LOGINระหว่างเดินทาง ฉางเล่ยหันไปคุยกับทหารที่อยู่หลังรถจนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันทั้งหมด ซูเมี่ยวจินปกติไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า เธอจึงฟังสิ่งที่สามีคุยกับพวกเขาเท่านั้น
“พวกคุณย้ายที่ประจำการกันหรอกเหรอครับ แล้วทำไมถึงได้ถูกดักทำร้ายล่ะครับ”
“คนพวกนั้นน่าจะเป็นโจรที่ประจำอยู่เส้นทางนี้น่ะครับ พวกเราก็ไม่คิดว่าจะถูกปล้นทั้งที่ยังสวมเครื่องแบบอยู่” ฟู่จือหยางตอบ
“น่ากลัวมากเลยนะครับ ดีที่ผมกับภรรยาไม่ได้พบพวกมันก่อน ไม่อย่างนั้นคงลำบากกว่าพวกคุณมากแน่” ฉางเล่ยพูดคุยอย่างเป็นกันเอง
“สามี ข้างหน้าน่าจะเป็นเมืองเหยียนซานแล้ว เราจะได้แวะหาอะไรกินกันก่อน”
“ครับ คุณขับหาร้านอาหารก่อนเลย ตอนนี้ยังไม่สายมากนัก โชคดีที่เรามาถึงเร็ว”
“ตกลงค่ะ” ซูเมี่ยวจินรับคำแล้วสอดส่ายสายตามองหาร้านอาหารในเมือง
ไม่ถึง 15 นาที ซูเมี่ยวจินก็จอดรถข้างถนนหน้าร้านอาหารร้านหนึ่ง ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงเช้าเท่านั้น คนในร้านจึงไม่มี น่าจะเพราะคนในเมืองไปทำงานกันหมดแล้วจึงไม่มีคนอยู่ในร้าน
“สามี คุณพาพวกเขาลงไปสั่งอาหารก่อนเถอะค่ะ ฉันจะปิดรถให้ดีแล้วตามไป”
“ได้ครับ คุณรีบมานะ” ฉางเล่ยลงจากรถไปเรียกสหายใหม่ทั้งสามคนเข้าร้านอาหารไปด้วยกัน
“ขอบคุณสหายฉางที่ไม่ลืมพวกเรานะครับ” โจวอู่หมิงเดินข้างกันกับฉางเล่ยเอ่ย
“คุณไม่ต้องขอบคุณหรอกนะครับ พวกคุณเป็นเจ้าหน้าที่รับใช้ชาติ ผมเป็นพลเมืองธรรมดา ๆ มีอะไรช่วยได้ ผมกับภรรยาก็พร้อมที่จะช่วยพวกคุณครับ”
ซูเมี่ยวจินตรวจสอบว่ากระเป๋าถูกซ่อนเอาไว้ใต้คอนโซลรถดีแล้วจึงล็อกรถให้ดีแล้วรีบตามสามีเข้าไปในร้าน
“ภรรยา ทางนี้ครับ” ฉางเล่ยโบกมือเรียกซูเมี่ยวจินให้มานั่งข้างเขา
ซูเมี่ยวจินเพียงแต่พยักหน้ารับคำฉางเล่ยและเดินไปนั่งลงอย่างเงียบ ๆ สามคนที่ร่วมโต๊ะด้วยต่างกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นหน้าตาของผู้หญิงที่ช่วยพวกเขาเอาไว้เมื่อคืนนี้ชัด ๆ พวกเขาไม่คิดว่าผู้หญิงน้ำเสียงเย็นชาและสายตาเย็นชาจะสวยจัดเสียขนาดนี้ อีกทั้งเธอยังดูเย็นชากับพวกเขาไม่เปลี่ยนเลยสักนิด ทั้งที่พวกเขาเริ่มสนิทกับสามีของเธอแล้วแท้ ๆ
“ภรรยา คุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมครับ ผมสั่งแค่อาหารทั่วไปมาสี่อย่างเอง”
“ไม่มีค่ะ กินแค่นี้ก็พอแล้ว คุณอย่าลืมสั่งอาหารใส่กล่องไว้ด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจะไปถึงไคหยวน” ซูเมี่ยวจินไม่สามารถรู้ได้ว่าเส้นทางหลังจากนี้จะลำบากมากแค่ไหนกว่าจะไปถึงเมืองถัดไป
“ตกลงครับ ผมจะสั่งเผื่อเอาไว้มากสักหน่อย กินข้าวเสร็จเราวนหาร้านขายของชำสักหน่อยดีไหมครับ จะได้ซื้อเสบียงไว้ในรถด้วย”
“ได้ค่ะ วันนี้ฉันจะขับรถเองนะคะจะได้เร็วหน่อย” ซูเมี่ยวจินรู้ดีว่าฉางเล่ยขับรถช้ามากแค่ไหน เพราะเขายังไม่ชำนาญจึงไม่กล้าขับเร็วเกินไปนัก
ฉางเล่ยพยักหน้ายิ้มรับคำภรรยา คราวนี้เขาก็สามารถป้อนอาหารให้เธอระหว่างเดินทางได้แล้ว
ทหารทั้งสามมองสองสามีภรรยาที่คุยกันอยู่ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ พวกเขาต่างยอมรับนับถือฉางเล่ยที่สามารถยิ้มออกมาได้ทั้งที่ภรรยาตัวเองมีสีหน้านิ่งเรียบแบบนี้ หากเป็นพวกเขา ป่านนี้คงหน้าเจื่อนไปนานแล้ว
อาหารมื้อนี้โจวอู่หมิงเป็นคนจ่ายเพื่อตอบแทนน้ำใจที่ซูเมี่ยวจินช่วยเหลือพวกเขาเมื่อคืนนี้ ซูเมี่ยวจินเพียงแต่พยักหน้ารับคำและให้ฉางเล่ยยกอาหารที่สั่งเพิ่มไปไว้ที่หลังรถ จากนั้นเธอขึ้นนั่งประจำตำแหน่งคนขับแล้วขับวนหาร้านขายของชำ ครั้งนี้ซูเมี่ยวจินให้ทหารทั้งสามนายรออยู่บนรถ ส่วนเธอเดินลงไปเลือกซื้อของมากมายมาไว้เป็นเสบียงให้กับทุกคนแทน ฉางเล่ยลงไปช่วยถือของอีกแรงหนึ่ง
“ของพวกนี้ถ้าหิวก็กินได้เลยนะครับ พวกเราแบ่งเอาไว้หน้ารถแล้ว” ฉางเล่ยบอก
“ขอบคุณมากครับ” ทั้งสามรับของมาพร้อมรอยยิ้ม
ซูเมี่ยวจินขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับแล้วขับออกไปเมื่อฉางเล่ยกลับมาขึ้นนั่งข้างกายเธอ ซูเมี่ยวจินขับรถไปที่ปั๊มน้ำมันซึ่งอยู่ใกล้กับประตูทางออกไปยังเมืองไคหยวน เรื่องนี้เป็นเธอที่ถามเจ้าของร้านขายของชำ ซูเมี่ยวจินคาดว่าหากเส้นทางบนถนนไม่มีปัญหา เธออาจขับตรงไปถึงเมืองเถิงซงได้ภายในวันนี้ เพียงแต่ซูเมี่ยวจินก็ยังคงต้องเผื่อใจเอาไว้สักหน่อย หากดึกแล้วยังไม่ถึงก็ต้องจอดพักก่อนอีกครั้ง
ทหารที่นั่งกันอยู่ท้ายกระบะไม่รู้สึกร้อนเลยสักนิด ทั้งที่ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว นั่นเพราะลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศหน้ารถที่เป่ามายังด้านหลัง ทำให้พวกเขารู้สึกสบายกว่าการนั่งรถทหารที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศก่อนหน้านี้เสียอีก ทั้งสามยังคงนั่งเล่าเรื่องภารกิจให้ฉางเล่ยฟังตามที่เขาถาม แต่ภารกิจที่เป็นความลับนั้น ไม่มีใครเอ่ยออกมาแม้แต่คำเดียว
เส้นทางจากเหยียนซานไปไคหยวนทุรกันดารกว่าที่ผ่านมาเสียอีก ทำให้ซูเมี่ยวจินต้องขับอย่างระมัดระวัง ไม่อย่างนั้นคงเกิดอุบัติเหตุจากเส้นทางอันคดเคี้ยวในแถบภูเขาเป็นแน่ ฉางเล่ยที่เห็นเส้นทางอันตรายหลายครั้งก็ได้แต่คอยภาวนาให้ภรรยาขับช้า ๆ สักหน่อย หากเขาเป็นคนขับ เขาคิดว่าการเดินทางคงช้ากว่าที่ภรรยาของเขาขับมากถึงสามเท่าเลยทีเดียว
ทหารทั้งสามคนด้านหลังเองก็คอยลุ้นไปด้วยเช่นเดียวกัน พวกเขาถึงแม้จะพอรู้ว่าภูมิประเทศและเส้นทางไปยังเมืองชายแดนนั้นอันตราย แต่ก็ไม่คิดว่าจะน่ากลัวมากถึงขนาดนี้
3 ชั่วโมงต่อมา ในที่สุดซูเมี่ยวจินก็หลุดจากเส้นทางอันตรายมาได้เสียที ทำเอาคนในรถทั้งหมดได้แต่ทอดถอนหายใจกับฝีมือการขับรถของซูเมี่ยวจิน หากเป็นพวกเขาคนใดคนหนึ่งเป็นคนขับก็คงใช้เวลามากกว่า 5 ชั่วโมงกว่าจะออกจากถนนสุดอันตรายเส้นนี้ได้
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ซูเมี่ยวจินก็พาทุกคนไปถึงเมืองไคหยวน เธอจอดแวะให้ทุกคนได้ลงมายืดเส้นยืดสายและกินอาหารนานถึงหนึ่งชั่วโมง จากนั้นเธอจึงแวะเติมน้ำมันที่ประตูทางออกของเมืองไคหยวนเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองเถิงซง ตอนนี้ถึงแม้จะเริ่มเข้าสู่ช่วงเย็น แต่ซูเมี่ยวจินก็ไม่คิดจะหยุดพักอีก เธออยากรีบไปถึงเมืองเถิงซงและหาโรงแรมพักผ่อนให้ดี ๆ หลังจากต้องนั่งในรถมานาน
ก่อนขึ้นรถ ทุกคนต่างเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวและล้างหน้าล้างตาเพื่อเพิ่มความสดชื่น จากนั้นการเดินทางจึงเกิดขึ้นอีกครั้งทันที และยังคงเป็นซูเมี่ยวจินที่ขับรถพาทุกคนตรงไปยังเมืองเถิงซง
ก่อนหน้านี้โจวอู่หมิงได้โทรศัพท์ไปบอกคนในหน่วยใกล้กับบริเวณที่รถของพวกเขาจอดอยู่ให้นำรถไปซ่อมและส่งกลับหน่วย เขาไม่ได้บอกสาเหตุเพราะมีพนักงานของปั๊มน้ำมันนั่งฟังอยู่ด้วย โจวอู่หมิงบอกเพียงให้รีบไปนำรถกลับแล้วพวกเขาจะรู้เองว่าทำไมจึงต้องให้นำรถกลับไป เขายังส่งข่าวบอกหน่วยใหม่ที่เมืองเถิงซงด้วยว่าจะไปถึงล่าช้ากว่ากำหนดเพราะอุบัติเหตุ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะต้องถูกลงโทษตามกฎทหารที่เดินทางล่าช้า
ความจริงก่อนหน้านี้ฟู่จือหยางอาสาขับรถให้ซูเมี่ยวจิน เพียงแต่เธอไม่อยากให้การเดินทางช้ามากเกินไปจึงขับเองเหมือนเดิม โชคดีที่เส้นทางจากไคหยวนไปยังเถิงซงนี้ดีกว่าถนนที่ผ่านมานิดหน่อย ซูเมี่ยวจินจึงใช้ความเร็วรถได้มากกว่าเส้นทางภูเขาก่อนหน้านี้
5 ชั่วโมงต่อมา ซูเมี่ยวจินก็เห็นประตูเมืองเถิงซงเสียที เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ถึงแม้เธอจะต้องขับรถนานถึง 10 ชั่วโมงและมาถึงเมืองดึกมากแล้วก็ตามที
“พวกคุณจะให้ฉันไปส่งที่ค่ายทหารนอกเมืองเลยไหม” ซูเมี่ยวจินถาม
“ไม่เป็นไรครับ พวกเราจะพักในเมืองก่อนแล้วค่อยให้ทหารที่ค่ายมารับครับ” โจวอู่หมิงตัดสินใจพักในเมืองก่อนสักคืน ยังไงตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว หากกลับไปที่ค่ายตอนนี้ก็คงวุ่นวายกันไม่น้อย เขาจึงเลือกจะพาลูกน้องพักก่อน
“หยกของคุณทั้งหมดผมรับซื้อในราคาห้าแสนหยวน ไม่ทราบพวกคุณคิดยังไงครับ”ผู้จัดการเถาปาดเหงื่อที่ไหลซึมออกมา เขาไม่รู้ว่าลูกค้าทั้งสองจะทราบไหมว่าหยกแก้วทั้งสองก้อนใหญ่นั้นหากนำไปประมูลแล้วมูลค่าของมันจะสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียวเชียวนะซูเมี่ยวจินคิดอยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจากเธอไม่ทราบราคาในการประมูลหยกล้ำค่าแต่แรก เมื่อหันไปมองสามีที่ตอนนี้อ้าปากค้างไปเสียแล้ว ซูเมี่ยวจินจึงได้แต่ต้องพยักหน้ารับคำผู้จัดการเถาว่าเธอรับราคานี้ได้“รบกวนพวกคุณรอที่นี่สักครู่นะครับ ผมจะไปจัดการนำเงินเข้าไว้ในบัตรให้คุณ”“ตกลงค่ะ” ซูเมี่ยวจินกล่าวด้วยใบหน้านิ่งเรียบเหมือนปกติ เธอไม่ได้สนใจว่าร้านจะจ่ายเงินให้พวกเธอยังไงแต่แรก เมื่อได้ยินว่าผู้จัดการสามารถนำเงินเข้าบัตรกดเงินได้ก็ทำให้เธอโล่งใจไม่น้อย นับว่าเมืองเถิงซงนี้ก้าวหน้ามากกว่าเมืองเจิ้งไห่ที่สามารถนำเงินโอนเข้าในบัตรกดเงินได้ฉางเล่ยหลังจากตกตะลึงอยู่พักใหญ่ เมื
ซูเมี่ยวจินชี้บอกหินที่เธอต้องการให้สามีหยิบให้ หินในกองนี้ราคาไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันหยวน เธอจึงให้เขาหยิบมาเพียงสามก้อน เพราะกลัวว่าเงินที่นำมาจะไม่พอ“ภรรยา พอแล้วเหรอครับ” ฉางเล่ยที่หยิบหินใส่รถเข็นถามขึ้น“พอก่อนดีกว่าค่ะ ให้ร้านคิดเงินแล้วผ่าหินดูกันเถอะ” ซูเมี่ยวจินทั้งที่รู้ว่าหินก้อนใหญ่ทั้งสามนั้นเป็นหยกคุณภาพดีทั้งหมดบอกสามี“ตกลงครับ พี่ชาย ช่วยคิดเงินแล้วเอาหินไปผ่าให้ด้วยครับ” ฉางเล่ยหันไปบอกพนักงานที่ยืนรออยู่ห่างออกไปนิดหน่อย“เชิญมาคิดเงินกับผมทางนี้เลยครับ” พนักงานผายมือเชิญพวกเขาไปยังโต๊ะคิดเงินที่อยู่ไม่ไกลนักซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยที่เข็นรถอยู่ตามไปติด ๆ ดีที่ร้านนี้ไม่มีคนเข้ามาอีก พวกเขาจึงไม่ต้องรอคิวให้เสียเวลา“หินก้อนเล็กทั้งหมดห้าก้อน ราคา 800 หยวนครับ ส่วนก้อนใหญ่สามก้อนนั้นราคา 4,000 หยวนครับ” พนักงานคิดเงินตามขนาดข
“ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกคุณโจวจะเป็นยังไงบ้างนะครับ” ฉางเล่ยพูดระหว่างที่กำลังกินอาหารที่สั่งไปก่อนหน้านี้ พวกเขาตื่นสายจนไม่ได้ออกมาส่งทหารพวกนั้น“พวกเขาคงกลับไปทำหน้าที่แล้วล่ะค่ะ คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก”“ผมเห็นพวกเขาแล้วก็อยากเป็นทหารอย่างพวกเขาบ้าง สวัสดิการทหารดีมากจริง ๆ ผมจะได้ปกป้องคุณกับครอบครัวได้ด้วย” ฉางเล่ยเอ่ย“แต่ฉันไม่อยากให้คุณลำบากนะคะ เราไม่มีเส้นสาย ถ้าคุณสมัครเป็นทหาร กว่าตำแหน่งของคุณจะก้าวหน้าก็คงอีกหลายสิบปีเลยล่ะ” ซูเมี่ยวจินส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย เธอไม่คิดว่าอาชีพทหารจะเหมาะกับสามีเธอ แล้วเธอก็ไม่อยากให้เขาต้องไปเสี่ยงอันตรายในหน้าที่การงานแบบนี้“คุณคิดอย่างนั้นเหรอครับ” ฉางเล่ยเอ่ยอย่างเสียดายที่ภรรยาไม่อยากให้เขาเป็นทหาร“หรือคุณอยากทิ้งฉันกับครอบครัวไปล่ะคะ” ซูเมี่ยวจินตัดสินใจพูดเรื่องสำคัญ หากเขาสมัครทหารก็จะต้องไปพักอยู่ที่ค
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะวนรถหาโรงแรมสักแห่งนะคะ” ซูเมี่ยวจินบอก“ขอบคุณมากครับ” ทั้งสามที่อยู่หลังรถรีบเอ่ยขึ้นพร้อมกัน เขาไม่คิดว่าผู้หญิงเย็นชาคนนี้ที่จริงก็ไม่ได้ใจร้ายใจดำอะไร ไม่แปลกใจที่สามีเธออย่างฉางเล่ยจะภูมิใจที่มีซูเมี่ยวจินเป็นภรรยา เพราะหลายครั้งที่คุยกัน ฉางเล่ยมักจะอวยความเก่งกาจของภรรยาเขาให้ทั้งสามฟังอย่างไม่อายเลยสักนิดซูเมี่ยวจินขับรถวนหาโรงแรมไม่นานก็พบกับโรงแรมเอกชนแห่งหนึ่ง เธอไม่รอช้าที่จะจอดรถด้านหน้าแล้วให้สามีไปสอบถามเรื่องการเปิดห้องพักสักหลายวันทันที ซูเมี่ยวจินคิดว่าจะอยู่ที่โรงแรมนี้จนกว่าการพนันหินเสร็จสิ้นลง ด้านโจวอู่หมิงกับลูกน้องก็สะพายกระเป๋าลงไปพร้อมฉางเล่ยด้วยเช่นกันฉางเล่ยไปสอบถามไม่นานก็เดินกลับมาที่รถแล้วบอกรายละเอียดกับซูเมี่ยวจินเรื่องห้องพักของโรงแรมแห่งนี้“ภรรยาครับ ราคาห้องพักธรรมดาคืนละ 30 หยวน ห้องพิเศษคืนละ 50 หยวน คุณจะให้ผมจองห้องพักแบบไหนดีครับ แล้วเราจะพักกันสักกี่วัน”
ระหว่างเดินทาง ฉางเล่ยหันไปคุยกับทหารที่อยู่หลังรถจนรู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันทั้งหมด ซูเมี่ยวจินปกติไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า เธอจึงฟังสิ่งที่สามีคุยกับพวกเขาเท่านั้น“พวกคุณย้ายที่ประจำการกันหรอกเหรอครับ แล้วทำไมถึงได้ถูกดักทำร้ายล่ะครับ”“คนพวกนั้นน่าจะเป็นโจรที่ประจำอยู่เส้นทางนี้น่ะครับ พวกเราก็ไม่คิดว่าจะถูกปล้นทั้งที่ยังสวมเครื่องแบบอยู่” ฟู่จือหยางตอบ“น่ากลัวมากเลยนะครับ ดีที่ผมกับภรรยาไม่ได้พบพวกมันก่อน ไม่อย่างนั้นคงลำบากกว่าพวกคุณมากแน่” ฉางเล่ยพูดคุยอย่างเป็นกันเอง“สามี ข้างหน้าน่าจะเป็นเมืองเหยียนซานแล้ว เราจะได้แวะหาอะไรกินกันก่อน”“ครับ คุณขับหาร้านอาหารก่อนเลย ตอนนี้ยังไม่สายมากนัก โชคดีที่เรามาถึงเร็ว”“ตกลงค่ะ” ซูเมี่ยวจินรับคำแล้วสอดส่ายสายตามองหาร้านอาหารในเมืองไม่ถึง 15 นาที ซูเม
โจวอู่หมิงหันไปพยักหน้าให้ลูกน้องทั้งสองคนออกไปจากที่ซ่อนเพื่อดูว่าผู้หญิงที่มาช่วยพวกเขาไว้นั้นหน้าตาเป็นยังไง“คุณช่วยพวกเราได้ยังไงครับ” โจวอู่หมิงที่เดินออกมาถามหญิงสาวร่างสูงโปร่งแต่สายตาของเธอช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน“ใช่ ๆ ทำไมพวกเราไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้เลยล่ะครับ” ฟู่จือหยางรีบถามต่อ“พวกคุณมีรถกันหรือเปล่า?” ซูเมี่ยวจินไม่สนใจตอบกลับคนแปลกหน้า เรื่องการต่อสู้ของเธอ เธอไม่อยากให้พวกเขารู้มากนัก“รถพวกเราถูกยิงพังหมดแล้วครับ แต่สัมภาระยังอยู่ในรถห่างจากตรงนี้ประมาณห้ากิโลเมตรครับ” ซ่งเซียวตอบ“ถ้าอย่างนั้นไปพักที่รถฉันก่อน ตามมา” น้ำเสียงเย็นชาของซูเมี่ยวจิน ทำให้ทั้งสามไม่กล้าถามเรื่องก่อนหน้านี้อีกระหว่างเดินออกจากป่า ทั้งสามคนมองเห็นศพคนร้ายนอนคว่ำหน้าอยู่คนหนึ่ง ที่ด้านหลังมีรูเจาะทะลุเข้าไปตรงตำแหน่งหัวใจ พวกเขาเพิ่งเห็นว่าใน






