[DARLA’S PART]
10.00 น.
เฮ้ย!...หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกหกดาหลาคนดีคนเดิม เพิ่มเติมคือขอบตาดำคล้ำคล้ายกับหมีแพนด้าเขาไปทุกที
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันอาทิตย์ วันนี้เป็นวันหยุดแรกหลังจากที่ฉันเริ่มทำงานมาได้หนึ่งอาทิตย์แล้วค่ะ...
ตลอดเวลาที่ฉันเริ่มทำงานงานมาทุกอย่างที่ฉันเจอล้วนแต่เป็นสิ่งที่ฉันคาดการณ์เอาไว้แล้ว จึงไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาหรือหน้าเป็นห่วงสำหรับฉัน และยิ่งฉันได้รุ่นพี่ที่ดี ได้เพื่อนร่วมงานที่น่ารัก ทุกคนคอยช่วยเหลือกันดีมันก็ยิ่งทำให้การทำงานของพวกเราไม่ตึงเครียดสักเท่าไหร่ ที่เหลือก็คงเป็นการปรับตัวของฉันในบางเรื่องเท่านั้นเอง
วันนี้เป็นวันหยุดของฉันก็จริงแต่ฉันไม่ได้กลับไปบ้านใหญ่หรอกนะ เพราะว่าคุณท่านพาทุกคนในบ้านไปเที่ยวบ้านพักต่างอากาศที่ภูเก็ตกันหมดเลย น่าอิจฉาใช่ไหมล่ะ...
~ครืนนนนนนนน ครืนนนนนนนนน~
- Unknown -
ตึ๊ด!
ฉันนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียวได้สักพักเสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น...
ฉันก้มมองเบอร์ที่โทรเข้ามาก็พบว่าเป็นเบอร์ที่ฉันไม่รู้จัก แต่ฉันก็ตัดสินใจรับนะ เพราะคนที่โทรมาอาจจะมีเรื่องด่วนก็ได้...
“ฮัลโล่ค่ะ...”
(...) เงียบ!
(ปึง!...) ปลายสายเงียบได้ยินเพียงเสียงปิดประตูที่ดังออกมา...
“ฮัลโล่เบอร์ใครคะ?” ฉันเองถามออกไปด้วยความสงสัย ถ้าเขาไม่ตอบกลับมาฉันคงจะว่างแล้วล่ะ เพราะฉันก็กลัวเหมือนกันนะ เป็นคนปกติก็ต้องตอบฉันแล้วสิ หรือถ้าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็คงต้องพูดอะไรบ้างแล้วล่ะ
(ฉันเอง...)
“ฉันไหนอ่ะคะ?” ฉันเองถามปลายสายออกไปไม่ได้มีเจตนาที้จะกวนหรืออะไร ก็ฉันไม่รู้จริงๆนิว่าฉันไหนอะ...
(กวนหรอ...เอาชุดมาให้ฉันเปลี่ยนชุดนึง)
“คะ!... คุณเบลซหรอ” ฉันถามออกไปด้วยความตกใจ เขาไปเอาเบอร์ฉันมาจากไหนอะ...
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกมั้ง คนระดับเขาทำเรื่องแบบนี้ได้สบายอยู่แล้วนี่...
เขาโทรมาให้เขาเสื้อผ้าไปให้เขานั่นหมายความว่า เมื่อคืนเขาไม่ได้กลับมาหรอ...แต่ฉันว่าเขาน่าจะไม่ได้กลับมาที่นี่ตั้งแต่วันจันทร์เลยมากว่า เพราะช่วงนี้มีเคสหนักๆ เข้ามาเยอะเขาคงทำงานจนไม่มีเวลากลับมาแน่ๆ ...
(เร็วๆ ล่ะฉันรออยู่)
“อ้อ...ค่ะ”
ตึ๊ด!
หลังจากว่างสายคุณเบลซแล้วฉันก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อไปจัดการธุระส่วนตัวของตัวเองทันที...
แอ๊ดดดดดดดดดด!
“อือหือ เยอะอะไรขนาดนี้เนี่ย” ฉันบ่นพึมพำกับตัวเอง หลังจากเปิดประตูห้องเเต่งตัวของคุณเบลซเข้ามา ก็พบว่ากับประตูเสื้อผ้าบานเล็กบานน้อยรอบห้องนี้ และตรงกลางยังมีเคาน์เตอร์ขนาดใหญ่ว่างอยู่กลางห้องอีกด้วย...
ฉันหาของที่เขาต้องการได้ไม่นานก็เอาออกไปให้เขาทันที เพราะถ้าช้าฉันอาจจะต้องโดนดุอีกแน่ๆ...
@โรงพยาบาล ADN
“เอ้าดาหลา...วันนี้วันหยุดไม่ใช่หรอ” หญิงวัยกลางคนตรงหน้าเอ่ยถามฉันขึ้นด้วยความสงสัย...
“พี่นาสวัสดีค่ะ...” ฉันกล่าวทักทายเธออย่างนอบน้อม พี่นาเธอเป็นหัวหน้าของฉันด้วยบุคคลิกและท่าทางของแกที่ดูคล่องแคล่วง กระฉับกระเฉง ในเวลาทำงานฉันแทบจะไม่เห็นแกได้หยุดพักเลยนอกจากเวลาทานข้าว แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความใจดีของพี่นาก็ทำให้แกเป็นรักของทุกๆคนในโรงพยาบาลแห่งนี้
“ดาลืมของน่ะค่ะ” ... ‘ขอโทษนะคะพี่นา ที่ดาโกหก’ ฉันเอ่ยขอโทษพี่นาอยู่ภายในใจ...
“อ้อ...”
“พี่นาคุณหมอมิลาเรียกค่ะ” เสียงพี่ผู้ช่วยพยาบาลเอ่ยเรียกพี่นาขึ้นจากทางด้านหลังของฉัน ในขณะที่พี่นาเธอเหมือนว่ากำลังจะเอ่ยถามอะไรกับฉัน...
“งั้นพี่ไปก่อนนะดา”
“ค่ะ”... ‘เฮ้ย รอดไปเรา’
หลังจากพูดจบเธอก็เดินออกไปทันที ฉันจึงหันหลังขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดของตึก เพราะชั้นนั้นทั้งชั้นเป็นห้องทำงานและห้องพักของผู้บริหารโรงพยาบาลแห่งนี้นั่นเอง...
หลังจากที่ฉันเดินออกมาจากลิฟต์ชายหนุ่มที่ดูอายุเยอะกว่าฉันเพียงไม่กี่ปี แต่ที่สำคัญหน้าตาดี ดูจากเสื้อแนบเนื้อที่เขาใส่คงเดาได้ไม่ยากเลยว่าหุ่นเขาคงต้องดีเหมือนหน้าตาของเขาแน่ๆ ‘ตายๆ คิดอะไรของเธอดาหลา’
“อะ...เอ่อ” ฉันกำลังจะยื่นกระเป๋าเสื้อผ้าให้เขา...
แอ๊ดดดดดดดด!
“เชิญครับ” เขาเปิดประตูพร้อมกับบอกให้ฉันเข้าไปด้านใน แต่...เดี๋ยวนะไม่ใช่ว่าเอามาให้เฉยๆ หรอต้องเข้าไปในนั้นด้วย...
“คะ?” ฉันตอบเขาออกไปด้วยความสงสัย แต่ก็เลือกที่จะเดินเข้าไปในห้องนั้นตามที่เขาบอก
“ขออนุญาตค่ะ” ฉันเอ่ยออกไปตามมารยาทก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ที่กลางห้องของคุณเบลซ เอกสารมากมายวางเรียงกันอยู่บนโต๊ะทำงาน
“เข้ามานี่”
“คะ...ค่ะ” ฉันหันกลับไปมองคุณเบลซที่ยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่ที่เชื่อมกับห้องทำงานนี้ ฉันเดินเข้าไปตามที่เขาบอก...
“ชุดละ” ผู้ชายตรงหน้าเอ่ยถามฉันขึ้นหลังจากที่ฉันมาหยุดอยู่ตรงบริเวณโซฟาโซนห้องรับแขก
ห้องนี้ไม่ต่างอะไรกับคอนโด เพราะมีครบทุกห้องทั้งห้องครัว ห้องนอน และไหนจะโซฟาตัวใหญ่ที่ว่างอยู่กลางห้องที่ฉันอยู่นี่อีก แต่น่าแปลกตรงที่ไม่มีเสื้อผ้าให้ชายตรงหน้าจะเปลี่ยน
“นี่ค่ะ” พูดจบฉันจึงยื่นกระเป๋าใส่เสื้อผ้าให้กับเขา
“นั่งรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวฉันมา”
“คะ?”
“หรือจะไปอาบน้ำกับฉัน”
“มะ...ไม่ค่ะ ดะ...เดี๋ยวดาจะนั่งรอตรงนี้ไม่หนีไปไหนแน่นอนค่ะ” ฉันตอบเขาออกไปอย่างรนๆ ใครจะไปคิดว่าเขาจะแกล้งฉันเล่นแบบนี้ หรือเขาทำงานหนักจนไม่สบายรึป่าวนะ
“หึ...”
แน่ะ! ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนยังหันมายิ้มมุมปากให้ฉันอีก ปกติแล้วคุณเบลซที่ฉันรู้จักตั้งแต่เล็กจนโตเขาเคยทำแบบนี้กับใครที่ไหน ยิ่งพูดเล่นอย่างนี้ด้วยแล้วยิ่งไม่เคยใหญ่เลย ‘เอ๊ะ! หรือว่าเคยแต่ฉันไม่รู้’
“โอ้ย! พอๆ เลิกคิดได้แล้ว” ฉันเอามือตีที่หัวตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา...
“ครับป๊า”
“...”
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“...”
“ครับ”
คุณเบลซเดินออกมาจากห้องนอนด้วยชุดที่ฉันเตรียมให้หลังจากผ่านไปได้ไม่นาน ซึ่งเขาเดินออกมาพร้อมกับคุยโทรศัพท์ แต่สายตาของเขาก็หันมามองจ้องหน้าฉันด้วยสายตาที่คาดเดาได้ยากอีกแล้ว
สายตาแบบนี้มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเสียวสันหลังวูบวาบแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้สิเหมือนกับว่าอีกไม่นานต้องมีเรื่อง เกิดขึ้นกับฉันแน่...
ตึ๊ด!
“ปะ กินข้าวกัน”
“คะ?”
“ทำไมต้องทำหน้าเอ๋อแบบนั้นด้วย” ผู้ชายตรงหน้าเอายออกมาพร้อมกับยิ้มที่มุมปากอย่างชอบใจ
“ค่ะ...”
“ไปกันฉันหิว แต่ว่ากินที่คอนโดนะฉันมีงานต้องทำต่อ”
“คะ?” ฉันอึ้งไปกับประโยคบอกเล่าของผู้ชายตรงหน้า ก็ในเมื่อเขาจะกลับคอนโดอยู่แล้วอ่ะ ทำไมต้องให้ฉันเอาเสื้อผ้ามาให้เขาด้วยนะ
“...”
“0.0 ดะ....เดี๋ยวค่ะ” ฉันเดินตามเขาออกไปจนถึงประตูหน้าห้องทำงานของเขาก็นึกขึ้นได้ว่า...
“...”
“คะ คือ ดาไปรอที่คอนโดนะคะ”
“...”
“เจอกันที่คอนโดค่ะ” พูดจบฉันก็วิ่งยังบันไดหนีไฟข้างๆ ทันที แต่...
“...”
“อะ...คะ คุณเบลซ” ฉันเอ่ยเรียกเขาอย่างงงๆ ก็เขาเล่นดึงหมวกเสื้อฮู้ดของฉันเอาไว้ ทำให้ฉันวิ่งออกไปไม่ได้แล้วแถมยังเซเข้ามากระแทกกับอกแก่งของเขาอีก...
“ไปพร้อมฉัน”
“แต่ดากลัวคนอื่นมองคุณเบลซไม่ดีนะคะ”
“ใครสน” เขาพูดออกมาหน้าตาเฉย ก่อนจะจูงมือฉันเดินเขาลิฟต์ไป...
“ดาสนค่ะ...คุณเบลซปล่อยดาก่อนนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับเขากึ่งขอร้อง ซึ่งมันก็ได้ผลเขาปล่อยมือออกจากมือฉันพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่นโดยที่ไม่ได้หันกลับมามองหน้าฉันอีกเลย
เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเรา จนกระทั่งประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นล่างสุดของอาคาร
คุณเบลซเดินออกไปทันทีที่ปะตูเปิดออก ฉันจึงเดินตามเขาออกไปอย่างห่างๆ ใครจะกล้าไปเดินข้างๆ เขากันละ...ฉันเป็นใครและเขาเป็นใครเรื่องนี้ฉันรู้อยู่แก่ใจ...และทุกครั้งที่เขาเดินอยู่ท่ามกลางผู้คนเขามักจะเป็นที่จับจ้องของคนอื่นเสมอ ซึ่งต่างจากฉันที่ไม่ได้มีใครสนใจเลยสักนิด เพราะแบบนี้ฉันจะกล้าไปเดินใกล้ๆ เขาได้อย่างไง...
ฉันมัวแต่หยุดคิดคิดอะไรไปเรื่อย ทำให้ฉันไม่เห็นคุณเบลซแล้วว่าเขาเดินไปทางไหน แต่ก็ชั่งเถอะ...
ปี้น! ปี้น!
หลังจากที่ฉันเดินออกมายังหน้าโรงพยาบาลได้ไม่ไกล ก็ได้ยินเสียงแตรรถดังมาจากด้านหลัง ทำให้ฉันต้องหันกลับไปมองก็พบว่ารถแลมโบกินี่สีเหลือคันนั้นขับมาจอดที่ริมฟุตบาทใกล้กับที่ฉันยืนอยู่ ทำให้สายตาทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันจับจ้องมาที่ฉัน ก่อนที่เจ้าของรถจะเดินลงมาประจันหน้ากับฉัน
“ขึ้นรถ”
“คะ คอนโดแต่นี้เองดาเดินไปดีกว่านะคะ”
“ให้คิดอีกที” พูดจบก็เปิดประตูรถฝั่งด้านข้างคนขับออก...
“คะ แค่”
“...”
“ว๊ายยยย คุณเบลซ” ยังไม่ทันที่ฉันพูดจบผู้ชายตรงหน้าก็อุ้มฉันเข้าไปในรถก่อนจะคาดเบลท์ให้ฉันเรียบร้อยก่อนจะเดินอ้อไปยังฝั่งคนขับ และขับรถหรูคันนี้ออกไปทันที
“อ่ะแฮ่ม!!!” “พะ พี่เบลซ” ฉันร้องเรียกเขาด้วยความตกใจ ถึงฉันกับพี่มาร์คัสจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาแต่ฉันก็ยังกลัวว่าเขาสองคนจะมีเรื่องกันอย่างวันนั้นอีก “ปล่อยมือออกจากเมียกูได้แล้วมั้ง” พี่เบลซเอ่ยบอกกับร่างสูงอีกคน ก่อนจะเดินเข้ามาจับมือหนาออกจาหัวของฉัน “หึ!” “ดาเข้าไปช่วยแม่กับยายเตรียมอาหารเถอะครับ ตรงนี้แดดมันแรงเกินไป” พี่เบลซเอ่ยบอกกับฉันด้วยรอยยิ้ม “พี่สองคนจะไม่ทะเลอะกันแน่หรอคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงทั้งสองตรงหน้าออกไปด้วยความกังวล ทุกครั้งที่พวกเขาเจอไม่เคยมีครั้งไหนที่พวกเขาจะคุยกันดีๆได้เลย “ไม่มีอะไรหรอครับ เข้าไปข้างในก่อนนะดา” พี่มาร์คัสเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ “แน่นะคะ” ฉันถามทั้งสองคนออกไปอีกครั้ง “ครับ/ครับ” “ก็ได้ค่ะ” ฉันตอบรับทั้งสองอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินเข้ามาในตัวบ้าน...[BLAZ’S PART] “รอบนี้ไม่ต่อยกูหรอวะ” ไอ้มาร์คัสเอ่ยถามผมขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนๆ “เมียคุมความประพฤติกูอยู่” ผมตอบกลับมันไปเสียงเรียบ “หึ มีอะไรอยากคุยกับกูก็ว่ามา”
ก๊อกๆๆ !!!!“เดี๋ยวแม่ไปเปิดเองลูก” “เชิญค่ะ” แม่ดาราเดินไปเปิดประตูให้กับคนที่มาใหม่ ก่อนที่ท่านจะดูตกใจเล็กน้อย “คุณท่าน คุณผู้หญิง...สวัสดีค่ะ” แม่ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือไหว้ทั้งสองที่มาใหม่อย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องมากพิธีหรอกดา เราเข้าไปข้างในกันเถอะฉันไม่ได้มาที่นี่ในฐานะเจ้านาย ฉันมาในฐานะยาย ฉันมาขอโทษแทนหลานชายตัวดีของฉันที่ทำผิดไว้กับลูกสาวของเธอ” เสียงคุณท่านเอ่ยถามแม่ของฉันเสียงอ่อน ก่อนที่แม่ของฉันจะเปิดประตูเพื่อตอนรับผู้ที่มาใหม่ทั้งสอง “ใช่ค่ะตามที่คุณแม่ท่านบอก ดาราไม่ใช่คนงานในบ้านเราแล้ว แต่เป็นแม่ของผู้หญิงที่ลูกชายเรารักมากที่สุด” คุณสัณห์แม่ของพี่เบลซพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “คุณท่าน คุณสัณห์สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ทั้งสองอย่างนอบน้อม ก่อนจะก้มหน้าให้กับพวกท่านอย่างไม่กล้าสบตา “สวัสดีจ่ะหนูดา แม่ขอโทษแทนลูกแม่ด้วยนะดาหลา” คุณสัณห์หันมาบอกกับกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่ท่านจะลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู “ถ้าต่อไปนี้ตาเบลซรังแกหนูอีกบอกยายเลยนะ เดี๋ยวยายจัดการให้เอง” คุณท่านเอ่ยบอกกับด้วยใบหน้า
[BLAZ’S PART]“ดา ดาครับ” ผมเอ่ยเรียกร่างบางที่หมดสติไปในอ้อมกอดของผม ผมอุ้มเธอไว้แนบอกก่อนจะพาเธอออกมาด้านนอก ก่อนที่จะผมวางเธอลงบนเตียงซึ่งห้องนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องพักฟื้นของตาทอง “คุณหมอเบลซมีอะไรให้ฉันช่วยไหมค่ะ” เสียงพยาบาลเดินตามเข้ามาช่วยผม ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามผมขึ้น “ไปตามหมอจากแผนกสูติมาที” ผมเอ่ยบอกกับพยาบาลตรงหน้าเสียงเรียบ “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะคุณหมอเบลซ” หลังจากที่พยาบาลเดินออกไปผมจึงเริ่มตรวจร่างกายเบื้องต้นให้กับร่างบางตรงหน้า เธอหมดสติไปมาจากการที่เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ตาของเธอหมดสติไปจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปบ่ายสามของอีกวันเธอยังไม่ได้นอนพักเลย รวมถึงเธอมีความเครียด ความวิตกกังวลสะสมอยู่มากทีเดียวและมีเรื่องหนึ่งที่ยังคงกวนใจผมอยู่ถึงร่างบางตรงหน้าผมจะไม่มีอาการอะไรที่ผิดปกติแสดงออกมาให้ผมเห็น แต่ผมมี...ม๊าเคยเล่าให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ ว่าป๊าผมมีอาการแบบเดียวกันนี้ตอนที่ม๊าท้องผม มันทำให้ผมสงสัยว่าร่างบางตรงหน้ากำลังตั้งท้อง และผมเป็นคนแพ้ท้องแทนเธอ“สวัสดีค่ะคุณหมอเบลซ” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยถามผมขึ้นอย่างนอบ
“อ้วกกกกกก…” ผมโก่งคออ้วกออกมาจนแสบคอไปหมด ก่อนจะทรุดนั่งลงกับพื้นห้องน้ำอย่างหมดแรง“คุณเบลซเป็นไงบ้างลูก ไหวไหม” ยายมณีเอ่ยถามผมดังมาจากด้านนอก“ผมไม่เป็นไรครับยาย”“มีอะไรหรอคะยาย” เสียงดาหลาเอ่ยถามยายของด้วยความสงสัย“ก็คุณเบลซนะสิลูกอยู่ดีๆก็อาเจียนออกมา”“อาเจียนหรอคะ” ดาหลาเอ่ยถามยายของเธอกลับไปอีกครั้ง แต่น้ำเสียงของเธอมันเเสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอเป็นห่วงผม“ใช่ลูก”“เมื่อกี้เขาก็ยังดีๆอยู่นี่คะ” เสียงดาหลาดังเข้ามาใกล้ขึ้น เหมือนเธอจะเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำที่ผมอยู่“ก็นั่นสิลูก”แอ๊ดดดด !!!“คุณเบลซ” ยายมณีเอ่ยเรียกผมเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาผมอย่างเป็นห่วง“ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆครับยาย” ผมเอ่ยบอกกับหญิงสูงวัยตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ผมเลือกที่จะไม่พูดความจริงกับท่าน เพราะผมคงไม่กล้าบอกหรอกนะว่าผมเหม็นกลิ่นอาหารที่ท่านทำอะ“หน้าคุณซีดมากเลยนะคะ” เธอเอ่ยบอกกับผมเสียงอ่อน“^0^” ผมหันไปยิ้มหวานให้กับเธออีกครั้ง“คุณยิ้มอะไรคะ” เธอเอ่ยถามผมเสียงเรียบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์กับท่าทางของผมสักเท่าไหร่“หนูเป็นห่วงพี่หรอครับ” ผมยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน“ป
“คุณเบลซคะลุกขึ้นเถอะค่ะ” น้าดาราเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง“น้าดาครับ ตา ยายครับ ผมรักดาหลามาก…”“…”“ผมรักเธอมากจริงๆ”“…”“ในวันนี้ที่ไม่มีเธออยู่หัวใจของผมมันก็แตกสลายไม่เป็นชิ้นดี ผมขอ…” ผมเอ่ยบอกกับทั้งสามคนตรงหน้าเสียงสั่นน้ำตายังคงคออยู่เต็มดวงตา“…”“นะครับน้าดา ผมกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว แต่ผมขอทำปัจจุบันที่ยังเหลือใหม่ได้ไหมครับ”“ค่ะ น้าจะให้อภัยคุณ” น้าดาราเอ่ยบอกกับผมเสียงเรียบพร้อมกับจ้องมองมาที่ผมนิ่งๆ“ดา…” เสียงตาทองดุลูกสาวของท่านเสียงดัง“แต่ถ้าคุณเบลซทำให้ลูกสาวของน้าเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นทางกาย และทางใจอีกเพียงครั้งเดียว คุณเบลซต้องเป็นคนเดินออกไปจากชีวิตของลูกสาวน้า มันจะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองสำหรับคุณอีก”“…”“จะรับปากน้าไหมคะ” น้าดาราเอ่ยถามผมเสียงเรียบ“ผมรับปากครับ มันจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอนครับ” ผมเอ่ยบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความหนักแน่น เรื่องที่เคยเกิดขึ้นมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกเพียงครั้งเดียวมันก็มากเกินพอเเล้ว วันนี้ผมรู้ซึ้งแล้วว่าถ้าผมไม่มีดาหลาผมไม่สามารถอยู่บนโลกที่กว้างใหญ
[DARLA’S PART]16.30 น.“ยายคะต่อไปดาจะจัดการเรื่องอาหารการกินให้ยายเองนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับยายของตัวเองเสียงอ่อน ทันทีที่รถประจำทางจอดบริเวณหน้าทางเข้าสวนส้ม ฉันกับแม่ดาพายายไปโรงพยาบาลในตัวอำเภอ เพราะท่านบ่นเวียนหัวไม่หายสักทีฉันกลัวว่าจะเป็นหนังถ้าปล่อยไว้นาน เลนพาท่านไปหาหมอให้คุณหมอตรวจดูสักหน่อย“…” ยายมณีมองมาทางฉันด้วยแววตาเศร้าๆ ราวกับเด็กที่กับเด็กที่กำลังโดนบังคับยังไงยังงั้น ฉันส่งยิ้มหวานไปให้ท่านก่อนจะพูดต่อ“ของมันของทอดต้องค่อยๆลดแล้วนะคะ”“จ้าหลานรัก” ยายเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่ท่านจะส่งยิ้มมาให้ฉันอย่างเอ็นดู“งั้นเราเริ่มเลยนะคะ หนูขอยึดกล้วยทอดก่อนเลยค่ะ” ฉันดึงถุงกล้วยทอดออกจากมือของยายเบาๆ“เอ้า…เริ่มเลยเลอะยายหนู” ยายเอ่ยถามฉันออกมาเสียงอ่อน พร้อมกล้วยทอดในมือฉันตาละห้อย ถึงยังไงฉันก็ไม่ใจอ่อนหลอกนะเพื่อสุขภาพที่ดีของฉัน“ป้ายหายไปแล้ว สงสัยพ่อจะได้คนงานใหม่แล้วนะจ๊ะแม่” แม่ของฉันพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังรั้วตรงหน้าที่ปกติมันมีป้ายประกาศติดอยู่ ซึ่งฉันเป็นคนเอามาติดเองกับมือก่อนจะออกไปโรงพยาบาล“ดีแล้วลูกตาแก่จะได้มีลูกมือ กลางคืนก็จะได้มีคนช่วยเดินเวรด้วย”“ท