นรินทร์
หลังจากวันนั้นวันที่ผมเจอกับคีย์ที่ข้างสระบัวและได้รับรู้ว่าผมได้เขาได้เป็นสายรหัสกัน ในตอนนี้วันเวลาก็พัดผ่านมาจะสามเดือนแล้ว ตลอดระยะเวลาสองสามเดือนที่ผ่านมาชีวิตอันสงบสุขของผมก็ได้ปั่นป่วนเป็นอย่างมาก เดิมทีชีวิตของผมก็มีอีพี่ต้นพี่รหัสของผมค่อยกวนวอแวอยู่แล้วแต่พอมีอีตาเด็กคีย์เข้ามาชีวิตในรั้วมหาลัยของผมก็ปั่นป่วนมากกว่าเดิม ทุกคนคงสงสัยใช่มั้ยว่ามันปั่นป่วนยังไง ก็ปั่นป่วนอย่างนี้ไง
ณ.เวลา12:05นาที
"สวัสดีครับพี่ลินคนสวย"เสียงทุ้มใสดังขึ้นในเวลาเดิมของทุกวัน ในเวลาใกล้ๆกันแบบนี้ของทุกวันผมมักจะได้ยินประโยคทักทายแบบนี้จากเรียวตะที่เป็นเพื่อนชายคนสนิทของน้องรหัสอันหล่อเหล่าของผมเป็นประจำ จนผมนั้นไม่รู้จะจัดการกับสองคนนี้ยังไงแล้วเพราะไม่ว่าผมจะหนีไปหลบที่ไหนหรือตรงส่วนไหนของคณะสองคนนี้ก็มักจะหาผมเจออยู่เสมอ
"อ่าาาสวัสดีเรียว แต่ถ้าจะให้ดีช่วยเปลี่ยนจากการทักว่าคนสวยเป็นคนหล่อให้กันได้มั้ย"ผมเอ่ยทักทายเรียวพลางหันไปมองยังที่นั่งด้านข้างที่ผมใช้ในการวางกระเป๋าเป้ของผมแต่ตอนนี้กระเป๋าเป้ใบสวยของผมได้โดนมือหนาของคีย์คว้ามาวางไว้บนโต๊ะแล้ว แล้วเจ้าตัวก็หย่อนก้นนั่งลงแทนที่กระเป๋าของผมแทน
ผมที่เห็นคนตัวสูงทำแบบนั้นก็ได้แต่มองคีย์ตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจเพราะที่นั่งตรงอื่นก็ว่างมากมาย ที่ฝั่งตรงข้ามเก้าอี้ข้างๆที่เรียวนั่งอยู่ก็ยังว่างเหมือนกัน แต่ทำไมน้องรหัสของผมถึงทำตัวให้ยุ่งยากอย่างการมาย้ายกระเป๋าของผมออกไปวางไว้ที่อื่นด้วย
อะไรของหมอนี้กัน
"คีย์ที่ข้างๆกูก็ว่างนะ"เรียวเอ่ยพูดขึ้นพร้อมกับใช้มือหนาของตัวเองตบลงยังพื้นที่ที่ว่างด้านข้างของตัวเอง แต่แล้วเรียวตะก็ต้องแค้นหัวเราะในลำคอ เมื่อได้คำตอบจากเพื่อนสติของตัวเองที่มักจะตีหน้านิ่งๆใส่เขา
"กูจะนั่งตรงไหนก็เรื่องของกู อย่าเสือก"
"หึหึ ครับบบบๆๆ"
ผมได้แต่นั่งทำหน้างุนงงแหงนมองหน้าของรุ่นน้องชายทั้งสองสลับไปมา ก่อนที่คิ้วสวยของผมจะขมวดเข้าหากันแทบจะเป็นปมเมื่อน้องรหัสตัวสูงข้างกายเอ่ยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆเหมือนอย่างทุกวันที่ผ่านมาพลางในใจของผมก็คิดไปด้วย
"เลี้ยงข้าวเที่ยงหน่อย"
อีกแล้ว! มาหาทีไรก็บอกให้ผมเลี้ยงข้าวตลอด แต่พอกินเสร็จก็ชิ่งไปจ่ายก่อนผมเสมอ
แล้วจะมาขอให้ผมเลี้ยงทำไมกัน!
"ไปกินกับเรียวแค่สองคนไม่ได้หรือไง วันนี้พี่ไม่ว่าง มีงานที่ต้องทำส่งอาจารย์เยอะ"ผมเอ่ยถามพลางเอ่ยบอกให้คนที่นั่งอยู่ข้างกายผมในตอนนี้ไปกินข้าวกับเพื่อนแค่สองคนเพราะวันนี้อาจารย์สั่งงานผมเยอะจริงๆ แต่ทว่าชายหนุ่มตัวสูงใบหน้าตี๋กลับทำเพียงนั่งเงียบไม่มีพูดไม่จาและจ้องมองมาที่ผมนิ่งๆไม่ละสายตาไปทางไหน จนผมที่จ้องสบตากับนัยน์ตาคมต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และเบือนหน้าหลบสายตานั้นแทน
"ไปกินข้าวกับพวกผมสองคนเถอะพี่ลิน ไม่งั้นไอ้คีย์มันก็คงจะนั่งจ้องกดดันพี่อยู่แบบนี้จนกว่าพี่จะยอมลุกไปกินข้าวกับมันเหมือนทุกครั้งอ่ะ"เรียวตะเอ่ยพูดอธิบายขึ้นพลางเท้าแขนทั้งสองข้างกับโต๊ะแล้วยันใบหน้าตี๋กับฝ่ามือใหญ่ของตัวเองจ้องมองมาที่ผมอีกคนเพื่อเป็นการกดดันอ่างนัยน์ๆ
เฮ่ออออชาติที่แล้วผมไปทำบาปทำกรรมอะไรไว้นะ ทำไมชาตินี้สวรรค์ถึงส่งให้ผมมาเจอกับสองคนนี้
"เฮ่อออวันนี้ไม่ได้จริงๆ พี่ต้องทำงานส่งอาจารย์ให้ทันตอน4โมงเย็นนี้ คีย์ไปกินข้าวกับเรียวแค่สองคนเถอะนะ"ผมถอนหายใจยาวพร้อมกับเงยหน้าไปเอ่ยอธิบายกับคีย์ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พลางนัยน์ตาสวยของผมก็จ้องมองดวงตาคมของคีย์อย่างอ้อนวอน จนคีย์ที่ดูจะทนไม่ไหวล่ะสายตาหันไปมองทางอื่นแทน
"เดี๋ยวช่วย"คีย์เอ่ยพูดขึ้นมาอย่างนิ่งๆพลางมือหนาของคีย์ก็ถือวิสาสะเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเป้ของผมมารูดซิปเปิดแล้วค้นเอาหนังสือและของทั้งหมดที่มีในนั้นออกมากองกับโต๊ะ
เห้ยยยยอะไรของเด็กคนนี้เนี่ยยยย
ผมได้แต่คิดในใจพลางจ้องมองคีย์ที่กำลังนั่งเปิดหนังสือต่างๆที่ผมพกมาเรียนด้วยอย่างอึ้งตกใจ ก่อนที่จะได้สติเมื่อคีย์หันมาเอ่ยถามว่างานที่ต้องส่งอาจารย์ที่ว่านั้นคืออะไรและต้องทำวิชาไหนบ้าง
"งานที่จะทำส่งอาจารย์คือวิชาไหนหน้าไหนบ้าง"ผมได้แต่ชี้นิ้วไปยังหนังสือเล่มที่อยู่ใกล้มือคีย์ที่สุดพร้อมกับเอ่ยห้ามคีย์และบอกว่าเดี๋ยวผมทำเอง แต่สุดท้ายผมก็สู้ความดื้อดึงของเด็กคนนี้ไม่ได้ ได้แต่ถอนหายใจและปล่อยให้เด็กสองคนนี้ช่วยทำงานของผมไป ใช่ครับพวกคุณอ่านไม่ผิดหรอก เพราะน้องรหัสของผมเขายัดเยียดงานของผมให้เพื่อนสนิทของเขาทำด้วย
เวลาผ่านไปได้ชั่วโมงครึ่งงานต่างๆที่อาจารย์สั่งให้นักศึกษาอย่างผมทำให้เสร็จก่อนสี่โมงเย็นก็มากองรวมอยู่ตรงหน้าของผมด้วยฝีมือของเด็กปีหนึ่งทั้งสองคนที่ช่วยกันปั่นช่วยผม ผมนั่งเช็กงานที่คีย์และเรียวตะช่วยผมทำอยู่สักพัก ก่อนที่ผมจะระบายยิ้มกว้างอย่างดีใจเพราะงานที่ผมคิดว่าคงจะทำส่งไม่ทันเวลาที่อาจารย์สั่งแน่ๆดันเสร็จก่อนเวลาที่อาจารย์กำหนด
"ขอบคุณคีย์กับเรียวตะมากนะที่ช่วยพี่ปั่นงานจนเสร็จก่อนเวลาที่อาจารย์กำหนดแบบนี้"ผมเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มรุ่นน้องทั้งสองอย่างยิ้มๆ ก่อนที่จะหันมาเก็บข้าวของเข้ากระเป๋าเป้ของตัวเองโดยมีคีย์ช่วยเก็บ
"อ่าาาไม่เป็นไรครับพี่ลิน ผมเต็มใจ ถึงแม้ในใจลึกๆแล้วผมจะโดนสายตาของไอ้คีย์บังคับก็เถอะ"เรียวตะเอ่ยพูดขึ้นพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
ผมที่ได้ยินเรียวตะเอ่ยพูดแบบนั้นก็ได้แต่หันไปยิ้มเจือๆให้กับเพื่อนสนิทของน้องรหัสของผม ก่อนที่จะหันมามองคนตัวสูงข้างกายที่อยู่ๆก็เอ่ยพูดขึ้นหลังจากนั่งเงียบอยู่นาน
"หิว เลี้ยงข้าวหน่อยลิน"คีย์เอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆอีกครั้งหลังจากนั่งเงียบมานานนับชั่วโมง ผมที่ได้ยินก็ได้แต่หันไปจ้องมองคนข้างกายพลางขมวดคิ้วเข้าหากันแทบจะเป็นปม เพราะตั้งแต่รู้จักกับคีย์มาผมก็ไม่เคยเห็นคนตัวสูงข้างกายของผมในตอนเรียกผมว่าพี่อีกเลยนอกจากครั้งแรกที่เจอกันที่สระบัว
"เอ่อโอเคเดี๋ยวพี่เลี้ยงนะ แต่พี่ขอไปส่งงานให้อาจารย์ก่อนได้มั้ยแล้วเราค่อยไปกินข้าวกัน เออจริงสิว่าแต่คีย์กับเรียวไม่มีเรียนช่วงบ่ายหรอนี้มันจะบ่ายสองแล้วนะ พี่เองก็ลืมถามเลยมัวแต่ปั่นงานของตัวเอง"ผมที่พึ่งนึกขึ้นได้ จึงหันไปถามชายรุ่นน้องทั้งสองว่าเขาทั้งสองนั้นไม่มีเรียนในช่วงบ่ายหรือไงกันเพราะในเวลานี้มันจะบ่ายสองแล้ว
"ไม่มี ช่วงบ่ายอาจารย์เขายกคลาส"คีย์เอ่ยตอบผมขึ้นมานิ่งๆพลางดันตัวลุกออกจากเก้าอี้แล้วแย่งกระเป๋าเป้ในมือของผมที่นั่งชิบหายไปสะพายไว้เอง ส่วนเรียวตะที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็ได้แต่นั่งอึ้งและทำสีหน้างงๆส่งมาให้ผมกับคีย์
ผมเองก็ไม่เข้าใจสีหน้าที่เรียวตะมองมาเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้ทำสีหน้างงงวยแบบนั้นมองมาที่ผมกับคีย์ จนท้ายที่สุดหลังจากที่ผมไปส่งงานที่โต๊ะอาจารย์เสร็จผมถึงได้มารู้ทีหลังในตอนที่เราทั้งสามคนขึ้นมานั่งบนรถจากปากของเรียวตะ ว่าอาจารย์ของรุ่นน้องและน้องรหัสของผมนั้นไม่ได้ยกคลาสในช่วงบ่ายเลย เป็นคีย์เองที่ไม่ยอมเข้าเรียนแล้วมาช่วยผมปั่นงานจนเสร็จ ก่อนที่จะให้ผมพาไปเลี้ยงข้าวแบบนี้
พูดใหเขาใจง่ายๆคือ น้องรหัสตัวดีของผมจะโดดคลาสเรียนเพื่อให้ผมเลี้ยงข้าวยังไงล่ะ
"คือกูสงสัยมาสักพักแล้วคีย์ อาจารย์ยกคลาสตอนไหนวะ ทำไมกูเข้าไปดูในกลุ่มแล้วไม่เห็นอาจารย์ท่านแจ้งอะไรเลยวะ"เรียวตะที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยพร้อมกับยื่นมือถือที่แสดงหน้าช่องแชทกลุ่มมาให้คีย์ที่เป็นสารถีคนขับรถดู ซึ่งผมที่ได้เรียวตะพูดขึ้นมาแบบนั้นก็พลันขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจและหันหน้ามองรุ่นน้องทั้งสองด้วยใบหน้าสงสัย
"พูดมาก จะไปกินมั้ยข้าวหรือมึงจะไปเรียนถ้าจะไปเรียนก็ลงจากรถไป"คีย์หันไปเอ่ยพูดกับเรียวตะด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่ายพร้อมทั้งดันมือของเรียวตะที่จ่อมือถือมาด้านหน้าออกอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะหันมามองผมแป๊บหนึ่งแล้วหันกลับไปถอดสายตามองทางด้านหน้าต่อโดยที่ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรอีก
ส่วนเรียวที่ได้ยินเพื่อนตอบมาแบบนั้นก็เป็นอันเข้าใจว่าเพื่อนของตนนั้นจะโดดเรียนเพื่อไปกินข้าวกับรุ่นพี่ตัวเล็กที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับในตอนนี้ จึงได้แต่ส่ายหน้าไปมาแล้วกลับไปนั่งเอนหลังยังเบาะหลังดังเดิม และนลินที่พึ่งจะเข้าใจทุกอย่างว่าแท้จริงแล้วคนตัวสูงที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถในตอนนี้คงจะโดดเรียนโดยที่ไม่ได้ปรึกษาเพื่อนเป็นแน่ จึงได้แต่ถอนหายใจออกมาปลงๆกับความดื้อรั้นของน้องรหัสตนเอง ก่อนที่จะเอ่ยตักเตือนขึ้นมา
"ครั้งหน้าไม่ทำแบบนี้นะคีย์ อย่าโดดเรียนโดยที่ไม่จำเป็นสิ"
"ก็ไม่ได้อยากจะโดดหรอก แต่ลินไม่ยอมไปเลี้ยงข้าวผมเองแถมอีกอย่างเนื้อหาเรื่องที่อาจารย์แกสอนผมก็เข้าใจหมดแล้วไปนั่งเรียนก็มีแต่เบื่อกับเบื่อ"คียเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆพลางนัยน์ตาคมก็ถอดมองตรงไปยังถนนด้านหน้าไม่ได้หันมามองนลิน
"เฮ่ออออสรุปคือพี่ผิดใช่มั้ยที่ไม่ยอมไปกินข้าวกับคีย์จนทำให้ให้คีย์พาเพื่อนโดดเรียนแบบนี้"นลินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนที่ใบหน้าเล็กจะส่ายไปส่ายมาอย่างปลงๆ
"ผมไม่ได้บอกว่าลินผิดสักหน่อย ผมแค่บอกว่าเนื้อหาที่อาจารย์จะสอนในวันนี้ผมเข้าใจหมดแล้วต่างหาก"คีย์เอ่ยตอบขึ้นพลางหันมาจ้องมองนัยน์ตาสวยที่มองมายังตนหลังจากจอดติดไฟแดง แต่แล้วฐิระเชษฐ์ต้องรู้สึกหงุดหงิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเพื่อนชายคนสนิทอย่างเรียวตะเอ่ยขัดขึ้นมาอีกรอบ
"แต่กูยังไม่เข้าใจนะคีย์"
"นั่งเงียบๆ มึงจะตายหรือไงเรียว หรือต้องให้กูส่งมึงกลับไปเรียนที่ญี่ปุ่นห๊ะ"
เนื้อหาในตอนนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น โปรใช้วิจารณญาณในการอ่านหากท่านใดไม่ถูกใจสามารถกดข้ามได้ทุกเมื่อตอนนี้เป็นตอนที่เรียวตะเจอนิรันต์ครั้งแรกเรียวตะเสียงเพลงที่มีดนตรีหนักแน่นดังกระหึ่มทั่วสารทิศเหล่าหนุ่มสาวที่ออกท่องเที่ยวราตรีต่างพากันโยกย้ายส่ายสะเอวกันอย่างสนุกสนานด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในกาย เรียวตะที่เป็นหนึ่งคนที่ออกเที่ยวท่องราตรีในวันนี้ก็นั่งทอดกายกับโซฟาตัวสายตามองแก้วเหล้าสีอำพันในมือด้วยนัยน์ตาที่หวานเยิ้มบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าตัวนั้นกำลังเมาได้ที"เฮ่อเบื่อซะมัด!"เสียงทุ้มหย่อนยานสถบกับตัวเองเสียงเบาพลางมือบางก็หมุนควางแก้วเหล้าที่ของเหลวเหลือเพียงน้อยนิดในมือเล่น พลันนัยน์ตาสวยที่แดงเล็กน้อยก็ไล่ทอดมองเหล่าหญิงสาวมากหน้าหลายตาที่กำลังโยกกายโชว์ลวดลายการเต้นอย่างไม่สนสายตาใคร เพื่อหาเหยื่อที่ถูกใจจะไปสานต่อกันในคืนนี้ แต่ทว่าเรียวตะที่นั่งดื่มมานานหลายชั่วโมงแล้วนั้นก็ยังไม่เจอหญิงสาวที่ถูกใจสักที&nb
"หม่ามี้ปะป๊าทางนี้ฮะ"เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยตะโกนเรียกผู้เป็นแม่เสียงดังพร้อมทั้งมือน้อยๆโบกสะบัดไปมากลางอากาศเพื่อให้ผู้เป็นแม่อย่างนลินและผู้เป็นพ่ออย่างคีย์ที่พึ่งจะเดินออกมาจากบ้านพักตากอากาศริมทะเลได้เห็น"น้องคิรินไม่เสียงดังครับลูกเกรงใจคนอื่นเขานะครับ"นิวตัลผู้เป็นยายที่เดินตามหลังของหลานชายตัวน้อยมาติดๆเอ่ยพูดตักเตือนหลานชายตัวน้อยพลางนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่นลินได้ไปก็จ้องมองลูกชายคนโตกับชายหนุ่มตัวสูงที่อีกไม่นานก็จะได้เกี่ยวดองกันอย่างเป็นทางการแล้วด้วยแววตาเรียบนิ่ง ก่อนที่จะเอ่ยพูดชวนคนทั้งสองขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"ปะ ไปกินข้าวกันได้แล้วนี่ก็สายมากแล้วจะได้เดินทางกลับกัน""ครับมี้/ครับคุณแม่"นลินและคีย์ขานรับนิวตัลด้วยใบหน้ายิ้มๆ ก่อนที่จะก้าวเดินตามหลังชายวัยกลางคนรูปร่างเล็กไปติดๆ อ่อ!ลืมเล่าให้ทุกคนฟังเลยว่าหลังจากวันนั้นที่ฐิระเชษฐ์ขอนลินแต่งงาน ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาได้เดือนกว่าๆแล้ว และคำตอบที่คีย์ได้จากนลินทุกคนก็น่าจะพากันเดาออกเพราะเดิมทีในตอนที่นลินคบอยู่กับคีย์ คีย์เคยพูดชวนนลินให้ย้ายไปอยู่ด้วยกันที่ญี่ปุ่นหลังจากเ
ณ.ตระกูลNTเวลา09.11นาที"มาทำไม ที่นี้ไม่ต้อนรับคนอย่างนายกลับไปซะ"เสียงทุ้มของนิรันต์ทักขึ้นทันทีที่คีย์เปิดประตูก้าวขาลงจากรถเดินอ้อมมายืนประชันหน้ากับน้องชายของนลินเต็มความสูงอีกฝั่งของรถ นัยน์ตาคมของคีย์จ้องมองนิรันต์ด้วยแววตานิ่งๆไม่ได้แสดงออกถึงอะไร เพราะฐิระเชษฐ์นั้นเริ่มจะชินชากับท่าทีและคำทักทายของเด็กตัวสูงตรงหน้าเสียแล้วตั้งแต่วันที่เขาได้รับการยอมรับจากผู้ใหญ่ ในตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบจะ2เดือนแล้ว หลังจากที่ฐิระเชษฐ์รักษาตัวเสร็จและได้ออกจากโรงพยาบาลเขาก็มักจะแวะเวียนมาหานลินกับลูกชายตัวน้อยของเขาที่ตระกูลPLอยู่บ่อยๆเป็นเพราะคุณพ่อกับคุณแม่ของนลินนั้นไม่ยอมให้นลินนอนค้างที่ร้านแล้ว แต่ก็บ้างที่นลินขอพวกท่านทั้งสองไปนอนค้างที่ร้านกับลูกชายตัวน้อยและใช่ครับวันไหนที่นลินหนีมานอนที่ร้านวันนั้นคีย์ก็จะแอบมานอนค้างด้วยเช่นกัน"ไม่เหนื่อยหรือยังไงมากี่ครั้งๆก็พูดแต่คำเดิมๆ และทุกครั้งฉันก็ได้เข้าไปข้างในอยู่ดี เมื่อไหร่น้องนิรันต์จะยอมรับในตัวพี่เขยคนนี้สักที"คีย์เอ
"ฉันจะบอกอะไรให้อย่างนะ ใครที่มันคิดจะมาทำร้ายคนในครอบครัวของพวกฉัน พวกฉันไม่เคยปล่อยให้พวกมันอยู่อย่างสงบสุขหรอกนะ เพราะพวกฉันน่ะไม่ได้ใจดีเหมือนเด็กอย่างนาย""!!!"หลังจากจบประโยคที่นิวตัลผู้เป็นมารดาของนรินทร์เอ่ยขึ้นนั้นทั้งห้องก็ตกเข้าสู่บรรยากาศเงียบสงัดอีกครั้ง ฐิระเชษฐ์ที่ได้ยินประโยคของชายวัยกลางคนตัวเล็กตรงหน้าเอ่ยแบบนั้นก็พลันขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมทั้งแสดงสีหน้างงงวยพลางภายในใจก็นึกสงสัยกับประโยคคำพูดของผู้ใหญ่ตรงหน้า ก่อนที่ดวงตาคมจะเบิกโพลงขึ้นอย่างตกใจกับประโยคต่อมาของพี่ชายบุญธรรมของนิวตัลอย่างนาธาร"ใครที่มันคิดร้ายกับหลานของฉัน ฉันไม่ปล่อยให้มันได้ตายดีหรอก"นาธารเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงและใบหน้าเรียบนิ่ง"มะ หมายความว่ายังไงหรอครับ ผมไม่เข้าใจ"คีย์เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงติดขัดพลางคิ้วคมยังคงขมวดเข้าหากันแน่นจนแทบจะผูกเป็นปมแสดงให้ผู้ใหญ่ทั้ง4รับรู้ว่าตอนนี้เขานั้นกำลังงงงวยอยู่จริงๆ ก่อนที่จะเป็นนทีที่เอ่ยพูดเสริมออกมาเพื่อคลายความสงสัยให้กับคีย์"หมายความว่าในตอนนี้แก๊งพันธมิตรทั้ง3แก๊งของนายได้เปลี่
ด้านฟิลิปป์และนิวตัลที่ตามลูกชายคนโตและหลานชายตัวน้อยของตัวเองมาเยี่ยมเยียนชายหนุ่มตัวสูงผู้เป็นทายาทของแก๊งยากูซ่าฮายาโตะและเป็นพ่อของหลานชายตัวน้อยที่ถูกนิคเนมลูกชายของนทีและนาธารพี่ชายบุญธรรมของนิวตัลยิงจนเข้าโรงพยาบาล เดิมทีพวกเขาก็ไม่ได้อยากมาเยี่ยมเยียนไอ้เด็กหนุ่มที่ชื่อคีย์นี้หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อเช้านรินทร์ลูกชายคนโตและฐิติพัดหลานชายตัวน้อยของพวกเขาคลานเข่าเข้ามาหาพวกเขาพร้อมกับพวงมาลัยมากราบไว้ขอขมาพร้อมกับสารภาพเรื่องทั้งหมดที่ตัวเองได้กลับไปคบกับฐิระเชษฐ์แล้ว ในตอนที่พวกเขากำลังนั่งคุยงานกันที่ห้องโถงอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากันทุกคนในตอนที่ฟิลิปป์,นิวตัล,นาธาร,นทีและนิคเนมได้ยินสิ่งที่นลินเอ่ยสารภาพทั้งหมดออกมานั้น พวกเขาต่างพากันสตั้นไปตามๆกัน ก่อนที่จะเป็นนิวตัลที่เป็นคนได้สติก่อนแล้วเอ่ยถามไถ่ลูกชายคนโตของตัวเองถึงเรื่องต่างๆแล้วถอดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เหมือนเป็นการส่งสัญญาณเป็นนัยน์ๆในการยอมรับการตัดสินใจของนลิน ซึ่งทุกคนที่เหลือก็แสดงออกอย่างชัดเจนถึงการให้นิวตัลเป็นคนตัดสินใจทุกอย่างหลังจากนี้ แต่ก็ยังมีนิคเนมที่มีท่าทีไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่
ณ.โรงพยาบาลเอกชนแกร๊กฐิระเชษฐ์ที่กำลังนั่งอ่านเอกสารในไอแพดอยู่บนเตียงคนไข้อยู่นั้นเป็นต้องล่ะสายตาจากไอแพดทอดมองไปทางประตูเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น แต่เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นใบหน้าของชายหนุ่มตัวสูงอีกคนที่เดินตามหลังเพื่อนสนิทของเขาเข้ามา นัยน์ตาคมของเขาก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับที่คิ้วคมของเข้าขมวดมุ่นเข้าหากันจนแทบจะเป็นปม ก่อนที่เสียงทุ้มของเขาจะเอื้อนเอ่ยชื่อของชายหนุ่มคนนั้นออกมาพร้อมกับที่เด็กนั้นเองก็เรียกชื่อของเขาขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโหไม่พอใจ"ไอ้พี่คีย์!""ไอ้เด็กนิรันต์"เสียงของชายหนุ่มตัวสูงทั้งสองเอ่ยทักขึ้นพร้อมกันด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่แสดงถึงความตื่นตระหนก ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าของความไม่ค่อยจะชอบใจกันนัก เมื่อเห็นว่าคนที่ป่วยและคนที่มาเยี่ยมเป็นคนที่ต่างคนต่างไม่ค่อยจะชอบหน้ากันสักเท่าไหร่ ด้านของคีย์นั้นรู้สึกไม่ค่อยชอบหน้าของเด็กนิรันต์มาตั้งแต่มีเรื่องกันเมื่อครั้งที่ข้างสระบัวเมื่อหลายปีก่อนนั้นแล้ว ส่วนนิรันต์ที่ไม่ชอบขี้หน้าข