[BLAZ’S PART]
~ ครืนนนนนนนน ครืนนนนนนนนน ~
- DO -
เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังรอยูเทิร์นรถเพื่อนเข้าคอนโด ช่วงยูเทิร์นตรงนี้รถติดเป็นประจำอยู่แล้วจึงต้องใช้เวลาสักหน่อย
ตึ๊ด!
(ฮัลโหลไอ้เบลซ) เสียงไอ้ดีโอ หรือดีนเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผมเอ่ยขึ้นจากปลายสาย ด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
หลายคนชอบบอกว่าผมสองคนไม่น่าจะคบกันได้เพราะต่างก็เป็นคนไม่ค่อยพูดเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วใครจะรู้ว่าผมสองคนแม่งไม่เหมือนกันเลยสักนิด
ไอ้ดีโอมันนิ่งก็จริง แต่เป็นประเภทน้ำนิ่งไหลลึก ใครที่เป็นศัตรูกับมันคงต้องคิดให้ดีหน่อย ถึงเปลือกมันจะดูเป็นคนสุภาพอ่อนโยน เงียบขรึมก็เถอะแต่แม่งเจ้าแผนการ ต่างจากผมที่เป็นคนนิ่งไม่ชอบพูดกับใคร ก็แค่อยากพูดกับคนที่อยากเท่านั้น และผมเป็นคนทำอะไรซึ่งๆหน้า คิดอะไรผมก็ทำอย่างนั้น
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องกวนใจที่ทำให้ผม ทำแบบนั้นไม่ได้แล้วซิ...ผมคิดพลางหันไปมองยัยตัวเล็กที่นั่งข้างๆเธอเอาแต่เหม่อมองออกไปด้านนอกไม่สนใจผมเลยสักนิด
“ว่า”
(มึงว่างไหมวะ)
“เออ”
(ฝากดูไอ้จีให้ก็หน่อยดิ…แม่งก่อเรื่องอีกล่ะ ไอ้น้องเวร) ปลายสายบอกกับผมด้วยน้ำเสียงปกติ ไอ้ดีโอมันไม่หวงว่าใครจะมารังแกน้องมันหรอกครับ แต่มันกลัวว่าน้องมันจะไปรังแกใครมากกว่า เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไอ้จี หรือจีซัสน้องชายหัวแก้วหัวแหวนของมันก่อเรื่องให้พี่มันต้องตามล้างตามเช็ดตลอด
ถ้าเปรียบไอ้ดีโอเป็นเทพเจ้า ไอ้จีซัสก็คงต้องเป็นราชาปีศาจมันสองคนพี่น้องไม่มีตรงไหนที่เหมือนกันเลยสักนิด...แต่ส่วนตัวผมคิดว่าไอ้ดีนกังวลเรื่องไอ้จีเกินไปถึงมันจะอายุพึ่งจะยี่สิบก็เถอะ แต่งแม่งก็เป็นเจ้าของสนามแข่งรถ ไหนจะอู้ที่มันเปิดด้วยตัวมันเองอีก...
“เออ”
(เออ ขอบใจเว้ย)
ตึ๊ด!
“หิวรึยัง” ผมเอ่ยถามพร้อมกับหันไปมองยัวตัวเล็กที่เอาแต่นั่งเงียบข้างๆ ผม
“ยังค่ะ ดายังไม่หิว”
“งั้นฉันไปทำธุระก่อน” พูดจบผมก็หักรถออกไปทันที
“ค่ะ ว๊าย!” เธอร้องออกมาเสียง พร้อมกับมือที่กำเบาะรถไว้แน่น
“หึ...”
@D’DEMON
“ที่นี่ที่ไหนหรอค่ะ” ยัยตัวเล็กเอ่ยถามผมด้วยความสงสัย ทันทีที่รถจอดลงยังลานจอดรถวีไอพีของอาคารแห่งนี้
“ลงมาก่อน” ผมบอกก่อนจะออกจากรถไป
“...” เธอลงตามผมมาโดยที่ไม่ได้ถามอะไรต่อ
ที่นี่เป็นสนามแข่งรถของไอ้จีซัสตอนกลางวันจะค่อนข้างเงียบเพราะสนามนี้เปิดเฉพาะตอนกลางคืน ดังนั้นกลางวันลูกน้องของมันส่วนใหญ่จะไปทำงานกันอยู่ที่อู่ซ่อมรถด้านหน้าของสนามแข่งซะมากกว่า
“รอฉันอยู่ที่นี่ห้ามออกไปไหน เด็ดขาด” ผมเอ่ยบอกกับยัยตัวเล็กตรงหน้า หลังจากที่พาเธอเดินเขามาในห้อง ซึ่งเป็นเหมือนห้องนั่งเล่นของพวกผมเวลาที่มาดูแข็งรถ ทั้งห้องถูกปิดทึบมีเพียงกระจกบานใหญ่ที่หันหน้าเข้าหาสนามแข่งและประตูบานใหญ่ด้านข้างที่เปิดเข้าไปเป็นห้องนอนของไอ้จีซัสเท่านั้น เพราะแบบนี้จึงมีแค่ไอ้จี ผม และก็ไอ้ดีโอเท่านั้นที่สามารถเข้าห้องนี้ได้
ที่ผมสั่งดาหลาไว้แบบนี้เพราะผมรู้ดีว่าถึงกลางวันที่นี่จะดูเงียบต่างจากกลางคืนแต่ก็แฝงไปด้วยอันตรายไม่แตกต่างอะไรจากตอนกลางคืนเลยสักนิด
“หิวไหมเดี๋ยวฉันสั่งข้าวมาให้” ผมถามคนตรงหน้าออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะนี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วเธอคงไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าคงจะหิวหน้าดู
“ไม่ค่ะ ดารอคุณเบลซก่อน...”
“...”
“... คุณเบลอไปทำธุระเถอะค่ะ ดาจะรออยู่ที่นี่” เธอตอบผมออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจผมเต้นแรงทุกทีที่ได้เห็น
“อืม...” ผมขานรับเธอออกไปก่อนจะเดินหันหลังออกไปทันที
“หึ แบบนี้ฉันก็หลงเธอแย่สิดาหลา” ผมพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มขณะที่กำลังเดินออกไปหาไอ้จีซัสที่ห้องเชือด
...
[DARLA’S PART]
ฉันนั่งรอคุณเบลซอยู่บริเวณโซฟาใหญ่ใจกลางห้องสายตายังคงจับจ้องออกไปยังสนามแข่งรถด้านนอก ฉันไม่อยากจะนึกเลยว่าเวลากลางคืนที่นี้คนจะครึกครื้นน่าดู ด้วยสนามแห่งนี้ใหญ่โตโอ่อ่าคงจะจุคนได้หลายพันคนเลยทีเดียว
“ชะ...ช่วย...” ผ่านไปได้สักพักนึงก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ดังออกมาจากประตูบานใหญ่ ซึ่งเสียงนั้นพูดว่าอะไรฉันก็ฟังไม่ออกหรอก
“อาจจะมีคนอยู่…ไม่ดีๆ ถ้าไปแอบฟังเขา” ฉันสายหัว พร้อมกับบอกกับตัวเอง ก่อนจะหันออกไปทางกระจกด้านหน้า
“ชะ...ช่วยด้วย” เสียงนั้นดังออกมาอีกครั้ง ทำให้ฉันกลับไปมองที่ประตูบ้านใหญ่อีกครั้ง เพราะฉันเหมือนจะได้ยินคำว่า ‘ช่วยด้วย’ ฉันจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปยืนเอาหูแนบกับประตู
“ฮึก ชะ ช่วยฉันด้วย” เป็นเสียงของผู้หญิงที่กำลังร้องไห้ แล้วดูเหมือนเธอต้องการความช่วยเหลือ
ตึง! ตึง! ตึง!
“คุณคะได้ยินฉันไหม” ฉันตัดสินใจเคาะประตูบานนี้ พร้อมกับเอ่ยถามคนที่อยู่หลังประตูนี้ออกไป เพื่อเช็คความมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด
“ชะ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยฉันด้วย” เสียงคนข้างในดังขึ้นมา ทำให้ฉันมั่นใจได้ว่าตัวเองได้ยินไม่ผิด
แอ๊ดดดดด!
ฉันตัดสินใจเปิดประตูบ้านนี้เข้าไป ฉันรู้ดีว่าเข้าห้องคนอื่นแบบนี้มันดูไม่มีมารยาท แต่ถ้าชีวิตคนข้างนั้นกำลังจะเเย่ล่ะมองฉันว่าไม่มีมารยาทยังก็ไม่ถือสาหรอก
“ชะ...ช่วยด้วยค่ะ”
“คุณ!...” ฉันอุทานออกมาเสียงหลง ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาผู้หญิงตรงหน้าที่นอนราบอยู่ข้างเตียง พร้อมกับประคองเธอขึ้นมานั่งที่ขอบเตียง
“ตัวคุณร้อนมากเลย...” ฉันเอ่ยบอกกับเธอทันทีที่มือของฉันสัมผัสโดนตัวของเธอ ก่อนจะสังเกตเห็นรอยจ้ำเต็มตัวของเธอไปหมด...และยังมีโซ่ที่ล่ามขาของเธออยู่
เธอใส่เสื้อเชิ้ตตัวใหญ่เพียงตัวเดียวซึ่งกระดุมก็ไม่ได้ติด ไม่ใช่สิกระดุมมันหลุดออกไปแล้วนิ
หลังจากที่ฉันเห็นหน้าเธอชัดๆ พบว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าตาน่ารักคนหนึ่งเลยทีเดียว ปากนิด จมูกหน่อย รวมกันสีผัวที่อมชมพูนี่ด้วย ใครกันนะทำกับผู้หญิงที่น่ารัก น่าถนุถนอมคนนี้ได้ลงคอ
“ฮึก ฮือ ชะ ช่วยพาฉันออกไปที่นี่ทีนะคะ” เธอเอาร้องบอกกับฉันเสียงสั่นพร้อมกับร้องไห้ออกมาไม่หยุด ฉันจึงดึงเธอเข้ามากอดไว้ก่อนจะค่อยๆ เอามือลูบหลังของเธอเบา
“ค่ะ ฉันจะช่วย” ฉันเอ่ยบอกเธอออกไปอย่างแน่วแน่ อย่างน้อยเธอก็เป็นผู้หญิงเหมือนฉัน อะไรที่ฉันพอช่วยได้ฉันก็จะทำ
“ฮือออ ฮือออ”
“คุณรอฉันอยู่ตรงนี้นะคะ เดี๋ยวฉันไปตามคนมาช่วย” ฉันเอ่ยบอกกับผู้หญิงตรงหน้าฉันอย่างแน่วเเน่ แต่ฉันต้องหาคนมาปลดโซ่นี้ออกก่อน และคนเดียวที่ฉันนึกออกก็คือคุณเบลซ
“อึก ฮือ ไม่ค่ะ อย่าตามเขามานะ” เธอตายอ้อมกอดออกจากฉันก่อนจะพูดออกมาด้วยสีหน้าตื่นกลัว
“ใครคะ?” ฉันถามเขาออกไปด้วยความสงสัย
“อย่าตามผู้ชายใจร้ายคนนั้นมานะ ฉันขอร้องนะคะ” เธอก็ยังคงยืนยันคำเดิมพร้อมกับกอดฉันอีกครั้งด้วยความหวาดกลัว แต่ฉันจะไปตามคุณเบลซมาช่วยเพราะฉันเชื่อว่าเขาต้องช่วยเธอได้อย่างแน่นอน และคุณเบลซไม่ใช่ผู้ชายที่เธอพูดถึงเเน่นอน
“ฮือออ อึก” ฉันรู้สึกถึงความผิดปกติจึงคายอ้อมกอดออก ก่อนจะพบว่า...
“คุณ คุณคะ ได้ยิ้นฉันไหม คุณคะ”
“...” เงียบ! ฉันจึงตัดสินใจพาเธอลงนอนที่เตียงดีก่อนจะห่มผ้าให้เธออีกครั้ง ฉันพอจะเดาได้ว่าผู้หญิงคนนี้เจออะไรมาบ้างจากสภาพที่เธอเป็น...
ฉันตัดสินใจวิ่งออกมาจากห้องเพื่อตามหาคุณเบลซ แต่วิ่งมาได้สักพักฉันก็รู้สึกว่าที่นี้เหมือนกับเขาวงกตเลย ฉันหาคุณเบลซไม่เจอ หาทางกลับไปยังห้องที่ฉันออกมาก็ไม่เจอ
จนกระทั่งฉันได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากทางด้านหน้า ฉันจึงรีบวิ่งออกไปถามทางเขาทันที
“ขะ...ขอโทษนะคะ” ฉันพูดอออกไปกับกลุ่มผู้ชายสี่คนตรงหน้าอย่างกลัว เพราะพวกเขาดูไม่เป็นมืตรเอาสะเลย
“ว่าไงจะน้องสาว มาเป็นของเดิมพันคืนนี้หรอ”
“ห้ะ”
“สวยดีวะ รองสักทีไหมวะไหนๆ ก็หลงมาละ”
“เออกูเห็นด้วย” ชายตรงหน้ากระซิบกระซาบอะไรกันสักอย่างซึ่งฉันเองก็ไม่ได้ยิน แต่สังเกตจากท่าทีและแววตาของเขาทั้งสองคนแล้วคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ
“อะ เอ่อ ขอตัวนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับพวกเขาออกไปก่อนจะหันหลังกลับไปทางเดิม อย่างไงก็ขอออกไปจากตรงนี้ก่อนเรื่องตามหาคุณเบลซค่อยว่ากัน แต่...
“เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหน” ชายร่างใหญ่ก้าวเท้ายาวของเขามาขวางฉันไว้ที่ด้านหน้าของฉัน ส่วนชายอีกคนที่ดูผอมแห้งกว่ายังคงยืนอยู่ข้างหลังของฉัน
“ฉะ ฉันมีธุระต้องไปทำค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับพวกเขาออกไปด้วยความสุภาพ ฉันยอมรับว่าตอนนี้ฉันกลัวมาก แต่ฉันต้องพยายามควบคุมสติของตัวเองให้ดีก่อน
“งั้นก็มาสนุกกับพวกเราก่อน...” ชายร่างใหญ่ตรงหน้าเอ่ยบอกกับฉันพร้อมกับมือของเขาที่คว้าข้อมือของฉันไว้ก่อนจะดึงฉันเข้าไปหาตัวเขา แต่…
อั๊ค!
“โอ้ย” เสียงผู้ชายที่ยืนอยู่ด้วยหลังฉันร้องออกมา ก่อนที่ตัวของเขาจะล้มลงไปนอนกองอยู่กับพื้น
“คุณเบลซ” ชายร่างใหญ่ที่จับแขนของฉันตะโกนเรียกชื่อคนที่มาใหม่เสียงดังด้วยความตกใจ
“ช่วยดาด้วยคุณเบลซ” ฉันเอ่ยขอความช่วยเหลือจากชายที่เข้ามาใหม่ออกไปทันที พร้อมกับพยายามแกะข้อมือของตัวเองออกจากการจับกุม
“มึงยังไม่เอามือโสโครกของมึงออกจากแขนผู้หญิงของกูอีกหรอ” คุณเบลซเอ่ยเสียงแข็งพร้อมกับจ้องหน้าผู้ชายคนนี้ด้วยความโกรธเกรี้ยว
“คะ คือ” ชายร่างใหญ่ปล่อยฉันออกจากการจับกุมของเขาก่อนจะนั่งคลุกเข่าลงต่อหน้าคุณเบลซพร้อมกับเนื้อตัวที่สั่นเทาราวกับลูกไก่อย่างไงอย่างงั้น
“หึ มึงกล้ามากนะ”
มุมนี้ของคุณเบลซฉันก็ไม่เคยเห็น
“พะ พวกผมของโทษครับ” กลุ่มผู้ชายตรงหน้ารนรานเอ่ยขอโทษคุณเบลซกันยกใหญ่ พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้คุณเบลซอย่างขอความเมตตา
“มือข้างไหนที่มันจับผู้หญิงของกู ตัดมันทิ้งซะ” เสียงเข้มเอ่ยบอกกับมือขวาของเขาออกมาอย่าเรียบนิ่ง แต่แฝงไปด้วยความดุดันและน่ากลัว
“ผมขอโทษครับ คุณเบลซอย่าทำอะไรผมเลยนะครับ”
“คะ คุณเบลซคะ ดาไม่เป็นอะไรค่ะ อย่าทำถึงขนาดนั้นเลยนะคะ” ฉันเดินเข้าไปใกล้คุณเบลซ่อนจะเอ่ยบอกกับชายตรงหน้าออกไปอย่างกล้า ๆ กลัวๆ แต่ถึงยังไงฉันก็อยากขอร้องเขา เพราะสิ่งที่เข้าสั่งการทำรุนแรงเกินไปฉันไม่ได้เป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ
“…”
“คุณเบลซ ดาขอนะคะ” คุณเบลซละสายตาจากชายสองคนที่กำลังก้มกราบร้องขอชีวิตของตัวเอง แล้วหันมาสบตากับฉัน
“ไส้หัวของพวกมึงไป อย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก” คุณเบลซพูดออกมาอย่างดุๆ พร้อมกับสายตาที่จ้องอยู่ที่ฉัน ฉันคาดเดาไม่ออกเลยจริงๆว่าดวงตาคู่นี้ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่
“คะ ครับ” ทันทีที่พูดจบพวกเขาก็วิ่งกันออกไป
“บอกแล้วใช่ไหมว่าให้รออยู่ที่ห้อง ถ้า...”
“ค่อยดุดานะคะ มานี่กับดาก่อนค่ะ” ฉันเอ่ยบอกพร้อมกับจูงมือเขาออกไป
“ไปไหน” เขาเอ่ยขึ้นในขณะที่เดินตามฉันมา
“ไปห้องที่คุณให้ดาอยู่ไงคะ” ฉันก็ตอบกลับเขาไปในขณะที่เดินไปข้างหน้า
“รู้ทางรึไง” ฉันชะงักทันทีที่เขาพูดจบ ‘จริงด้วยฉันหลงนิ’
“คุณเบลซก็นำทางสิคะ”
“...”
“เร็วๆค่ะ ดามีเรื่องให้ช่วย” ฉันเอ่ยบอกกับเขาออกไปด้วยความเร่งรีบ
“...” เขาไม่พูดอะไรก่อนจะจูงมือฉันไปที่ห้องเดิมที่ฉันวิ่งออกมา หลังจากนั้นเขาก็เปิดประตูห้องให้ฉันเข้าไป และก็เป็นฉันเองที่ดึงเขาให้เดินตามมาในห้องข้างๆ ที่มีผู้หญิงตัวเล็กคนเดิมนอนอยู่บนเตียง
“คุณเบลซช่วยเธอด้วยนะคะ”
“...” คุณเบลซไม่พูดอะไรตอบกลับมา เขาเดินเข้าไปดูเธอ
“ใส่เสื้อผ้าเธอให้ดี ไม่ต้องห่วงเธอจะปลอดภัย” เขาเอ่ยบอกกับฉัน ก่อนจะเอาโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครคนหนึ่ง
“ค่ะ” ฉันขานรับเขาออกไป ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า เเละหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีดำออกมาใส่ให้เธอ พร้อมกับเขาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้เธอ
“มึงมาที่ห้องเดี๋ยวนี้ไอ้จี” คุณเบลซเอ่ยบอกกับปลายสายออกไป สีหน้าของเขาดูนิ่งๆเหมือนปกติ แต่น้ำเสียงนั้นกลับตรงกันข้ามกันเลย
“...” ฉันใส่เสื้อผ้าให้เธอเรียบร้อย กำลังจะห่มผ้าให้เธอ แต่สายตาของฉันก็หันไปเห็นรอยเลือดบนที่นอน
“คะ คุณเบลซ”
“...”
“เธอ...” ฉันคิดว่าเธออาจจะโดนรุมโทรมก็ได้เพราะรอยเลือดกับรอยจ้ำตามตัวของเธอไม่น่าจะเกิดจากคนคนเดียวเป็นคนทำ
“ฉันรู้ ไม่ต้องห่วงเธอจะปลอดภัย”
“เฮียตามผมมามีอะ...” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังออกมาจากด้วยนอก ก่อนที่เขาจะเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง
“ไขโซ่ที่ขาเธอ” คุณเบลซเอ่ยบอกกับคนที่มาใหม่ตรงหน้าเสียงนิ่ง
“...” เขาไม่พูดอะไรเพียงแต่เดินเขามาที่เตียงที่ฉันนั่งเช็ดตัวให้เธออยู่ ก่อนจะล้มลงมองผู้หญิงที่นอนไม่ได้สติ พร้อมกับเอามือลูบแก้มของเธอ
“กะทิเป็นอะไรอะเฮียทำไมตัวร้อนขนาดนี้”
“มึงเป็นคนทำ ยังจะมาถามกู”
“เฮีย...”
“รีบเอาโซ่ที่ขาเธอออกเถอะค่ะ ฉันอยากพาเธอไปโรงพยาบาล” ฉันไม่รู้หรอกว่าผู้ชายรูปหล่อคนนี้เป็นใคร และมันก็ไม่ใช่เวลาที่ต้องมาพูดอะไรกันตอนนี้ด้วย
“...” เขาไม่พูดอะไรเพียงแต่ไขโซ่ออกจากขาของเธอ
“เฮียขับ” เขาโยนกุญแจรถของตัวเองให้คุณเบลซก่อนจะ อุ้มเด็กผู้หญิงที่ชื่อกะทิไว้แนบอก
“อ่ะแฮ่ม!!!” “พะ พี่เบลซ” ฉันร้องเรียกเขาด้วยความตกใจ ถึงฉันกับพี่มาร์คัสจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาแต่ฉันก็ยังกลัวว่าเขาสองคนจะมีเรื่องกันอย่างวันนั้นอีก “ปล่อยมือออกจากเมียกูได้แล้วมั้ง” พี่เบลซเอ่ยบอกกับร่างสูงอีกคน ก่อนจะเดินเข้ามาจับมือหนาออกจาหัวของฉัน “หึ!” “ดาเข้าไปช่วยแม่กับยายเตรียมอาหารเถอะครับ ตรงนี้แดดมันแรงเกินไป” พี่เบลซเอ่ยบอกกับฉันด้วยรอยยิ้ม “พี่สองคนจะไม่ทะเลอะกันแน่หรอคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงทั้งสองตรงหน้าออกไปด้วยความกังวล ทุกครั้งที่พวกเขาเจอไม่เคยมีครั้งไหนที่พวกเขาจะคุยกันดีๆได้เลย “ไม่มีอะไรหรอครับ เข้าไปข้างในก่อนนะดา” พี่มาร์คัสเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ “แน่นะคะ” ฉันถามทั้งสองคนออกไปอีกครั้ง “ครับ/ครับ” “ก็ได้ค่ะ” ฉันตอบรับทั้งสองอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินเข้ามาในตัวบ้าน...[BLAZ’S PART] “รอบนี้ไม่ต่อยกูหรอวะ” ไอ้มาร์คัสเอ่ยถามผมขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนๆ “เมียคุมความประพฤติกูอยู่” ผมตอบกลับมันไปเสียงเรียบ “หึ มีอะไรอยากคุยกับกูก็ว่ามา”
ก๊อกๆๆ !!!!“เดี๋ยวแม่ไปเปิดเองลูก” “เชิญค่ะ” แม่ดาราเดินไปเปิดประตูให้กับคนที่มาใหม่ ก่อนที่ท่านจะดูตกใจเล็กน้อย “คุณท่าน คุณผู้หญิง...สวัสดีค่ะ” แม่ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือไหว้ทั้งสองที่มาใหม่อย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องมากพิธีหรอกดา เราเข้าไปข้างในกันเถอะฉันไม่ได้มาที่นี่ในฐานะเจ้านาย ฉันมาในฐานะยาย ฉันมาขอโทษแทนหลานชายตัวดีของฉันที่ทำผิดไว้กับลูกสาวของเธอ” เสียงคุณท่านเอ่ยถามแม่ของฉันเสียงอ่อน ก่อนที่แม่ของฉันจะเปิดประตูเพื่อตอนรับผู้ที่มาใหม่ทั้งสอง “ใช่ค่ะตามที่คุณแม่ท่านบอก ดาราไม่ใช่คนงานในบ้านเราแล้ว แต่เป็นแม่ของผู้หญิงที่ลูกชายเรารักมากที่สุด” คุณสัณห์แม่ของพี่เบลซพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “คุณท่าน คุณสัณห์สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ทั้งสองอย่างนอบน้อม ก่อนจะก้มหน้าให้กับพวกท่านอย่างไม่กล้าสบตา “สวัสดีจ่ะหนูดา แม่ขอโทษแทนลูกแม่ด้วยนะดาหลา” คุณสัณห์หันมาบอกกับกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่ท่านจะลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู “ถ้าต่อไปนี้ตาเบลซรังแกหนูอีกบอกยายเลยนะ เดี๋ยวยายจัดการให้เอง” คุณท่านเอ่ยบอกกับด้วยใบหน้า
[BLAZ’S PART]“ดา ดาครับ” ผมเอ่ยเรียกร่างบางที่หมดสติไปในอ้อมกอดของผม ผมอุ้มเธอไว้แนบอกก่อนจะพาเธอออกมาด้านนอก ก่อนที่จะผมวางเธอลงบนเตียงซึ่งห้องนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องพักฟื้นของตาทอง “คุณหมอเบลซมีอะไรให้ฉันช่วยไหมค่ะ” เสียงพยาบาลเดินตามเข้ามาช่วยผม ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามผมขึ้น “ไปตามหมอจากแผนกสูติมาที” ผมเอ่ยบอกกับพยาบาลตรงหน้าเสียงเรียบ “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะคุณหมอเบลซ” หลังจากที่พยาบาลเดินออกไปผมจึงเริ่มตรวจร่างกายเบื้องต้นให้กับร่างบางตรงหน้า เธอหมดสติไปมาจากการที่เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ตาของเธอหมดสติไปจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปบ่ายสามของอีกวันเธอยังไม่ได้นอนพักเลย รวมถึงเธอมีความเครียด ความวิตกกังวลสะสมอยู่มากทีเดียวและมีเรื่องหนึ่งที่ยังคงกวนใจผมอยู่ถึงร่างบางตรงหน้าผมจะไม่มีอาการอะไรที่ผิดปกติแสดงออกมาให้ผมเห็น แต่ผมมี...ม๊าเคยเล่าให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ ว่าป๊าผมมีอาการแบบเดียวกันนี้ตอนที่ม๊าท้องผม มันทำให้ผมสงสัยว่าร่างบางตรงหน้ากำลังตั้งท้อง และผมเป็นคนแพ้ท้องแทนเธอ“สวัสดีค่ะคุณหมอเบลซ” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยถามผมขึ้นอย่างนอบ
“อ้วกกกกกก…” ผมโก่งคออ้วกออกมาจนแสบคอไปหมด ก่อนจะทรุดนั่งลงกับพื้นห้องน้ำอย่างหมดแรง“คุณเบลซเป็นไงบ้างลูก ไหวไหม” ยายมณีเอ่ยถามผมดังมาจากด้านนอก“ผมไม่เป็นไรครับยาย”“มีอะไรหรอคะยาย” เสียงดาหลาเอ่ยถามยายของด้วยความสงสัย“ก็คุณเบลซนะสิลูกอยู่ดีๆก็อาเจียนออกมา”“อาเจียนหรอคะ” ดาหลาเอ่ยถามยายของเธอกลับไปอีกครั้ง แต่น้ำเสียงของเธอมันเเสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอเป็นห่วงผม“ใช่ลูก”“เมื่อกี้เขาก็ยังดีๆอยู่นี่คะ” เสียงดาหลาดังเข้ามาใกล้ขึ้น เหมือนเธอจะเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำที่ผมอยู่“ก็นั่นสิลูก”แอ๊ดดดด !!!“คุณเบลซ” ยายมณีเอ่ยเรียกผมเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาผมอย่างเป็นห่วง“ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆครับยาย” ผมเอ่ยบอกกับหญิงสูงวัยตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ผมเลือกที่จะไม่พูดความจริงกับท่าน เพราะผมคงไม่กล้าบอกหรอกนะว่าผมเหม็นกลิ่นอาหารที่ท่านทำอะ“หน้าคุณซีดมากเลยนะคะ” เธอเอ่ยบอกกับผมเสียงอ่อน“^0^” ผมหันไปยิ้มหวานให้กับเธออีกครั้ง“คุณยิ้มอะไรคะ” เธอเอ่ยถามผมเสียงเรียบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์กับท่าทางของผมสักเท่าไหร่“หนูเป็นห่วงพี่หรอครับ” ผมยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน“ป
“คุณเบลซคะลุกขึ้นเถอะค่ะ” น้าดาราเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง“น้าดาครับ ตา ยายครับ ผมรักดาหลามาก…”“…”“ผมรักเธอมากจริงๆ”“…”“ในวันนี้ที่ไม่มีเธออยู่หัวใจของผมมันก็แตกสลายไม่เป็นชิ้นดี ผมขอ…” ผมเอ่ยบอกกับทั้งสามคนตรงหน้าเสียงสั่นน้ำตายังคงคออยู่เต็มดวงตา“…”“นะครับน้าดา ผมกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว แต่ผมขอทำปัจจุบันที่ยังเหลือใหม่ได้ไหมครับ”“ค่ะ น้าจะให้อภัยคุณ” น้าดาราเอ่ยบอกกับผมเสียงเรียบพร้อมกับจ้องมองมาที่ผมนิ่งๆ“ดา…” เสียงตาทองดุลูกสาวของท่านเสียงดัง“แต่ถ้าคุณเบลซทำให้ลูกสาวของน้าเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นทางกาย และทางใจอีกเพียงครั้งเดียว คุณเบลซต้องเป็นคนเดินออกไปจากชีวิตของลูกสาวน้า มันจะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองสำหรับคุณอีก”“…”“จะรับปากน้าไหมคะ” น้าดาราเอ่ยถามผมเสียงเรียบ“ผมรับปากครับ มันจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอนครับ” ผมเอ่ยบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความหนักแน่น เรื่องที่เคยเกิดขึ้นมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกเพียงครั้งเดียวมันก็มากเกินพอเเล้ว วันนี้ผมรู้ซึ้งแล้วว่าถ้าผมไม่มีดาหลาผมไม่สามารถอยู่บนโลกที่กว้างใหญ
[DARLA’S PART]16.30 น.“ยายคะต่อไปดาจะจัดการเรื่องอาหารการกินให้ยายเองนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับยายของตัวเองเสียงอ่อน ทันทีที่รถประจำทางจอดบริเวณหน้าทางเข้าสวนส้ม ฉันกับแม่ดาพายายไปโรงพยาบาลในตัวอำเภอ เพราะท่านบ่นเวียนหัวไม่หายสักทีฉันกลัวว่าจะเป็นหนังถ้าปล่อยไว้นาน เลนพาท่านไปหาหมอให้คุณหมอตรวจดูสักหน่อย“…” ยายมณีมองมาทางฉันด้วยแววตาเศร้าๆ ราวกับเด็กที่กับเด็กที่กำลังโดนบังคับยังไงยังงั้น ฉันส่งยิ้มหวานไปให้ท่านก่อนจะพูดต่อ“ของมันของทอดต้องค่อยๆลดแล้วนะคะ”“จ้าหลานรัก” ยายเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่ท่านจะส่งยิ้มมาให้ฉันอย่างเอ็นดู“งั้นเราเริ่มเลยนะคะ หนูขอยึดกล้วยทอดก่อนเลยค่ะ” ฉันดึงถุงกล้วยทอดออกจากมือของยายเบาๆ“เอ้า…เริ่มเลยเลอะยายหนู” ยายเอ่ยถามฉันออกมาเสียงอ่อน พร้อมกล้วยทอดในมือฉันตาละห้อย ถึงยังไงฉันก็ไม่ใจอ่อนหลอกนะเพื่อสุขภาพที่ดีของฉัน“ป้ายหายไปแล้ว สงสัยพ่อจะได้คนงานใหม่แล้วนะจ๊ะแม่” แม่ของฉันพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังรั้วตรงหน้าที่ปกติมันมีป้ายประกาศติดอยู่ ซึ่งฉันเป็นคนเอามาติดเองกับมือก่อนจะออกไปโรงพยาบาล“ดีแล้วลูกตาแก่จะได้มีลูกมือ กลางคืนก็จะได้มีคนช่วยเดินเวรด้วย”“ท