยนามสกุลอะไรสักอย่างที่ยาว ๆ“คำนำหน้าเอาเป็นนางเลยนะ จะได้ไม่ต้องไปทำไข่เจียวกะเพราปลากระป๋องให้ใครกิน”คนหน้าดุบอกต่อหน้าเจ้าหน้าที่จดทะเบียน“นามสกุลเขาก็ใช้ของผม”สรวิชญ์ทำตัวเป็นเจ้าชีวิตเธอทุกเรื่อง แต่เอ...ไข่เจียวกะเพราปลากระป๋อง“ฉันทำเมนูนี้อร่อยนะ พ่อฉันก็ชอบกิน”“ต่อไปทำฉันกินคนเดียว”เธอทำท่านึก“ต้องให้แสนดีเป็นหนูทดลองชิมก่อน ไม่ได้ทำตั้งนานแล้ว กลัวฝีมือตก”“ให้ไอ้แสนเป็นหนูทดลองไม่ได้”ปุณิกาคอย่น เขาทำเหมือนโกรธเสียเต็มประดา“ฉันจะเป็นคนกินเอง”หญิงสาวโคลงศีรษะ เอาล่ะ...อยากเป็นหนูทดลองก็จะยอมให้เป็น หลังออกจากสำนักงานเขตเขาก็สั่งคนขับรถมุ่งกลับไร่ ทิ้งกรุงเทพฯและปุณณภพไว้เบื้องหลัง น้องชายบอกแล้วว่าจะมาเยี่ยมในปลายเดือนนี้ ระหว่างทางสรวิชญ์ก็ยกมือเธอขึ้น สวมแหวนฝังทับทิมสีแดงที่นิ้วนางของเธอ“ไปแอบซื้อตอนไหนคะ”อัญมณีเล่นไฟทอประกายสวย

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 31 จะเป็นเรื่องเล่าจากพ่อแม่สู่ลูก

    มีผู้คนในซอยกลับมาดูสภาพความเสียหายอยู่พอสมควร แต่ก็ได้เพียงอยู่นอกเส้นสีเหลืองกั้น ที่ทั้งอาสาทั้งตำรวจ คอยบอกไม่ให้ล้ำเส้นกั้นเข้ามาปุณิกากับปุณณภพเห็นสภาพซอยที่เคยคึกคัก บ้านที่เคยสวยงาม จนบัดนี้เหลือแต่ตอตำ กลิ่นไหม้ลอยคละคลุ้งเสียดแทงจมูกไปถึงในหัวใจ ผู้ประสบภัยบางคนร้องไห้ตัวโยน ร้องบอกว่าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...หมดตัวแล้ว ปุณิกาจำได้ว่าคนนี้เป็นเพื่อนบ้านกลางซอยสรวิชญ์มาจับแขน ดึงเธอกลับจากภวังค์ เป็นสัญญาณให้รีบไป เพราะใช้เวลาอยู่ที่นี่นานเกินเสียแล้วห้างสรรพสินค้าคือสถานที่ต่อไปซึ่งเขาพามา สรวิชญ์สั่งให้คนขับเลี้ยวรถไปยังห้างแรกที่เห็น เขาเอารถเข็นให้ ปล่อยปุณิกาเลือกซื้อเสื้อผ้าตามใจ โดยมีตัวเองเดินตามอยู่ไม่ห่าง แม้กระทั่งเข้าแผนกชุดชั้นใน“ไปที่อื่นก่อนได้ไหม ฉันขอซื้อของส่วนตัว”ปุณิกาหยุดรถอย่างเหลืออด หน้าหุ่นโชว์ใส่บราเซียร์ลูกไม้สีดำยั่วยวน“ฉันเป็นเจ้าของเงินนะ ขอดูด้วยสิว่าคุ้มหรือเปล่า”สรวิชญ์ชอบที่เธอกลับมาปีนเกลียวกับเขาได้เหมือนเดิม นี่แหละปุณิกาของเขา“ฉันไม่ต้องการความเห็นคุณ เพราะคนใส่คือฉัน”“แต่คนถอดก็เป็นฉันอยู่ดี”ชายหนุ่มแกล้งมองเธอตลอดร่าง แบบที่ปุณิ

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 30 ต้นเหตุอาการป่วย

    “ก็เหมือนที่นายทำกับสตางค์นั่นแหละ เอามิ้มเป็นเมีย”สรวิชญ์ตอบแบบหน้าตาเฉย อีกฝ่ายง้างหมัดเตรียมชกแล้ว หากไม่ได้ยินเสียงหนึ่งเสียก่อน“แม้วหยุดนะ!”ปุณิกาห้ามเขาด้วยเสียงจริงจัง“คุณก็ได้ด้วยคุณเต้ย หยุดยั่วแม้วเสียที”รถเข็นเธอชะงัก พนักงานเลิ่กลั่กรอดูเหตุการณ์“แต่มันทำพี่ท้องนะ”“พี่อาจมีปัญหาในช่องท้อง ไม่ได้มีเด็กก็ได้ อย่าตื่นตูมไป คุณคะ เข็นต่อไปเลย”ปุณิกาหลบสายตา หันบอกพนักงาน การเดินทางไปยังแผนกสูตินรีเวชจึงเริ่มต่อไป รถเข็นเธอไปจอดยังแถวเก้าอี้ที่นั่งรอหมอเรียกหญิงสาวประสานมือกันแน่นจนเห็นข้อขาว เธอคงไม่โชคร้าย ขนาดเจอแจ็คพอตติดกันซ้อน ๆ แบบนี้หรอก ตั้งแต่โดนลักพาตัว กลายเป็นว่าที่คุณป้า บ้านโดนไฟไหม้ และเหตุการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่นี่ ...เธออาจตั้งท้องเสียงพยาบาลเรียกชื่อ เป็นดังเสียงขาลให้ก้าวเข้าสู่ลานประหาร สรวิชญ์เข้ามาแย่งเข็นเธอไปยังห้องพบแพทย์“คุณปุณิกานะครับ”นายแพทย์สูงวัย ที่สวมแว่นสายตาเลื่อนมากลางดั้งจมูก มองประวัติเธอในจอคอมพิวเตอร์ แล้วยิ้มให้“ค่ะ”เธอรับคำด้วยเสียงอันแห้งผาก สายตาแลไปเห็นเก้าอี้ที่มีขาหยั่ง และจอมอนิเตอร์ข้างกัน“เรามาขึ้นขาหยั่งดูน้องกัน

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 29 อาการป่วยแทรกซ้อน

    ปุณิกามายืนอยู่ในสถานที่เดิมอีกแล้ว ณ ที่ท้องฟ้าสีฟ้าใส เมฆขาวเป็นปุยลอยละล่อง มีลมเย็นพัดประพรมผิว ใต้เท้าเป็นพื้นหญ้าเขียวสดนุ่มดังกำมะหยี่ไกลออกไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาแทบระดิน พ่อกับแม่ยืนเคียงกันอยู่ตรงนั้น เธอยิ้มแล้วเดินไปหา สงสัยนี่คงจะเป็นการมารับเธอไปอยู่ด้วยจริง ๆ บางทีปุณิกาอาจตายเสียแล้วในกองเพลิงอีกแค่เอื้อมก็จะถึงร่างบุคคลอันเป็นที่รัก แต่มีมือแข็ง ๆ สีทองแดงมายึดแขนเธอไว้เสียก่อน“ปล่อยนะ ฉันจะไปหาพ่อกับแม่”ปุณิกาขมวดคิ้วเอ็ดเขา ดูเอาเถิด แม้เป็นการขึ้นสวรรค์อันผาสุกสรวิชญ์ยังจะตามมาราวีเธอไม่เลิก“...อย่าไป”เสียงห้าวที่เปล่งออกมานั้นคือคำสั่งชัด ๆ ดวงตาสีรัตติกาลเข้มดุจ้องเขม็งมายังเธอ“ปล่อยสิ...คุณเต้ย”เขาได้ทุกอย่างไปจากเธอแล้ว ได้เอาคืนปุณณภพสมใจ แล้วเหตุใดยังมาเร้าหรือ ฉุดรั้งเธอไม่ให้ไป“พ่อคะแม่คะ”ปุณิกายื่นมือออกไป หวังให้ท่านช่วย มารดาส่ายหน้าแล้วส่งยิ้ม“ยังไม่ถึงเวลาของมิ้มหรอกจ้ะ...อยู่กับเขาก่อนนะ”“มิ้มไม่เอาเขานะคะ พ่อแม่...”เธอร้องสุดเสียง ร่างสรวิชญ์หมุนวนกลายเป็นจุดดำฉุดร่างเธอให้ม้วนเป็นเกลียว ดิ่งลึกสู่ห้วงมืดสนิทตาโตลืมตื่นขึ้นในท

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 28 ผู้หญิงที่ห่วงใย

    “ห่าเอ๊ย!”สรวิชญ์สบถแทบจะทุกสิบนาทีที่อยู่บนรถ ชายหนุ่มวิ่งแซงซ้ายปาดขวาด้วยใจร้อนรน มือถือวางไว้ตรงคอนโซลรถเปิดไลฟ์สดข่าวไฟไหม้ในซอยบ้านปุณิกาเกือบสองชั่วโมงแล้วผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพลิงยังไม่สงบ มีการสัมภาษณ์ผู้คนในซอย สรวิชญ์ภาวนาให้ตนได้ยินเสียงปุณิกาด้วยเถิดแต่คำอธิษฐานของคนไม่ศรัทธาในคุณพระคุณเจ้าอย่างเขาไม่ได้ผล เพราะคนที่นักข่าวไปสัมภาษณ์กี่คนต่อกี่คนก็ไม่ใช่เธอชายหนุ่มมองป้ายสีเขียวที่ตั้งโดดเด่น บอกว่ากำลังจะเข้าเขตกรุงเทพฯ แม้เป็นช่วงกลางคืนแต่รถในเมืองหลวงยังคลาคล่ำเขาต้องอดใจไม่กดแตรโวยวายใส่รถคันหน้า ตอนนั้นจำได้คร่าว ๆ ว่าบ้านปุณิกาต้องขึ้นทางด่วนไปเส้นไหนละวะ ปรกติเขาจำเส้นทางได้แม่น แต่ตอนนั้นไม่ได้ขับรถเอง และความโกรธก็บังตา ส่วนไอ้คนขับรถโน่น...เคล้าสุรานารีอยู่ซ่องเจ๊นวล ตัวเลือกเดียวคือเขาพอจะพึ่งได้ก็คือ“ครับ”คนรับสายรับแบบไม่มีงัวเงียสักนิดเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์เจ้านาย“มึงจำทางไปบ้านไอ้แม้วได้ไหม”วสันต์เป็นคนนั่งหน้าข้างคนขับในวันนั้น เขาจึงเป็นอีกหนึ่งคนที่น่าจะจำเส้นทางได้“ครับ...แขวงXXX เขตXXX ถนนXXX ซอยXXX บ้านเลขที่XXX หลังคาสีฟ้า”ลูกน้องความจำดี

  • ซาตานหัวใจพยศ   Chapter 27 เหตุร้าย

    ค่ำคืนนี้ปุณิกาจาม น้ำมูกไหล ศีรษะปวดจี๊ด ๆ จึงกินยาแก้ปวดไปสองเม็ด เธอโทษว่าอาจด้วยเพราะอากาศเปลี่ยน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาวอย่างเช่นเมื่อตอนกลางวัน แดดเปรี้ยงอยู่ดี ๆ ไม่ถึงยี่สิบนาทีฝนก็ตก ทำให้เธอและเพื่อนร่วมออฟฟิศที่เพิ่งกินข้าวกลางวันมา ต้องวิ่งฝ่าฝนโปรยเข้าออฟฟิศเพราะกลัวเข้างานช่วงบ่ายช้า นี่อาจเป็นเหตุเสริมความผิดปรกติของร่างกายในคืนนี้ปุณิกาเข้านอนตามปรกติ แล้วก็ต้องตื่นเพราะเสียงเอะอะรอบบ้าน เธอเปิดหน้าต่างออกดูเห็นคนวิ่งกรูมากลางซอย“ไฟไหม้ ๆ”เสียงตะโกนต่อเป็นทอด ๆ เรียกความสนใจให้เธอชะเง้อคอดูจากหน้าต่าง จมูกได้กลิ่นไหม้ฉุนรุนแรง ตาเห็นเปลวเพลิงสีแดงอมส้มเริงระบำตามกระแสลมโหมหญิงสาวรีบปิดหน้าต่างลงออกมาจากห้องทันที เมื่อถึงหน้าประตูบ้านก็พบว่ารถติดยาว ทั้งรถยนต์ ทั้งมอเตอร์ไซด์ ต่างคนต่างรีบพาพาหนะอันมีค่าหนีไปให้พ้นจากพระเพลิงที่กำลังโหม“โธ่เว้ย! ติดกันแน่นคับซอยอย่างนี้ รถดับเพลิงจะเข้าได้ยังไง”ผู้เฒ่าชายที่บ้านใกล้กับเธอบ่น“เห็นแก่ตัวกันจริง ๆ เดี๋ยวไฟก็ยิ่งไหม้ลามหมด”“บ่นอยู่นั่นแหละตาแก่ รีบหนีก่อนเร็ว ออกไปให้พ้นซอย รักษาชีวิตไว้ดีกว่า”เฒ่าหญิงบ้านเดียวกันรี

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status