6
ห้องแต่งตัว หัวใจเต้นระริก
“โอ๊ย! เหนื่อยจังโว๊ย” ฉันสบถออกมา หลังกลับมาถึงคอนโดก็แทบสลบคาโซฟา มันทั้งเหนื่อยล้าไปทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะอินไปกับบทที่ได้รับมากไปหน่อย
‘วันนี้เก่งมากครับ’
จู่ ๆ คำพูดที่พี่แทนพูดกับฉัน ก็วนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด จากใบหน้าบึ้งตึง เผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัวจนหยิบหมอนที่อยู่ใกล้มือมาปิดหน้าตัวเอง
“กรี้ด...เขาชมฉันด้วย ฉันชอบเขาจัง พี่เกย์สุดหล่อขา...” หัวใจฉันมันเต้นตุบตับ ยิ่งกว่าเข้าซีนกับพระเอกในละครที่เคยแสดงด้วยกันซะอีก
เอาเถอะ ฉันก็แค่หลงรักเขาข้างเดียว ยังไงซะ...เขาก็คงไม่หันมามองฉันหรอก แต่ถึงจะปลอบใจตัวเองขนาดนั้น หัวใจก็ไม่หยุดเต้นสักที
‘เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!’ ฉันตบหน้าตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติตัวเอง ก่อนจะลุกเดินไปอาบน้ำเพื่อเข้านอน
(วันรุ่งขึ้น)
วันนี้คิวถ่ายฉันมีซีนเดียวเท่านั้น ก็ตามที่บอกแม้ฉันจะเล่นเป็นบทนำร่วมแต่บทแม่วัยสาวของฉัน มันไม่ได้เด่นมากขนาดนั้น ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีค่ะ
ฉากในวันนี้ของฉันคือ รุ้งคุณแม่ยังสาว ต้องปกป้องลูกชายของตัวเองจากความจน และการโดนกดขี่จากคนรอบข้าง เสื้อผ้าที่ได้สวมใส่ก็เป็นผ้าฝ้ายสีซีด ต้องทำตัวให้ดูโทรมที่สุดเท่าที่จะโทรมได้
เห็นแบบนี้ ช่างแต่งหน้าเหนื่อยกับการแต่งให้ฉันมากนะ เพราะใบหน้าของฉันมันงดงามเกินไป กว่าจะแต่งให้ดูโทรมได้ พวกเขาก็ร้องโอดครวญว่ามันเป็นงานใหญ่งานยาก ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ พอดีเกิดมาสวยอ่ะค่ะ
“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก” เสียงหอบหายใจรัวระรินจากการถ่ายซีนวิ่งหนีเจ้าหนี้เสร็จ ก็เล่นทำเอาเหงื่อซึมเต็มตัว เสื้อผ้าเปียกแนบไปกับผิว ทำเอาฉันต้องรีบตรงกลับมายังห้องแต่งตัวของสถานที่ถ่ายทำ ซึ่งเป็นห้องเล็ก ๆ ที่มีผ้าม่านกั้นคร่าว ๆ เท่านั้นเอง เฮ้อ...ถ่ายนอกสถานที่ก็งี้แหละ
“เชี่ย! ซิปบ้านี่ ทำไมไม่ยอมเลื่อนลงอ่ะ” ฉันสบถกับตัวเองพลางสะบัดตัวเล็กน้อย หวังให้ซิปมันเลื่อนลงบ้าง แต่ไม่ทันได้ลองอีกรอบ เสียงทุ้มนุ่มคุ้นหูก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“ให้พี่ช่วยไหมครับ” ฉันสะดุ้งเฮือกหันขวับไปมองทันที
“พี่แทน! เข้ามาได้ยังไงคะ” เขายืนอยู่หน้าประตูห้องแต่งตัว ยกมือขึ้นเป็นเชิงขอโทษ
“ขอโทษครับ พี่เคาะประตูแล้วนะ แต่ดูเหมือนมิ้นจะไม่ได้ยินเสียงพี่รึเปล่า” ฉันเม้มปากแน่น รีบหันหลังกลับกลบเกลื่อนใบหน้าที่เริ่มแดงก่ำขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ไม่ดิ...การที่เขายังยืนอยู่ตรงนี้ มันทำให้ร่างกายฉันประหม่าแปลก ๆ แต่เขาดูไม่เขินอายอะไรเลย สมแล้วที่เขาเป็น...เอ่อ...แบบนั้น
“ซิปติดเหรอครับ”
“ค่ะ มิ้นพยายามดึงซิปด้านหลัง มันไม่ยอมลงเลย”
“ให้พี่ช่วยไหมครับ” เขาพูดออกมาด้วยเสียงเรียบราวกับไม่คิดอะไร แต่ฉันคิดนะสิ
“คะ? เอ่อ...มันจะรบกวนพี่ไปรึเปล่า”
“ไม่หรอกครับ มะ...เดี๋ยวพี่ช่วยรูดให้” เขาก้าวเข้ามาใกล้ฉันทีละก้าว ฉันรับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่ห่างเพียงนิด มืออุ่น ๆ ของเขาแตะเบา ๆ ที่ด้านหลัง ฉันเกร็งในทันที ที่นิ้วของเขาสัมผัสกับผิวกายที่เปลือยเปล่าบางส่วนเพราะชุดหลุดจากไหล่ของฉัน
“ขอโทษครับ” เขาเอ่ยขอโทษเพราะเห็นว่ามือตัวเองโดนผิวฉันแหง ๆ โห...สุภาพบุรุษ
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่แทนรีบรูดเลยก็ได้” โอ๊ย! ฉันตื่นเต้นจนพูดอะไรออกไปเนี่ย! รีบรูดอะไรกัน ทำเอาพี่แทนที่อยู่ด้านหลังหัวเราะเบา ๆ
“ใจเย็นครับ...ซิปมันค่อนข้างแน่น เดี๋ยวค่อย ๆ ดึงดีกว่า” ฉันรู้สึกได้ถึงแรงนิ้วของเขาเลื่อนช้า ๆ ไปตามแนวซิป ฉันแม่มปากแน่น รู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ แถมหัวใจก็เต้นแรงกลัวว่าเขาจะได้ยินเข้า พอซิปเลื่อนลงได้ ฉันก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่ง แต่ก็ยังไม่กล้าหันกลับไปมองหน้าเขา
“เรียบร้อยครับ” เขาพูดเสียงเรียบนิ่ง แล้วถอยออกไปหนึ่งก้าว
“ขอบคุณมากค่ะพี่แทน” ฉันพูดพลางคว้าเสื้อมาคลุมทันที พอหันกลับไป ก็เห็นเขายืนกอดอกยกยิ้มมุมปากเล็ก ๆ อย่างที่เขาชอบทำ
“พี่แทนขา ถึงมิ้นจะรู้ว่าพี่เป็นเกย์ คงไม่ชอบมิ้นหรอก แต่พี่เดินมาช่วยมิ้นรูดซิปหน้าตาเฉยแบบนี้ ช่วยแสดงออกว่าเขินให้กันหน่อยไม่ได้รึไงคะ ทำเอาความมั่นใจในความสวยของมิ้นหายไปหมด” ฉันพูดแหย่เขาเพื่อกลบเกลื่อนอาการเขินของตัวเอง พี่แทนเลิกคิ้วยิ้มกว้างนิดหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยตอบอะไรกลับมา
“หรือจริง ๆ แล้วพี่เคยช่วยผู้หญิงแต่งตัวบ่อย ๆ ใช่ไหมคะ” เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า
“เปล่าครับพี่ไม่เคยช่วยผู้หญิงคนไหนหรอก หนูเป็นคนแรกที่พี่ทำให้”
“จริงปะเนี่ย ฮ่า...” ฉันหัวเราะออกมา พลางหันไปมองกระจกเห็นใบหน้าตัวเองแดงแจ๋อย่างเห็นได้ชัด เขาเดินเข้ามาหาฉันอีกครั้ง เอื้อมหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วเช็ดเหงื่อข้างแก้มให้ฉันเบา ๆ ด้วยท่าทีสบาย ๆ แต่ฉันสิ...หัวใจแทบหยุดเต้นไปเลยนะเว้ย
มือของพี่แทน ทั้งใหญ่ทั้งนุ่ม สัมผัสนั้นทำให้ใจฉันแทบละลายตรงหน้า
“หนูตัวร้อนนะ อย่าลืมดื่มน้ำเยอะ ๆ ล่ะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะพี่” เขาไม่รู้ตัวรึไงที่ใบหน้าฉันร้อนแบบนี้เพราะเขาเนี่ย
ฉันรับผ้าขนหนูจากมือเขา ปลายนิ้วเราสัมผัสกันเพียงเสี้ยววิ แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกเหมือนโดนชอร์ตไฟฟ้าแสนโวลต์
ฉันเผลอจ้องมองนัยน์ตาของเขา แล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ฉันอ่านเขาไม่ออก ไม่ได้...ฉันต้องละสายตาจากเขา ก่อนที่จะหลงเขาไปมากกว่านี้ ท่องไว้ในใจ
‘เขาเป็นเกย์ เขาเป็นเกย์ เขาเป็นเกย์’
พี่แทนยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป จนประตูปิดลง ฉันทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ รู้สึกเหมือนเพิ่งรอดจากการเผชิญอารมณ์ที่ควบคุมแทบไม่อยู่
“อะไรกัน พลังทำลายรุนแรงเวอร์ เกือบตายแนะ” ฉันกุมหัวใจตัวเองที่มันยังเต้นตึกตักไม่หยุด จิตใจเริ่มล่องลอยไปไกล แต่สุดท้ายมือถือที่อยู่ในมือก็สั่น เพราะได้รับข้อความ นั่นจึงทำให้ฉันหลุดจากภวังค์เพ้อฝันนั้นได้
Tan : วันนี้ให้พี่ไปส่งหนูนะครับ
ข้อความจากพี่แทนส่งมาให้ฉัน ในขณะที่พี่กรีนเดินเข้ามาพอดี
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเหรอมิ้น ขอโทษทีที่มาช้าพี่วุ่นกับคนในกอง มีแต่คนคุยเรื่องคิวของมิ้นเยอะไปหมด”
“เอ๊ะ แต่คิวถ่ายมิ้นเรื่องนี้มันหมดแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“เขาเพิ่มบทมาให้นะสิ แถมยังเป็นฉากจูบด้วยนะ”
“ว่าไงนะพี่กรีน! ใครยัดฉากจูบนั่นให้ฉันกันคะ” ฉันตบโต๊ะดังลั่น สีหน้าแสดงออกถึงความไม่พอใจ
“คุณแทนนะสิ”
“พี่แทน?” สิ้นคำของพี่กรีน ฉันถึงกับหน้าเหวอด้วยความไม่เข้าใจ พี่แทนเนี่ยนะยัดบทจูบให้ฉัน
“ใช่ ผู้ช่วยเขาเพิ่งยื่นบทให้พี่สด ๆ ร้อน ๆ เลยนะ” พี่มิ้นยื่นบทนั้นมาให้ฉัน
เมื่อฉันเปิดอ่านดู บทส่วนที่เพิ่มเข้ามา ก็ยิ่งทำให้ฉันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ มันมีปากจูบจริง ๆ แถมยังแซ่บจนลืมโลกด้วย ทำเอาฉันมือไม้อ่อนวางบทไว้บทโต๊ะเครื่องแป้งด้วยใจที่ล่องลอยเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“มิ้น...มิ้น”
“คะ?” พี่กรีนเรียกฉันที่อยู่ในอาการเหม่อ
“กลับไปพักก่อนไหม ปะพี่ไปส่ง” ฉันพยักหน้าเล็กน้อย แต่ในขณะนั้นฉันก็นึกถึงข้อความของพี่ที่บอกจะไปส่งฉัน
“พี่กรีน วันนี้มิ้นขอกลับเองดีกว่าค่ะ”
“แต่มิ้นไม่ได้เอารถมานะ” พี่กรีนเลิกคิ้วมองฉัน
“เดี๋ยวมิ้นเรียกรถจากแอปได้ค่ะ พี่กรีนไม่ต้องเป็นห่วง มิ้นแค่มีที่อยากไปนิดหน่อย”
“แน่ใจนะ...ว่าไม่ให้พี่ไปส่ง อย่าเครียดมากล่ะ ถ้าบทนี้มิ้นไม่โอเค พี่จะกลับไปคุยกับทางคนเขียนบทให้”
“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวมิ้นขอไปอ่านทำความเข้าใจอีกหน่อย ถ้ามันไม่โอเคไม่ต้องให้ถึงมือพี่กรีนจัดการให้หรอกค่ะ”
“โอเค...มีอะไรอยากให้พี่ช่วยก็โทรหาพี่ล่ะ”
“ค่ะ” พี่กรีนเดินออกจากห้องไป ฉันหันไปจ้องมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง
“พี่แทนเนี่ยนะ ใส่ฉากจูบมาให้ฉัน เขาต้องการอะไรกันแน่” ฉันหยิบมือถือขึ้นมา ก่อนจะตอบข้อความพี่แทนไป
Mint : ได้ค่ะ หนูมีเรื่องจะคุยกับพี่แทนพอดี เจอกันที่รถพี่นะคะ