“คะ คุณหนู! ทำไมท่านจึงได้ถามข้าเช่นนั้นกันเจ้าคะ ต่อให้ต้องไปตกระกำลำบากข้างนอกมากมายเพียงใด ขอแค่มีคุณหนูอยู่ข้าก็พร้อมจะไปกับท่านเจ้าค่ะ”
“ขอบใจแม่นมมาก แล้วเจ้าเล่าเสี่ยวอิง”
ไป๋อวี้หลันเอ่ยขอบคุณกับแม่นมของตนเสร็จก็หันไปเอ่ยถามสาวใช้คนสนิทต่อ
“ข้าก็ต้องไปกับคุณหนูอยู่แล้วเจ้าค่ะ”
“ได้ เช่นนั้นในเมื่อสินเดิมของท่านแม่ข้าก็ไม่ได้คืนแล้วข้าขอแค่ทั้งสองคนนี้ไปกับข้าคงจะไม่มากเกินไปหรอกใช่หรือไม่เจ้าคะ”
ไป๋อวี้หลันที่รู้อยู่ก่อนแล้วว่าสินเดิมของมารดาคงถูกบุรุษเห็นแก่ตัวผู้นี้นำไปใช้แล้วจึงได้เอ่ยแกมข่มขู่ให้อีกฝ่ายยอมมอบทั้งสองคนนี้ให้กับตนเองเสียเพื่อจบปัญหาเรื่องนี้
“ได้ เอาตามที่เจ้าต้องการ”
เอ่ยจบไป๋ฮุ่ยหมิงก็เดินจากไปทันทีเหลือก็เพียงแค่ไป๋ลี่หลินที่ยังคงยืนหัวเราะเย้ยหยันหญิงสาวด้วยความสาแก่ใจ
“ในที่สุดวันที่เจ้าโดนเขี่ยออกจากตระกูลก็มาถึง ข้าจะรอดูว่าคนอย่างเจ้า ถ้าไม่ได้เป็นคุณหนูใหญ่ไป๋แล้ว เจ้าจะยังเชิดหน้าอย่างหยิ่งผยองแบบนี้ได้อีกไหม”
ไป๋ลี่หลินเอ่ยจบก็หมุนตัวเดินจากไปด้วยความสุขที่ได้เห็นศัตรูหัวใจและมารความสุขโดนไล่ออกไปเสียที
“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวผิดเองเจ้าค่ะที่ไม่ยอมเอ่ยห้ามนายหญิงตั้งแต่ตอนที่นายท่านมาขอหยิบยืมสินเดิมไปใช้ก่อน”
“แต่คุณหนูไม่ต้องกังวลไปนะเจ้าคะ นายหญิงรู้ว่าถ้าท่านจากไปแล้วคุณหนูจะต้องได้รับความลำบากอย่างแน่นอน นายหญิงจึงได้มอบสินเดิมบางส่วนให้ข้าเก็บรักษาเอาไว้ เดี๋ยวข้าไปนำมามอบให้คุณหนูนะเจ้าคะ”
หลิวหวังเอ่ยกระซิบเสียงเบากับหญิงสาวอย่างระมัดระวังก่อนจะรีบปลีกตัวออกไปยังที่ซ่อนสมบัติทันที
“อย่างน้อยท่านแม่ก็ไม่ได้ตามืดบอดจนเกินไปสินะ เสี่ยวอิงเจ้าพอจะติดต่อกับท่านตาของข้าได้หรือไม่”
ไป๋อวี้หลันเอ่ยถามขึ้นเมื่อคิดขึ้นมาได้ว่าในนิยายนั้นท่านตาและทุกคนในตระกูลซ่งต่างก็รักและหวังดีกับนางยิ่งกว่าบิดาแท้ ๆ เสียอีกจึงได้เอ่ยถาม
เพราะในนิยายของเรื่องก่อนที่นางร้ายอย่างไป๋อวี้หลันจะถูกจองจำนั้นเสี่ยวอิงเป็นคนที่นำเรื่องนี้ไปบอกกับ ซ่งเฉิงป๋อ ผู้เป็นตาของไป๋อวี้หลัน
เดิมทีแล้วมารดาของนางร้ายนั้นเป็นถึงบุตรสาวคนเล็กของตระกูลซ่งที่เป็นถึงอดีตราชครูของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และบุตรชายทั้งสองของเขาก็ยังมีหน้าที่การงานที่ดีอีกด้วย
ลูกชายคนโต ซ่งฉือตง นั้นเป็นแม่ทัพพิทักษ์ ทำหน้าที่ปกป้องเมืองหลวงแห่งนี้พร้อมกับบุตรชายอย่าง ซ่งฉือลู่ ที่เป็นรองแม่ทัพ ส่วนบุตรชายคนรอง ซ่งไห่หนาน ชอบทำการค้า
จนในตอนนี้กลายเป็นถึงคหบดีที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ ของแคว้นแห่งนี้ มีกิจการอยู่ทั่วทุกแคว้น พร้อมผู้ช่วยอย่าง ซ่งไห่หมิง บุตรชายผู้เดินตามรอยบิดาที่ชอบค้าขายเช่นกัน
ดังนั้นตระกูลซ่งเองจึงถือได้ว่าเป็นตระกูลที่ทรงอำนาจรองจากเจ้าครองแผ่นดินอยู่ในตอนนี้ จึงไม่แปลกที่ผู้คนต่างให้ความยำเกรงกับตระกูลซ่งที่เป็นตระกูลเก่าแก่มาตั้งแต่ยุคสร้างแผ่นดินใหม่ ๆ
เพียงแต่หลังจากที่บุตรสาวคนเล็กของนายท่านซ่งนั้นดื้อดึงขัดคำสั่งของผู้เป็นบิดามาแต่งงานกับไป๋ฮุ่ยหมิงบุรุษผู้เป็นรักแรกจนถูกตัดขาดจากตระกูล
ตั้งแต่นั้นมาซ่งเจียวเหมยก็ไม่เคยติดต่อบ้านเดิมกลับไปอีกเลย ส่วนทางด้านนายท่านซ่งเองก็คิดว่าบุตรสาวนั้นคงอยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขจึงไม่ได้ติดต่อกับนาง
เพราะหลังจากแต่งงานซ่งเจียวเหมยก็ไม่เคยติดต่อหรือกลับไปเยี่ยมบ้านเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ความจริงแล้วนั้นก่อนที่หญิงสาวจะเสียชีวิตไปนางได้แอบให้หลิวหวังนำจดหมายฉบับแรกและฉบับสุดท้ายไปส่งมอบให้กับผู้เป็นบิดาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด
และขอร้องกับบิดาเป็นครั้งสุดท้ายว่าให้ช่วยปกป้องดูแลไป๋อวี้หลันแทนนางด้วย ตั้งแต่นั้นมาไป๋อวี้หลันจึงได้มีองครักษ์คอยติดตามอยู่ห่าง ๆ มาโดยตลอด
เพียงแต่เจ้าตัวกลับไม่เคยรับรู้เลย แถมยังปักใจเชื่อคำหลอกลวงของบิดาว่าเป็นเพราะท่านตาที่ทำให้มารดาของนางต้องตรอมใจจากไป
จึงเป็นเหตุผลที่หญิงสาวไม่คิดที่จะติดต่อไปยังตระกูลซ่งอีกเลยสักครั้ง
แต่ไม่ใช่กับไป๋อวี้หลันคนใหม่ที่ตอนนี้ได้ยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้กับสาวใช้เพื่อนำไปส่งให้กับองครักษ์ที่อยู่นอกจวนตามความทรงจำในเนื้อหานิยาย
“เสี่ยวอิงข้ารบกวนเจ้าช่วยนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งให้กับคนของท่านตาที่อยู่นอกจวนทีสิ”
“คะ คุณหนูทราบแล้วหรือเจ้าคะว่านายท่านได้ส่งคนมาคอยดูแลคุณหนูอย่างเงียบ ๆ”
เสี่ยวอิงเองกลับเป็นฝ่ายตกใจเพราะไม่คาดคิดว่าคุณหนูของตนจะรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว เพราะนอกจากนางกับแม่นมแล้วไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลยแม้แต่คนของนายท่านไป๋ก็ยังไม่รู้
“อืม เจ้ารีบไปเสีย”
ไป๋อวี้หลันเอ่ยตอบเพียงสั้น ๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไปภายในเรือนเพื่อเก็บของที่จำเป็นและเป็นของของตนเองรอเวลาที่ทั้งสองจะกลับมา
=====================================================
ตอนนี้ออกจากจวน ตอนหน้าก็คงจะต้องสร้างจวนเป็นของตัวเองซะแล้ว
“ท่าน...พี่...”เสียงเอ่ยเรียกของภรรยารองนั้นยิ่งทำให้โทสะของไป๋ฮุ่ยหมิงปะทุขึ้นจนเอ่ยตะคอกอีกฝ่ายด้วยความเกรี้ยวกราด“หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าเสีย! เสียแรงที่ข้านั้นรักและเอ็นดูเจ้ามาตลออด แต่เจ้ากลับกล้าหักหลังข้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร”“ไม่เพียงแค่หลอกลวงข้าเรื่องหลินเอ๋อร์ แต่เจ้ายังวางยาฮูหยินเอกจนนางต้องตายจากไป เจ้าทำเรื่องเลวร้ายถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกันหา!”คำถามมากมายที่หลุดออกจากปากผู้เป็นสามีนั้นช่างบาดลึกลงไปในจิตใจของเป่าลี่อินเป็นอย่างมาก จริงอยู่ที่ในตอนแรกนางนั้นเข้าหาเขาเพียงเพราะต้องทำตามแผนของบุรุษชั่วช้าผู้นั้น แต่เมื่อได้ใกล้ชิดและได้รับความรัก เอาใจใส่ดูแลจากอีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้กับนางจึงทำให้นางเริ่มที่จะหึงหวงและอยากครอบครองไม่อยากให้เขาไปมอบความรักให้กับสตรีอื่น นางจึงได้วางแผนการทุกอย่างเพื่อที่จะใส่ร้ายฮูหยินเอกสตรีอีกหนึ่งคนที่เขารัก ด้วยการใส่ความต่าง ๆ จนในที่สุดนางก็สามารถทำสำเร็จและในขณะที่สตรีผู้นั้นตรอมใจนางจึงใช้โอกาสนี้ให้คนวางยาจนในที่สุดสตรีนางนั้นก็
“ท่านอ๋องเพคะ”อวี้หลันเอ่ยเรียกชายหนุ่มด้วยคำเรียกที่จริงจังจนทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มต้องหันกลับมามองยังหญิงสาวที่ในตอนนี้กำลังยืนจ้องมองมาที่ตนเอง“พี่บอกแล้วใช่หรือไม่ว่าให้เรียกพี่ว่าอย่างไร”ชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับวงแขนแกร่งเองก็คว้าเอาเอวบางเข้ามานั่งลงบนตักของตัวเองอย่างต้องการทำโทษ“พี่ชายท่านหลอกกินเต้าหู้ข้าอีกแล้วนะเจ้าคะ”อวี้หลันเอ็ดชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีไม่จริงจังนักคล้ายว่านางเองก็เริ่มที่จะชินกับนิสัยมือไวของอีกฝ่ายเสียแล้ว“ก็ใครกันเล่าที่ทำให้พี่ต้องเป็นแบบนี้”ร่างสูงเอ่ยถามพร้อมกับยื่นใบหน้าหล่อเหลาของตนเองที่ตั้งแต่วันงานเลี้ยงจบลงนางก็ไม่เห็นว่าเขาจะยอมสวมใส่หน้ากากเช่นที่ข่าวลือบอกแม้แต่น้อยเข้ามาใกล้ใบหน้าของหญิงสาวอย่างต้องการหยอกล้ออีกฝ่ายให้เขินอาย“เป็นพี่ชายเองมากกว่าที่คิดมากไปเองเจ้าคะ แต่ก็ช่างเรื่องนั้นก่อนเถิดข้าในตอนนี้ต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องสมรสพระราชทานที่ฝ่าบาททรงมอบให้เมื่อเช้านี้มากกว่า”หญิงสาวเองก็ไม่ได้คิดที่จะผ
ในที่สุดก็มาถึงสมรสพระราชทานระหว่างชินอ๋องกับคุณหนูซ่งอวี้หลัน งานแต่งงานในครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะมีกำหนดการที่กระชั้นชิดไปหน่อยแต่ว่างานทุกอย่างนั้นก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติของว่าที่พระชายาของชินอ๋อง โดยงานในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นที่ตำหนักส่วนตัวของชินอ๋องที่ผู้คนรู้จัก เพียงแต่นั้นเป็นแค่ฉากบังหน้าเพราะอวี้หลันได้พูดคุยตกลงกับชายหนุ่มเอาไว้แล้วว่าหลังจากแต่งงานเสร็จตนเองจะไปอยู่ที่จวนข้าง ๆ จวนของนาง ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่คิดที่จะคัดค้าน เพราะเขานั้นตามใจหญิงสาวอยู่แล้ว ขอเพียงนางอยู่แล้วมีความสุขไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ล้วนแต่ยินดีทั้งสิ้นวันนี้ในเมืองหลวงต่างก็เต็มไปด้วยขบวนเจ้าบ่าวที่ในตอนนี้ร่างสูงสง่างามสวมชุดสีแดงสดนั่งสง่าอยู่บนหลังอาชาสีขาวตัวโปรดกำลังมุ่งหน้าไปยังจวนของว่าที่พระชายาที่เพียงแค่ขบวนสินสอดก็ยาวไปจนแทบจะสุดประตูเมือง ด้วยเกวียนขนหีบกว่าสามร้อยหีบไหนจะมีสิ้นเดิมของเจ้าสาวที่เหล่าท่านตาท่านลุงของนางนั้นมอบให้อีกกว่าสองร้อยกว่าหีบอีกเล่า เรียกได้ว่าการแต่งงานในครั้งนี้ของทั้งสองคนนั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่าชาวบ้านและเหล่าคุณหนูต่าง
ในที่สุดก็มาถึงวันนัดส่งมอบสินค้าของชาวหัวแดงกับกลุ่มของผู้ช่วยเผิงเจียง โดยพวกมันนั้นได้นัดพบกันที่แนวชายป่าใกล้ ๆ กับเมืองท่าที่พวกมันมักจะใช้เป็นจุดนัดพบส่งของกันอยู่บ่อยครั้งนั่นเองซึ่งข่าวเรื่องสถานที่ในการนัดพบของพวกมันนั้นเป็นชินอ๋องที่ส่งหน่วยองครักษ์ลับไปสืบข่าวมาจนได้รู้สถานที่ชัดเจนในครั้งนี้ ดังนั้นในวันนี้กลุ่มของนายท่านซ่งกับบุตรชายจึงได้เดินทางมายังสถานที่นัดพบกันในครั้งนี้กลุ่มของซ่งเฉิงป๋อนั้นทราบถึงกำหนดการจัดส่งสินค้าของพวกมันนั้นคือเวลายามซื่อของวันนี้และในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็จะถึงกำหนดเวลานัดของพวกมันแล้วเมื่อกลุ่มของซ่งเฉิงป๋อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้วทั้งสามคนพ่อลูกรวมทั้งเหล่าองครักษ์อีกกว่ายี่สิบนายต่างก็ซุ่มอยู่ในที่กำบังอย่างเงียบเชียบไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองกลุ่มก็ได้ยินเสียงของรถม้าหลายคันกำลังวิ่งตรงมายังทิศทางที่พวกเขารออยู่เมื่อรถม้าทั้งสามคันจอสนิทลงที่จุดนัดพบก็เป็นเวลาเดียวกันกับเกวียนวัวของพวกกลุ่มพ่อค้าชาวหัวแดงเองก็มาถึงยังสถานที่นัดหมายเช่นเดียวกันหลังจากที่รถม้าจอดสนิทดีแล้วนั้นไม่นานก็มีบ
“คุณหนูซ่งรับราชโองการ....เนื่องด้วยคุณหนูซ่งอวี้หลันนั้นเป็นสตรีที่มากความสามารถอีกทั้งยังเป็นสตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาทอ่อนหวานเรียบร้อย จึงประทานสมรสพระราชทานให้แต่งเป็นพระชายาเอกในชินอ๋องจวินซีฮันในอีก 7 วันต่อจากนี้จบราชโองการ.....”จบราชโองการทั่วทั้งจวนต่างก็ตกอยู่ในความเงียบไม่เว้นแต่หญิงสาวเองที่ตั้งตัวไม่ทันว่าตนเองจะต้องแต่งงานให้กับชายหนุ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี่เองในตอนนี้หญิงสาวจึงได้ยังคงก้มหน้าเงียบจนเสี่ยวอิงต้องสะกิดเพื่อให้คุณหนูของตนรีบตอบรับราชโองการโดยไว“หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี เพคะ”จบคำของหญิงสาวกงกงคนสนิทของฮ่องเต้ก็ยื่นราชโองการสีเหลืองทองมาตรงหน้าของหญิงสาวจากนั้นมือบางจึงได้ยื่นไปรับมาถือไว้พร้อมกับเอ่ยขอบใจกงกงชราตรงหน้า“ลำบากท่านหม่ากงกงแล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวอิงเจ้าจงตามไปส่งท่านหม่ากงกงให้ข้าด้วยนะ”ประโยคแรกนั้นหญิงสาวเอ่ยกับกงกงชราตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนที่หญิงสาวจะหันไปเอ่ยกำชับกับสาวใช้คนสนิทอีกทั้งยังกำชับให้อีกฝ่ายมอ
ความเงียบยังคงปกคลุมไปทั่วชายป่าที่พวกเขายืนอยู่ หลังจากเอ่ยกับผู้เป็นตาเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นอวี้หลันจึงได้หันหน้าไปมองยังก็ผิงซานคุนก่อนที่ริมฝีปากบางของนางจะเริ่มเอ่ยวาจาออกมา“นายท่านเผิงกล่าวมาเมื่อครู่นี้ข้าเองก็เห็นด้วยกับพวกท่านนะเจ้าคะ คนทำผิดคิดชั่วย่อมสมควรได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม แต่ที่ข้าไม่เห็นด้วยก็คงจะเป็นคนที่ต้องโทษคิดกบฏนั้นหาใช่ตระกูลซ่งของข้า แต่เป็นตระกูลเผิงของพวกท่านต่างหากเล่า”“ท่านอย่าได้คิดจะเอ่ยปากแก้ตัวเพราะข้ากับท่านอ๋องนั้นต่างก็เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ที่พวกท่านมาถึงจนพูดคุยตกลงเกี่ยวกับการค้าในครั้งนี้จนไปถึงการส่งมอบสิ่งของพร้อมกับเงินทองเพื่อแลกเปลี่ยนกันแล้วอย่างไรเล่า”“นี่คงจะเพียงพอที่จะเอาผิดพวกท่านได้แล้วกระมัง แล้วไหนจะยังมีหัวหน้านายกองที่รับสินบนทั้งยังทำงานให้กับท่านมิใช่ให้กับฝ่าบาทเพียงเท่านี้ข้าคิดว่าโทษของตระกูลท่านก็คงจะมีหัวไม่พอให้ประหารชดใช้ความผิดแล้วละ”คำพูดของหญิงสาวทุกคำที่เอ่ยออกมานั้นช่างราวกับคมมีดที่กรีดลึกลงไปสุดขั้วหัวใจของคนฟังยิ่งนัก ไหนจะยังสามารถแจกแจงความผ