“คะ คุณเบลซ”
“ดาหลา ตอบฉันมาสิ”
“ดากลัว คุณอย่าทำแบบนี้สิคะ” ฉันตอบเขากลับไปพร้อมกับผลักอกแกร่งของเขา แต่มันไม่เป็นผลเลยสักนิดฉันไม่สามารถสู้แรงของผู้ชายตรงหน้าฉันได้เลย
“กลัวหรอ ฮ่าๆ” ฉันไม่เคยเห็นคุณเบลซที่ดูมาดนิ่งคนเดิมของฉันในมุมนี้เลย มันทำให้ฉันเริ่มกลัวเขามาขึ้นเรื่องๆเพราะเหมือนกับว่าที่ผ่านมาฉันไม่ได้รู้จักเขาเลย
ถึงแม้ว่าคนเราจะมีหลายด้าน ฉันก็จะขอบอกตรงๆว่าด้านนี้ของเข้าฉันไม่ชินจริงๆ
“ฉันจะทำให้เธอกลัวฉันมากกว่านี้อีก ดาหลา”
“คะ อุ๊บ อื้อ...” ไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรออกมาเขาก็ประกบริมฝีปากเรียวอิ่มนั้นแบบที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนที่จะให้มือข้างที่จับปลายคางของของฉันออกแรงบีบเล็กน้องก่อนที่ลิ้นอุ่นๆ ของเขาจะแทรกเขามาในปากของฉัน
“อื้อๆ อ่อย ตุบๆ อื้อ” ก่อนที่สติของฉันจะหายไปฉันทุบหน้าอกแกร่งของเขาอยู่สองสามทีเพื่อเรียกสติให้เขาแต่มันกลับไม่เป็นผลเอาซะเลย จูบแรกที่ฉันเคยฝันไว้อย่างดีกลับพังไม่เป็นท่า...
“อื้อ...” ริมฝีปากที่ประทับแนบแน่นอย่างดิบเถื่อน ยิ่งฉันต่อต้านเขามาเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรุนเเรงและหนักหน่วงมากขึ้นเท่านั้น มือของเขาคายออกจากเอวของฉันอย่างช้าก่อนจะค่อยลูบแผ่นหลังของฉันอย่างเบามือตอนนี้ฉันรู้สึกอ่อนละทวยอยู่ในอ้อมอกแกร่งของเขาฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรแน่...
ก่อนที่ฉันจะรู้ตัวอีกทีหลังฉันก็สัมผัสกับโซฟาตัวใหญ่กลางห้องเสียแล้ว
“คะ คุณเบลซ พอ เถอะคะ” ฉันใช้จังหวะนี้เรียงสติตัวเองกลับคืนมาก่อนที่เราทั้งคู่จะทำผิดต่อกันไปมากกว่านี้ แต่มันก็ดูไม่เป็นผมเมื่อผู้ชายตรงหน้าค่อยๆ ก้มลงมาหอมแก้มฉันก่อนจะลากจมูกของเขามาบริเวณหูของฉัน
“พี่จะทำให้หนูรู้ว่า...”
“...”
“...หนูต้องเป็นของพี่คนเดียว” สรรพนามที่เปลี่ยนไปกับน้ำเสียงแหบพร่ามี่ฉันได้ยินชัดเจนมันยิ่งทำให้สติที่มีเหลืออยู่อันน้อยนิดของฉันหลุดไป
“คะ คุณเบลซ”
“ใครหน้าไหนก็ห้ามแตะต้อง”
“เข้าใจไหมคนดีของพี่” ไม่รอให้ฉันตอบเขาก็จักการถอดเสื้อฮูดของฉันออก ก่อนที่ซุกไซร้ไปทั่วลำคอพร้อมกับมาที่บดคลึงหน้าอกของฉันทั้งสองข้างเอาไว้
“อ๊ะ คุณ บะ เบลซ” ฉันรู้สึกเจ็บบริเวณที่หน้าอกทำให้ฉันต้องเอ่ยเรียกให้เขาหยุดแต่...
“เรียกพี่ และแทนตัวเองว่าหนู”
“อ๊ะ อ่า...” เขาไม่พูดเปล่านอกจากมือข้างนึงที่ยังคงเคล้าคลึงอยู่ที่หน้าอกของฉัน มืออีกข้างก็ทำหน้าที่ลูบไล้เอวบางของฉัน...
“แบบนั้นน่าฟังกว่าเยอะเลย”
ฉันรู้สึกราวกับวิญญาณของตัวเองเหมือนฉุดกระชากให้หลุกออกจากร่างยังไงยังงั้น
รู้ตัวอีกทีเสื้อผ้าที่ฉันและเขาใส่อยู่ต่างก็ร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้นอย่างง่ายดาย
ฉันดูเหมือนผู้หญิงใจง่ายเลยใช่ไหมถึงปากตะบอกว่าตัดใจ แต่พอเอาเข้าจริงกลับยินยอมให้เขาได้ทุกอย่าง
“พี่ว่าหนูพร้อมแล้วนะ”
“มะ ไม่ค่ะ” คำขอของฉันไม่เป็นผล เขาจับฉันแยกขาออก ก่อนจะเอาดุ้นของเขาเข้ามาใกล้ พร้อมกับดันมันเขามาแต่มันเข้าไปได้เพียงครึ่งลำเท่านั้น...
อ๊ะ...ยะ อย่า! มันเข้าไม่ได้” ฉันเอ่ยบอกกับเขาพร้อมกับเอามือดันไว้ที่หน้าท้องแกร่งของเขา
“อย่าเกร็งนะคนดี”
“แต่...”
จุ๊บ
“พี่สัญญาหนูจะไม่เจ็บเท่าครั้งแรก” พูดจบผู้ชายตรงหน้าก็ก้มมาจุ๊บที่หน้าผาของฉันที่นึงก่อนที่...
“กรี๊ดดดดดด!!! นะ หนูเจ็บ” ฉันกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดราวกับว่าร่างกายของฉันได้แหลกเป็นเสี่ยงๆ
ใครกันที่บอกว่าเซ็กส์จะทำให้เราผ่อนคลายทำไมฉันถึงมีแต่ความเจ็บแบบนี้ ครั้งแรกของฉันถึงจะให้กับผู้ชายที่ตัวเองรักก็เถอะฉันก็รู้สึกทรมาณอยู่ดี
“พี่ขยับละนะครับ”
พั่กกกกก พั่กกกกก พั่กกกกก
“อ่าาาสสสส แน่นชิบ อ่าาาาา” เขาคางออกมาอย่างไม่เป็นศัพท์
พั่กกกกก พั่กกกกก พั่กกกกก
“พี่ไม่ไหวแล้วดาหลา” คุณเบลซกระแทกใส่ฉันอย่างช้าๆ แต่หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็เร่งจังหวะถี่ขึ้น...ถี่ขึ้น
“คะ?”
ตั่บๆๆๆๆๆๆ ตั่บๆๆๆๆๆๆๆ
“อะ อะ อะ พี่เบลซ” ฉันคางออกมาพร้อมกับเอ่ยเรียกชื่อของเขาอย่างไม่อาย ถ้าครั้งนี้ใครจะเป็นคนผิดฉันขอรับมันไว้เองละกัน
และถ้าพรุ่งนี้ฉันจะไม่สามารถมองหน้าเขาได้เหมือนเดิมอีกต่อไป งั้นตอนนี้ฉันขอเก็บเกี่ยวความสุขนี้ต่อไปอีกหน่อยแล้วกัน เพราะหลังจากนี้มันคงจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว
“อ่าาาาา พี่ไม่ไหวแล้วครับ อ่าาาา เสียวชิบ”
ตั่บๆๆๆๆๆๆ ตั่บๆๆๆๆๆๆๆ
ในขณะที่เขากระแทกใส่ฉันใบหน้าของเขาก็ยังคงซุกไซร้อยู่ที่หน้าอกของฉัน
“อะ อ่าาาา พี่ อื้อออ”
ตั่บๆๆๆๆๆๆ ตั่บๆๆๆๆๆๆๆ
“อ่าาาาสสส์ พี่ไม่ไหวแล้วครับ ไม่ไหวจริงๆ อื้อออออส์”
ตั่บๆๆๆๆๆๆ ตั่บๆๆๆๆๆๆๆ
“อะ อะ อื้อออออสสส์”
“อ่าสสส์ ดะ ดา อ่าาาาสสส์” ผู้ชายทที่อยู่บนตัวของฉันเอ่ยเลยก่อนที่เขาจะปลดปล่อยน้ำกามของเขาเข้ามาในตัวฉันทุกหยาดหยด หลังจากนั้นฉันก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
...
[BLAZ’S PART]
ดาหลาสลบคาอกไปหลังจากนั้นผมก็ใส่เสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะเดินไปหยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวตัวให้เธอ และได้สำรวจร่างกายเธออีกครั้งทำให้ผมเห็นสิ่งที่ตัวเองได้ทำอะไรลงไป
ผมยอมลับว่าผมขาดสติจริงๆ ตอนที่เห็นเธอกอดกับผู้ชายคนอื่นที่สวนหย่อมหน้าคอนโด ดาหลาไม่ใช่คนที่จะทำแบบนี้กับคนที่ไม่สนิทด้วย และยิ่งเธอไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนมันยิ่งทำให้ผมคิดไปไกล ไหนจะสายตาที่มันมองเธออย่างเอ็นดูไหนจะรอยยิ้มที่ยัยตัวเล็กนี่ยิ้มให้มันนั่นอีก...
“รอยยิ้มนี้ต้องเป็นของพี่คนเดียว ห้ามไปยิ้มเรี่ยราดที่ไหนอีก”
ผมเช็ดตัวให้เธอจนกระทั่งมาหยุดชะงักอยู่บริเวณคาบเลือดสีแดงสดที่อยู่บนขาของเธอ และมีหยดอยู่บนโซฟาเล็กน้อย
“ต่อไปดาคือผู้หญิงของพี่ ใครหน้าไหนก็แตะต้องไม่ได้ทั้งนั้น”
หลังจากเช็ดตัวให้เรียบร้อยแล้ว ผมก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เธอ ก่อนจะอุ้มยัยตัวเล็กนี้ไว้แนบอก หลังจากนั้นจึงเดินขึ้นไปยังห้องของตัวเอง ก่อนจะว่างเธอลงบนเตียงอย่างเบามือ
ผมปรับอุณหภูมิห้องให้อุ่นขึ้นอีกหน่อยกลัวคนที่มาใหม่จะหนาวเกินไป ก่อนจะเดินเข้าไปจัดการธุระตัวเองในห้องน้ำ
จุ๊บ!
“ฝันดีนะครับ” ผมเอ่ยบอกกับคนในอ้อมแขนอย่างแผ่วเบาทันทีที่ผมลงมานอนข้างๆเธอ พร้อมกับคว้าตัวเธอเข้ามากอดไว้แนบกาย
…
[DARLA’S PART]
“โอ้ย ปวดตัวจังเลย” ฉันบิดตัวไปมาอยู่เตียง ‘เดี๋ยวนะ’
“อ๊ะ” ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดบริเวณช่วงล่างจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาในห้องที่ตัวเองไม่คุ้นเคย
“...” ฉันค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งอย่างช้า มองไปรอบห้องก็ไม่เห็นแม่แต่เงาของเขา
“ช่างเถอะ” ฉันบอกกับตัวเองก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นเดินออกจากห้องนี้...
ถ้าถามว่าฉันเสียใจไหม ก็เสียใจแหละ แต่ฉันแค่ไม่มีสิทธิ์เท่านั้นเอง ให้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้มันจบลงตรงนี้ก็พอแล้วฉันไม่หวังให้เขามารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น...
“อื้ออออ เจ็บจัง” ฉันเดินลงบันไดอย่างช้าๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่โต๊ะทานอาหารด้านล่าง
“....” ฉันมองดูจานอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับหยิบโน้ตที่วางอยู่ใกล้ขึ้นมาอ่าน
‘ข้าวต้มกุ้งของโปรดหนูทานให้หมด พี่มีเคสด่วนต้องเข้าไปโรงพยาบาล’
ที่ฉันไม่เห็นเขาอยู่ที่ห้องเพราะเขาต้องเข้าไปทำงานด่วนนี่เอง
หลังจากที่อ่านโน้ตจบฉันก็โน้ตนี้ลงวางลงพร้อมกับหยิบช้อนขึ้นมาทานข้าวแต่สายตาฉันก็หันไปเห็นโน้ตอีกใบที่วางอยู่ข้างๆกับยาอะไรสักอย่าง‘ยาคุมฉุกเฉินหนูจะกินหรือไม่กินก็ได้พี่ไม่ซีเรียส และต้องขอโทษด้วยครั้งหน้าพี่จะเป็นคนป้องกันเอง’
ยังจะมีครั้งหน้าอีกหรอ เขาคิดจะทำอะไรกันแน่เนี่ย เห็นฉันเป็นของเล่นรึไง...
‘กินข้าวก่อนละกัน ค่อยคิดว่าจะเอาไงต่อดี’ ฉันบอกกับตัวเองอยู่ภายในใจ อย่างน้อยกลองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง...
ใจนึงฉันก็คิดนะว่าคุณเบลซเขาชอบฉัน แต่ใจนึงมันก็ค้านมันจะเป็นไปได้หรอที่ ผู้ชายที่เพียบพร้อมทุกอย่างจะหันมามองคนที่ไม่มีอะไรอย่างฉันอะ...
‘เห้ย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว’... ฉันจะกล้ามองหน้าเขาได้อีกรึป่าวก็ไม่รู้...
หลังจากที่ฉันทานข้าวทานยา และล้างจานที่ตัวเองพึ่งกินเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเดินเข้าห้องตัวเองไปเพื่ออาบน้ำล้านหน้าล้างตัวเองก่อนจะกลับมาลงนอนอีกครั้งที่เตียงของตัวเอง ยังมีเวลาเหลืออยู่ให้ฉันได้นอนพักอีกสักหน่อย...
15.00 น.
ตี๊ดดดดดดด! ตี๊ดดดดดดดด! ตี๊ดดดดดดดดด!
“อื้อออออออ...โอะ” ฉันค่อยลืมตาขึ้นมา สายตาก็หันไปเห็นนาฬิกาที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลา‘บ่ายสามแล้วหรอเนี่ย’
ฉันรีบลุกเก็บที่นอนเรียบร้อยแล้วจึงกลับเข้าไปอาบน้ำ แต่งตัวอีกครั้งพร้อมกับใส่ชุดพยาบาลของโรงพยาบาล ADN.
@โรงพยาบาล ADN.
“พี่นาสวัสดีค่ะ” ฉันเอ่ยทักทายพี่นา ทันทีที่เข้ามาถึงห้องพัก...
“อ่าว ดาวันนี้ขึ้นวอร์ดศัลย์นี่จ้ะ” พี่นาเอ่ยบอกกับฉันด้วยความสงสัย...
“อะ เอ่อ...”
“พี่บอกไปทางไลน์แล้วนี้ยังไม่ได้เปิดอ่านสินะ”
“หรอคะ ดายังไม่ได้จับโทรศัพท์เลยค่ะ” ฉันเอ่ยบอกกับพี่นาออกไปอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรจ่ะ รีบไปเถอะคนไข้เยอะ”
เนื่องจากพยาบาลที่เข้ามาใหม่ทุกคนต้องได้รับการทดสอบและประเมินจากหัวหน้าพยาบาลของทุกวอร์ด ว่าจะผ่านการฝึกงานไหม และถ้าผ่านก็จะได้เลือกว่าอยากทำงานอยู่ที่ไหนนี่เป็นข้อกำหนดของที่โรงพยาบาลแห่งนี้
ปกติแล้วฉันจะต้องอยู่วอร์ดเด็กก่อนจนกว่าจะครบสองอาทิตย์ถึงจะย้ายไปทำงานที่วอร์ดอื่น ยกเว้นกรณีนี้ที่คนไข้เยอะจึงสามารถเรียกตัวไปช่วงงานได้นั่นเองค่ะ
“ค่ะ งั้นดาไปก่อนนะคะ”
“จ้า”
หลังจากที่แยกจากพี่นาแล้วฉันก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่แผนกศัลยกรรมทันที...
ระหว่างทางสายตาของฉันก็หันไปเห็นผู้ชายที่ฉันไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้กำลังเดินมาทางนี้พอดี...
ฉันจึงตัดสินใจหลบเข้ามุมเสาข้างๆ เขาน่าจะยังไม่เห็นฉันหรอกนะ เพราะคนนี้ทั้งคนไข้และญาติของพวกเขาเดินกันเต็มไปหมด คุณเบลซเขาดูรีบๆ ด้วยคงไม่ได้สนใจฉันหรอก...
“อ้าว ดาหลามายื่นทำอะไรตรงนี้ล่ะจ้ะ” ฉันสะดุ้งทันทีที่ได้ยินเสียงเอ่ยทักฉันขึ้น ก่อนจะหันกลับไปมองพบว่าเป็นรินเพื่อนของฉันเอง เราพึ่งรู้จัดกันตอนที่เข้ามาทำงานที่นี่นี่แหละ...
“อ้อ ป่าวจ่ะรินก็ถูกเรียกว่าช่วยที่นี่หรอ” ฉันเอ่ยถามรินออกไปด้วยความสงสัย
“ใช่จ้า เห็นว่าเคทที่คุณหมอเบลซพึ่งทำงานผ่าตัดไปประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทำให้มัผู้ป่าวที่เป็นแบบเดียวกันขอเข้ามารับการรักษากับคุณหมอเยอะเลย ทำให้พยาบาลไม่พอน่ะจ้ะจึงเรียกพวกเรามา”
“เป็นแบบนี้นี่เอง งั้นเรารีบไปกันเถอะ” ฉันเอ่ยบอกกับรินก่อนที่เราทั้งสองจะเดินตรงไปยังห้องพักเพื่อเก็บข้าวของและมารายงานตัวกับพี่ที่ดูแล...
“สวัสดีค่ะ/สวัสดีค่ะ” ฉันกับรินกล่าวทักทายพี่ๆ พยาบาลที่นั่งทำงานกันอยู่อย่างขมักเขม่น ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องทำงานของพยาบาลประจำแผนกศัลยกรรม
“นี่คือแผนงานที่พวกเธอทั้งสองต้องทำ ตอนนี้ก็ศึกษาก่อน พอถึงเวลาเริ่มงานแล้วค่อยลงมือทำนะ พี่ต้องรีบไปก่อน”
“ค่ะ/ค่ะ” ฉันกับรินตอบรับคำของพี่อ้อมพี่พยาบาลสาวสวยประจำแผนกศัลยกรรม ก่อนที่เธอจะเดินออกไปอย่างรีบร้อน
ระหว่างที่ฉันกับรินกำลังเก็บข้าวของใส่ลิ้นชักของตัวเองในห้องเก็บของข้างๆกับห้องทำงาน...
ฉันก้มลงนั่งย่องๆกับพื้นแทบจะทันทีที่เห็นคุณเบลซเดินผ่านกระจกมา...ฉันเคยบอกแล้วไงว่ายังไม่พร้อมที่จะเจอเขาตอนนี้ แต่จะให้หลบแบบนี้ตลอดคงไม่ได้ยังไงที่นี้ก็เป็นโรงพยาบาลของเขา...
“ดา เป็นอะไรรึป่าว” เสียงรินเอ่ยถามฉันด้วยความเป็นห่วง
“ปะ ป่าวจ่ะเราไปข้างนอกนะ”
ฉันตัดสินใจเดินออกไปสงบสติอารมณ์ของตัวเองข้างนอกแต่... เหมือนฉันจะคิดผิดเข้าอย่างจัง ฉันนึกว่าเขาจะเดินออกไปแล้ว...
“ทำไมต้องหลบหน้าพี่?” ฉันเบลซที่เหมือนยืนรอฉันอยู่ที่หน้าห้องพักเอ่ยถามถามฉันเสียงดัง...
ฉันหันซ้ายหันขวาก่อนจะเห็นว่าพี่พยาบาลทุกคนต่างมองเราเป็นตาเดียว...
“คุณเบลซคนอยู่เยอะนะคะ” ฉันเอ่ยบอกผู้ชายตรงหน้าออกไปอย่างรนๆ
“ไม่สน”
“คุณเบลซ...”
“มองอะไรไม่มีงานทำกันรึไง...” เขาไม่ได้ฟังที่ฉันะเรียกแต่กลับหันไปเอ็ดพี่ๆพยาบาลที่หันมามองเราอยู่...
“ทำไมต้องหลบหน้าพี่?” เขาเอ่ยถามฉันอีกครั้งด้วยประโยคเดิม
“ดะ ดาไม่ได้หลบค่ะ” ฉันเอ่ยตอบเขาไปอย่างตัดขัด...ตอนนี้ฉันสัมผัสได้ถึงหัวใจของตัวเองที่เต้นจนแทบจะระเบิดออกมาเต้นข้างนอกอยู่แล้ว
“แน่ใจ?”
“ค่ะ”
“ก็ดี งั้นพี่ไปทำงานก่อนตั้งใจเข้าล่ะเด็กดี” ไม่พูดเปล่าเขายังเอามือมาลูบผมฉันด้วยท่าทางอ่อนโยนแบบนั้นอีก ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง...
“...” ฉันทำได้เพียงยืนเหว่ออยู่นิ่งไม่กล้าขยับไปไหน หรือแม้แต่สบตากับใครในห้องนี้
“อ่ะแฮ่ม!!!” “พะ พี่เบลซ” ฉันร้องเรียกเขาด้วยความตกใจ ถึงฉันกับพี่มาร์คัสจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็ตาแต่ฉันก็ยังกลัวว่าเขาสองคนจะมีเรื่องกันอย่างวันนั้นอีก “ปล่อยมือออกจากเมียกูได้แล้วมั้ง” พี่เบลซเอ่ยบอกกับร่างสูงอีกคน ก่อนจะเดินเข้ามาจับมือหนาออกจาหัวของฉัน “หึ!” “ดาเข้าไปช่วยแม่กับยายเตรียมอาหารเถอะครับ ตรงนี้แดดมันแรงเกินไป” พี่เบลซเอ่ยบอกกับฉันด้วยรอยยิ้ม “พี่สองคนจะไม่ทะเลอะกันแน่หรอคะ” ฉันเอ่ยถามร่างสูงทั้งสองตรงหน้าออกไปด้วยความกังวล ทุกครั้งที่พวกเขาเจอไม่เคยมีครั้งไหนที่พวกเขาจะคุยกันดีๆได้เลย “ไม่มีอะไรหรอครับ เข้าไปข้างในก่อนนะดา” พี่มาร์คัสเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ “แน่นะคะ” ฉันถามทั้งสองคนออกไปอีกครั้ง “ครับ/ครับ” “ก็ได้ค่ะ” ฉันตอบรับทั้งสองอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินเข้ามาในตัวบ้าน...[BLAZ’S PART] “รอบนี้ไม่ต่อยกูหรอวะ” ไอ้มาร์คัสเอ่ยถามผมขึ้นด้วยน้ำเสียงกวนๆ “เมียคุมความประพฤติกูอยู่” ผมตอบกลับมันไปเสียงเรียบ “หึ มีอะไรอยากคุยกับกูก็ว่ามา”
ก๊อกๆๆ !!!!“เดี๋ยวแม่ไปเปิดเองลูก” “เชิญค่ะ” แม่ดาราเดินไปเปิดประตูให้กับคนที่มาใหม่ ก่อนที่ท่านจะดูตกใจเล็กน้อย “คุณท่าน คุณผู้หญิง...สวัสดีค่ะ” แม่ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะยกมือไหว้ทั้งสองที่มาใหม่อย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องมากพิธีหรอกดา เราเข้าไปข้างในกันเถอะฉันไม่ได้มาที่นี่ในฐานะเจ้านาย ฉันมาในฐานะยาย ฉันมาขอโทษแทนหลานชายตัวดีของฉันที่ทำผิดไว้กับลูกสาวของเธอ” เสียงคุณท่านเอ่ยถามแม่ของฉันเสียงอ่อน ก่อนที่แม่ของฉันจะเปิดประตูเพื่อตอนรับผู้ที่มาใหม่ทั้งสอง “ใช่ค่ะตามที่คุณแม่ท่านบอก ดาราไม่ใช่คนงานในบ้านเราแล้ว แต่เป็นแม่ของผู้หญิงที่ลูกชายเรารักมากที่สุด” คุณสัณห์แม่ของพี่เบลซพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “คุณท่าน คุณสัณห์สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้ทั้งสองอย่างนอบน้อม ก่อนจะก้มหน้าให้กับพวกท่านอย่างไม่กล้าสบตา “สวัสดีจ่ะหนูดา แม่ขอโทษแทนลูกแม่ด้วยนะดาหลา” คุณสัณห์หันมาบอกกับกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่ท่านจะลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู “ถ้าต่อไปนี้ตาเบลซรังแกหนูอีกบอกยายเลยนะ เดี๋ยวยายจัดการให้เอง” คุณท่านเอ่ยบอกกับด้วยใบหน้า
[BLAZ’S PART]“ดา ดาครับ” ผมเอ่ยเรียกร่างบางที่หมดสติไปในอ้อมกอดของผม ผมอุ้มเธอไว้แนบอกก่อนจะพาเธอออกมาด้านนอก ก่อนที่จะผมวางเธอลงบนเตียงซึ่งห้องนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องพักฟื้นของตาทอง “คุณหมอเบลซมีอะไรให้ฉันช่วยไหมค่ะ” เสียงพยาบาลเดินตามเข้ามาช่วยผม ก่อนที่เธอจะเอ่ยถามผมขึ้น “ไปตามหมอจากแผนกสูติมาที” ผมเอ่ยบอกกับพยาบาลตรงหน้าเสียงเรียบ “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะคุณหมอเบลซ” หลังจากที่พยาบาลเดินออกไปผมจึงเริ่มตรวจร่างกายเบื้องต้นให้กับร่างบางตรงหน้า เธอหมดสติไปมาจากการที่เธอพักผ่อนไม่เพียงพอ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ตาของเธอหมดสติไปจนถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปบ่ายสามของอีกวันเธอยังไม่ได้นอนพักเลย รวมถึงเธอมีความเครียด ความวิตกกังวลสะสมอยู่มากทีเดียวและมีเรื่องหนึ่งที่ยังคงกวนใจผมอยู่ถึงร่างบางตรงหน้าผมจะไม่มีอาการอะไรที่ผิดปกติแสดงออกมาให้ผมเห็น แต่ผมมี...ม๊าเคยเล่าให้ผมฟังอยู่บ่อยๆ ว่าป๊าผมมีอาการแบบเดียวกันนี้ตอนที่ม๊าท้องผม มันทำให้ผมสงสัยว่าร่างบางตรงหน้ากำลังตั้งท้อง และผมเป็นคนแพ้ท้องแทนเธอ“สวัสดีค่ะคุณหมอเบลซ” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยถามผมขึ้นอย่างนอบ
“อ้วกกกกกก…” ผมโก่งคออ้วกออกมาจนแสบคอไปหมด ก่อนจะทรุดนั่งลงกับพื้นห้องน้ำอย่างหมดแรง“คุณเบลซเป็นไงบ้างลูก ไหวไหม” ยายมณีเอ่ยถามผมดังมาจากด้านนอก“ผมไม่เป็นไรครับยาย”“มีอะไรหรอคะยาย” เสียงดาหลาเอ่ยถามยายของด้วยความสงสัย“ก็คุณเบลซนะสิลูกอยู่ดีๆก็อาเจียนออกมา”“อาเจียนหรอคะ” ดาหลาเอ่ยถามยายของเธอกลับไปอีกครั้ง แต่น้ำเสียงของเธอมันเเสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเธอเป็นห่วงผม“ใช่ลูก”“เมื่อกี้เขาก็ยังดีๆอยู่นี่คะ” เสียงดาหลาดังเข้ามาใกล้ขึ้น เหมือนเธอจะเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำที่ผมอยู่“ก็นั่นสิลูก”แอ๊ดดดด !!!“คุณเบลซ” ยายมณีเอ่ยเรียกผมเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาผมอย่างเป็นห่วง“ผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆครับยาย” ผมเอ่ยบอกกับหญิงสูงวัยตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม ผมเลือกที่จะไม่พูดความจริงกับท่าน เพราะผมคงไม่กล้าบอกหรอกนะว่าผมเหม็นกลิ่นอาหารที่ท่านทำอะ“หน้าคุณซีดมากเลยนะคะ” เธอเอ่ยบอกกับผมเสียงอ่อน“^0^” ผมหันไปยิ้มหวานให้กับเธออีกครั้ง“คุณยิ้มอะไรคะ” เธอเอ่ยถามผมเสียงเรียบอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์กับท่าทางของผมสักเท่าไหร่“หนูเป็นห่วงพี่หรอครับ” ผมยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยถามร่างบางตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน“ป
“คุณเบลซคะลุกขึ้นเถอะค่ะ” น้าดาราเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนจะเดินเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง“น้าดาครับ ตา ยายครับ ผมรักดาหลามาก…”“…”“ผมรักเธอมากจริงๆ”“…”“ในวันนี้ที่ไม่มีเธออยู่หัวใจของผมมันก็แตกสลายไม่เป็นชิ้นดี ผมขอ…” ผมเอ่ยบอกกับทั้งสามคนตรงหน้าเสียงสั่นน้ำตายังคงคออยู่เต็มดวงตา“…”“นะครับน้าดา ผมกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว แต่ผมขอทำปัจจุบันที่ยังเหลือใหม่ได้ไหมครับ”“ค่ะ น้าจะให้อภัยคุณ” น้าดาราเอ่ยบอกกับผมเสียงเรียบพร้อมกับจ้องมองมาที่ผมนิ่งๆ“ดา…” เสียงตาทองดุลูกสาวของท่านเสียงดัง“แต่ถ้าคุณเบลซทำให้ลูกสาวของน้าเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นทางกาย และทางใจอีกเพียงครั้งเดียว คุณเบลซต้องเป็นคนเดินออกไปจากชีวิตของลูกสาวน้า มันจะไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สองสำหรับคุณอีก”“…”“จะรับปากน้าไหมคะ” น้าดาราเอ่ยถามผมเสียงเรียบ“ผมรับปากครับ มันจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองแน่นอนครับ” ผมเอ่ยบอกกับหญิงวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความหนักแน่น เรื่องที่เคยเกิดขึ้นมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีกเพียงครั้งเดียวมันก็มากเกินพอเเล้ว วันนี้ผมรู้ซึ้งแล้วว่าถ้าผมไม่มีดาหลาผมไม่สามารถอยู่บนโลกที่กว้างใหญ
[DARLA’S PART]16.30 น.“ยายคะต่อไปดาจะจัดการเรื่องอาหารการกินให้ยายเองนะคะ” ฉันเอ่ยบอกกับยายของตัวเองเสียงอ่อน ทันทีที่รถประจำทางจอดบริเวณหน้าทางเข้าสวนส้ม ฉันกับแม่ดาพายายไปโรงพยาบาลในตัวอำเภอ เพราะท่านบ่นเวียนหัวไม่หายสักทีฉันกลัวว่าจะเป็นหนังถ้าปล่อยไว้นาน เลนพาท่านไปหาหมอให้คุณหมอตรวจดูสักหน่อย“…” ยายมณีมองมาทางฉันด้วยแววตาเศร้าๆ ราวกับเด็กที่กับเด็กที่กำลังโดนบังคับยังไงยังงั้น ฉันส่งยิ้มหวานไปให้ท่านก่อนจะพูดต่อ“ของมันของทอดต้องค่อยๆลดแล้วนะคะ”“จ้าหลานรัก” ยายเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อน ก่อนที่ท่านจะส่งยิ้มมาให้ฉันอย่างเอ็นดู“งั้นเราเริ่มเลยนะคะ หนูขอยึดกล้วยทอดก่อนเลยค่ะ” ฉันดึงถุงกล้วยทอดออกจากมือของยายเบาๆ“เอ้า…เริ่มเลยเลอะยายหนู” ยายเอ่ยถามฉันออกมาเสียงอ่อน พร้อมกล้วยทอดในมือฉันตาละห้อย ถึงยังไงฉันก็ไม่ใจอ่อนหลอกนะเพื่อสุขภาพที่ดีของฉัน“ป้ายหายไปแล้ว สงสัยพ่อจะได้คนงานใหม่แล้วนะจ๊ะแม่” แม่ของฉันพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังรั้วตรงหน้าที่ปกติมันมีป้ายประกาศติดอยู่ ซึ่งฉันเป็นคนเอามาติดเองกับมือก่อนจะออกไปโรงพยาบาล“ดีแล้วลูกตาแก่จะได้มีลูกมือ กลางคืนก็จะได้มีคนช่วยเดินเวรด้วย”“ท