ตกเย็น
คุณพัฒน์ที่ผล็อยหลับไปตามหญิงสาวนั้น ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาเย็น แล้วช้อนเอาร่างเล็กของว่าที่คุณแม่ที่ยังคงหลับสนิทอยู่ขึ้นอย่างทะนุถนอมไปวางที่เตียงกว้างให้เธอได้นอนสบาย ก่อนที่จะออกจากห้องของเธอไป เพื่อที่จะไปซื้อของมาทำอาหารมื้อเย็นให้ตามที่่รับปากเธอเอาไว้
“จะไปไหน?” เสียงเข้มของปราโมทย์ถามขึ้นมา เมื่อเขากำลังเดินออกจากบ้านไปที่โรงจอดรถ ที่มีมอเตอร์ไซค์เขาจอดอยู่ด้วย
ปราโมทย์รู้ว่าชายหนุ่มจะออกไปไหน เพราะได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูดกับลูกสาวทุกประโยคเมื่อตอนกลางวัน แต่แค่อยากถามกวนเฉย ๆ
“จะออกไปตลาดครับ” คุณพัฒน์ตอบออกไปตามตรง เพราะอาศัยอยู่ที่บ้านท่าน ก็ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังอยู่แล้ว ดีแค่ไหนแล้วที่ท่านยอมให้เขามาอยู่ใกล้กับลูกสาวท่าน
“ไปสภาพนี้?” ใบหน้านิ่งขรึมมองสำรวจชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จึงได้แต่เลิกคิ้วถาม
คุณพัฒน์นั้นสวมเพียงแค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขายาวธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้มีสิ่งของราคาแพงอะไรประดับติดตัว แต่ก็ดูดีใบแบบของชายหนุ่มเอง
“คือ...” เขาได้แต่ก้มหน้าถ่อมตนไม่กล้าสบตาของปราโมทย์ เพราะสภาพตัวเองที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับลูกสาวท่านเลย
“เอารถที่บ้านไป ขับเป็นอยู่ไม่ใช่เหรอ” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้น พร้อมกับเพยิดหน้าไปทางรถยนต์ที่จอดอยู่ข้าง ๆ กันหลายคัน เชิงอนุญาตว่าใช้คันไหนก็ได้
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ” เขาปฏิเสธอย่างถ่อมตน
“ไปพร้อมกันกับลุงก็ได้ พอดีป้าไลแกฝากซื้อเครื่องครัวด้วย” ศักดิ์สิทธิ์ คนขับรถประจำบ้านภัทรไชยาเอ่ยขึ้นมา
“ตามใจ” ปราโมทย์เอ่ยเช่นนั้น ก้หมุนตัวเดินเข้าไปภายในบ้านทันที
กว่าที่คุณพัฒน์จะกลับมาจากจ่ายตลาดก็มืดค่ำพอดี เขารีบไปจัดแจงจัดเตรียม ทำอาหารให้แก่ว่าที่คุณแม่ได้ทานทันที
มุกดารินทร์เดินลงมาข้างล่าง เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอกับชายหนุ่มคนรัก ขึ้นลุกขึ้นลงมาดูที่ข้างล่าง ก็เจอเขาอยู่ที่ครัวกำลังปรุงอาหารอย่างคล่องแคล่ว และเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ เชิงให้กำลังใจเขาด้วย
“มุกลงมาพอดี ก้อยไข่มดแดงเสร็จพอดีเลยครับ” เสียงนุ่มถามขึ้นเป็นจังหวะที่อาหารจานโปรดของเธอถูกปรุงเสร็จพอดี
“ป้าตั้งโต๊ะเลยนะคะ” พิไลเอ่ยบอก แล้วพาแม่บ้านจัดโต๊ะอาหารทันที เมื่ออาหารทุกอย่างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“คุณพ่อละคะ” มุกดารินทร์นั่งลงที่ประจำของเธอแล้วจึงเลิกคิ้วถาม เมื่อยังไม่เห็นบิดาของเธอลงมาร่วมโต๊ะ
“คุยงานอยู่กับคุณรุตด้านบน นั่นไงค่ะมากันพอดีเลย” พิไลเอ่ยบอกไม่ทันจบ ปราโมทย์ก็เดินลงมาพอดี พร้อมกับวิศรุตที่เดินเข้ามาตามหลัง
“ทำอะไรกันทานครับหอมเชียว” วิศรุตเอ่ยชมขึ้นมาทันที เมื่อมื้อนี้ที่โต๊ะมีอาหารกลิ่นพิเศษสุดมากกว่าทุกวัน
“ของแซ่บคะ พี่รุตกับคุณพ่อมาทานพร้อมกันนะคะ” เธอเอ่ยตอบด้วยใบหน้ายิ้มที่มีความสุขที่สุดในรอบหลายวันที่ผ่านมา ตั้งแต่เกิดเรื่อง
“ครับ” ครั้งนี้วิศรุตไม่ปฏิเสธคำเชิญของเธอ นั่งลงกับฝั่งตรงข้ามเธอทันที
ทุกครั้งที่คนที่บ้านรับประทานอาหาร วิศรุตมักจะปฏิเสธเธอไปทานร่วมกับคนงานหรือแม่บ้านที่ครัว แต่ครั้งนี้เขาอยากตามใจคนท้องจึงไม่กล้าที่จะขัดน้ำใจเธอ
“จะไปไหน? ทำเสร็จแล้วก็นั่งทานข้าวด้วยกันนี่แหล่ะ” เสียงเข้มดุเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มที่โชว์ฝีมือเป็นพ่อครัวในวันนี้
“ครับ” เมื่อไม่กล้าปฏิเสธน้ำใจของปราโมทย์ จึงได้แต่ตอบรับ
“ป้าไลตักข้าว” เสียงเข้มเอ่ยบอกแม่บ้าน
“ผมช่วยครับ” คุณพัฒน์หันไปช่วยจัดแจงแม่บ้าน ก่อนที่จะมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างกับมุกดารินทร์
“...” ปราโมทย์ได้แต่มองดูการกระทำของคุณพัฒน์อย่างเงียบไม่ได้เอ่ยอะไร เพราะอยากรู้ว่าชายหนุ่มนั้นแกล้งทำหรือเสแสร้งอยู่หรือเปล่า
“เผ็ดไหมครับ” เสียงนุ่มถามคนข้าง ๆ ที่ตักอาหารเข้าปากไม่หยุด ดูมื้อนี้เธอจะเจริญอาหารมากกว่าทุกมื้อ อาจเป็นเพราะอาหารถูกปาก หรือเพราะมีเขาอยู่ข้าง ๆ หรือเปล่า
“ไม่เผ็ดค่ะ กำลังพอดีอร่อยมากด้วย” เสียงหวานเอ่ยตอบชายหนุ่มพร้อมกับใบหน้าที่สดใสขึ้นมา แถมสองแก้มตุ่ยยังเคี้ยวอาหารเต็มปากไม่หยุด และหันมาทางบิดาและพี่ชายที่นั่งฝั่งตรงข้าม “คุณพ่อกับพี่รุตทานด้วยกันสิค่ะ”
ปราโมทย์และวิศรุตต่างมองไปที่จาน ที่หญิงสาวนำเสนอ แล้วเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยว่านั่นคือเมนูอะไร ทำไมถึงอยากนำเสนอขนาดนั้น
“ก้อยไข่มดแดงค่ะ” เธอเอ่ยตอบ เมื่อเห็นว่าทั้งสองเอาแต่ทำหน้างุนงงมองอาหารจานนี้อย่างสงสัย
“อื้ม อร่อยจริงด้วย คุณพ่อลองทานดูสิครับ” วิศรุตที่พึ่งตักอาหารจานนั้นเข้าปากไปถึงกับยกโป้งให้พร้อมกับเอ่ยชมออกมาจากใจจริง
“เป็นยังไงบ้างค่ะคุณพ่อ” เธอเลิกคิ้วถามไปทางคนเป็นพ่อ ที่ไม่ยอมแสดงปฏิกิริยาอะไรออกมาตั้งแต่ที่ตักอาหารเข้าปาก
“ก็งั้น ๆ”
“แปลว่าไม่อร่อยหรือค่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องทานนะคะ มุกทานคนเดียวเอง” เธอดึงจานมาอยู่ตรงหร้าทันที ที่บิดาเธอเอ่ยออกมาเช่นนี้ แล้วยังทำหน้าไม่พอใจใส่ผู้เป็นพ่อกลับไปด้วย
ปราโมทย์เข้าใจอาการของหญิงตั้งครรภ์ดี เพราะเคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว เธอเหมือนกันกับมารดาของเธอไม่มีผิดเลย บทจะงอนก็งอนแบบไม่มีเหตุผล แต่ความดื้อรั้นนี้ก็ไม่ยอมเช่นกัน เขารู้ดีว่าไม่ควรขัดใจ แต่ตอนนี้ขอเก็บอาการเอาไว้ก่อน ไม่อยากเสียฟอร์มต่อหน้าชายหนุ่มที่เป็นคนรักของลูกสาว จึงได้แต่ทำหน้าขรึมอยู่ตลอด
“อ้าว! ผมพึ่งทานไปนิดเดียวเองน่ะ” วิศรุตได้แต่ร้องอ้าปากค้าง เมื่อมุกดารินทร์ทำเช่นนี้ เพราะอาหารที่เธอนำเสนอนี้ถูกปากเข้ามากเลย ครั้งแรกในชีวิตที่ได้ทานอะไรแบบนี้ พูดได้เต็มปากเลยว่าอาหารในภัตตาคารก็เทียบไม่ติด
“เดี๋ยวผมไปเอามาให้ไหมครับ” คุณพัฒน์กำลังจะลุกขึ้น ไปตักมาเสิร์ฟ
“คุณนั่งทานต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวให้เด็ก ๆ เอามาเสิร์ฟเอง คุณก็ยืนทำมาตั้งนานแล้ว” แต่ถูกพิไลดักคอ ปรามขึ้นมาเสียก่อน
“...” คุณพัฒน์ได้แต่มองหน้าคนที่นั่งอยู่แต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เมื่อวิศรุตพยักหน้าให้ เขาจึงนั่งลงที่เดิม แต่ตักอาหารเอาใจหญิงคนรักอีกตามเดิม
คุณพัฒน์จึงฉีกไก่ย่างวางที่จานของหญิงคนรักอย่างเอาใจ เหมือนเมนูบ้าง เมื่อเธอเอาแต่ห่วงอาหารจานนั้นไว้คนเดียวที่ไม่ยอมให้วิศรุตเอื้อมมาตักได้
“พี่เกื้อไม่ทานหรือค่ะ” มุกดารินทร์หันมาถามทางชายหนุ่มคนรักบ้าง ที่เขาเอาแต่บริการเธอ ไม่ยอมตักอะไรทานเลย
“รอมุกอิ่มก่อนครับ ผมทานอะไรก็ได้” เขาพูดเช่นนั้น ก็ยังบริการเธอต่อ โดยไม่สนใจเลยว่าคนอื่นจะมองเขาเช่นไร
“พี่เกื้อ”
“รีบทาน อยู่บนโต๊ะอาหารไม่ควรคุยกัน” ปราโมทย์สวนขึ้นมา เมื่อลูกสาวเริ่มจะพูดและเอาแต่ใจตัวเองขึ้นมาอีกแล้ว
ปราโมทย์มองหน้าคุณพัฒน์ก่อนที่จะส่ายหน้าเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าสิ่งที่คุณพัฒน์ปฏิบัติต่อลูกสาวเขามันไม่ดี เพียงแค่มันจะทำให้เธอนั้นติดนิสัยและเอาแต่ใจตัวเอง แถมอาจจะทำอะไรเองไม่เป็นเพราะมีคนคอยบริการทุกอย่าง
จำใจยอมมื้อค่ำสุดพิเศษจบลง มุกดารินทร์ก็ยังคงเอาแต่นั่งชะเง้ออยู่ที่ห้องโถงไม่ยอมขึ้นห้องไปพักผ่อน จนปราโมทย์ที่นั่งอยู่ด้วยถอนหายใจยาว ก่อนที่จะเอ่ยสั่งเด็กสาวรับใช้ที่เป็นหลานสาวของพิไล“ไปตามเกื้อกูลมาที่นี่หน่อย” ปราโมทย์ที่ทนเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ไม่ได้ จึงสั่งให้แม่บ้านไปตามคุณพัฒน์เข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ทีนที“ค่ะ คุณท่าน”สักพักคุณพัฒน์ก็เดินเข้ามาถึง เจอกับปราโมทย์นั่งวางมาดขรึมอยู่ที่โซฟาจ้องมองมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง แต่เขาทำใจฮึดสู้ยกมือขึ้นไหว้อย่างยอบน้อม โดยที่จะไม่เอ่ยถามอะไรว่าท่านให้คนไปตามทำไมกัน“พามุกดาขึ้นไปนอน นี้ก็ดึกมากแล้วไม่รู้จักหน้าที่เอาเสียเลย” พูดเพียงแค่นั้น ปราโมทย์ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินเดินผ่านหน้าชายหนุ่มขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันที เพราะเขาเองก็ง่วงเต็มทนจนตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ“ทำไมถึงไม่ยอมขึ้นนอนล่ะครับ หืมมม” คุณพัฒน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเดินเข้าไปหาหญิงสาว และใช้มือโอบรอบเอวพาเธอเดินขึ้นไปด้านบน“มุกไม่อยากนอนคนเดียวค่ะ มันหงุดหงิดทำให้มุกนอนไม่หลับ” เอ่ยบอกเขาพร้อมกับทำหน้ายู่ราวกับเด็กใส่เขาทันทีดูสิขนาดเธอกำลังจะกลายเป็นแม่คนแล้ว แต
มื้อค่ำสุดพิเศษตกเย็นคุณพัฒน์ที่ผล็อยหลับไปตามหญิงสาวนั้น ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาเย็น แล้วช้อนเอาร่างเล็กของว่าที่คุณแม่ที่ยังคงหลับสนิทอยู่ขึ้นอย่างทะนุถนอมไปวางที่เตียงกว้างให้เธอได้นอนสบาย ก่อนที่จะออกจากห้องของเธอไป เพื่อที่จะไปซื้อของมาทำอาหารมื้อเย็นให้ตามที่่รับปากเธอเอาไว้“จะไปไหน?” เสียงเข้มของปราโมทย์ถามขึ้นมา เมื่อเขากำลังเดินออกจากบ้านไปที่โรงจอดรถ ที่มีมอเตอร์ไซค์เขาจอดอยู่ด้วยปราโมทย์รู้ว่าชายหนุ่มจะออกไปไหน เพราะได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูดกับลูกสาวทุกประโยคเมื่อตอนกลางวัน แต่แค่อยากถามกวนเฉย ๆ“จะออกไปตลาดครับ” คุณพัฒน์ตอบออกไปตามตรง เพราะอาศัยอยู่ที่บ้านท่าน ก็ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังอยู่แล้ว ดีแค่ไหนแล้วที่ท่านยอมให้เขามาอยู่ใกล้กับลูกสาวท่าน“ไปสภาพนี้?” ใบหน้านิ่งขรึมมองสำรวจชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จึงได้แต่เลิกคิ้วถามคุณพัฒน์นั้นสวมเพียงแค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขายาวธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้มีสิ่งของราคาแพงอะไรประดับติดตัว แต่ก็ดูดีใบแบบของชายหนุ่มเอง“คือ...” เขาได้แต่ก้มหน้าถ่อมตนไม่กล้าสบตาของปราโมทย์ เพราะสภาพตัวเองที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับลูกสาวท่านเลย“เ
อยากหนีไปจากตรงนี้คุณพัฒน์ที่กำลังทำงานสวนอยู่หลังบ้าน ถูกตามตัวให้มาพบกับเจ้าของบ้าน จึงต้องยอมละทิ้งทุกอย่างไว้ แล้วเดินเข้ามาในบ้านใหญ่ทันทีคุณพัฒน์ได้รับอนุญาตจากปราโมทย์ให้พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ โดยพักอยู่ที่บ้านพักของคนงานแทน มีหน้าที่ดูแลรับใช้มุกดารินทร์ในฐานะพ่อของลูกเท่านั้น และจนกว่าที่มุกดารินทร์จะคลอดแต่คุณพัฒน์จะไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปชั้นบนของบ้านหลังใหญ่ และให้อยู่กับมุกดารินทร์ได้ เพราะปราโมทย์ต้องการดูพฤติกรรม ว่ามีความอดทนมากแค่ไหนและปราโมทย์ก็ให้เขาออกจากงานทันที ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้น ให้มาอยู่ที่บ้านของเขาแทน ส่วนพงษ์พิพัฒน์และธนภัทรจึงยอมให้คุณพัฒน์ทำตามที่ปราโมทย์ขอ เพราะมีทางเดียวที่คุณพัฒน์จะได้อยู่ใกล้ลูกเมีย และเป็นการพิสูจน์ตัวเองด้วยคุณพัฒน์เดินเข้ามาภายในห้องโถงของบ้าน เห็นปราโมทย์นั่งกอดอกอยู่บนโซฟามองมาที่ตน ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรกลับไป ทำเพียงแค่ยกมือขึ้นไหว้เท่านั้น“ตามป้าไลขึ้นไปข้างบน แล้วทำยังไงก็ได้ให้มุกดายอมกินข้าว เป็นผัวเมียภาษาอะไร เมียไม่กินข้าว ก็ไม่ยอมดูแล...” ใบหน้านิ่งขรึมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง เมื่อคุณพัฒน์มาถึ
ไม่ได้เกิดมาเพียบพร้อมสามวันต่อมาบ้านภัทรไชยาธนภัทรกับบิดาของตนรีบมาหามุกดารินทร์ที่บ้าน หลังจากที่ทำธุระที่ต่างจังหวัดเสร็จก็มุ่งหน้ามาบ้านของหญิงสาวเลยทันทีที่ทราบข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น“คุณอาอย่าบังคับน้องให้ไปเอาเด็กออกเลยนะครับ เด็กไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย น้องจะเสียใจมากแค่ไหน ที่ทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง แล้วคนที่จะเป็นทุกข์ไม่ใช่แค่มุกดา แต่อาโมทย์เองก็จะรู้สึกผิดไปด้วย...” ธนภัทรร้องขอขึ้นมาทันที ที่รู้ว่าปราโมทย์กำลังจะทำอะไรกับลูกสาว“...” ทุกคนเงียบลงไม่มีใครพูดอะไรออกมาสายตาหันมองไปยังหญิงสาวและชายหนุ่ม ที่หน้าตาบูดซ้ำ เพราะการถูกซ้อมปางตายจากลูกน้องของปราโมทย์ แล้วหันกลับมาเอ่ยกับเจ้าของบ้านต่อ...“ถือว่าเห็นแก่เด็กที่กำลังจะเกิดมา ซึ่งก็คือหลานแท้ ๆ ของอาเอง พ่อเขาก็มีทำไมอาต้องอยากให้ลูกสาวตัวเองทำร้ายอีกหนึ่งชีวิตเพื่ออนาคตด้วยครับ คลอดแล้วค่อยกลับไปเรียนก็ได้”“...” ปราโมทย์ไม่เอ่ยตอบอะไร เมื่อธนภัทรเอ่ยออกมาเช่นนี้“เกื้อกูลก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร น้องออกจะเป็นคนดีคนขยันทำมาหากินคนหนึ่ง เพียงแต่เกิดมากับครอบครัวที่ไม่เพียบพร้อมเหมือนกับพวกเรา แต่ไม่ใช่ว่าวันข้างหน้
ไม่เจียมตัวเอาเสียเลยก๊อก ก๊อก ก๊อก“มีอะไร” เสียงเข้มถามออกไป เมื่อวิศรุตผุนผันเข้ามาหาเขาที่ห้องแบบไม่ได้รอให้คนด้านในอนุญาตเสียก่อนทุกสายตาที่อยู่ในห้องนี้ด้วย ต่างก็หันจ้องมองมาที่วิศรุตเป็นตาเดียวอย่างรอฟังคำตอบ ชายหนุ่มหากได้สนใจไม่ กลับเดินเข้าไปหาปราโมทย์ทันที เพราะมีเรื่องด่วนกว่า“คุณหนูมุกเป็นลมครับ” เสียงกระซิบเอ่ยบอกเบา ๆ เพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน“อะไรน่ะ!!! เป็นลม? แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” แต่ปราโมทย์ เมื่อได้ยินว่าลูกสาวสุดที่รักเป็นอะไร กลับเก็บอาการไม่อยู่ ตวาดถามเสียงดังขึ้นมาทันที โดยไม่สนใจว่าในที่นี่จะมีใครได้ยินบ้าง เพราะเป็นห่วงลูกสาวจนไม่สามารถควบคุมอะไรได้“อยู่ข้างล่างครับ” วิศรุตเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งปราโมทย์ไม่ได้สนใจทุกสายตาที่มองมาที่ตน รีบสาวเท้าเดินออกไปจากตรงนี้ ลงมายังจุดที่วิศรุตแจ้งว่าลูกสาวอยู่ที่ไหนและก็เจอกับคุณพัฒน์กำลังอุ้มลูกสาวตนเดินไปทางห้องพยาบาลพอดี จึงได้แต่เดินตามไปแต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรชายหนุ่มออกไปคุณพัฒน์วางมุกดารินทร์ลงที่เตียงในห้องพยาบาลอย่างเบามือ และก็ออกมารออยู่ห่าง ๆ ให้หมอที่ถูกเรียกตัวมาจากโรงพยาบาลตรวจดูอาการหมอที
เอาอะไรไปสู้เขาวิศรุตได้แต่ชำเลืองมองคุณพัฒน์ที่เดินสวนกันอย่างรู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเขาเองก็ต้องทำตามหน้าที่เหมือนกัน“ให้คนของเราไปจัดการเลยไหมครับ” ถามผู้มีพระคุณที่นั่งหน้าขรึมขึ้นมาทันที ที่เขาเดินเข้ามาภายในห้อง“ไม่ต้อง รอดูไปก่อน ถ้ามันขัดคำสั่งเมื่อไหร่ ค่อยจัดการทีเดียว”ปราโมทย์รีบปราม แล้วนั่งทำงานต่ออยู่ภายในห้องอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจอะไรต่อ แต่สมองก็สั่งการให้เขาอดคิดเรื่องของลูกสาวกับชายหนุ่มที่เขาเรียกมาตักเตือนไม่ได้อยู่ดี“มีหยัง...เว้าบอกกูได้เด้อ เผื่อมึงสิสบายใจขึ้น” (มีอะไร...เล่าให้กูฟังได้น่ะ เผื่อมึงจะสบายใจขึ้น) ชนาวุฒิถามเพื่อนขึ้นมาทันที ที่เห็นคุณพัฒน์เดินกลับเข้ามาทำงานด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก“มันจบลงแล้วล่ะ เฮ็ดงานต่อเถาะอย่าสนใจเรื่องของกูเลย” (มันจบลงแล้วแหล่ะ ทำงานต่อเถอะอย่าสนใจเรื่องของกูเลย) สั่งเรียบเอ่ยบอกเพื่อน แต่ใบหน้าก็ยังแสดงความทุกข์ออกมาอยู่ดี“มักลูกสาวเขาเฮากะสู้ตัวเกื้อ” (รักลูกสาวเขาเราก้ต้องสู้สิเกื้อ)“กูบ่มีอีหยังไปสู้เขาได้ดอก มึงกะเห็น” (กูไม่มีอะไรไปสู้เขาหรอก มึงก็เห็น) พูดตัดพ้อตัวเองขึ้นมาทันท