 เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบซูเมี่ยวจินชวนฉางเล่ยไปห้องของพวกซ่งเซียวเพื่อดูว่าพวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้างแล้วหลังการต่อสู้เมื่อคืน
“คุณซู คุณฉาง เข้ามาก่อนครับ” ทหารนายหนึ่งออกมาเปิดประตูเชิญพวกเขาเข้าไป
“ซ่งเซียว พวกคุณเป็นยังไงกันบ้างคะ” ซูเมี่ยวจินรู้ว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บเมื่อคืน
“เราดีขึ้นมากแล้วครับ พวกคุณจะออกไปข้างนอกหรือเปล่าครับ ผมจะส่งพวกเขาไปคุ้มกัน” ซ่งเซียวกับทหารอีกนายที่บาดเจ็บต้องพักผ่อนต่อจึงมอบหมายงานให้กับทหารสองคนที่ร่างกายสมบูรณ์กว่า
“วันนี้พวกคุณพักผ่อนกันเถอะค่ะ ฉันกับสามีจะออกไปซื้อของสักหน่อย พรุ่งนี้เราถึงจะไปที่ตลาดค้าหิน พวกคุณค่อยตามเราไปก็แล้วกัน นี่เงินสี่พันหยวน พวกคุณเอาไปแบ่งกันนะคะ เพราะฉันจะอยู่ที่เถิงซงต่อ วันมะรืนถึงจะเดินทางกลับ”
ซูเมี่ยวจินยื่นเงินให้ซ่งเซียวนำไปแจกจ่ายลูกน้อง วันนี้เธอแค่จะออกไปซื้อเครื่องผ่าหินเท่านั้น
“ขอบคุณคุณซูม

รุ่งเช้าวันต่อมา ซูเมี่ยวจินกับฉางเล่ยและผู้คุ้มกันนั่งกินอาหารเช้าก่อนเดินทางไปยังเมืองไคหยวน พวกเขานำสัมภาระวางเอาไว้ข้างโต๊ะอาหาร หยกน้ำแข็งก้อนใหญ่นั้นฉางเล่ยใส่เอาไว้ในกระเป๋าเงินใบใหญ่พร้อมกับหน้าไม้ของเขากับภรรยาเพื่อไม่ให้ใครเห็น หลังจากเขารู้เรื่องของกลุ่มโจรที่ต้องการปล้นหินดิบของภรรยา ฉางเล่ยจึงระมัดระวังตัวมากขึ้นหลายเท่าต้วนมู่ชิงเมื่อวานนี้ถูกนำตัวไปสอบสวนเรื่องการสั่งปล้นหินดิบของซูเมี่ยวจินจนไม่สามารถไปที่ตลาดค้าหินได้ เขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและให้ข้าราชการที่รับเงินเขา ใช้ตำแหน่งมาประกันตัวจึงออกจากสถานีตำรวจได้เมื่อค่ำวานนี้ ยิ่งคิดว่าแผนการของเขาล้มเหลวแถมยังถูกจับตามองจากเจ้าหน้าที่อีก ต้วนมู่ชิงยิ่งแค้นซูเมี่ยวจินมากขึ้นเป็นเท่าทวี ตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรโจ่งแจ้งได้จึงคิดที่จะเดินทางกลับไปที่เมืองหลวงก่อนเพื่อกบดานกลุ่มของซูเมี่ยวจินคืนห้องพักและออกเดินทางในเวลาแปดโมงเช้า พวกเขาขับรถอย่างระมัดระวังเพราะในรถของซูเมี่ยวจินนั้นเต็มไปด้วยหินดิบ ทำให้การเดินทางไม่สามารถขับเร็วเกินไปนัก ก่อน
ซูเมี่ยวจินชวนฉางเล่ยไปห้องของพวกซ่งเซียวเพื่อดูว่าพวกเขาเป็นอย่างไรกันบ้างแล้วหลังการต่อสู้เมื่อคืน“คุณซู คุณฉาง เข้ามาก่อนครับ” ทหารนายหนึ่งออกมาเปิดประตูเชิญพวกเขาเข้าไป“ซ่งเซียว พวกคุณเป็นยังไงกันบ้างคะ” ซูเมี่ยวจินรู้ว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บเมื่อคืน“เราดีขึ้นมากแล้วครับ พวกคุณจะออกไปข้างนอกหรือเปล่าครับ ผมจะส่งพวกเขาไปคุ้มกัน” ซ่งเซียวกับทหารอีกนายที่บาดเจ็บต้องพักผ่อนต่อจึงมอบหมายงานให้กับทหารสองคนที่ร่างกายสมบูรณ์กว่า“วันนี้พวกคุณพักผ่อนกันเถอะค่ะ ฉันกับสามีจะออกไปซื้อของสักหน่อย พรุ่งนี้เราถึงจะไปที่ตลาดค้าหิน พวกคุณค่อยตามเราไปก็แล้วกัน นี่เงินสี่พันหยวน พวกคุณเอาไปแบ่งกันนะคะ เพราะฉันจะอยู่ที่เถิงซงต่อ วันมะรืนถึงจะเดินทางกลับ”ซูเมี่ยวจินยื่นเงินให้ซ่งเซียวนำไปแจกจ่ายลูกน้อง วันนี้เธอแค่จะออกไปซื้อเครื่องผ่าหินเท่านั้น“ขอบคุณคุณซูม
ตำรวจหลายนายมาถึงที่เกิดเหตุก็ต้องตกใจกับสภาพที่เห็น ในลานจอดรถเต็มไปด้วยรอยกระสุนปืนและร่างของคนสามคนนอนอยู่ ส่วนอีกคนหนึ่งที่ยังไม่ตายก็ถูกผู้ชายสองคนหิ้วปีกมา“สวัสดีครับ พวกเราเป็นทหารจากค่ายนอกเมือง คนร้ายพวกนี้พยายามจะปล้นหินดิบของคุณผู้หญิง เราได้รับคำสั่งให้มาคุ้มกันเธอกับสามีครับ” ซ่งเซียวทำความเคารพตำรวจตามมารยาทและยื่นบัตรทหารในกระเป๋าส่งให้เขาตรวจสอบ“สวัสดีครับ ต้องรบกวนผู้หมวดเล่ารายละเอียดให้เราฟังด้วยนะครับ” หัวหน้าตำรวจที่เข้าเวรวันนี้รีบทำความเคารพกลับเมื่อเห็นว่าทหารตรงหน้ามียศสูงกว่า“ซ่งเซียว คุณจัดการเรื่องหลังจากนี้แล้วกลับไปพักผ่อนได้เลยนะ พรุ่งนี้ตอนบ่ายฉันถึงจะออกไปข้างนอก” ซูเมี่ยวจินไม่สนใจตำรวจที่มองเธอเป็นตาเดียวกัน เธอสั่งการซ่งเซียวเสร็จก็เดินถือหน้าไม้กลับเข้าโรงแรมไป“ทราบแล้วครับคุณซู” ซ่งเซียวรับคำแล้วหันไปบอกให้ลูกน้องส่งตัวคนร้ายตำรวจที่มาด
กลุ่มคนของต้วนมู่ชิงต่างเฝ้ารออยู่นอกโรงแรม พวกเขาหาอะไรง่าย ๆ กินระหว่างรอให้ถึงกลางดึก หัวหน้ากลุ่มส่งลูกน้องไปตามหาที่จอดรถของซูเมี่ยวจินก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะลงมือทหารสองนายที่เฝ้ารถอยู่กินอาหารเสร็จก็คอยอยู่ที่รถอย่างระมัดระวัง พวกเขาเตรียมอาวุธประจำกายไว้ให้พร้อมตามที่ซ่งเซียวกำชับไว้ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าคนร้ายมีอาวุธจริงหรือไม่ก็ตาม การปกป้องรถคันนี้ก็เป็นหน้าที่ของพวกเขากลางดึกคืนนั้น ซ่งเซียวกับทหารอีกนายที่พักผ่อนก่อนหน้านี้ลงมาเปลี่ยนเวรยามตามที่นัดหมายเอาไว้ ซูเมี่ยวจินเห็นว่าฉางเล่ยหลับลึกแล้ว เธอจึงยกแขนของเขาออกจากเอวเบา ๆ เมื่อมองแล้วว่าฉางเล่ยคงไม่ตื่นขึ้นมาในเร็ว ๆ นี้ เธอก็รีบเปลี่ยนชุดพร้อมนำหน้าไม้และลูกดอกจำนวนมากออกจากห้องไปอย่างรวดเร็วกลุ่มคนของต้วนมู่ชิงเองก็พากันไปซุ่มอยู่ในที่จอดรถได้พักใหญ่แล้ว พวกเขารอคอยให้ถึงเวลาสับเปลี่ยนเวรอย่างใจจดใจจ่อ เพราะรู้ดีว่าระหว่างการสับเปลี่ยนเวรคนพวกนั้นคงไม่ทันระวังตัว อาวุธปืนในมือของพวกเขาเตรียมพ
เมื่อไปถึงห้องของโจวอู่หมิง พวกเขาทักทายกันเล็กน้อยและนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของโจวอู่หมิง“พวกคุณมาหาผมคงมีธุระอะไรสักอย่างหรือเปล่าครับ มีอะไรก็บอกมาตรง ๆ ได้”“ใช่ค่ะ ฉันกับสามีต้องการจ้างทหารคุ้มกันสักสี่คน ไม่ทราบว่าคุณสามารถจัดหาให้ได้หรือเปล่าคะ ฉันจะให้พวกเขาดูแลเราจนกว่าจะเดินทางไปถึงเมืองไคหยวน”“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ พวกคุณเล่าให้ผมฟังก่อนได้ไหมครับ”“เราไปซื้อหินดิบที่ตลาดแล้วถูกคนตามมาตลอดทางเลยค่ะ เพราะฉันไม่ยอมขายหยกที่ผ่าได้ให้กับคนคนหนึ่ง พวกที่ตามมาน่าจะเป็นคนของเขาค่ะ”“อืม… เรื่องนี้ผมเคยได้ยินมาบ้าง ที่เถิงซงเกิดการฆาตกรรมเพราะเรื่องหินหยกบ่อยครั้ง ผมได้รับมอบหมายให้มาสืบสวนเรื่องนี้โดยตรง ถ้าอย่างนั้นผมจะส่งซ่งเซียวกับลูกน้องอีกสามคนคอยดูแลคุณก็แล้วกันนะครับ”“นี่เป็นค่าเหนื่อยของพวกเขาค่
“ผมขอซื้อต่อในราคาห้าหมื่นหยวน” ต้วนมู่ชิงรีบเอ่ยปากหลังจากเห็นหยก“ผมขอซื้อต่อแปดหมื่นหยวน” ชุ่ยฟ่านที่ยืนดูอยู่ด้วยเพิ่มราคาขึ้นอีก เขาอยากได้หยกก้อนนี้มากจริง ๆ หากนำไปทำกำไลหรือแหวนก็ยังทำได้หลายอัน กำไรที่เขาจะได้จากการขายหยกหลังเจียระไนจะเพิ่มขึ้นนับสิบเท่า“ผมขอซื้อต่อหนึ่งแสนหยวน” จ้าวเหวินซิงยอมทุ่มสุดตัว เขามีร้านค้าของตัวเองอยู่ที่เมืองหลวง ถึงแม้ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนของต้วนมู่ชิงและชุ่ยฟ่าน แต่ก็นับว่ายืนหยัดมาได้นับร้อยปีแล้วเสียงเพิ่มราคาดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งราคาไปหยุดอยู่ที่สามแสนหยวน โดยผู้ที่เสนอราคาสูงสุดยังคงเป็นต้วนมู่ชิง“สามแสนหนึ่งหมื่นหยวน” เสียงชุ่ยฟ่านดังขึ้นต่อ เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่“ชุ่ยฟ่าน คุณไม่คิดจะให้คนอื่นเขาได้ทำเงินบ้างหรือยังไง อย่าคิดว่าเป็นตระกูลใหญ่แล้วผมจะกลัวคุณนะ” ต้วนมู่ชิงพูดอย่างไม่พอใจ&








