แต่พออยู่กันตามลำพังกับพี่สาวต่างมารดากลับกลายร่างเป็นสตรีร้ายกาจเสียอย่างนั้น ชอบอิจฉาในรูปโฉมของพี่สาวต่างมารดา คอยหาทางกลั่นแกล้งอีกฝ่ายให้โมโหอยู่บ่อยครั้ง
จนเป็นที่มาของข่าวลือที่ว่าคุณหนูใหญ่ไป๋นั้นมีนิสัยโหดร้ายชอบทำร้ายทุบตีน้องสาวต่างมารดาและบ่าวไพร่ในเรือนนั่นเอง
“ข้าบอกให้เจ้าโผล่หัวออกมา! อย่ามัวแต่มุดหัวอยู่ในกระดอง วันนี้ข้าจะต้องถามเอาความจริงจากปากของเจ้าให้ได้ว่าไปสร้างเรื่องอะไรให้องค์รัชทายาททรงไม่พอใจกัน!”
เสียงแหลมสูงยังคงตะโกนอยู่นอกเรือนอย่างโกรธเกรี้ยวจนทำให้ไป๋อวี้หลันที่ไม่ชอบเสียงดังถึงกับรู้สึกไม่สบายหูขึ้นมาทันที
นางคิดแล้วว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ยอมไปไหนอย่างแน่นอนจึงได้บอกให้เสี่ยวอิงเปิดประตูเรือน ก่อนที่หญิงสาวจะเดินออกมายืนด้านหน้าเรือนด้วยท่าทีสงบนิ่ง
เมื่อไป๋ลี่หลินเห็นว่าอีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีโมโหเหมือนเช่นทุกครั้งที่ตนมาหาเรื่องก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาในทันที บวกกับข่าวลือที่ได้ยินมาเมื่อสักครู่นี้ว่าพี่สาวผู้โง่งมของตนได้ไปสร้างเรื่องให้กับองค์รัชทายาทบุรุษที่นางหลงรักและอยากจะแย่งชิงมารู้สึกไม่พอใจขึ้น
“วันนี้เจ้าไปทำสิ่งใดให้องค์รัชทายาททรงโกรธจนถึงกับต้องลงไม้ลงมือกับเจ้ากันนังโง่!”
“อืม…นี้คือสิ่งที่มารดาของเจ้าสั่งสอนมาเช่นนั้นรึ กิริยาทราม วาจาก็ทราม แถมยังไม่รู้จักที่ยืนของตนเองอีกด้วยสินะ”
ไป๋อวี้หลันเอ่ยตอบด้วยใบหน้าเย็นชา แต่คนที่ฟังกลับอารมณ์พุ่งขึ้นสูงด้วยความโกรธจากการถูกคนที่ตนเองมองว่าโง่งมด่าตอกหน้ากลับมา
“แก...นังเด็กกำพร้า! เพราะมารดาของแกมันเป็นหญิงแพศยาอย่างนี้ไง ท่านพ่อถึงได้มอบความรักให้กับท่านแม่ของข้าเพียงผู้เดียว จะมีบุรุษใดชอบพอหญิงแพศยาเช่นมารดาของแกที่มีนิสัยชั่วร้าย”
“ร้ายกาจ ดีที่มารดาของแกนั้นชิงตายไปเสียก่อนไม่เช่นนั้นก็คงจะถูกสาวเอาไส้ที่เน่าเฟะนั้นออกมาประจานให้อับอายผู้คนอย่างแน่นอนฮึ!”
ไป๋ลี่หลินรู้ถึงจุดอ่อนที่จะทำให้พี่สาวต่างมารดาโมโหจนขาดสติแล้วอาละวาดขึ้นมานั้นมีเพียงเรื่องของมารดานางเท่านั้นนางจึงได้เอ่ยถึงมารดาผู้ล่วงลับไปแล้วของอีกฝ่ายขึ้นมา
เพื่อกระตุ้นอารมณ์ให้หญิงสาวตรงหน้าระเบิดออกมาจะได้มีข่าวลือเสีย ๆ หายๆ ปล่อยออกไปอีก เพื่อให้องค์รัชทายาทนั้นของถอนหมั้นแล้วเปลี่ยนตัวคู่หมั้นใหม่มาเป็นนางแทน
ด้วยเหตุผลข้อนี้ไป๋ลี่หลินจึงได้ยอมเจ็บตัวมาโดยตลอดเพื่อให้สมจริงกับข่าวลือมากที่สุด
แต่หลังจากมีข่าวลือว่าองค์รัชทายาทกำลังไปชอบพอกับคุณหนูใหญ่หวังซูเซียนบุตรสาวศัตรูของบิดาตนเองอยู่จึงทำให้หญิงสาวนั้นสติแทบหลุด
จนอยากจะไปกระชากหัวของพี่สาวผู้แสนจะโง่งมตรงหน้าว่าทำไมถึงได้ปล่อยให้คู่หมั้นของตนไปไหนมาไหนกับสตรีหน้าด้านพวกนั้นกัน
นางจึงเอาความไม่พอใจทุกอย่างไปลงที่พี่สาวต่างมารแทบจะทุกครั้ง ซึ่งทุกครั้งสตรีโง่ตรงหน้าก็ไม่เคยมีวาจาเชือดเฉือนตอบกลับเช่นครั้งนี้
ดูเหมือนว่าพี่สาวต่างมารดาของนางจะต้องได้รับการกระทบกระเทือนทางสมองมาอย่างแน่นอนไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงไม่มีท่าทีวางเฉยเหมือนไม่ได้สนใจแบบนี้อย่างแน่นอน
“หึ เป็นแค่ลูกเมียน้อยแต่กลับกล้ามายืนด่าพี่สาวที่เป็นถึงบุตรสาวของฮูหยินเอกเช่นนี้”
“ข้าเกรงว่าคงต้องบอกให้ท่านเสนาบดีไป๋จ้างครูที่มีความสามารถมาสอนเรื่องพวกนี้แทนมารดาของเจ้าเสียแล้วกระมัง”
ไป๋อวี้หลันที่เงียบไปนานเอ่ยขึ้นก่อนจะกระตุกยิ้มเยาะส่งไปให้น้องสาวต่างมารดาอย่างกวนโทสะ
“ไป๋อวี้หลัน! นังบ้า ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าเรื่องที่แกไปสร้างในวันนี้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา แกจะยังสามารถเชิดหน้าอยู่แบบนี้ได้อีกหรือไม่”
ไป๋ลี่หลินเอ่ยอย่างเป็นต่อ เพราะถ้าเป็นเรื่องลูกรักแล้วนั้นบิดานั้นรักและเอ็นดูนางยิ่งกว่าใครอยู่แล้ว
“เช่นนั้นรึ? คิดว่าข้าจะสนใจเรื่องของบุรุษที่เห็นแก่ตัวเช่นนั้นรึ”
หญิงสาวเอ่ยตอบอย่างไม่สนใจ
“เช่นนั้นรึ!”
เสียงเข้มของเสนาบดีไป๋ดังขึ้นหลังจากจบประโยคที่หญิงสาวเอ่ยไปเมื่อครู่
“!!!”
ทุกคนต่างก็หันกลับไปมองทางต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียงกันพร้อมกับใบหน้าตกใจของทุกคน แต่จะมีเพียงคนเดียวที่ยังคงมีสีหน้าเรียบสนิทราวกับไม่ได้รู้สึกอะไรกับเหตุการณ์ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
“ท่านพ่อ!”
“นายท่าน!”
“ท่านเสนาบดี”
เสียงเรียกของทุกคนที่อยู่ตรงหน้าเอ่ยเรียกชายวัยกลางคนขึ้นมาอย่างพร้อม ๆ กัน
“ใครสั่งใครสอนให้เจ้าเอ่ยเรียกบิดาด้วยชื่อแบบนั้นกัน นังลูกไม่รักดี!”
เสียงตวาดดังลั่นด้วยโทสะของชายวัยกลางคนที่มีร่างกายแกร่งกำยำอยู่ และใบหน้าเองก็ยังคงความหล่อเหลาตามเดิมเมื่อตอนยังหนุ่ม
=====================================================
ถ้าพ่อจะเห็นแก่ตัวขนาดนี้ ยัยน้องก็ไม่ต้องทนอยู่ดีกว่าไหมเนี่ยะ
“ท่าน...พี่...”เสียงเอ่ยเรียกของภรรยารองนั้นยิ่งทำให้โทสะของไป๋ฮุ่ยหมิงปะทุขึ้นจนเอ่ยตะคอกอีกฝ่ายด้วยความเกรี้ยวกราด“หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าเสีย! เสียแรงที่ข้านั้นรักและเอ็นดูเจ้ามาตลออด แต่เจ้ากลับกล้าหักหลังข้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร”“ไม่เพียงแค่หลอกลวงข้าเรื่องหลินเอ๋อร์ แต่เจ้ายังวางยาฮูหยินเอกจนนางต้องตายจากไป เจ้าทำเรื่องเลวร้ายถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกันหา!”คำถามมากมายที่หลุดออกจากปากผู้เป็นสามีนั้นช่างบาดลึกลงไปในจิตใจของเป่าลี่อินเป็นอย่างมาก จริงอยู่ที่ในตอนแรกนางนั้นเข้าหาเขาเพียงเพราะต้องทำตามแผนของบุรุษชั่วช้าผู้นั้น แต่เมื่อได้ใกล้ชิดและได้รับความรัก เอาใจใส่ดูแลจากอีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้กับนางจึงทำให้นางเริ่มที่จะหึงหวงและอยากครอบครองไม่อยากให้เขาไปมอบความรักให้กับสตรีอื่น นางจึงได้วางแผนการทุกอย่างเพื่อที่จะใส่ร้ายฮูหยินเอกสตรีอีกหนึ่งคนที่เขารัก ด้วยการใส่ความต่าง ๆ จนในที่สุดนางก็สามารถทำสำเร็จและในขณะที่สตรีผู้นั้นตรอมใจนางจึงใช้โอกาสนี้ให้คนวางยาจนในที่สุดสตรีนางนั้นก็
“ท่านอ๋องเพคะ”อวี้หลันเอ่ยเรียกชายหนุ่มด้วยคำเรียกที่จริงจังจนทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มต้องหันกลับมามองยังหญิงสาวที่ในตอนนี้กำลังยืนจ้องมองมาที่ตนเอง“พี่บอกแล้วใช่หรือไม่ว่าให้เรียกพี่ว่าอย่างไร”ชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับวงแขนแกร่งเองก็คว้าเอาเอวบางเข้ามานั่งลงบนตักของตัวเองอย่างต้องการทำโทษ“พี่ชายท่านหลอกกินเต้าหู้ข้าอีกแล้วนะเจ้าคะ”อวี้หลันเอ็ดชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีไม่จริงจังนักคล้ายว่านางเองก็เริ่มที่จะชินกับนิสัยมือไวของอีกฝ่ายเสียแล้ว“ก็ใครกันเล่าที่ทำให้พี่ต้องเป็นแบบนี้”ร่างสูงเอ่ยถามพร้อมกับยื่นใบหน้าหล่อเหลาของตนเองที่ตั้งแต่วันงานเลี้ยงจบลงนางก็ไม่เห็นว่าเขาจะยอมสวมใส่หน้ากากเช่นที่ข่าวลือบอกแม้แต่น้อยเข้ามาใกล้ใบหน้าของหญิงสาวอย่างต้องการหยอกล้ออีกฝ่ายให้เขินอาย“เป็นพี่ชายเองมากกว่าที่คิดมากไปเองเจ้าคะ แต่ก็ช่างเรื่องนั้นก่อนเถิดข้าในตอนนี้ต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องสมรสพระราชทานที่ฝ่าบาททรงมอบให้เมื่อเช้านี้มากกว่า”หญิงสาวเองก็ไม่ได้คิดที่จะผ
ในที่สุดก็มาถึงสมรสพระราชทานระหว่างชินอ๋องกับคุณหนูซ่งอวี้หลัน งานแต่งงานในครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะมีกำหนดการที่กระชั้นชิดไปหน่อยแต่ว่างานทุกอย่างนั้นก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติของว่าที่พระชายาของชินอ๋อง โดยงานในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นที่ตำหนักส่วนตัวของชินอ๋องที่ผู้คนรู้จัก เพียงแต่นั้นเป็นแค่ฉากบังหน้าเพราะอวี้หลันได้พูดคุยตกลงกับชายหนุ่มเอาไว้แล้วว่าหลังจากแต่งงานเสร็จตนเองจะไปอยู่ที่จวนข้าง ๆ จวนของนาง ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่คิดที่จะคัดค้าน เพราะเขานั้นตามใจหญิงสาวอยู่แล้ว ขอเพียงนางอยู่แล้วมีความสุขไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ล้วนแต่ยินดีทั้งสิ้นวันนี้ในเมืองหลวงต่างก็เต็มไปด้วยขบวนเจ้าบ่าวที่ในตอนนี้ร่างสูงสง่างามสวมชุดสีแดงสดนั่งสง่าอยู่บนหลังอาชาสีขาวตัวโปรดกำลังมุ่งหน้าไปยังจวนของว่าที่พระชายาที่เพียงแค่ขบวนสินสอดก็ยาวไปจนแทบจะสุดประตูเมือง ด้วยเกวียนขนหีบกว่าสามร้อยหีบไหนจะมีสิ้นเดิมของเจ้าสาวที่เหล่าท่านตาท่านลุงของนางนั้นมอบให้อีกกว่าสองร้อยกว่าหีบอีกเล่า เรียกได้ว่าการแต่งงานในครั้งนี้ของทั้งสองคนนั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่าชาวบ้านและเหล่าคุณหนูต่าง
ในที่สุดก็มาถึงวันนัดส่งมอบสินค้าของชาวหัวแดงกับกลุ่มของผู้ช่วยเผิงเจียง โดยพวกมันนั้นได้นัดพบกันที่แนวชายป่าใกล้ ๆ กับเมืองท่าที่พวกมันมักจะใช้เป็นจุดนัดพบส่งของกันอยู่บ่อยครั้งนั่นเองซึ่งข่าวเรื่องสถานที่ในการนัดพบของพวกมันนั้นเป็นชินอ๋องที่ส่งหน่วยองครักษ์ลับไปสืบข่าวมาจนได้รู้สถานที่ชัดเจนในครั้งนี้ ดังนั้นในวันนี้กลุ่มของนายท่านซ่งกับบุตรชายจึงได้เดินทางมายังสถานที่นัดพบกันในครั้งนี้กลุ่มของซ่งเฉิงป๋อนั้นทราบถึงกำหนดการจัดส่งสินค้าของพวกมันนั้นคือเวลายามซื่อของวันนี้และในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็จะถึงกำหนดเวลานัดของพวกมันแล้วเมื่อกลุ่มของซ่งเฉิงป๋อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้วทั้งสามคนพ่อลูกรวมทั้งเหล่าองครักษ์อีกกว่ายี่สิบนายต่างก็ซุ่มอยู่ในที่กำบังอย่างเงียบเชียบไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองกลุ่มก็ได้ยินเสียงของรถม้าหลายคันกำลังวิ่งตรงมายังทิศทางที่พวกเขารออยู่เมื่อรถม้าทั้งสามคันจอสนิทลงที่จุดนัดพบก็เป็นเวลาเดียวกันกับเกวียนวัวของพวกกลุ่มพ่อค้าชาวหัวแดงเองก็มาถึงยังสถานที่นัดหมายเช่นเดียวกันหลังจากที่รถม้าจอดสนิทดีแล้วนั้นไม่นานก็มีบ
“คุณหนูซ่งรับราชโองการ....เนื่องด้วยคุณหนูซ่งอวี้หลันนั้นเป็นสตรีที่มากความสามารถอีกทั้งยังเป็นสตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาทอ่อนหวานเรียบร้อย จึงประทานสมรสพระราชทานให้แต่งเป็นพระชายาเอกในชินอ๋องจวินซีฮันในอีก 7 วันต่อจากนี้จบราชโองการ.....”จบราชโองการทั่วทั้งจวนต่างก็ตกอยู่ในความเงียบไม่เว้นแต่หญิงสาวเองที่ตั้งตัวไม่ทันว่าตนเองจะต้องแต่งงานให้กับชายหนุ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี่เองในตอนนี้หญิงสาวจึงได้ยังคงก้มหน้าเงียบจนเสี่ยวอิงต้องสะกิดเพื่อให้คุณหนูของตนรีบตอบรับราชโองการโดยไว“หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี เพคะ”จบคำของหญิงสาวกงกงคนสนิทของฮ่องเต้ก็ยื่นราชโองการสีเหลืองทองมาตรงหน้าของหญิงสาวจากนั้นมือบางจึงได้ยื่นไปรับมาถือไว้พร้อมกับเอ่ยขอบใจกงกงชราตรงหน้า“ลำบากท่านหม่ากงกงแล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวอิงเจ้าจงตามไปส่งท่านหม่ากงกงให้ข้าด้วยนะ”ประโยคแรกนั้นหญิงสาวเอ่ยกับกงกงชราตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนที่หญิงสาวจะหันไปเอ่ยกำชับกับสาวใช้คนสนิทอีกทั้งยังกำชับให้อีกฝ่ายมอ
ความเงียบยังคงปกคลุมไปทั่วชายป่าที่พวกเขายืนอยู่ หลังจากเอ่ยกับผู้เป็นตาเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นอวี้หลันจึงได้หันหน้าไปมองยังก็ผิงซานคุนก่อนที่ริมฝีปากบางของนางจะเริ่มเอ่ยวาจาออกมา“นายท่านเผิงกล่าวมาเมื่อครู่นี้ข้าเองก็เห็นด้วยกับพวกท่านนะเจ้าคะ คนทำผิดคิดชั่วย่อมสมควรได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม แต่ที่ข้าไม่เห็นด้วยก็คงจะเป็นคนที่ต้องโทษคิดกบฏนั้นหาใช่ตระกูลซ่งของข้า แต่เป็นตระกูลเผิงของพวกท่านต่างหากเล่า”“ท่านอย่าได้คิดจะเอ่ยปากแก้ตัวเพราะข้ากับท่านอ๋องนั้นต่างก็เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ที่พวกท่านมาถึงจนพูดคุยตกลงเกี่ยวกับการค้าในครั้งนี้จนไปถึงการส่งมอบสิ่งของพร้อมกับเงินทองเพื่อแลกเปลี่ยนกันแล้วอย่างไรเล่า”“นี่คงจะเพียงพอที่จะเอาผิดพวกท่านได้แล้วกระมัง แล้วไหนจะยังมีหัวหน้านายกองที่รับสินบนทั้งยังทำงานให้กับท่านมิใช่ให้กับฝ่าบาทเพียงเท่านี้ข้าคิดว่าโทษของตระกูลท่านก็คงจะมีหัวไม่พอให้ประหารชดใช้ความผิดแล้วละ”คำพูดของหญิงสาวทุกคำที่เอ่ยออกมานั้นช่างราวกับคมมีดที่กรีดลึกลงไปสุดขั้วหัวใจของคนฟังยิ่งนัก ไหนจะยังสามารถแจกแจงความผ