วันต่อมา
เช้านี้ คุณพัฒน์ปลุกมุกดารินทร์ตื่นตั้งแต่เช้ามืด เพื่อจัดเตรียมของเข้าวัดไปทำบุญให้แก่มารดาผู้ที่ล่วงลับไปแล้วเกือบสี่เดือน วันนี้จึงถือโอกาสนี้ทำบุญร้อยวันด้วยเลย...
“อยู่ต่ออีกสักสองสามวันไม่ได้หรือค่ะพี่เกื้อ มุกยังไม่อยากกลับกรุงเทพฯเลย” เธอถามเขาขึ้นมา เมื่อกลับจากการทำบุญ เธอรู้สึกชอบบรรยากาศที่นี่มาก
“ไม่ได้ครับ เราทุกคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ไว้ถึงวันหยุดยาวอีก เราค่อยมากันอีกก็ได้” เขารีบเอ่ยบอก เพราะดูเหมือนเธอจะงอแงให้เขาพาอยู่ต่อ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากอยู่ เพราะอยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเราหรอก แต่เขามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอง มีงานที่รออยู่ สำหรับเขางานคือเงิน เวินคือการดำเนินชีวิต
“มุกชอบที่นี่มากเลยคะ อากาศสดชื่นกว่ากรุงเทพตั้งเยอะ”
“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ พี่จะอาสาเป็นไกด์พามุกเที่ยวรอบหมู่บ้านก่อนกลับละกัน”
เขาจึงอาสาพาเธอเที่ยวชมรอบหมู่บ้านแทน เพื่อเป็นการชดเชยแทนและอยากนำเสนอแผ่นดินบ้านเกิดของเขาให้เธอรู้ด้วย แถมเป็นการเปิดตัวเธอไปในตัวด้วยว่าเขานั้น มีแฟนที่น่ารักและสวยมาก
ถึงแม้การกลับมาบ้านเกิดในครั้งนี้ของคุณพัฒน์ บางคนก็ชื่นชมเขา บางคนต่างก็มองเหยียดบ้าง ที่เขานั้นไม่เจียมตัว เพราะคนที่นี่ก็พอจะมองออกว่าแฟนสาวที่เขาพามานั่น คงไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ดูจากการแต่งกาย เครื่องประดับที่เธอ ล้วนแต่เป็นของราคาแพงทั้งนั้นเลย แต่เขาหากได้สนใจไม่ เพราะเขาได้มอบใจให้กับดอกฟ้าดอกนี้แล้ว ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร เขาก็พร้อมจะยอมรับ...
วันต่อมา
บ้านภัทรไชยา
“เป็นไงบ้าง สนุกไหมไปเที่ยวมา แล้วตาภัทรล่ะทำไมไม่ชวนพี่เขาเข้ามาบ้านก่อน” ปราโมทย์เอ่ยทักทายลูกสาวขึ้นมาทันที ที่เห็นเธอเดินเข้ามาในบ้านคนเดียว ไร้เงาชายหนุ่มที่เธออ้างว่าไปด้วยกัน
“เอ่อ...พี่ภัทรอยากพักผ่อนค่ะ” ท่าทางอึกอักไปไม่เป็นของเธอจำจึงยอมโกหกบิดาออกไป โกหกมาตั้งแต่แรกแล้ว เธอจึงโกหกอีกหน่อยคงไม่เป็นไร
“...” ปราโมทย์ทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับเชิงรับรู้ ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ลูกสาวบอกก็ตาม เพราะอาการมีพิรุธของลูกสาว แต่เขายังไม่มีหลักฐานอะไร
“ได้เรื่องว่ายังไงบ้างรุต...” คล้อยหลังลูกสาวเดินขึ้นชั้นบนไป สายตาเข้มหันไปทางวิศรุตทันที ที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ยอมเข้ามา
“คุณหนูมุกไม่ได้กลับมากับคุณภัทรครับ แต่มีผู้ชายขับมอเตอร์ไซค์มาส่ง” วิศรุตเอ่ยรายงานบอกไป ตามที่ได้รับรายงานจากคนที่พบเห็น
วิศรุต รักมุกดารินทร์ดั่งเช่นน้องสาวแท้ ๆ คนหนึ่ง แต่เขาก็จงรักภักดีกับปราโมทย์เช่นเดียวกัน เพราะท่านคือคนที่มอบชีวิตและโอกาสทุกอย่างให้เช่นลูกคนหนึ่ง...
“นายสืบต่อไปอย่างเงียบ ๆ ว่าไอ้หนุ่มคนนั้นมันเป็นใคร” เสียงเข้มสั่งการวิศรุต ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมที่พ่วงตำแหน่งเลขาฯไปด้วยออกไปทันที
“เหมือนจะเป็นคนในที่ทำงานเรานะครับ ถ้าให้ผมเดา”
“คนในที่ทำงาน?”
“ครับ ก็คนที่คุณพงษ์พิพัฒน์มาถามหานั่นไงครับ ที่คุณหนูมุกชอบไปหาบ่อย ๆ”
“คุณพัฒน์เหรอ?”
“น่าจะใช่นะครับ เท่าที่ผมสังเกตมาสักพัก” วิศรุตจึงต้องบอกเท่าที่ตัวเองพอจะทราบมา อีกคนก็น้องที่รักและห่วงแหน ส่วนคนตรงหน้าก็คือผู้มีพระคุณที่ไม่อาจจะปิดบังอะไรได้
“หยามกันเกินไปแล้วน่ะ นายตามดูสองคนนี้แบบเงียบ ๆ อย่าให้มุกดารู้เด็ดขาด”
“ครับ”
วิศรุตไม่อาจที่จะกล้าปฏิเสธหรือขัดคำสั่งของปราโมทย์ จึงต้องยอมรับคำ และเดินออกไปอย่างนึกเป็นห่วงมุกดารินทร์ขึ้นมา...
สองวันต่อมา
ไชยาสินธุ์กรุ๊ปจำกัด
“ภัทรว่าอะไรน่ะ” ปราโมทยามย้ำอีกที เพื่อความแน่ใจ ที่วันนี้ธนภัทรเข้ามาขอลางานให้แก่พนักงานด้วยตัวเอง
ปราโมทย์พอจะเดาออกว่าชายหนุ่มสองคนที่รับเข้ามาทำงานนั้นคงจะเป็นเด็กฝากของหลานชายหรือไม่ก็เด็กฝากของพงษ์พิพัฒน์เป็นแน่ เพราะสองพ่อลูกคู่นี้ดูค่อนข้างที่จะสนใจและเอ็นดูทั้งสองหนุ่มด้วย
“ผมขอมาลางานให้กับชนาวุฒิครับ พอดีมีธุระที่ต้องให้ชนาวุฒิช่วยนิดหน่อย เลยมาขอลางานสองวัน อาโมทย์ไม่ว่าอะไรใช่ไหมครับ”
“ไปกันแค่สองคนหรือ?”
“มีคุณพ่อไปด้วยครับ”
“คราวนี้ยัยตัวแสบไม่ได้ไปด้วยใช่ไหม”
“เอ่อ...น้องพึ่งจะกลับมา ให้น้องพักผ่อนดีกว่าครับ ใกล้จะถึงวันที่มหา’ลัยเปิดแล้ว” ท่าทีกระอักกระอวนขึ้นมาทันที ที่ปราโมทย์เอ่ยถึงลูกสาวตัวเอง เพราะครั้งก่อนมุกดารินทร์เอาชื่อเขาไปอ้างว่าไปต่างจังหวัดด้วยกัน
“...” ปราโมทยืมองหน้าชายหนุ่มแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าปราโมทย์เซ็นอนุมัติใบลางานให้ชนาวุฒิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ธนภัทรจึงขอตัวเอ่ยลา กลับออกไปทันที
“ไอ้รุต! ไปเรียกคนที่นายว่ามาพบฉันหน่อย” เสียงเข้มเอ่ยสั่งขึ้นมาทันที ที่วิศรุตเปิดประตูเข้ามา เมื่อธนภัทรออกไปแล้วจากห้องทำงานแล้ว
“ครับ”
วิศรุตทำได้เพียงแค่ตอบรับคำสั้นและพยักหน้ารับ พร้อมกับก้มศีรษะลงเพียงเล็กน้อย ก่อนที่จะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป โดยไม่ได้เอ่ยถามอะไรปราโมทย์กลับ
เพียงไม่นานคนที่ปราโมทย์ต้องการเจอหน้า ก็ปรากฏตัวตรงหน้า เพราะวิศรุตเปิดประตูให้เดินเข้ามาเพียงคนเดียว
“สวัสดีครับ” คุณพัฒน์ยกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพคนตรงหน้าทันที ที่เดินเข้ามา
ปราโมทย์ไม่ได้รับไหว้ ทำเพียงวางมาดเข้มพร้อมกับมองสำรวจชายหนุ่มตรงหน้าอยู่สักพัก รูปร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อใช่ได้ แถมผิวพรรณชายหนุ่มยังดูขาวสะอาดผิดตา ถ้าไม่บอกว่าเป็นหนุ่มจากต่างจังหวัดเขาคงคิดก็เป็นลูกหลานคนตระกูลชั้นสูงดี ๆ นี้เอง
“นายเองเหรอที่ชื่อคุณพัฒน์” เสียงเข้ม พร้อมกับสายตาที่จ้องมองเขาอย่างสำรวจ ตั้งแต่ศีรษะลงมาจรดปลายเท้าพร้อมเหยียดยิ้มมุมปาก
“ครับ”
“เข้าเรื่องเลยแล้วกันน่ะ” สายตาเรียบนิ่งเอ่ยเสียงเข้มดุดันขึ้นมา พร้อมกับจ้องมองหน้าชายหนุ่มที่ทำหน้างงไม่เข้าใจ “ถ้าอยากทำงานที่นี่นาน ๆ ช่วยอยู่ให้ห่างจากลูกสาวฉัน...” ปราโมทย์เอ่ยเตือนขึ้นมาทันที เมื่อแน่ใจแล้วว่าลูกสาวโกหก และคนที่มุกดารินทร์ไปด้วยนั่นคือคุณพัฒน์แน่ เพราะท่าทีแปลก ๆ ของลูกสาวที่ชอบมาหาเขาที่นี่บ่อยขึ้น
“คุณพูดเรื่องอะไรครับ”
“อย่ามาทำเป็นไขสื่อไม่รู้อะไร ฉันขอเตือนนายเอาไว้ก่อน ถ้าไม่อยากเดือดร้อน อยากทำงานที่นี่ต่อไปนาน ๆ ก็อย่ามายุ่งกับมุกดา...” ปราโมทย์เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อคนตรงหน้ามีท่าทีที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
คุณพัฒน์ก้มหน้านิ่งยอมรับ ยืนเงียบอยู่นานสองนาน เขาไม่ได้ตกใจในสิ่งที่ปราโมทย์เอ่ยสั่งมากเท่าไหร่ เพราะเขาเตรียมใจเอาไว้บ้างแล้ว ว่าสักวันทุกคนก้ต้องรู้ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ และวันนี้ก็มาถึงวันที่เขาคงต้องยอมรับ และถอยออกมาแล้วสิ ถามว่าเขาเจ็บและเสียใจไหม บอกเลยว่าสุด ๆ ความรักมันเจ็บปวด ทรมานแบบนี้เองสินะ...
“ครับ” เสียงสั่นเครือก้มหน้าตอบรับ อย่างไม่อาจที่จะกล้าขัด
“รับปาก แล้วก็ช่วยทำให้ได้ด้วย”
คุณพัฒน์เดินออกไปทันที โดยไม่หันกลับไปมองหน้ากับบิดาของหญิงสาวเลย และก็สวนทางกันกลับที่วิศรุตเข้ามาพอดี
จำใจยอมมื้อค่ำสุดพิเศษจบลง มุกดารินทร์ก็ยังคงเอาแต่นั่งชะเง้ออยู่ที่ห้องโถงไม่ยอมขึ้นห้องไปพักผ่อน จนปราโมทย์ที่นั่งอยู่ด้วยถอนหายใจยาว ก่อนที่จะเอ่ยสั่งเด็กสาวรับใช้ที่เป็นหลานสาวของพิไล“ไปตามเกื้อกูลมาที่นี่หน่อย” ปราโมทย์ที่ทนเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ไม่ได้ จึงสั่งให้แม่บ้านไปตามคุณพัฒน์เข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ทีนที“ค่ะ คุณท่าน”สักพักคุณพัฒน์ก็เดินเข้ามาถึง เจอกับปราโมทย์นั่งวางมาดขรึมอยู่ที่โซฟาจ้องมองมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง แต่เขาทำใจฮึดสู้ยกมือขึ้นไหว้อย่างยอบน้อม โดยที่จะไม่เอ่ยถามอะไรว่าท่านให้คนไปตามทำไมกัน“พามุกดาขึ้นไปนอน นี้ก็ดึกมากแล้วไม่รู้จักหน้าที่เอาเสียเลย” พูดเพียงแค่นั้น ปราโมทย์ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินเดินผ่านหน้าชายหนุ่มขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันที เพราะเขาเองก็ง่วงเต็มทนจนตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ“ทำไมถึงไม่ยอมขึ้นนอนล่ะครับ หืมมม” คุณพัฒน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเดินเข้าไปหาหญิงสาว และใช้มือโอบรอบเอวพาเธอเดินขึ้นไปด้านบน“มุกไม่อยากนอนคนเดียวค่ะ มันหงุดหงิดทำให้มุกนอนไม่หลับ” เอ่ยบอกเขาพร้อมกับทำหน้ายู่ราวกับเด็กใส่เขาทันทีดูสิขนาดเธอกำลังจะกลายเป็นแม่คนแล้ว แต
มื้อค่ำสุดพิเศษตกเย็นคุณพัฒน์ที่ผล็อยหลับไปตามหญิงสาวนั้น ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาเย็น แล้วช้อนเอาร่างเล็กของว่าที่คุณแม่ที่ยังคงหลับสนิทอยู่ขึ้นอย่างทะนุถนอมไปวางที่เตียงกว้างให้เธอได้นอนสบาย ก่อนที่จะออกจากห้องของเธอไป เพื่อที่จะไปซื้อของมาทำอาหารมื้อเย็นให้ตามที่่รับปากเธอเอาไว้“จะไปไหน?” เสียงเข้มของปราโมทย์ถามขึ้นมา เมื่อเขากำลังเดินออกจากบ้านไปที่โรงจอดรถ ที่มีมอเตอร์ไซค์เขาจอดอยู่ด้วยปราโมทย์รู้ว่าชายหนุ่มจะออกไปไหน เพราะได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูดกับลูกสาวทุกประโยคเมื่อตอนกลางวัน แต่แค่อยากถามกวนเฉย ๆ“จะออกไปตลาดครับ” คุณพัฒน์ตอบออกไปตามตรง เพราะอาศัยอยู่ที่บ้านท่าน ก็ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังอยู่แล้ว ดีแค่ไหนแล้วที่ท่านยอมให้เขามาอยู่ใกล้กับลูกสาวท่าน“ไปสภาพนี้?” ใบหน้านิ่งขรึมมองสำรวจชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จึงได้แต่เลิกคิ้วถามคุณพัฒน์นั้นสวมเพียงแค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขายาวธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้มีสิ่งของราคาแพงอะไรประดับติดตัว แต่ก็ดูดีใบแบบของชายหนุ่มเอง“คือ...” เขาได้แต่ก้มหน้าถ่อมตนไม่กล้าสบตาของปราโมทย์ เพราะสภาพตัวเองที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับลูกสาวท่านเลย“เ
อยากหนีไปจากตรงนี้คุณพัฒน์ที่กำลังทำงานสวนอยู่หลังบ้าน ถูกตามตัวให้มาพบกับเจ้าของบ้าน จึงต้องยอมละทิ้งทุกอย่างไว้ แล้วเดินเข้ามาในบ้านใหญ่ทันทีคุณพัฒน์ได้รับอนุญาตจากปราโมทย์ให้พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ โดยพักอยู่ที่บ้านพักของคนงานแทน มีหน้าที่ดูแลรับใช้มุกดารินทร์ในฐานะพ่อของลูกเท่านั้น และจนกว่าที่มุกดารินทร์จะคลอดแต่คุณพัฒน์จะไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปชั้นบนของบ้านหลังใหญ่ และให้อยู่กับมุกดารินทร์ได้ เพราะปราโมทย์ต้องการดูพฤติกรรม ว่ามีความอดทนมากแค่ไหนและปราโมทย์ก็ให้เขาออกจากงานทันที ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้น ให้มาอยู่ที่บ้านของเขาแทน ส่วนพงษ์พิพัฒน์และธนภัทรจึงยอมให้คุณพัฒน์ทำตามที่ปราโมทย์ขอ เพราะมีทางเดียวที่คุณพัฒน์จะได้อยู่ใกล้ลูกเมีย และเป็นการพิสูจน์ตัวเองด้วยคุณพัฒน์เดินเข้ามาภายในห้องโถงของบ้าน เห็นปราโมทย์นั่งกอดอกอยู่บนโซฟามองมาที่ตน ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรกลับไป ทำเพียงแค่ยกมือขึ้นไหว้เท่านั้น“ตามป้าไลขึ้นไปข้างบน แล้วทำยังไงก็ได้ให้มุกดายอมกินข้าว เป็นผัวเมียภาษาอะไร เมียไม่กินข้าว ก็ไม่ยอมดูแล...” ใบหน้านิ่งขรึมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง เมื่อคุณพัฒน์มาถึ
ไม่ได้เกิดมาเพียบพร้อมสามวันต่อมาบ้านภัทรไชยาธนภัทรกับบิดาของตนรีบมาหามุกดารินทร์ที่บ้าน หลังจากที่ทำธุระที่ต่างจังหวัดเสร็จก็มุ่งหน้ามาบ้านของหญิงสาวเลยทันทีที่ทราบข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น“คุณอาอย่าบังคับน้องให้ไปเอาเด็กออกเลยนะครับ เด็กไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย น้องจะเสียใจมากแค่ไหน ที่ทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง แล้วคนที่จะเป็นทุกข์ไม่ใช่แค่มุกดา แต่อาโมทย์เองก็จะรู้สึกผิดไปด้วย...” ธนภัทรร้องขอขึ้นมาทันที ที่รู้ว่าปราโมทย์กำลังจะทำอะไรกับลูกสาว“...” ทุกคนเงียบลงไม่มีใครพูดอะไรออกมาสายตาหันมองไปยังหญิงสาวและชายหนุ่ม ที่หน้าตาบูดซ้ำ เพราะการถูกซ้อมปางตายจากลูกน้องของปราโมทย์ แล้วหันกลับมาเอ่ยกับเจ้าของบ้านต่อ...“ถือว่าเห็นแก่เด็กที่กำลังจะเกิดมา ซึ่งก็คือหลานแท้ ๆ ของอาเอง พ่อเขาก็มีทำไมอาต้องอยากให้ลูกสาวตัวเองทำร้ายอีกหนึ่งชีวิตเพื่ออนาคตด้วยครับ คลอดแล้วค่อยกลับไปเรียนก็ได้”“...” ปราโมทย์ไม่เอ่ยตอบอะไร เมื่อธนภัทรเอ่ยออกมาเช่นนี้“เกื้อกูลก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร น้องออกจะเป็นคนดีคนขยันทำมาหากินคนหนึ่ง เพียงแต่เกิดมากับครอบครัวที่ไม่เพียบพร้อมเหมือนกับพวกเรา แต่ไม่ใช่ว่าวันข้างหน้
ไม่เจียมตัวเอาเสียเลยก๊อก ก๊อก ก๊อก“มีอะไร” เสียงเข้มถามออกไป เมื่อวิศรุตผุนผันเข้ามาหาเขาที่ห้องแบบไม่ได้รอให้คนด้านในอนุญาตเสียก่อนทุกสายตาที่อยู่ในห้องนี้ด้วย ต่างก็หันจ้องมองมาที่วิศรุตเป็นตาเดียวอย่างรอฟังคำตอบ ชายหนุ่มหากได้สนใจไม่ กลับเดินเข้าไปหาปราโมทย์ทันที เพราะมีเรื่องด่วนกว่า“คุณหนูมุกเป็นลมครับ” เสียงกระซิบเอ่ยบอกเบา ๆ เพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน“อะไรน่ะ!!! เป็นลม? แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” แต่ปราโมทย์ เมื่อได้ยินว่าลูกสาวสุดที่รักเป็นอะไร กลับเก็บอาการไม่อยู่ ตวาดถามเสียงดังขึ้นมาทันที โดยไม่สนใจว่าในที่นี่จะมีใครได้ยินบ้าง เพราะเป็นห่วงลูกสาวจนไม่สามารถควบคุมอะไรได้“อยู่ข้างล่างครับ” วิศรุตเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งปราโมทย์ไม่ได้สนใจทุกสายตาที่มองมาที่ตน รีบสาวเท้าเดินออกไปจากตรงนี้ ลงมายังจุดที่วิศรุตแจ้งว่าลูกสาวอยู่ที่ไหนและก็เจอกับคุณพัฒน์กำลังอุ้มลูกสาวตนเดินไปทางห้องพยาบาลพอดี จึงได้แต่เดินตามไปแต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรชายหนุ่มออกไปคุณพัฒน์วางมุกดารินทร์ลงที่เตียงในห้องพยาบาลอย่างเบามือ และก็ออกมารออยู่ห่าง ๆ ให้หมอที่ถูกเรียกตัวมาจากโรงพยาบาลตรวจดูอาการหมอที
เอาอะไรไปสู้เขาวิศรุตได้แต่ชำเลืองมองคุณพัฒน์ที่เดินสวนกันอย่างรู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเขาเองก็ต้องทำตามหน้าที่เหมือนกัน“ให้คนของเราไปจัดการเลยไหมครับ” ถามผู้มีพระคุณที่นั่งหน้าขรึมขึ้นมาทันที ที่เขาเดินเข้ามาภายในห้อง“ไม่ต้อง รอดูไปก่อน ถ้ามันขัดคำสั่งเมื่อไหร่ ค่อยจัดการทีเดียว”ปราโมทย์รีบปราม แล้วนั่งทำงานต่ออยู่ภายในห้องอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจอะไรต่อ แต่สมองก็สั่งการให้เขาอดคิดเรื่องของลูกสาวกับชายหนุ่มที่เขาเรียกมาตักเตือนไม่ได้อยู่ดี“มีหยัง...เว้าบอกกูได้เด้อ เผื่อมึงสิสบายใจขึ้น” (มีอะไร...เล่าให้กูฟังได้น่ะ เผื่อมึงจะสบายใจขึ้น) ชนาวุฒิถามเพื่อนขึ้นมาทันที ที่เห็นคุณพัฒน์เดินกลับเข้ามาทำงานด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก“มันจบลงแล้วล่ะ เฮ็ดงานต่อเถาะอย่าสนใจเรื่องของกูเลย” (มันจบลงแล้วแหล่ะ ทำงานต่อเถอะอย่าสนใจเรื่องของกูเลย) สั่งเรียบเอ่ยบอกเพื่อน แต่ใบหน้าก็ยังแสดงความทุกข์ออกมาอยู่ดี“มักลูกสาวเขาเฮากะสู้ตัวเกื้อ” (รักลูกสาวเขาเราก้ต้องสู้สิเกื้อ)“กูบ่มีอีหยังไปสู้เขาได้ดอก มึงกะเห็น” (กูไม่มีอะไรไปสู้เขาหรอก มึงก็เห็น) พูดตัดพ้อตัวเองขึ้นมาทันท