มื้อค่ำสุดพิเศษจบลง มุกดารินทร์ก็ยังคงเอาแต่นั่งชะเง้ออยู่ที่ห้องโถงไม่ยอมขึ้นห้องไปพักผ่อน จนปราโมทย์ที่นั่งอยู่ด้วยถอนหายใจยาว ก่อนที่จะเอ่ยสั่งเด็กสาวรับใช้ที่เป็นหลานสาวของพิไล
“ไปตามเกื้อกูลมาที่นี่หน่อย” ปราโมทย์ที่ทนเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ไม่ได้ จึงสั่งให้แม่บ้านไปตามคุณพัฒน์เข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ทีนที
“ค่ะ คุณท่าน”
สักพักคุณพัฒน์ก็เดินเข้ามาถึง เจอกับปราโมทย์นั่งวางมาดขรึมอยู่ที่โซฟาจ้องมองมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง แต่เขาทำใจฮึดสู้ยกมือขึ้นไหว้อย่างยอบน้อม โดยที่จะไม่เอ่ยถามอะไรว่าท่านให้คนไปตามทำไมกัน
“พามุกดาขึ้นไปนอน นี้ก็ดึกมากแล้วไม่รู้จักหน้าที่เอาเสียเลย” พูดเพียงแค่นั้น ปราโมทย์ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินเดินผ่านหน้าชายหนุ่มขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันที เพราะเขาเองก็ง่วงเต็มทนจนตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ
“ทำไมถึงไม่ยอมขึ้นนอนล่ะครับ หืมมม” คุณพัฒน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเดินเข้าไปหาหญิงสาว และใช้มือโอบรอบเอวพาเธอเดินขึ้นไปด้านบน
“มุกไม่อยากนอนคนเดียวค่ะ มันหงุดหงิดทำให้มุกนอนไม่หลับ” เอ่ยบอกเขาพร้อมกับทำหน้ายู่ราวกับเด็กใส่เขาทันที
ดูสิขนาดเธอกำลังจะกลายเป็นแม่คนแล้ว แต่อากัปกิริยาของเธอทุกอย่างที่เขาเห็นนั้นไม่ต่างจากเด็กเอาเสีย แถมยังขี้อ้อนเขาอีกต่างหาก แบบนี้ใครไม่หลงก็คงจะตายด้านไปแล้ว เพราะความน่ารักขี้อ้อนของเธอนี่แหล่ะทำให้เขาหน้าด้านทนอยู่ในสภาพนี้ ถึงแม้ใครจะตราหน้าว่าอย่างไรก็ไม่สนแล้ว ขอแค่ได้อยู่ใกล้ลูกเมียก็พอ...
ส่วนเรื่องสินสอดค่าดองเขาอาจจะไม่มีมากองตรงหน้าของบิดาเธอในตอนนี้ แต่สักวันเข้าจะหามันมาให้ได้ ถึงแม้ว่าจะยังมองหาหนทางไม่เจอก็ตาม แต่ตอนนี้ขอทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดี พิสูจน์ให้พ่อตาเห็นว่าเขานั้นสามารถดูแลลูกสาวท่านได้
ส่วนปราโมทย์ที่เดินขึ้นห้องไปก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้ปิดประตูห้องให้สนิท และยังได้ยินทั้งสนทนากันอย่างออดอ้อนตั้งแต่ขึ้นบันไดมาจนเข้าห้องนอนไป
หรือเขาจะยอมอ่อนข้อให้ลูกสาว เพื่อเห็นแก่หลานที่กำลังจะเกิดมา แต่นี้พึ่งจะพิสูจน์ไปได้ไม่กี่วันเอง มุกดารินทร์ก็ประท้วงเขาแล้ว ใจหนึ่งก็เป็นห่วงความรู้สึกคนท้อง อีกใจก็อยากต้องการที่จะพิสูจน์คุณพัฒน์ว่าที่ลูกเขยในอนาคต แต่ก็เข้มงวดมากกว่านี้ไม่ได้...
หลายวันผ่านไป
วันนี้คุณพัฒน์ต้องเดินทางไปบ้านเกิดที่ต่างจังหวัด เพื่อช่วยเตรียมงานแต่งของธนภัทรกับชญานุชพี่สาวเพื่อนที่บ้านเกิดของตนที่จะถึงในอีกสองวันข้างหน้า แถมเขายังขออนุญาตพ่อตาพาหญิงสาวคนรักซึ่งก็คือแม่ของลูกเขาตอนนี้ไปด้วย
ตอนแรกบิดาของเธอไม่ยินยอมค้านหลังชนฝา รอให้เธอเดินทางไปพร้อมกับวันงานเลยเพราะเป็นห่วงไม่อยากให้ลูกสาวที่กำลังท้องอ่อน ๆ อยู่ ต้องนั่งรถนานหรือเดินทางไกล แต่ในเมื่อไม่กล้าขัดใจอารมณ์คนท้องก็ต้องได้แต่จำยอม
งานแต่งของธนภัทรและชญานุชถูกจัดขึ้นที่บ้านเกิดของหญิงสาว ซึ่งบ้านของเธออยู่ห่างจากบ้านคุณพัฒน์เพียงแค่สามหลังเท่านั้น ซึ่งงานจัดขึ้นแบบใหญ่โตอย่างสมเกียรติ
การกลับมาบ้านในครั้งนี้ของคุณพัฒน์ต่างตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งงาน เพราะเขามาในฐานะญาติของทางฝ่ายเจ้าบ่าว ไม่ใช่ฝั่งเจ้าสาวที่เป็นคนบ้านเดียวกัน ทุกคนที่มาร่วมงานต่างพากันรู้สึกแปลกใจที่ทำไมคุณพัฒน์ถึงได้เป็นญาติอยู่ฝั่งเจ้าบ่าว
เดิมทีพงษ์พิพัฒน์ตั้งใจจะประกาศให้คนที่นี่รู้ ว่าเขานั้นคือลูกชายบุตรธรรมของเขาอีกคน แต่ชายหนุ่มขอเอาไว้ก่อน ไม่อยากให้คนที่นี่ทราบ...
สามวันต่อมา
“บ่กลับไปกรุงเทพพร้อมกันติ เกื้อ” (ไม่กลับไปกรุงเทพพร้อมกันเหรอ เกื้อ) ชนาวุฒิถามชายหนุ่มเพื่อนที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในตอนนี้ขึ้น เมื่อพวกเขาพร้อมที่จะเดินทางกลับทันที เมื่องานมงคลเสร็จสิ้น
“ขอนอนเฮือนอีกแน่ โดน ๆ เทื่อ สิมีโอกาสได้กลับมา ไว้ใกล้ฮอดมื้อหมอนัดคอยพากันกลับ เพราะอยู่กรุงเทพกูกะบ่ได้เฮ็ดงานมึงกะฮู้ กูเลยขอหาหยังเฮ็ดอยู่นี้ไปก่อน” (ขอนอนบ้านอีกหน่อย นาน ๆ ที จะมีโอกาสได้กลับมา ไว้ใกล้ถึงวันหมอนัดค่อยพากันกลับ เพราะอยู่กรุงเทพกูก็ไม่ได้ทำงานมึงกะรู้ กูเลยขอหาอะไรทำอยู่นี้ไปก่อน)
“ตามใจมึงเด้อ หม่องใดอยู่สำบายใจกะอยู่โล้ด” (ตามใจมึงน่ะ ตรงไหนอยู่สบายใจก็อยู่ไปเถอะ)
“ขอบใจมึงหลาย แล้วพ้ออยู่กรุงเทพเด้อ” (ขอบใจมึงมากน่ะ แล้วเจอกันที่กรุงเทพ)
“...พี่กลับก่อนน่ะน้องมุกดา ฝากดูแลไอ้เกื้อมันด้วย” ชนาวุฒิจึงหันมาลาทางหญิงสาวที่ยืนเคียงข้างกันคุณพัฒน์คอยส่งพวกเขาขึ้นรถ
“ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะพี่วุฒิ”
“พี่กลับแล้วน่ะตัวแสบ” ธนภัทรเจ้าบ่าวหมาด ๆ หันเอ่ยลากับเธอพร้อมกับยกมือขึ้นโยกศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู
“โชคดีนะคะ”
“เราก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ พี่รอลุ้นอยู่น่ะว่าหลานพี่จะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง” เอ่ยกับเธออย่างเป็นห่วง ก่อนที่จะหันไปชายหนุ่มที่ตอนนี้ได้สถานะเป็นน้องชาย “ฝากน้องด้วยน่ะเกื้อ พี่กลับก่อน แล้วเจอกัน”
“ครับ”
ว่าที่คุณพ่อคุณแม่ทั้งสองยิ้มรับพร้อมยกมือไหว้ ก่อนที่จะโบกลาเมื่อรถเริ่มคลื่อนตัวออกไปจากจุดนี้ จนไกลลับตา ทั้งคู่จึงเดินกลับมาที่บ้านของคุณพัฒน์
บริษัทไชยาสินธุ์
ทางด้านผู้เป็นพ่อ เมื่อกลับมาถึงที่บ้านตั้งแต่งวันงานแต่งธนภัทรเสร็จสิ้น เพราะมีงานที่ต้องทำอีกมากมาย ไม่อาจอยู่ร่วมหลายวันได้
“นายว่ายังไงน่ะ” ปราโมทย์เอ่ยขึ้นมาเสียงดัง เมื่อวิศรุตเข้ามารายงานเรื่องลูกสาวให้ได้รับฟัง
“คุณหนูมุกกับนายเกื้อยังไม่ได้กลับมาพร้อมกับพวกคุณภัทรครับ”
“ปล่อยไปก่อน ตอนนี้งานที่บริษัทกำลังยุ่ง ไว้เคลียร์งานเสร็จเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกที”
“คุณท่านยอมรับในตัวของเกื้อกูลแล้วหรือครับ” วิศรุตเลิกคิ้วถาม เมื่อเห็นว่าปราโมทยืไม่มีทีท่าเดือดร้อนอะไรเลย เหมือนเช่นเมื่อก่อน
“…แต่ตอนนี้ จ้างคนให้จับตาดูลูกสาวฉันด้วย ดูอยู่ห่าง ๆ พอ อย่าให้สองคนนั้นรู้ตัวเด็ดขาด แล้วคอยมารายงานฉัน” ใบหน้าเรียบนิ่งที่แสดงออกมา จนยากที่จะคาดเดาได้สั่งลูกชายบุญธรรมออกไป
“เรื่องบางเรื่องพอปล่อยวางได้ ก็วางเถอะนะครับพ่อ สงสารน้อง ๆ หลายวันที่ผ่าน เกื้อกูลก็พิสูจน์ให้เห็นอะไรในหลาย ๆ อย่างแล้ว เกื้อกูลรักลูกสาวพ่อมากกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก แบบนี้...”
“ไม่ต้องมาดราม่าตรงนี้ มีอะไรทำก็ไปทำ” เสียงเข้มเอ่ยขัดขึ้นมา เมื่อวิศรุตกำลังหว่านล้อมให้เขายอมรับในตัวของคุณพัฒน์
จำใจยอมมื้อค่ำสุดพิเศษจบลง มุกดารินทร์ก็ยังคงเอาแต่นั่งชะเง้ออยู่ที่ห้องโถงไม่ยอมขึ้นห้องไปพักผ่อน จนปราโมทย์ที่นั่งอยู่ด้วยถอนหายใจยาว ก่อนที่จะเอ่ยสั่งเด็กสาวรับใช้ที่เป็นหลานสาวของพิไล“ไปตามเกื้อกูลมาที่นี่หน่อย” ปราโมทย์ที่ทนเห็นลูกสาวเป็นแบบนี้ไม่ได้ จึงสั่งให้แม่บ้านไปตามคุณพัฒน์เข้ามาที่บ้านหลังใหญ่ทีนที“ค่ะ คุณท่าน”สักพักคุณพัฒน์ก็เดินเข้ามาถึง เจอกับปราโมทย์นั่งวางมาดขรึมอยู่ที่โซฟาจ้องมองมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง แต่เขาทำใจฮึดสู้ยกมือขึ้นไหว้อย่างยอบน้อม โดยที่จะไม่เอ่ยถามอะไรว่าท่านให้คนไปตามทำไมกัน“พามุกดาขึ้นไปนอน นี้ก็ดึกมากแล้วไม่รู้จักหน้าที่เอาเสียเลย” พูดเพียงแค่นั้น ปราโมทย์ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินเดินผ่านหน้าชายหนุ่มขึ้นไปชั้นบนของบ้านทันที เพราะเขาเองก็ง่วงเต็มทนจนตาแทบจะปิดอยู่รอมร่อ“ทำไมถึงไม่ยอมขึ้นนอนล่ะครับ หืมมม” คุณพัฒน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อเดินเข้าไปหาหญิงสาว และใช้มือโอบรอบเอวพาเธอเดินขึ้นไปด้านบน“มุกไม่อยากนอนคนเดียวค่ะ มันหงุดหงิดทำให้มุกนอนไม่หลับ” เอ่ยบอกเขาพร้อมกับทำหน้ายู่ราวกับเด็กใส่เขาทันทีดูสิขนาดเธอกำลังจะกลายเป็นแม่คนแล้ว แต
มื้อค่ำสุดพิเศษตกเย็นคุณพัฒน์ที่ผล็อยหลับไปตามหญิงสาวนั้น ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาในช่วงเวลาเย็น แล้วช้อนเอาร่างเล็กของว่าที่คุณแม่ที่ยังคงหลับสนิทอยู่ขึ้นอย่างทะนุถนอมไปวางที่เตียงกว้างให้เธอได้นอนสบาย ก่อนที่จะออกจากห้องของเธอไป เพื่อที่จะไปซื้อของมาทำอาหารมื้อเย็นให้ตามที่่รับปากเธอเอาไว้“จะไปไหน?” เสียงเข้มของปราโมทย์ถามขึ้นมา เมื่อเขากำลังเดินออกจากบ้านไปที่โรงจอดรถ ที่มีมอเตอร์ไซค์เขาจอดอยู่ด้วยปราโมทย์รู้ว่าชายหนุ่มจะออกไปไหน เพราะได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มพูดกับลูกสาวทุกประโยคเมื่อตอนกลางวัน แต่แค่อยากถามกวนเฉย ๆ“จะออกไปตลาดครับ” คุณพัฒน์ตอบออกไปตามตรง เพราะอาศัยอยู่ที่บ้านท่าน ก็ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังอยู่แล้ว ดีแค่ไหนแล้วที่ท่านยอมให้เขามาอยู่ใกล้กับลูกสาวท่าน“ไปสภาพนี้?” ใบหน้านิ่งขรึมมองสำรวจชายหนุ่มตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า จึงได้แต่เลิกคิ้วถามคุณพัฒน์นั้นสวมเพียงแค่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ขายาวธรรมดาเท่านั้น ไม่ได้มีสิ่งของราคาแพงอะไรประดับติดตัว แต่ก็ดูดีใบแบบของชายหนุ่มเอง“คือ...” เขาได้แต่ก้มหน้าถ่อมตนไม่กล้าสบตาของปราโมทย์ เพราะสภาพตัวเองที่ไม่มีอะไรคู่ควรกับลูกสาวท่านเลย“เ
อยากหนีไปจากตรงนี้คุณพัฒน์ที่กำลังทำงานสวนอยู่หลังบ้าน ถูกตามตัวให้มาพบกับเจ้าของบ้าน จึงต้องยอมละทิ้งทุกอย่างไว้ แล้วเดินเข้ามาในบ้านใหญ่ทันทีคุณพัฒน์ได้รับอนุญาตจากปราโมทย์ให้พักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ โดยพักอยู่ที่บ้านพักของคนงานแทน มีหน้าที่ดูแลรับใช้มุกดารินทร์ในฐานะพ่อของลูกเท่านั้น และจนกว่าที่มุกดารินทร์จะคลอดแต่คุณพัฒน์จะไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปชั้นบนของบ้านหลังใหญ่ และให้อยู่กับมุกดารินทร์ได้ เพราะปราโมทย์ต้องการดูพฤติกรรม ว่ามีความอดทนมากแค่ไหนและปราโมทย์ก็ให้เขาออกจากงานทันที ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นในวันนั้น ให้มาอยู่ที่บ้านของเขาแทน ส่วนพงษ์พิพัฒน์และธนภัทรจึงยอมให้คุณพัฒน์ทำตามที่ปราโมทย์ขอ เพราะมีทางเดียวที่คุณพัฒน์จะได้อยู่ใกล้ลูกเมีย และเป็นการพิสูจน์ตัวเองด้วยคุณพัฒน์เดินเข้ามาภายในห้องโถงของบ้าน เห็นปราโมทย์นั่งกอดอกอยู่บนโซฟามองมาที่ตน ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรกลับไป ทำเพียงแค่ยกมือขึ้นไหว้เท่านั้น“ตามป้าไลขึ้นไปข้างบน แล้วทำยังไงก็ได้ให้มุกดายอมกินข้าว เป็นผัวเมียภาษาอะไร เมียไม่กินข้าว ก็ไม่ยอมดูแล...” ใบหน้านิ่งขรึมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง เมื่อคุณพัฒน์มาถึ
ไม่ได้เกิดมาเพียบพร้อมสามวันต่อมาบ้านภัทรไชยาธนภัทรกับบิดาของตนรีบมาหามุกดารินทร์ที่บ้าน หลังจากที่ทำธุระที่ต่างจังหวัดเสร็จก็มุ่งหน้ามาบ้านของหญิงสาวเลยทันทีที่ทราบข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น“คุณอาอย่าบังคับน้องให้ไปเอาเด็กออกเลยนะครับ เด็กไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย น้องจะเสียใจมากแค่ไหน ที่ทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง แล้วคนที่จะเป็นทุกข์ไม่ใช่แค่มุกดา แต่อาโมทย์เองก็จะรู้สึกผิดไปด้วย...” ธนภัทรร้องขอขึ้นมาทันที ที่รู้ว่าปราโมทย์กำลังจะทำอะไรกับลูกสาว“...” ทุกคนเงียบลงไม่มีใครพูดอะไรออกมาสายตาหันมองไปยังหญิงสาวและชายหนุ่ม ที่หน้าตาบูดซ้ำ เพราะการถูกซ้อมปางตายจากลูกน้องของปราโมทย์ แล้วหันกลับมาเอ่ยกับเจ้าของบ้านต่อ...“ถือว่าเห็นแก่เด็กที่กำลังจะเกิดมา ซึ่งก็คือหลานแท้ ๆ ของอาเอง พ่อเขาก็มีทำไมอาต้องอยากให้ลูกสาวตัวเองทำร้ายอีกหนึ่งชีวิตเพื่ออนาคตด้วยครับ คลอดแล้วค่อยกลับไปเรียนก็ได้”“...” ปราโมทย์ไม่เอ่ยตอบอะไร เมื่อธนภัทรเอ่ยออกมาเช่นนี้“เกื้อกูลก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร น้องออกจะเป็นคนดีคนขยันทำมาหากินคนหนึ่ง เพียงแต่เกิดมากับครอบครัวที่ไม่เพียบพร้อมเหมือนกับพวกเรา แต่ไม่ใช่ว่าวันข้างหน้
ไม่เจียมตัวเอาเสียเลยก๊อก ก๊อก ก๊อก“มีอะไร” เสียงเข้มถามออกไป เมื่อวิศรุตผุนผันเข้ามาหาเขาที่ห้องแบบไม่ได้รอให้คนด้านในอนุญาตเสียก่อนทุกสายตาที่อยู่ในห้องนี้ด้วย ต่างก็หันจ้องมองมาที่วิศรุตเป็นตาเดียวอย่างรอฟังคำตอบ ชายหนุ่มหากได้สนใจไม่ กลับเดินเข้าไปหาปราโมทย์ทันที เพราะมีเรื่องด่วนกว่า“คุณหนูมุกเป็นลมครับ” เสียงกระซิบเอ่ยบอกเบา ๆ เพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน“อะไรน่ะ!!! เป็นลม? แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” แต่ปราโมทย์ เมื่อได้ยินว่าลูกสาวสุดที่รักเป็นอะไร กลับเก็บอาการไม่อยู่ ตวาดถามเสียงดังขึ้นมาทันที โดยไม่สนใจว่าในที่นี่จะมีใครได้ยินบ้าง เพราะเป็นห่วงลูกสาวจนไม่สามารถควบคุมอะไรได้“อยู่ข้างล่างครับ” วิศรุตเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งปราโมทย์ไม่ได้สนใจทุกสายตาที่มองมาที่ตน รีบสาวเท้าเดินออกไปจากตรงนี้ ลงมายังจุดที่วิศรุตแจ้งว่าลูกสาวอยู่ที่ไหนและก็เจอกับคุณพัฒน์กำลังอุ้มลูกสาวตนเดินไปทางห้องพยาบาลพอดี จึงได้แต่เดินตามไปแต่ไม่ได้เอ่ยถามอะไรชายหนุ่มออกไปคุณพัฒน์วางมุกดารินทร์ลงที่เตียงในห้องพยาบาลอย่างเบามือ และก็ออกมารออยู่ห่าง ๆ ให้หมอที่ถูกเรียกตัวมาจากโรงพยาบาลตรวจดูอาการหมอที
เอาอะไรไปสู้เขาวิศรุตได้แต่ชำเลืองมองคุณพัฒน์ที่เดินสวนกันอย่างรู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเขาเองก็ต้องทำตามหน้าที่เหมือนกัน“ให้คนของเราไปจัดการเลยไหมครับ” ถามผู้มีพระคุณที่นั่งหน้าขรึมขึ้นมาทันที ที่เขาเดินเข้ามาภายในห้อง“ไม่ต้อง รอดูไปก่อน ถ้ามันขัดคำสั่งเมื่อไหร่ ค่อยจัดการทีเดียว”ปราโมทย์รีบปราม แล้วนั่งทำงานต่ออยู่ภายในห้องอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้สนใจอะไรต่อ แต่สมองก็สั่งการให้เขาอดคิดเรื่องของลูกสาวกับชายหนุ่มที่เขาเรียกมาตักเตือนไม่ได้อยู่ดี“มีหยัง...เว้าบอกกูได้เด้อ เผื่อมึงสิสบายใจขึ้น” (มีอะไร...เล่าให้กูฟังได้น่ะ เผื่อมึงจะสบายใจขึ้น) ชนาวุฒิถามเพื่อนขึ้นมาทันที ที่เห็นคุณพัฒน์เดินกลับเข้ามาทำงานด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก“มันจบลงแล้วล่ะ เฮ็ดงานต่อเถาะอย่าสนใจเรื่องของกูเลย” (มันจบลงแล้วแหล่ะ ทำงานต่อเถอะอย่าสนใจเรื่องของกูเลย) สั่งเรียบเอ่ยบอกเพื่อน แต่ใบหน้าก็ยังแสดงความทุกข์ออกมาอยู่ดี“มักลูกสาวเขาเฮากะสู้ตัวเกื้อ” (รักลูกสาวเขาเราก้ต้องสู้สิเกื้อ)“กูบ่มีอีหยังไปสู้เขาได้ดอก มึงกะเห็น” (กูไม่มีอะไรไปสู้เขาหรอก มึงก็เห็น) พูดตัดพ้อตัวเองขึ้นมาทันท