Share

ข่าวลือ

Penulis: 橙花
last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-07 08:08:59

10วันต่อมา

ซูเมี่ยวจินอยู่รักษาตัวที่บ้านตระกูลฉางจนหายดีแล้ว เธอช่วยงานในบ้านหลายอย่างระหว่างรักษาตัว ทำให้ทุกคนในครอบครัวต่างก็ชอบเธอกันทั้งนั้น คนในหมู่บ้านหลายคนเคยแวะเวียนมาแอบดูซูเมี่ยวจิน แต่เธอไม่เคยสนใจมองหรือทำความรู้จักคนเหล่านั้น จนชาวบ้านไม่กล้ามายุ่งกับเธออีกเมื่อเห็นสายตาเย็นชาและไม่เป็นมิตรจากเธอ

ค่ำวันนั้นหลังจากทุกคนกลับมาจากทำงานและไปโรงเรียน ซูเมี่ยวจินที่ยังไม่ง่วงช่วยล้างถ้วยชามกับฉางเล่ยในห้องครัว ระหว่างที่พวกเขากำลังล้างอยู่ เสียงของพ่อแม่ฉางก็ดังออกมาอย่างกังวล

“พ่อ ชาวบ้านเริ่มพูดกันหนาหูเรื่องเมี่ยวจินแล้วนะ เราจะทำยังไงกันดี”

“เฮ้อ! แล้วแม่จะให้ทำยังไงเล่า ในเมื่อแม่หนูเมี่ยวจินก็ไม่มีที่ไปแถมยังไม่มีครอบครัวอีก เราจะปล่อยให้เธอออกไปตกระกำลำบากเพราะขี้ปากชาวบ้านอย่างนั้นหรือ ถ้าเราทำแบบนั้นจะไม่รู้สึกผิดหรือไง”

“พ่อ แม่ อย่าไล่พี่เมี่ยวจินออกไปเลยนะคะ แค่คำพูดยายแก่พวกนั้นที่ชอบสอดรู้สอดเห็น พวกเราไม่จำเป็นต้องใส่ใจก็ได้นี่คะ”

“ไม่ได้หรอกเซียงจู ชื่อเสียงของผู้หญิงสำคัญนะ ตอนนี้ในหมู่บ้านคิดกันไปว่าเราจะให้เมี่ยวจินมาเป็นสะใภ้กันหมด แถมยังดูถูกพวกเราว่าไม่คิดจะเสียค่าสินสอดแต่กักขังคนเอาไว้ในบ้านอีก เรื่องนี้เราต้องคุยกับเมี่ยวจินดี ๆ ว่าจะแก้ปัญหายังไง”

ฉางเล่ยหันมองซูเมี่ยวจินที่ดูจะไม่สนใจเรื่องที่ครอบครัวของเขาคุยกันเลย ความจริงเขาก็สงสารเธอที่ต้องมาตกเป็นหัวข้อสนทนาของชาวบ้านแทบทุกวัน เพียงแต่เขาเองก็ไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้ ครั้นจะให้เธอออกไปจากบ้าน เธอก็ไม่รู้จะไปที่ไหนต่อ พวกเขาจึงรับเธอเอาไว้ อย่างน้อยเธอก็ปลอดภัยที่บ้านของพวกเขา

“คุณมองฉันทำไมกันฉางเล่ย” ซูเมี่ยวจินก้มหน้าล้างถ้วยโดยไม่หันมอง เธอรู้สึกได้ว่าเขากำลังมองเธออยู่จึงถามขึ้น

“คุณไม่สนใจเลยเหรอว่าชื่อเสียงจะเสียไปเพราะผมน่ะ” ฉางเล่ยถามอย่างกังวล

“ฉันจะสนใจทำไมกัน คุณก็รู้ว่าฉันไม่มีที่ไป หรือคุณจะใจร้ายไล่ฉัน” ซูเมี่ยวจินเงยหน้าหันไปมองชายร่างใหญ่ที่ดูแลเธออย่างดีมาตลอดหลายวัน

“ผมจะไล่คุณไปได้ยังไงกัน เพียงแต่เป็นห่วงความรู้สึกของคุณต่างหากที่ถูกชาวบ้านเอาไปนินทากันสนุกปาก” ฉางเล่ยอธิบายอย่างใจเย็น

“พวกเขานินทาก็นินทาไปสิ อย่างมากเราก็แต่งงานกันเสียก็สิ้นเรื่อง พวกเขาจะได้เลิกพูดว่าพวกคุณขังฉันเอาไว้เสียที” ซูเมี่ยวจินเอ่ยทีเล่นทีจริง แต่ฉางเล่ยกลับตกใจจนเกือบทำชามหล่นจากมือ

“เอ่อ… คุณอย่าพูดเล่นแบบนี้สิ” ฉางเล่ยหน้าขึ้นสีด้วยความเขินอาย ใช่ว่าเขาไม่ชอบเธอเสียหน่อย เพียงแต่เขาไม่กล้าพูดเรื่องนี้เท่านั้นเอง

“ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ ฉางเล่ย คุณเป็นคนดีและยังช่วยชีวิตฉันเอาไว้อีก ถึงฉันจะแต่งงานกับคุณจริง ๆ มันก็ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหายนี่นา หรือว่าคุณรังเกียจที่ฉันเป็นเด็กกำพร้ากันล่ะ” ซูเมี่ยวจินพูดอย่างจริงจังอีกครั้ง เพราะระบบบ้านั่นกำลังบ่นเธอว่าชักช้าอย่างกับเต่าคลานเรื่องแต่งงาน

“ไม่ ไม่ ผมไม่เคยรังเกียจคุณ เพียงแต่คุณก็รู้ว่าบ้านผมยากจน ผมไม่อยากทำให้คุณต้องลำบากไปด้วย” ฉางเล่ยเอ่ยอย่างพาซื่อ

“ฉันไม่เห็นจะลำบากสักหน่อย หลายวันมานี้พวกคุณดูแลฉันอย่างดีมาตลอด”

ฉางเล่ยคิดตามที่ซูเมี่ยวจินพูดแล้วก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ เขาใช่ว่าจะไม่ดีใจที่เธอพูดเรื่องแต่งงานขึ้นมา แต่ตอนนี้ที่บ้านไม่ได้มีเงินมากขนาดจะจัดงานแต่งงานดี ๆ ให้กับเธอได้ ฉางเล่ยจึงไม่กล้าเอ่ยปากขอเธอแต่งงาน

ซูเมี่ยวจินเห็นว่าเขาเงียบไป เธอขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัยว่าทำไมผู้ชายซื่อบื้อนี่ถึงไม่ตอบรับและขอเธอแต่งงานเสียที ทั้งที่เธอก็พูดมาขนาดนี้แล้ว

ไม่นานนักทั้งสองคนก็เก็บถ้วยชามที่เช็ดแล้วเข้าที่ จากนั้นจึงเดินออกไปที่โต๊ะกลางบ้าน ซึ่งตอนนี้ทุกคนยังคงนั่งคุยกันอย่างเคร่งเครียดถึงเรื่องของซูเมี่ยวจิน

“เมี่ยวจิน มานั่งตรงนี้สิลูก” หลิวเอ้อหลิงกวักมือเรียกอย่างสนิทสนม

“ค่ะคุณป้า พวกคุณป้ามีอะไรอยากคุยกับหนูหรือเปล่าคะ”

“อืม… ในหมู่บ้านหาว่าพวกเราขังหนูเอาไว้เพื่อเป็นสะใภ้น่ะ ป้าเห็นว่าเรื่องนี้ทำให้ชื่อเสียงของเมี่ยวจินเสียหาย ป้าเลยอยากถามความเห็นของหนูว่าอยากให้พวกป้าทำยังไงกับเรื่องนี้ดี เมี่ยวจินก็รู้ว่าบ้านเราเป็นยังไง ถึงเราจะไม่สนใจคำพูดพวกเขา แต่ก็ยากที่จะเงยหน้าสู้สายตาคนอื่นได้” หลิวเอ้อหลิงทอดถอนหายใจยาว

“ทุกคนไม่ต้องสนใจคำพูดพวกเขาหรอกนะคะ อีกอย่าง หนูเต็มใจที่จะแต่งงานกับฉางเล่ย ถ้าหากว่าพวกคุณไม่รังเกียจ” ซูเมี่ยวจินเอ่ยอย่างจริงจัง เธอรอให้ฉางเล่ยขอเธอแต่งงานไม่ไหวแล้ว เรื่องนี้เธอเลยพูดออกมาเองจะดีกว่า พวกชาวบ้านจะได้เลิกนินทาครอบครัวฉางเสียที

“เมี่ยวจินแน่ใจเหรอว่าจะแต่งงานกับฉางเล่ยจริง ๆ หนูก็เห็นสภาพบ้านพวกเราแล้ว เรากลัวว่าหนูจะต้องลำบาก” ฉางชิงหยูเอ่ยอย่างไม่มั่นใจนัก

“แน่ใจค่ะคุณลุง ทุกคนไม่ต้องกังวลว่าหนูจะลำบากหรอกนะคะ ตั้งแต่ได้รับการดูแลจากพวกคุณ หนูก็ไม่ได้ลำบากอะไรสักหน่อย” ซูเมี่ยวจินยิ้มบางตอบ

“แต่เราไม่มีเงินสินสอดมากมายมอบให้หนูนะ เงินแต่งงานก็คงต้องใช้เวลาหาอีกสักพักใหญ่เลยล่ะ” หลิวเอ้อหลิงบอกเหตุผลที่พวกเขาลำบากใจไปตรง ๆ

“เรื่องเงินสินสอดไม่จำเป็นสำหรับหนูหรอกนะคะ ขอแค่ทุกคนไม่รังเกียจที่หลังจากนี้ต้องรับหนูเข้ามาอยู่ในบ้านก็พอแล้วล่ะค่ะ ส่วนเรื่องงานแต่งงาน หนูจะช่วยฉางเล่ยเข้าป่าล่าสัตว์เพื่อหาเงินเอง ในเมื่อหนูหายดีแล้วก็ไม่ควรอยู่เฉย ๆ”

ครอบครัวฉางทั้งสี่หันมองกันไปมา เมื่อคิดกันอยู่สักพัก พวกเขาก็พยักหน้าตกลงเรื่องแต่งงานของฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจิน

“ถ้าหากเมี่ยวจินอยากทำแบบนั้นก็ได้ ขอบคุณมากนะที่ไม่รังเกียจบ้านฉางเรา”

“คุณป้าอย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ หนูจะรังเกียจพวกคุณได้ยังไงกัน”

ทั้งสี่คนพูดคุยกันต่อถึงเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการแต่งงานอีกเล็กน้อย กระทั่งฉางเล่ยนึกได้ว่าซูเมี่ยวจินยังไม่มีเอกสารส่วนตัว เพราะเธอบอกเขาว่ามันหายไปตอนที่เธอบาดเจ็บหมดแล้ว

“เรื่องเอกสารของเมี่ยวจิน พ่อจะลองไปถามผู้ใหญ่บ้านดูให้นะ”

“ขอบคุณคุณลุงมากค่ะ หนูก็ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย” ซูเมี่ยวจินยิ้มบางให้ทุกคน

“ไม่ต้องกังวลนะ ผู้ใหญ่บ้านรู้ดีว่าเราช่วยหนูมาตั้งแต่แรก เขาคอยถามอาการป่วยของเมี่ยวจินอยู่เสมอ ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนดีมากเลยล่ะ” หลิวเอ้อหลิงอธิบาย

“ทราบแล้วค่ะ ตอนนี้ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ทุกคนยังต้องไปทำงานกันอีก เราพักผ่อนกันก่อนดีกว่าไหมคะ” ซูเมี่ยวจินเห็นว่าพวกเขาคุยกันจนลืมเวลา เธอจึงเตือนด้วยความหวังดี พรุ่งนี้เธอจะขึ้นเขาไปกับฉางเล่ยเพื่อล่าสัตว์

“ตกลงจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ” หลิวเอ้อหลิงพยักหน้ารับ

ทั้งห้าต่างแยกย้ายกันไปในเวลาไม่นาน คืนนั้นฉางเล่ยอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เขาไม่คิดว่าซูเมี่ยวจินที่สวยขนาดนี้จะยอมตกลงแต่งงานกับเขาจริง ๆ ทำเอาฉางเล่ยนอนแทบไม่หลับทั้งคืนด้วยความดีใจ

คนอื่น ๆ ในบ้านก็ดีใจไม่ต่างกัน แต่พวกเขาไม่ได้ตื่นเต้นเท่าฉางเล่ย ยิ่งกับฉางเซียงจูที่ชอบว่าที่พี่สะใภ้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้คุยกัน เธอยิ่งมีความสุขมากที่ในที่สุดเธอก็กำลังจะมีพี่สะใภ้แล้ว แถมพี่สะใภ้ของเธอยังสวยมากด้วย

[ยินดีกับเจ้านายที่พูดคุยเรื่องแต่งงานสำเร็จ]

[ชิ! พูดมากน่า เป็นนายไม่ใช่เหรอที่เอาแต่เร่งฉันน่ะ วันนี้ฉันเลยต้องเสียหน้าเป็นคนเอ่ยปากก่อน ถ้ารอฉางเล่ย ไม่รู้อีกกี่เดือนกี่ปีกันเขาถึงจะพูดเรื่องนี้]

[รอให้ถึงวันแต่งงานของเจ้านาย ระบบจะมีของขวัญแต่งงานให้ด้วยนะครับ รับรองว่าเจ้านายจะต้องพอใจแน่]

[ให้มันจริงเถอะ ฉันจะนอนแล้ว นายเงียบได้แล้ว]

[ครับ ๆ เจ้านายรีบพักผ่อน]

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ซูเมี่ยวจิน   เจ้าสาวสวยมาก

    “โอ้! เจ้าสาวของฉางเล่ยสวยมากจริง ๆ” เสียงลุงใหญ่บ้านฉางที่ตั้งสติได้เป็นคนแรกอดจะชมเสียงดังไม่ได้“ใช่ ๆ เจ้าสามได้ลูกสะใภ้สวยจริง ๆ” พี่ชายหลิวเอ้อหลิงที่เห็นหลานสะใภ้เอ่ยเสริมขึ้นมาเสียงดังเช่นเดียวกัน“พวกลุงอย่าแกล้งภรรยาผมสิครับ ดูสิ เธอทำตัวไม่ถูกแล้ว” ฉางเล่ยยืดอกขึ้นอย่างภูมิใจที่ตัวเองกำลังจะแต่งงานกับคนสวยตรงหน้า เขารู้ดีว่าสีหน้าของซูเมี่ยวจินตอนนี้คงกำลังเขินอายอยู่ ไม่อย่างนั้นแก้มของเธอคงไม่แดงก่ำขึ้นมาจนลามไปถึงคออย่างที่เขากำลังเห็นเป็นแน่“ขอบคุณสำหรับคำชมนะคะคุณลุง” ซูเมี่ยวจินได้ยินฉางเล่ยพูดขึ้น เธอจึงสงบจิตใจตอบกลับผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม สายตาคมดุของเธอมองเจ้าบ่าวที่วันนี้หล่อมากในสายตาเธอก็อดที่จะมองเขาสักหลายทีไม่ได้เช่นกันเหล่าผู้อาวุโสเห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวแอบมองกันไปมาก็รีบผลักพวกเขาให้ไปรอต้อนรับแขกที่ลานหน้าบ้าน ฉางเล่ยที่ตั้งตัวได้ก่อนจึงจับมือซูเมี่ยวจินเดินออกไปตามคำสั่งของผู้ใ

  • ซูเมี่ยวจิน   วันแต่งงาน

    หลังกินข้าวเสร็จ ฉางชิงหยูอาสาไปเชิญเพื่อนบ้านที่สนิทกันและยืมโต๊ะเก้าอี้มาไว้ใช้ในงานแต่งงานวันพรุ่งนี้ หลิวเอ้อหลิงบอกให้ฉางเล่ยไปขอซื้อไก่จากเพื่อนบ้านพวกนั้นมาสักหลายตัวเพื่อทำอาหารขึ้นโต๊ะในงานแต่งงาน หลังจากดูแล้วว่ายังขาดเมนูไก่ไปหนึ่งอย่าง สองพ่อลูกจึงออกจากบ้านไปด้วยกันหลิวเอ้อหลิงกับซูเมี่ยวจินจึงช่วยกันตกแต่งบ้านต่อ เหลืออีกเพียงนิดหน่อยก็ตกแต่งเสร็จหมดแล้ว ตอนนี้บ้านฉางเต็มไปด้วยกระดาษและผ้าสีแดงเต็มไปหมด ในห้องนอนของฉางเล่ยเองก็ถูกติดกระดาษเอาไว้เช่นกัน แต่ยังไม่ได้เปลี่ยนผ้าปูเป็นสีแดงมงคล หลิวเอ้อหลิงรอให้ถึงพรุ่งนี้เช้าจึงจะเข้าไปเปลี่ยนให้ลูก ๆ“แม่คะ ฉันติดเสร็จหมดแล้วค่ะ จะให้ทำอะไรต่อคะ” ซูเมี่ยวจินถามขึ้น“ไม่มีอะไรแล้วจ๊ะ เราไปปั้นแป้งเตรียมทำบัวลอยวันพรุ่งนี้กันดีไหม” หลิวเอ้อหลิงนึกถึงขนมบัวลอยที่บ่าวสาวต้องกินในวันแต่งงานขึ้นมาได้ เธอไม่อยากเสียเวลาเตรียมของพรุ่งนี้จึงคิดจะทำเอาไว้ก่อน“ได้ค่ะแม่&r

  • ซูเมี่ยวจิน   ขายเขากวาง

    “เชิญคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายด้านในเลยครับ” เจ้าของร้านผายมือเชิญอย่างนอบน้อม ต่างจากครั้งก่อนที่พวกเขามาขายโสมราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ“ขอบคุณครับ/ค่ะ” ฉางเล่ยกับซูเมี่ยวจินเห็นเถ้าแก่ทำแบบนี้เลยไม่อยากเสียมารยาท“พวกคุณนั่งก่อนครับ วันนี้จะมาขายเขากวางในมือนั่นหรือเปล่าครับ” เถ้าแก่ถามด้วยแววตาเป็นประกายระยิบระยับ เพราะเขากำลังจะได้ของดีมาขายอีกแล้ว“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณรับซื้อยังไงคะเถ้าแก่” ซูเมี่ยวจินถามตรง ๆ เธอไม่เคยขายเขากวางมาก่อนจึงไม่รู้ว่าราคาตลาดเป็นอย่างไร“เขากวางสดขายราคาเป็นขีดครับคุณผู้หญิง เขากวางของคุณใหญ่ขนาดนี้น่าจะได้ราคาสูงมากทีเดียว หลายปีแล้วที่ร้านขายยาไม่มีเขากวางขายครับ” เถ้าแก่บอกตรง ๆ เพื่อที่เขาจะได้รับซื้อเขากวางและนำไปขายทำกำไรต่อเหมือนเคย“ขีดละเท่าไหร่หรือคะเถ้าแก่ ถ้าราคาต่ำไป ฉันจะได้เก็บเอาไว้ก่อน” ซูเมี่ยวจินไม่คิดว่า

  • ซูเมี่ยวจิน   ขายกวาง

    ฉางเล่ยถึงกับทึ่งในฝีมือการใช้หน้าไม้ของซูเมี่ยวจิน แต่เขาไม่มีเวลาสงสัยมากนักเมื่อเธอบอกให้เขารีบเข้าไปกลบเลือดกวางที่ตาย เพื่อป้องกันไม่ให้หมาป่าหรือสัตว์ดุร้ายตัวอื่นตามกลิ่นเลือดมาซูเมี่ยวจินมองหาไม้ใหญ่และเถาวัลย์เพื่อใช้มัดกวาง ดีที่ป่าตรงนี้มีทุกอย่างที่เธอต้องการ ซูเมี่ยวจินใช้เวลาไม่นานก็นำของทั้งหมดไปจัดการมัดกวางเอาไว้“ช่วยฉันแบกมันลงจากเขากันเถอะค่ะ ตอนนี้กี่โมงแล้วคะ” ซูเมี่ยวจินยังคงกลัวว่าจะกลับบ้านค่ำมืดเกินไป“สี่โมงเย็นพอดีครับ” ฉางเล่ยยกไม้ที่มีกวางถูกมัดอยู่ขึ้นพาดไหล่อย่างไม่หนักแรง“เรารีบกลับบ้านกันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเอามันไปขายในอำเภอนะคะ”“ตกลงครับ ว่าแต่พรุ่งนี้เราจะใช้จักรยานหรือรถยนต์ไปในอำเภอดีครับ”“ฉันว่าเอาสามล้อของพ่อไปดีกว่าค่ะ ฉันไม่อยากให้ชาวบ้านเห็นรถยนต์เราเร็วนัก ยังไงวันแต่งงานก็ต้องเอารถออกไปจอดหน้าบ้านอย

  • ซูเมี่ยวจิน   อยากขึ้นเขา

    ทั้งสองกลับมาถึงบ้านก่อนเที่ยงนิดหน่อย หลังจากเก็บเนื้อและผักแช่ไว้ในบ่อน้ำหลังบ้านแล้ว ซูเมี่ยวจินก็ไปอุ่นอาหารรอฉางเล่ยที่กำลังเอาสามล้อไปคืนพ่อที่ไร่ เธอคิดว่าช่วงบ่ายไม่มีอะไรทำ จึงอยากชวนฉางเล่ยขึ้นเขาไปล่าสัตว์ หาสมุนไพรดูสักหน่อย เผื่อว่าจะโชคดีได้เงินอีกสักก้อนฉางเล่ยกลับมากินข้าวพร้อมซูเมี่ยวจินในเวลาไม่นานนัก ระหว่างที่กำลังกินมื้อเที่ยงกันอยู่ ซูเมี่ยวจินก็ชวนฉางเล่ยขึ้นเขา“คุณแน่ใจเหรอว่าจะขึ้นเขาบ่ายนี้” ฉางเล่ยเลิกคิ้วขึ้นอย่างงุนงง“ใช่ค่ะ ยังไงบ่ายนี้พวกเราก็ไม่มีอะไรทำ คุณไม่ได้ไปดูกับดักสัตว์หลายวันแล้ว เผื่อว่าจะได้สัตว์ไปขายในอำเภอพรุ่งนี้สักตัวสองตัวก็ยังดีนะคะ” ซูเมี่ยวจินบอก“ก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นกินข้าวเสร็จ ผมจะเอากุญแจบ้านไปให้พ่อก่อน คุณรอผมที่บ้านนะครับ ผมไปไม่นาน” ฉางเล่ยพยักหน้าตอบรับ เขาลืมไปเลยว่าวางกับดักสัตว์เอาไว้หลายวันแล้ว เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องงานแต่งงานจึงไม่ได้ขึ้นไปดู

  • ซูเมี่ยวจิน   เตรียมงาน

    ฉางชิงหยูกับหลิวเอ้อหลิงไปถึงบ้านหลิวในเวลาไม่นาน สองเฒ่าชราที่อายุน้อยกว่าพ่อเฒ่าฉางหลายปีออกมาต้อนรับลูกเขยกับลูกสาวด้วยความดีใจ พอรู้ว่าหลานชายกำลังจะแต่งงาน ทั้งสองก็ดีใจมาก“พวกเราจะไปแน่นอนเอ้อหลิง พ่อกับแม่จะให้พี่ใหญ่เธอพาไปเอง ตั้งแต่หลาน ๆ ไปทำงานในอำเภอ พวกเราก็สบายขึ้นมาก จักรยานที่บ้านก็มีถึงสองคัน ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พวกเราจะไปกันตั้งแต่เช้ามืดเลย” แม่หลิวรีบบอกพร้อมรอยยิ้มชรา“ใช่ ๆ นานแล้วที่บ้านเราไม่มีงานมงคล” พ่อหลิวเองก็ดีใจไม่น้อยที่หลานชายกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ทั้งที่อายุก็ไม่น้อยแล้ว“ถ้าพ่อแม่ไม่อยากตื่นเช้านัก พวกเราปั่นจักรยานมารับพวกคุณได้นะคะ” หลิวเอ้อหลิงไม่อยากทำให้พ่อแม่ลำบาก เธอจึงหันไปมองสามี“ใช่ครับ ผมปั่นสามล้อมารับดีไหมครับ พ่อกับแม่จะได้นั่งกันสบายหน่อย”“ไฮ้! ไม่เป็นไร ๆ พวกเราชอบนั่งพ่วงหลังจักรยานของเสี่ยวเค่อมากกว่า” พ่อเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status