มีหลายคนเคยบอกว่าที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ แต่ก็มีอีกหลายคนที่บอกว่า... มีรักก็ทำให้มีสุขได้ ถ้าหากเขาคนนั้นก็รักเราเช่นกัน
View More[DARLA’S PART]
กลิ่นหอมของน้ำทะเลลอยเข้ามาปะทะกับจมูกน้อยๆ ของฉัน ก่อนที่ฉันจะสูดดมกลิ่นอายจนเต็มปอด
‘เฮ้ย...อยากไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนเพื่อนจังเลย’ ฉันถอนหายใจออกมาก่อนที่จะคิดถึงหาดทรายขาวๆ บวกกับน้ำทะเลใสๆ ที่ฉันพึ่งมโนไปเมื่อกี้ใดๆร้อนๆ ‘ฉันดาหลาค่ะ หรือเรียกว่าดาเฉยๆก็ได้นะ’
.
.
.
เอี๊ยดดดดดดดดด!
เสียงเบรคของรถยนต์ดังขึ้นจากบริเวณลานหน้าบ้าน ปลุกฉันให้ออกจากภวังค์ ก่อนที่จะพยุงตัวเองลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวใหญ่เพื่อที่จะเดินไปเปิดประตูให้กับคนที่พึ่งมาใหม่
“อึบ…ถ้ากลอนประตูจะอยู่สูงขนาดนี้อะนะ” ฉันพยายามเขย่งเท้าเพื่อที่จะเอื้อมมือน้อยๆ ของตัวเองไปปลดล็อกกลอนประตู
แอ๊ดดดดดดดดดด!
“สวัสดีค่ะคุณเบลซ” ฉันเอ่ยทักทายเขาอย่างสุภาพพร้อมกับยกมือไหว้เขาออกไปด้วยความนอบน้อม ก่อนที่ชายร่างใหญ่จะเดินเข้ามาทันทีที่
“...”
‘คุณเบลซ...’ ชายหนุ่มมาดนิ่ง ที่ทั้งหล่อ รวย เก่ง ดีกรีว่าที่ศัลยแพทย์มือหนึ่งของประเทศ นี่แค่ประวัติคร่าวๆ เขายังดูครบเครื่องขนาดนี้เลยใช่ไหมล่ะคะ ก็ใช่แหละค่ะและเพราะความเพอร์เฟคนี้ของเขาทำให้สาวน้อยสายใหญ่ต่างรุมล้อมเข้ามาขายขนมจีบซะจนหัวบันไดบ้านไม่เคยแห้ง แต่เท่าที่ฉันรู้จักกับเขามาก็ไม่เคยเห็นเขาซื้อขนมจีบจากใครเลยนะคะ
และที่เขากลับบ้านมาดึกดื่นขนาดนี้ไม่ใช่ว่าเขาเข้าเวรแต่อย่างใด จากกลิ่นเหล้าที่คละคลุ้งขนาดนี้ นี่ฉันยืนห่างจากเขาพอสมควรกลิ่นที่โชยมาเข้าจมูกยังทำให้ฉันเวียนหัวไปหมด เขาคงไปกินเหล้าสังสรรค์กับพวกเพื่อนๆ ของเขามาแน่นอน ซึ่งปกติแล้ววันธรรมดาคุณเบลซเขามักจะอยู่คอนโดไม่ค่อยได้กลับบ้าน ยกเว้นแต่วันหยุดของเขาถึงจะกลับมาพักที่นี่บ้าง
อ้อลืมบอกไปคุณเบลซ... เขาเป็นหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณท่านชาญวิทย์ กับคุณหญิงสินี วงค์อัครหิรัญ ซึ่งคุณท่านทั้งสองมีลูกสาวเพียงคนเดียวคือ คุณสัณห์ฤทัย โชติธนชัยพัฒน์ และคุณสัณห์ ก็เป็นคุณแม่ของของคุณเบลซนั่นเองค่ะ
“...” เขายืนนิ่งขนาดนี้ฉันต้องเชิญเขาเข้าบ้านของตัวเขาเองไหมเนี่ย ฉันรู้สึกว่าตัวเองเกร็งไปหมดเพราะเขาเอาแต่จ้องหน้าฉันอยู่ได้ ไม่มีทีท่าว่าจะเดินเข้าหรือแม้แต่เอ่ยคำใดกับฉัน
“ชะ...เชิญคะ” หลังจากที่เราทั้งคู่เงียบใส่กันอยู่สักครู่ ฉันจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นกับเขาก่อน เพื่อทำลายความเงียบที่เกิดขึ้น
ถึงฉันจะอยู่บ้านนี้มาตั้งแต่จำความได้จนตอนนี้ฉันกับคุณเบลซ เราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดที่ฉันจะกล้าพูดเล่นกับเขาได้...ด้วยความที่เขาเป็นคนนิ่งๆ แบบว่านิ่งจนน่ากล้วเเบบนี้มาตั้งแต่เล็กจนโต ทำให้ฉันไม่กล้าที่จะไปชวนเขาเล่นหรือคุยด้วยเลย
และที่สำคัญเขาเป็นหลานของคุณท่านด้วย ยิ่งทำให้ฉันไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เขาไปใหญ่...ถึงแม้ว่าตอนเด็กๆ คุณท่านทั้งสองจะให้เราสองคนเล่นอยู่ด้วยกันบ่อยๆก็เถอะ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันกับเขาสนิทสนมกันมากขึ้นเลย
“ทำไมถึงเป็นคนมาเปิด?...” เขาเดินเข้ามาก่อนจะหยุดฝีเท้า พร้อมกับหันกลับมามองฉันด้วยสายตาเย็นชาคู่เดิมที่ฉันคุ้นเคย...รึป่าว!
“อะ...เอ่อ ลุงชัยลากลับบ้านค่ะ”
“...” เอิบ! เงียบไร้เสียงตอบรับอะไรทั้งสิ้น (เรื่องปกติ) แต่ที่ไม่ปกติก็คือเขายังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนเลยละ... ‘เขาไม่ขึ้นห้องหรอ’
“...”
แอ๊ดดดดดดดดดด!
“คุณเบลซต้องการอะไรรึป่าวคะ?...” ฉันเอ่ยถามเขาออกไปหลังจากที่ปิดประตูบานใหญ่ แต่ก็นะผู้หญิงเล็กๆ ที่สูงเพียงแค่ 160 เซนติเมตรอย่างฉันยืดสุดตัวมือฉันยังเอื้อมไม่ถึงกลอนประตูด้านบนเลย
“ไม่...”
“อะ…” ฉันอุทานออกมาทันทีที่สัมผัสได้ถึงแผ่นอกของคุณเบลซที่ดันหัวของฉันติดเข้ากับประตู ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปล็อกกลอนประตูแทนฉัน
“อะ เอ่อ ขอบคุณะ…ถ้าคุณเบลซไม่ต้องการอะไรแล้วดาขอตัวก่อนนะคะ” ฉันเอ่ยถามเข้าขึ้นมาทันที พร้อมกับขยับถอยห่างออกมาจากผู้ชายตรงหน้า
“เดี๋ยว”
“คะ?”
“หิว ทำไข่เจียวให้ฉันกินหน่อย” ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยบอกกับฉันด้วยสายตาเรียบนิ่งเช่นเคย
“ได้ค่ะ เดี๋ยวดาทำให้นะคะ” ฉันพูดจบก็เดินเข้าไปยังห้องครัวทันทีแต่…ฉันหยุดเดินก่อนหันกลับไปมองทางด้านหลังที่มีผู้ชายร่ายใหญ่คนเดิมกำลังเดินตามฉันมา
“คุณเบลซรอดาที่ห้องนั่งเล่นก่อนก็ได้นะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับเขาออกไปด้วยความหวังดี แต่ก็นะนอกจากจะไม่มีเสียงตอบรับแล้วผู้ชายคนนี้ยังเดินผ่านฉันเข้าไปยังห้องครัวหน้าตาเฉย นี่แหละน้าคุณเบลซตัวจริงเสียงจริงไม่ได้ใช้ตัวแสดงแท้เลยล่ะค่ะ
หลังจากนั้นฉันก็ลงมือทำไข่เจียวสูตรประจำที่ฉันเคยทำตอกไข่ลงไปสองใบ ตามด้วยหมูสับ แครอทสับนิดหน่อย และสุดท้ายปรุงรสด้วยน้ำมันหอยและซอสฝาเขียวจากนั้นก็เจียวๆ ๆ ให้เข้ากันก่อนจะลงกระทะทอด
“หอมจัง” หลังจากที่ฉันตักไข่ทองขึ้นมาใส่จานเรียบร้อยแล้ว จึงเดินไปคดข้าวสวยร้อนๆ ในหม้อมาวางไว้ให้คุณเบลซซึ่งนั่งมองฉันทำโน้นทำนี่อยู่ที่เก้าอี้
“เรียบร้อยค่ะ...”
“กินข้าวกับฉันสิ” ผู้ชายตรงหน้าที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทานไข่เจียวอย่างเอร็ดอร่อยเอ่ยบอกกับฉัน
“ดาทานอิ่มแล้วค่ะ คุณเบลซทานเลยค่ะ”
“งั้นไปนอนเถอะ”
“แต่…” ฉันกำลังจะเอ่ยบอกกับผู้ชายตรงหน้า แต่เขาก็พูดขัดขึ้นมาก่อน
“ดึกแล้วไปนอน…” คุณเบลซเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง
“ค่ะ…งั้นดาขอตัวนะคะ”
“อืม...” หลังจากได้ยินเขาตอบกลับมาแล้วฉันจึงหันหลัง กำลังจะเดินออกไป แต่...
“...ฝันดี...”
“คะ...?” ฉันหยุดแล้วหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง...
“แฮร่!...งั้นดาไปนะคะ” ฉันหันไปยิ้มให้กับเขาอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป...หูฉันคงเพี้ยนไปแล้วแหละอย่างคุณเบลซไม่มีทางพูดอะไรแบบนี้กับฉันแน่นอน
“...”
“อ่ะแฮ่ม!!!” “พะ พี่เบลซ” ฉันร้องเรียกเขาด้วยความตกใจ ถึงฉันกับพี่มาร์คัสจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาแต่ฉันก็ยังกลัวว่าเขาสองคนจะมีเรื่องกันอย่างวันนั้นอีก “ปล่อยมือออกจากเมียกูได้แล้วมั้ง” พี่เบลซเอ่ยบอกกับร่างสูงอีกคน ก่อนจะเดินเข้ามาจับมือหนาออกจาหัวของฉัน “หึ!” “ดาเข้าไปช่วยแม่กับยายเตรียมอาหารเถอะครับ ตรงนี้แดดมันแรงเกินไป” พี่เบลซเอ่ยบอกกับฉันด้วยรอยยิ้ม “พี่สองคนจะไม่ทะเลอะกันแน่หรอคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงทั้งสองตรงหน้าออกไปด้วยความกังวล ทุกครั้งที่พวกเขาเจอไม่เคยมีครั้งไหนที่พวกเขาจะคุยกันดีๆได้เลย “ไม่มีอะไรหรอครับ เข้าไปข้างในก่อนนะดา” พี่มาร์คัสเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ “แน่นะคะ” ฉันถามทั้งสองคนออกไปอีกครั้ง “ครับ/ครับ” “ก็ได้ค่ะ” ฉันตอบรับทั้งสองอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินเข้ามาในตัวบ้าน...[BLAZ’S PART] “รอบนี้ไม่ต่อยกูหรอวะ” ไอ้มาร์คัสเอ่ยถามผมขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนๆ “เมียคุมความประพฤติกูอยู่” ผมตอบกลับมันไปเสียงเรียบ “หึ มีอะไรอยากคุยกับกูก็ว่ามา”
ก๊อกๆๆ !!!!“เดี๋ยวแม่ไปเปิดเองลูก” “เชิญค่ะ” แม่ดาราเดินไปเปิดประตูให้กับคนที่มาใหม่ ก่อนที่ท่านจะดูตกใจเล็กน้อย “คุณท่าน คุณผู้หญิง...สวัสดีค่ะ” แม่ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือไหว้ทั้งสองที่มาใหม่อย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องมากพิธีหรอกดา เราเข้าไปข้างในกันเถอะฉันไม่ได้มาที่นี่ในฐานะเจ้านาย ฉันมาในฐานะยาย ฉันมาขอโทษแทนหลานชายตัวดีของฉันที่ทำผิดไว้กับลูกสาวของเธอ” เสียงคุณท่านเอ่ยถามแม่ของฉันเสียงอ่อน ก่อนที่แม่ของฉันจะเปิดประตูเพื่อตอนรับผู้ที่มาใหม่ทั้งสอง “ใช่ค่ะตามที่คุณแม่ท่านบอก ดาราไม่ใช่คนงานในบ้านเราแล้ว แต่เป็นแม่ของผู้หญิงที่ลูกชายเรารักมากที่สุด” คุณสัณห์แม่ของพี่เบลซพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “คุณท่าน คุณสัณห์สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ทั้งสองอย่างนอบน้อม ก่อนจะก้มหน้าให้กับพวกท่านอย่างไม่กล้าสบตา “สวัสดีจ่ะหนูดา แม่ขอโทษแทนลูกแม่ด้วยนะดาหลา” คุณสัณห์หันมาบอกกับกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่ท่านจะลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู “ถ้าต่อไปนี้ตาเบลซรังแกหนูอีกบอกยายเลยนะ เดี๋ยวยายจัดการให้เอง” คุณท่านเอ่ยบอกกับด้วยใบหน้า
[BLAZ’S PART]“ดา ดาครับ” ผมเอ่ยเรียกร่างบางที่หมดสติไปในอ้อมกอดของผม ผมอุ้มเธอไว้แนบอกก่อนจะพาเธอออกมาด้านนอก ก่อนที่จะผมวางเธอลงบนเตียงซึ่งห้องนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องพักฟื้นของตาทอง “คุณหมอเบลซมีอะไรให้ฉันช่วยไหมค่ะ” เสียงพยาบาลเดินตามเข้ามาช่วยผม ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามผมขึ้น “ไปตามหมอจากแผนกสูติมาที” ผมเอ่ยบอกกับพยาบาลตรงหน้าเสียงเรียบ “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะคุณหมอเบลซ” หลังจากที่พยาบาลเดินออกไปผมจึงเริ่มตรวจร่างกายเบื้องต้นให้กับร่างบางตรงหน้า เธอหมดสติไปมาจากการที่เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ตาของเธอหมดสติไปจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปบ่ายสามของอีกวันเธอยังไม่ได้นอนพักเลย รวมถึงเธอมีความเครียด ความวิตกกังวลสะสมอยู่มากทีเดียวและมีเรื่องหนึ่งที่ยังคงกวนใจผมอยู่ถึงร่างบางตรงหน้าผมจะไม่มีอาการอะไรที่ผิดปกติแสดงออกมาให้ผมเห็น แต่ผมมี...ม๊าเคยเล่าให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ ว่าป๊าผมมีอาการแบบเดียวกันนี้ตอนที่ม๊าท้องผม มันทำให้ผมสงสัยว่าร่างบางตรงหน้ากำลังตั้งท้อง และผมเป็นคนแพ้ท้องแทนเธอ“สวัสดีค่ะคุณหมอเบลซ” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยถามผมขึ้นอย่างนอบ
“อ้วกกกกกก…” ผมโก่งคออ้วกออกมาจนแสบคอไปหมด ก่อนจะทรุดนั่งลงกับพื้นห้องน้ำอย่างหมดแรง“คุณเบลซเป็นไงบ้างลูก ไหวไหม” ยายมณีเอ่ยถามผมดังมาจากด้านนอก“ผมไม่เป็นไรครับยาย”“มีอะไรหรอคะยาย” เสียงดาหลาเอ่ยถามยายของด้วยความสงสัย“ก็คุณเบลซนะสิลูกอยู่ดีๆก็อาเจียนออกมา”“อาเจียนหรอคะ” ดาหลาเอ่ยถามยายของเธอกลับไปอีกครั้ง แต่น้ำเสียงของเธอมันเเสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอเป็นห่วงผม“ใช่ลูก”“เมื่อกี้เขาก็ยังดีๆอยู่นี่คะ” เสียงดาหลาดังเข้ามาใกล้ขึ้น เหมือนเธอจะเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำที่ผมอยู่“ก็นั่นสิลูก”แอ๊ดดดด !!!“คุณเบลซ” ยายมณีเอ่ยเรียกผมเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาผมอย่างเป็นห่วง“ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆครับยาย” ผมเอ่ยบอกกับหญิงสูงวัยตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ผมเลือกที่จะไม่พูดความจริงกับท่าน เพราะผมคงไม่กล้าบอกหรอกนะว่าผมเหม็นกลิ่นอาหารที่ท่านทำอะ“หน้าคุณซีดมากเลยนะคะ” เธอเอ่ยบอกกับผมเสียงอ่อน“^0^” ผมหันไปยิ้มหวานให้กับเธออีกครั้ง“คุณยิ้มอะไรคะ” เธอเอ่ยถามผมเสียงเรียบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์กับท่าทางของผมสักเท่าไหร่“หนูเป็นห่วงพี่หรอครับ” ผมยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน“ป
“คุณเบลซคะลุกขึ้นเถอะค่ะ” น้าดาราเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง“น้าดาครับ ตา ยายครับ ผมรักดาหลามาก…”“…”“ผมรักเธอมากจริงๆ”“…”“ในวันนี้ที่ไม่มีเธออยู่หัวใจของผมมันก็แตกสลายไม่เป็นชิ้นดี ผมขอ…” ผมเอ่ยบอกกับทั้งสามคนตรงหน้าเสียงสั่นน้ำตายังคงคออยู่เต็มดวงตา“…”“นะครับน้าดา ผมกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว แต่ผมขอทำปัจจุบันที่ยังเหลือใหม่ได้ไหมครับ”“ค่ะ น้าจะให้อภัยคุณ” น้าดาราเอ่ยบอกกับผมเสียงเรียบพร้อมกับจ้องมองมาที่ผมนิ่งๆ“ดา…” เสียงตาทองดุลูกสาวของท่านเสียงดัง“แต่ถ้าคุณเบลซทำให้ลูกสาวของน้าเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นทางกาย และทางใจอีกเพียงครั้งเดียว คุณเบลซต้องเป็นคนเดินออกไปจากชีวิตของลูกสาวน้า มันจะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองสำหรับคุณอีก”“…”“จะรับปากน้าไหมคะ” น้าดาราเอ่ยถามผมเสียงเรียบ“ผมรับปากครับ มันจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอนครับ” ผมเอ่ยบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความหนักแน่น เรื่องที่เคยเกิดขึ้นมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกเพียงครั้งเดียวมันก็มากเกินพอเเล้ว วันนี้ผมรู้ซึ้งแล้วว่าถ้าผมไม่มีดาหลาผมไม่สามารถอยู่บนโลกที่กว้างใหญ
[DARLA’S PART]16.30 น.“ยายคะต่อไปดาจะจัดการเรื่องอาหารการกินให้ยายเองนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับยายของตัวเองเสียงอ่อน ทันทีที่รถประจำทางจอดบริเวณหน้าทางเข้าสวนส้ม ฉันกับแม่ดาพายายไปโรงพยาบาลในตัวอำเภอ เพราะท่านบ่นเวียนหัวไม่หายสักทีฉันกลัวว่าจะเป็นหนังถ้าปล่อยไว้นาน เลนพาท่านไปหาหมอให้คุณหมอตรวจดูสักหน่อย“…” ยายมณีมองมาทางฉันด้วยแววตาเศร้าๆ ราวกับเด็กที่กับเด็กที่กำลังโดนบังคับยังไงยังงั้น ฉันส่งยิ้มหวานไปให้ท่านก่อนจะพูดต่อ“ของมันของทอดต้องค่อยๆลดแล้วนะคะ”“จ้าหลานรัก” ยายเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่ท่านจะส่งยิ้มมาให้ฉันอย่างเอ็นดู“งั้นเราเริ่มเลยนะคะ หนูขอยึดกล้วยทอดก่อนเลยค่ะ” ฉันดึงถุงกล้วยทอดออกจากมือของยายเบาๆ“เอ้า…เริ่มเลยเลอะยายหนู” ยายเอ่ยถามฉันออกมาเสียงอ่อน พร้อมกล้วยทอดในมือฉันตาละห้อย ถึงยังไงฉันก็ไม่ใจอ่อนหลอกนะเพื่อสุขภาพที่ดีของฉัน“ป้ายหายไปแล้ว สงสัยพ่อจะได้คนงานใหม่แล้วนะจ๊ะแม่” แม่ของฉันพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังรั้วตรงหน้าที่ปกติมันมีป้ายประกาศติดอยู่ ซึ่งฉันเป็นคนเอามาติดเองกับมือก่อนจะออกไปโรงพยาบาล“ดีแล้วลูกตาแก่จะได้มีลูกมือ กลางคืนก็จะได้มีคนช่วยเดินเวรด้วย”“ท
[BLAZ’S PART]23.00 น.@คฤหาสน์ตระกูลอัครหิรัญ“อือ...” ผมครางออกมาเบาๆ ไอ้ดีนกับไอ้จีหิ้วแขนทั้งสองข้างของบนไว้บนบ่าหนาของพวกมัน พร้อมกับเดินตามป๊าเข้าไปในบ้าน “...” ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมทันทีที่เดินเข้ามายังห้องนั่งเล่น อยู่กันครบเลยทุกคนคงจะอยู่รอผมกลับมาสินะ เพราะตั้งวันนั้นที่น้าดาราหายตัวไปผมก็ไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลย “ตาเบลซ” ม๊าของผมร้องเรียกผมด้วยความตกใจ ท่านเดินเข้ามาหาผมก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าของผม ก็อย่าที่ผมเคยบอกผมไม่เคยเสียน้ำตาให้ใครเห็นมาก่อนมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ม๊าผมจะตกใจ “ดีน จี วางตาเบลซตรงนี้ลูก” ม๊าผมหันไปบอกกับไอ้ดีนและไอ้จีให้วางผมลงบนโซฟาที่ห่างไปไม่ไกล ก่อนที่ท่านจะลงมานั่งข้างๆผม “เล่ามาว่ามันเกินเรื่องอะไรขึ้น” ถามผมถามขึ้นเสียงแข็ง “...”“ดีน”“ผมไม่รู้รายละเอียดอะไรมากครับ...ผมรู้แค่ว่าไอ้มาร์คัสพาดาหลาหนีไปครับ” ไอ้ดีนเอ่ยตอบคุณตาของผมเสียงเรียบ“แล้วจีรู้อะไรบ้างไหมลูก” คุณตาหันไปถามจีซัสอีกคน“จีรู้เท่าเฮียดีนครับตา”“เจ้าเบลซล่ะอะไรจะสารภาพไหม” คุณตาหันกลับมาถามผมเสียงเรียบ พร้อ
[DARLA’S PART]19.00 น.@สวนส้มตาทอง “แม่คะ ที่นี่คือที่ไหนหรอคะ” ฉันเอ่ยถามแม่ออกไปด้วยความสงสัย พร้อมกับรถหรูของมาร์คัสเลี้ยวเข้ามาในบริเวณของ ‘สวนส้มตาทอง’ ฉันไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน “บ้านเราน่ะลูก” แม่เอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน พร้อมกับสายตาของท่านที่มองออกไปยังบ้านหลังใหญ่ตรงหน้า “ถึงแล้วครับ” มาร์คัสเอ่ยบอกฉันกับแม่ พร้อมกับรถหรูของเขาที่หยุดลงบริเวณหน้าบ้านทรงไทยประยุกต์ 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ตรงหน้า “วันนี้ผมส่งตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจัดการอะไรเรียบร้อยแล้วผมจะมาเยี่ยมใหม่” ร่างสูงเอ่ยบอกกับพวกเราทั้งสองเสียงเรียบ “น้าขอบคุณมากนะ ถ้าไม่ได้มาร์คัสเราสองคนคงแย่” “ผมยินดีครับคุณน้า แต่ว่าอย่าลืมที่ผมบอกนะครับ” มาร์คัสย้ำกับแม่ของฉันอีกครั้ง ซึ่งเขาทั้งสองคนคุยอะไรกันฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน “น้าไม่ลืมค่ะ” แม่ตอบกลับร่างสูงตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนที่ท่านจะลงจากรถหรูคันนี้ไป “ดาขอบคุณพี่มาร์คัสมากนะคะ ช่วยดาไว้ตั้งหลายครั้ง” ฉันเอ่ยขอบคุณร่างสูงตรงหน้าเสียงอ่อน ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่
@เพนท์เฮ้าส์มาร์คัส“เชิญครับลูกสาวของคุณน้าอยู่ด้านใน” มาร์โคบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้า “…” เธอพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปยังห้องตรงหน้าตามคำเชิญของเขา ตลอดเวลาที่เดินเข้ามายังเพนท์เฮ้าส์หรูหลังนี้ ในหัวเธอเต็มไปด้วยคำถาม ‘ลูกสาวของเธอรู้จักกับคนพวกนี้ได้อย่างไร’ ถึงพวกเขาจะแต่งกายดูดี ของที่เขาใช้แต่ละอย่างราคาก็แพงแสนแพง แต่ถึงอย่างงั้นกูเถอะเขาก็ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจสักเท่าไหร่“ดาหลา” ดาราร้องเรียกร่างบางที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงกว้าง เธอวิ่งเข้าไปหาลูกสาวของเธอทันที ก่อนที่จะชะงักไปเล็กน้อยที่เห็นผู้ชายอีกคนหน้าตาคล้ายกับผู้ชายคนเดิมที่ไปรับเธอ เดินออกมาจากประตูบานใหญ่ข้างๆ “คุณ!” “สวัสดีครับคุณน้าผมมาร์คัสเป็นฝาแฝดกับมัน” ร่างสูงพูดขึ้นก่อนจะชี้ไปยังชายหนุ่มอีกคนที่อยู่ด้านหลังของเธอ“ค่ะ ฉันดาราเป็นแม่ของเธอนะคะ” ดาราเอ่ยบอกกับมาร์คัสก่อนที่เธอจะนั่งลงข้างร่างบางที่นอนหลับไหล มือบางของเธอลูบลงไล้ไปตามใบหน้าของลูกสาวอย่างอ่อนโยนด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงร่างบางตรงหน้าจับใจ อุณหภูมิจากร่างบางที่ส่งมายังฝ่ามือของเธอทำให้เธอรับรู้ได้ทันทีว่าร่
Comments