Home / รักโบราณ / ดรุณีกลางใจอ๋อง / บทที่ 37 ตามหาความจริง

Share

บทที่ 37 ตามหาความจริง

last update Huling Na-update: 2025-10-30 06:59:52

ห้องตำราตะเกียงน้ำมันถูกจุดขึ้น จ้าวหานเพิ่งตามมาถึงเมืองไป่เหอ รอรายงานอยู่พร้อมกับเจียงเฟิงและหานหลี่เจี๋ย

“ว่ามา” เสียงเอื่อยเฉื่อยดังขึ้น

“ตระกูลหลินส่งนักฆ่ามาหลายกลุ่มพ่ะย่ะค่ะ คนที่รู้เห็นในคดีถูกกำจัดไปหมดแล้ว จะเหลือก็แต่เพียงกู้เผยอี้ที่เขียนจดหมายร้องทุกข์ให้ชายชราผู้นั้น”

หยางเฉิงไม่ได้แปลกใจอันใด ตัวเขาคาดเดาเอาไว้แล้ว อย่างไรตาเฒ่าหลินเหวินซานก็คงไม่ปล่อยให้มีพยานในคดีนี้แน่

“หลี่เยว่ซิงเคลื่อนไหวหรือไม่”

ครานี้จ้าวหานส่ายหน้าพลางเอ่ยทูล “ดูเหมือนฉู่อ๋องจะยังไม่ล่วงรู้แผนการพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้จวนฉู่อ๋องยังคงพยายามผูกไมตรีกับหานหลัวให้ได้ก่อนงานอภิเษกของไท่จื่อ”

“หึ! ดูแล้วน้องชายข้ายังอยากจะทวงซูอวี้หนิงคืน ช่างรักมั่นนัก” หยางเฉิงแค่นยิ้มหยัน ก่อนหันมากำชับองครักษ์ข้างกาย

“พรุ่งนี้เจ้าตามซูอวี้หนิงเข้าเมือง นางคงไม่มีทางอยู่เฉยแน่”

ผู้ใต้บัญชาทั้งสามดูจะไม่เห็นด้วย ยิ่งหานหลี่เจี๋ยถึงกับทูลคัดค้าน

“ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ ถ้าเกิดนักฆ่าต้องการสังหารพ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Pinakabagong kabanata

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 47 ทุกข์ระทม

    อวี้หนิงออกจากจวนตระกูลซูตรงไปยังร้านค้าต่าง ๆ ของตน นางไม่อยากจะกลับไปพบกับหลี่หยางเฉิงในเวลาเช่นนี้ จึงทำได้เพียงหลีกหนีการพบหน้าก็เท่านั้น กว่าจะกลับถึงจวนฉินอ๋อง แสงสุดท้ายของวันก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว หญิงสาวตรงไปยังห้องนอนทว่าพบว่าเจ้าชิงชิง แมวขาวขนปุยตัวอ้วนยังคงนอนอยู่ข้างล่างเตียงนอนของนางเช่นเดิม อวี้หนิงยอบกายจ้องมองแมวน้อยที่บัดนี้ดวงตากลมโตของมันก็เงยหน้ามาจ้องมองนางเช่นกัน “เจ้านายของเจ้าไม่คิดตามหาเจ้าเลยหรือ” ชิงชิงปานรู้ความ เมื่อนางถามเช่นนั้นมันกลับเบือนหน้าหนี ราวคนกำลังเศร้าสร้อย ร่างบางถอนหายใจ อดสงสารแมวขาวตัวนี้ไม่ได้ ชะตาชีวิตของมันไม่ต่างจากนางในตอนนี้เอาเสียเลย “มาเถอะ ข้าจะพาเจ้ากลับไปหาเจ้านาย” นางอุ้มแมวไว้ในอ้อมแขน ก่อนเดินตรงไปยังเรือนอี้เหยา ภายในเรือนอี้เหยาเงียบสนิท แม้ไฟถูกจุดทั่วทุกห้อง ทว่าเจ้านายของเรือนกลับไม่อยู่ อวี้หนิงถือวิสาสะเดินตรงไปยังห้องบรรทม ทว่ายังไม่ทันได้เอ่ยขออนุญาตเจ้าของเรือน เสียงร้อนรนของกัวเจียงเฟิงก็ดังลอดออกมา “ท่านอ๋อง เห

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 46 หลีกหนีไม่พ้น

    ตระกูลซูเป็นเพียงตระกูลเล็กที่มาจากชนบท ป้ายวิญญาณของบรรพชนจึงมีไม่มาก อวี้หนิงจ้องมองป้ายวิญญาณของมารดาผู้ล่วงลับ ภาพสตรีผู้งดงามในความทรงจำของนางผุดขึ้นมาในหัว มารดาของนางเป็นดั่งโพธิสัตว์โดยแท้จริง ชั่วชีวิตของมารดา อวี้หนิงไม่เคยเห็นนางโกรธเกลียดผู้ใดเลย แม้แต่หลินซือเหยียนที่เป็นอนุของบิดา สตรีที่เข้ามาทำลายชีวิตคู่ของนาง มารดายังไม่เคยขุ่นเคือง ซ้ำยังคอยช่วยเหลือไม่ให้สตรีชั่วช้าผู้นั้นได้รับความไม่เป็นธรรมเสียอีก จนวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง อวี้หนิงจึงเห็นความโกรธแค้นในสายตาของมารดาเป็นครั้งแรก “ท่านแม่ อีกไม่นานคนชั่วที่ทำกับท่าน กับตระกูลเหรินก็จะได้รับโทษแล้ว ท่านจะได้ปล่อยวางเสียที” เสียงหวานเจือด้วยความเศร้าเอ่ยกับป้ายวิญญาณเบื้องหน้า ก่อนที่อวี้หนิงจะลุกขึ้นปักธูปลงหน้าป้ายวิญญาณของซูเยว่หลิง น่าเสียดายที่ถึงวันสุดท้าย ท่านแม่ของนางก็ยังรักบุรุษไร้หัวใจเช่นบิดาของนางอยู่ ตอนอยู่ก็เป็นคนตระกูลซู พอตายไปแล้วมารดาของนางก็ยังเป็นผีตระกูลซู หญิงสาวเดินออกจากหอบรรพชนโดยมีเสี่ยวเหม่ยคอยประคอง นางตั้งใจอ้อยอิ่งรอดูจุดจบของหลินซือ

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 45 ความรักใคร่กลมเกลียวที่แสนเปราะบาง

    เมื่ออวี้หนิงออกไป หลี่หานเจี๋ยก็เดินเข้ามาภายใน “ท่านอ๋อง ต้องรีบขับพิษแล้ว” หยางเฉิงกุมหน้าอกของตน ยาพิษทุกข์ระทมภายในกายจากผู้เป็นตาที่มอบให้อย่างไรก็ไม่มีวันขับออกได้ ในยามที่หนาวเหน็บภายในร่างเหมือนถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ เสียด้วยซ้ำ แต่เขากลับไม่นึกเสียใจที่ขัดคำสั่งผู้นำตระกูลเฟิ่ง คิดช่วยเหลือซูอวี้หนิง เพราะนางเป็นดั่งคนในครอบครัวเพียงคนเดียวของเขา ด้านอวี้หนิงไม่ได้กลับเรือนของตน แต่ให้คนนำรถม้าออกจากจวน มุ่งหน้าไปยังจวนตระกูลซู ทว่าก่อนจะออกจากจวน กลับมีรถม้าที่ติดตราจวนฉู่อ๋องหยุดเทียบกับรถม้าของนาง บุรุษตัวสูงก้าวลงมาจากรถม้า ทว่าใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความเศร้า หนวดเคราบนใบหน้าที่ไม่ได้ถูกจัดการให้เรียบร้อย บ่งบอกว่าเจ้าของร่างไม่สนใจไยดีกับร่างกายตนเองนัก ทั้งที่แต่ก่อนเขามักจะแต่งกายให้สะอาดสะอ้านเสียยิ่งกว่าสตรีเรือนหลังเสียอีก “คารวะฉู่อ๋อง” หนิงอวี่ยอบกายเคารพเขาตามธรรมเนียม หลี่เยว่ซิงมองนางด้วยแววตาที่ยังอาลัยอาวรณ์ แม้ผ่านมาครึ่งปี เขายังตัดนางออกจากใจไม่ได้ ต่างจากอวี้หนิงที่บั

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 44 เจ้าของหมากกระดานนี้

    อวี้หนิงนั่งลงบนตั่งกลมตรงข้ามเขา นี่คือการร่วมโต๊ะกินข้าวครั้งที่สองของเขาและนาง อาหารแปดอย่างวางอยู่บนโต๊ะ แต่นางที่ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อคืนกลับไม่นึกอยากอาหาร เพียงแต่นั่งจ้องมองบุรุษร่างสูงอยู่อย่างนั้น หยางเฉิงยังคงกินอาหารด้วยท่าทางไม่เป็นเดือดเป็นร้อน “เจ้าเอาแต่จ้องข้าก็ไม่มีประโยชน์อันใด หากต้องการทวงความเป็นธรรมให้ตระกูลเหริน เริ่มแรกเจ้าควรกินให้อิ่ม จะได้มีแรงไว้ต่อสู้กับศัตรูตัวจริง” ฉินอ๋องเอ่ยเสียงเรียบโดยไม่มองมายังนางด้วยซ้ำ ได้ยินเช่นนั้น ร่างบางจึงยอมยกตะเกียบขึ้นคีบอาหารเข้าปาก มื้อเช้าของคนทั้งคู่จึงเป็นไปด้วยความเงียบ ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจาใดกันอีก ผ่านไปหนึ่งเค่อ อวี้หนิงจึงรวบตะเกียบวางไว้บนโต๊ะ รอให้นางกำนัลยกเครื่องเสวยออกไป ภายในห้องโถงมีเพียงเขาและนาง หลี่หยางเฉิงจึงเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อน “ชาที่เจ้าดื่มเมื่อครู่ ข้าใส่ยาพิษลงไป” น้ำเสียงเยือกเย็นไร้ความห่วงใยเอ่ยขึ้น เขาอยากรู้ว่านางจะมีท่าทีเช่นไรเมื่อรู้ว่าตนเองถูกพิษ ทว่าอวี้หนิงกลับไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ยังคงจ้องหน้าเขาอยู่เช่

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 43 ชายเสียสติผู้เยือกเย็น

    หลี่หยางเฉิงรู้ว่าสตรีในรถม้าใคร่รู้เรื่องราวเพียงใด จึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้าพักผ่อนเถิด ถึงเจ้าจะจ้องข้าอยู่เช่นนี้ ข้าก็ยังไม่คิดอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เมื่อจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ข้าจะบอกกับเจ้าเอง” “ท่าน...” อวี้หนิงยังอยากจะเอ่ยถาม แต่เมื่อเห็นท่าทีไม่สนใจสิ่งใดของบุรุษที่ยังนอนเหยียดกายอยู่ นางจึงกลืนคำถามเหล่านั้นลงท้องไป ต้นยามอู่ รถม้าก็เข้าเขตเมืองฉางเล่อ หยางเฉิงจึงลืมตาตื่นพร้อมกับรถม้าที่หยุดลง “ท่านอ๋องถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เจียงเฟิงเอ่ยทูลจากด้านนอกฉินอ๋องหันมาจ้องมองอวี้หนิงที่ยังนั่งพินิจตนอยู่เช่นเคย “ข้าจะให้คนพาเจ้ากลับจวน อย่าคิดออกไปที่ใด ใช่ว่าคนที่ต้องปิดเรื่องตระกูลเหรินจะลามือ” คำพูดของเขายิ่งทำให้นางตื่นตกใจ “ท่านอ๋องรู้...” “กลับไปรอที่จวน เมื่อข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จะบอกเจ้าเอง” เมื่อทำอะไรไม่ได้ นางจึงเพียงพยักหน้ารับ ก่อนที่รถม้าสลักตราจวนฉินอ๋องจะมุ่งตรงเข้าเมืองไป อวี้

  • ดรุณีกลางใจอ๋อง   บทที่ 42 หลี่หยางเฉิง

    “คุ้มกันท่านอ๋อง!” เสียงเข้มของมู่หรงชิงดังก้อง ทหารคุ้มกันรายล้อมรอบรถม้าทั้งสามคัน เสี่ยวเม่ยรีบเข้ามาในรถม้า คอยปกป้องนายหญิงของตน สองนายบ่าวกอดกันไว้แน่น ภายในรถม้า หยางเฉิงยังเอนกายหลับตา ไม่เดือดไม่ร้อนอันใด ไม่ต่างจากอาจารย์หลี่และเจียงเฟิงที่นั่งอยู่หน้ารถม้า ไร้ท่าทีหวาดกลัว เสียงเหล็กกระทบเหล็กสะท้อนก้อง ผสมเสียงโห่ร้อง และเสียงหอบหายใจรุนแรงกลางความสับสน หิมะที่โปรยปรายยิ่งทำให้การป้องกันนั้นยากลำบากขึ้น ราวกับสวรรค์เป็นใจให้กลุ่มนักฆ่าใช้เป็นเครื่องมือพรางตัว กลิ่นเหงื่อ กลิ่นเลือด และกลิ่นดินเปียกผสมกันจนแทบแยกไม่ออก นักฆ่าที่ถูกส่งมาไม่คิดละเว้นผู้ใด ดาบแหลมจึงพุ่งไปทั่วทุกสารทิศ ยังดีที่ทหารคุ้มกันต่างมีฝีมือ ใช้เวลาเพียงสองเค่อ นักฆ่าที่ถูกส่งมาครึ่งร้อยก็ล้มตายเกลื่อนพื้น ทว่าคนพวกนั้นกลับไม่คิดให้ผู้ใดเหลือรอด เมื่อเสียงฝีเท้านับร้อยเคลื่อนตรงมายังขบวนของหยางเฉิง บุรุษในอาภรณ์สีเข้ม สวมทับด้วยชุดเกราะสีดำลายพยัคฆ์ เฉกเช่นทหารในกองทัพพยัคฆ์ของแม่ทัพมู่เหอกัง ตั้งขบวนมาหยุดตรงหน้ามู่หรงชิง ดวงตาเข้มหรี่ลงด้วยความสับสน

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status