เงาสะท้อนในกระจกยามที่ฟ้ามืดแสงเผยให้เห็นดวงตาเจือเศร้า เนตรชนกหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาสวมทันที ไม่มีแสงแต่แว่นก็ยังมีประโยชน์ หล่อนมีแว่นกันแดดเป็นของสะสม เพราะนอกจากคุณสมบัติตรงตัวแล้วนั้น มันยังช่วยอำพรางดวงตาและช่วยบดบังความรู้สึกที่ไม่ต้องการให้ใครได้เห็นอีกด้วย
ดวงตาสวยเหลือบมองกระจกมองหลังเมื่อรับรู้ว่าคนขับเหลือบตาขึ้นมองหล่อนเช่นกัน หล่อนไม่เห็นดวงตาของเขา เพราะตั้งแต่เจอกันนายคนนี้ที่เป็นลูกน้องของพ่อก็ยังไม่ยอมถอดแว่น แต่เพราะหล่อนนั่งอยู่ฝั่งซ้าย ยามที่ดวงตาคมล้อมไปด้วยแพขนตาหนาเหลือบหรือหลุบมองสิ่งใด หล่อนก็เห็นด้วย
เนตรชนกบึนปากบอกตัวเองว่าหล่อนโกรธเขา ทั้งโกรธใบหน้าหล่อๆ เชิดๆ ไม่อ่อนน้อมถ่อมตนกับหล่อน ทั้งเขายังถือดีไม่ฟังคำสั่งหล่อน และที่โกรธสุดก็คือเขาทำให้หล่อนมโนไปไกลว่าจะหิ้วเขากลับบ้านไปทำให้พ่อโมโห ตอบแทนที่พ่อทิ้งหล่อนให้เผชิญโลกกว้างอยู่ต่างประเทศถึง 20 ปี
พ่อให้หล่อนเรียน เรียน และก็เรียนทุกอย่างได้ตามที่ใจหล่อนต้องการ ข้อแม้มีแค่... ห้ามหล่อนกลับเมืองไทยเด็ดขาด โดยเหตุผลของพ่อคือ ‘อันตราย’ เมืองไทยอันตรายสำหรับหล่อน
แรกๆ นั้นหล่อนเข้าใจว่าพ่อกลัว เพราะแม่ถูกลูกหลงจากคนร้ายที่บุกมาถล่มบ้านเพื่อนของพ่อยิงตาย ทั้งที่แม่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการขัดแย้งด้วยเลย พ่อกลัวว่าหล่อนจะจากไปเหมือนแม่ กลัวทุกสิ่งที่หล่อนจะเป็นอันตราย พ่อก็เลยต้องส่งหล่อนไปอยู่ให้ไกล
แต่ต่อมาหล่อนก็รู้ว่าไม่ใช่ เพราะในขณะที่หล่อนต้องซุกตัวอยู่อีกซีกโลกหนึ่งตั้งหน้าตั้งตาเรียน เพื่อทำให้พ่อมีความสุขที่เห็นหล่อนปลอดภัยและเติบโตขึ้นอย่างงดงาม ไม่ให้เสียแรงที่พ่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับหล่อนแล้ว ทว่าไม่ใช่เลย...
เมื่อสื่อสารเสรีเรื่องราวทั่วโลกสามารถรับรู้กันได้เพียงปลายนิ้วคลิก หล่อนกลับเห็นว่าพ่อสุขสบายดี พ่อลงสมัครเป็นนักการเมืองท้องถิ่น มีเวลาทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับชาวบ้านเต็มที่ จนได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกฯ เทศบาล
พ่อช่วยเหลือชาวบ้านไม่ได้ขาด จนมีแต่คนยกย่องเทิดทูน มีคนนับหน้าถือตาในระดับจังหวัด และมีข่าวคบหาดูใจกับนักธุรกิจหญิงในอำเภอเดียวกัน เป็นคู่พ่อม่ายแม่ม่ายที่คนทั่วไปมองว่าเหมาะสม แต่หล่อนกลับเหมือนเป็นลูกสาวซ่อนแอบ ที่พ่อแอบเก็บไว้ลับๆ ไม่เคยแสดงตัวตนให้ใครได้รู้
และเมื่อหล่อนขอกลับบ้าน ทั้งท้วงถามว่าพ่อมีอิทธิพลมากมายที่จะปกป้องหล่อนได้ พ่อกลับบอกว่านี่คือความปลอดภัยที่พ่อให้หล่อนได้ดีที่สุด ซึ่งหล่อนว่ามันไม่สมเหตุสมผล ในเมื่อหล่อนก็เห็นว่าใครๆ ก็มีความสุขได้เมื่ออยู่เมืองไทย
‘สยามเมืองยิ้ม’ เมืองไทยแดนศิวิไลซ์ หล่อนรู้จักนะ หล่อนเรียนรู้ทุกอย่างของเมืองไทยผ่านอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่เรื่องดีงามไปจนถึงเรื่องอาชญากรรมซึ่งทุกประเทศก็มี และบางประเทศนั้นร้ายแรงเสียกว่าเมืองไทย แต่ไม่ว่าหล่อนจะมีข้ออ้างใดๆ พ่อก็ไม่ยอมให้กลับมา นั่นทำให้หล่อนคิดว่าต้องมีอะไรมากไปกว่าเรื่องความปลอดภัยของหล่อนแน่
แต่เวลานี้หล่อนเรียนจบแล้ว พ่อไม่มีเหตุผลใดจะรั้งให้หล่อนอยู่ต่อได้ แม้พ่อจะบอกให้หล่อนเรียนต่อในระดับดอกเตอร์หรือรอให้พ้นช่วงที่พ่อหาเสียงไปก่อน
‘เชื่อพ่อเถอะนะเนเน่ อยู่ต่ออีกสักสองเดือน รอให้การเลือกตั้งสิ้นสุดก่อน แล้วพ่อจะไม่ห้ามเลยถ้าเนเน่จะกลับมา พ่อจะจัดงานฉลองเปิดตัวเนเน่ในฐานะลูกสาวคนสวยที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับพ่อมากที่สุด’
‘พ่อห้ามเนเน่ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าเนเน่จะกลับ’
การไม่ทำตามสิ่งที่พ่อต้องการ คือการปลดแอกชีวิตเดียวดาย
“ว้าย! ขับรถยังไง... ว้าย!”
เนตรชนกหวีดร้องเมื่อรถกระชากไปทางซ้ายจนหัวหล่อนกระแทกกับกระจกอย่างแรง ก่อนจะหวีดร้องอีกครั้งเมื่อเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สองคันขี่ประกบข้างรถที่หล่อนนั่งอยู่ และคันที่อยู่ใกล้ คนซ้อนกำลังเล็งปืนมาที่หล่อน
“หมอบ! หมอบลง! หมอบลงไปที่พื้น! เดี๋ยวนี้!”
“หมอบแล้ว หมอบแล้ว ว้าย!”
แม้ไม่มีเสียงคนขับรถหน้าหล่อตวาดลั่น! หล่อนก็ไม่นั่งให้เป็นเป้าหรอก
เสียงดัง ปุ๊! ปุ๊! ที่คล้ายวัตถุกระทบกระจก แม้ไม่เห็นแต่ก็จินตนาการตามภาพยนตร์ที่เคยดูได้ว่าเป็นเสียงของปืนเก็บเสียงที่พุ่งมาปะทะตัวรถ นั่นยิ่งทำให้เนตรชนกก้มหัวต่ำสุดจนชิดติดพื้นรถ มือทาบปิดปากตัวเองไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องที่รังแต่จะทำให้คนขับเสียสมาธิ แต่รับรู้ตลอดเวลาว่าเขาขับส่ายไปมาเพื่อหลบหลีก มีทั้งพาหล่อนเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ลงจากที่สูงที่หล่อนเดาได้ว่าเขากำลังลงจากทางด่วน ก่อนจะเลี้ยวซ้ายอย่างเร็ว จากนั้นก็ขับฉวัดเฉวียนไปมา
เขากำลังหนี! และจะพ้นไหม ในเมื่อเสียงดังปุ๊! ปุ๊! ยังไล่หลังตามมา และตัวหล่อนเองทำได้แค่หมอบ!
เนิ่นนานทีเดียวกว่าที่ระดับความเร็วของรถจะลดลงและจังหวะบังคับรถฉวัดเฉวียนจะกลับมาเป็นปกติดังเดิม
“คุณ... ขึ้นมาได้แล้ว เราหนีพ้นแล้ว”
เสียงทุ้มไม่บ่งบอกอารมณ์ทำให้เนตรชนกกัดฟันซี้ดปากสูดลมหายใจเข้าลึกค่อยๆ ขยับตัวโงหัวขึ้นมองซ้ายมองขวา ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อแสงไฟจากสองฝั่งข้างทางสะท้อนกระจก ที่นั้นเต็มไปด้วยรอยกระสุนปืนมากมายที่เจาะไม่ทะลุ
“เพราะเนเน่ทำให้พี่เปลี่ยนใจ พี่ยังยืนคำเดิมว่าพี่ทำทุกอย่างเพื่อเรา พี่ถึงให้ทางเลือกเขา แต่ถึงเขาไม่รับ พี่ก็ไม่คิดจะเอาชีวิต เพราะพี่รู้แล้วว่าคนที่สูญเสียไม่ได้มีแค่พี่ พ่อ และพี่อร แต่ยังมีเนเน่ด้วย พี่เลยส่งหลักฐานทุกอย่างไปให้เจ้าหน้าที่ ให้กฎหมายจัดการเขา เพราะพี่รู้ว่าคนอย่างเขาหากหมดอำนาจก็ไม่ต่างจากตายทั้งเป็น นั่นคือการแก้แค้นที่ยุติธรรมที่สุดสำหรับพี่แล้ว”ดวงตาคมเข้มฉายแววรักและเข้าใจทอดมองเนตรชนกที่หลับตาพิงศีรษะกับเสาศาลาริมทะเล ปลดปล่อยหยาดน้ำตาหลั่งไหลลงมาเป็นสาย นรกานต์ขยับเข้าใกล้กระชับฝ่ามือที่กอบกุมกระโปรงตนเองแน่นให้คลายออก เขาลูบไล้ปลอบประโลมเจ้าของฝ่ามือนั้นอย่างอ่อนโยน“พี่เคยคิดว่า... หากหัวใจไม่มีความแค้น พี่ก็คงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ ถึงตอนนี้พี่ก็ยังคงคิดแบบนั้น... พี่อยากให้เนเน่ชดใช้”เนตรชนกลืมตามองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า หล่อนมองลึกเข้าไปในดวงตาเขา เพราะคำพูดกับน้ำเสียงและสัมผัสจากเขาช่างสวนทาง“หมายความว่ายังไง”“พี่ลืมสิ่งที่พ่อของเนเน่ทำกับครอบครัวพี่ไม่ได้หรอก และพี่ก็แน่ใจว่า เนเน่เองก็ลืมเรื่องพ่อแม่ไม่ได้เหมือนกัน พี่ไม่ได้ขอให้เนเน่ให
“ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกันหรอก คุณพ่อก็ตายไปแล้ว เรื่องที่ผ่านมาฉันต้องขอโทษแทนคุณพ่อ ขอโทษที่สุด ฉันจะเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วจะกลับไปอยู่เมืองนอก จะไม่กลับมาที่นี่อีก เรื่องที่เกิดขึ้นฉันขอให้เลิกแล้วต่อกันได้ไหม”หัวใจของนรกานต์ไหวยวบเพราะเสียงหวานปนเศร้าไม่เหลือเค้าคุณหนูเนตรชนกช่างเอาแต่ใจ เกือบเดือนที่เขาเฝ้าดูแลตั้งแต่วันที่หล่อนได้รับบาดเจ็บ เขาแทบไม่ปล่อยให้หล่อนคาดสายตา แม้แต่เมื่อเช้าที่หล่อนออกจากโรงพยาบาล เขาก็ได้แต่เฝ้ามองด้วยความห่วงใย เพราะกลัวหล่อนจะรับกับความจริงที่โหดร้ายไม่ได้เหตุการณ์ในอดีตนั้นนารถผิดเต็มๆ แต่เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป เขาก็ส่วนผิดอยู่มาก เขาไม่ควรลากหล่อนมาอยู่ในวังวนความแค้น เพราะถ้าไม่นับว่านารถเป็นพ่อ เนตรชนกเองก็เป็นเด็กที่แม่ตายจากเหตุการณ์ความโลภของนารถเช่นกันแต่เพราะ ‘หัวใจ’ มันห้ามได้ยากแม้จะบอกตัวเองว่าหล่อนเสนอเขาก็แค่สนอง และนั่นจะเป็นแผนสำรองหากนารถไม่เดินตามเกมที่เขาขีดไว้ แต่เมื่อความสัมพันธ์เกิดขึ้นแล้ว เขาจึงได้รู้ว่า... เขาพ่ายแพ้ เพราะความรักของเนตรชนกบริสุทธิ์นัก บริสุทธิ์ทั้งร่างกายและจิตใจ จนเขาละอายใจ“เล
ในวันนี้เนตรชนกเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่พ่อเพียรสร้างมากับมือมันคือความสูญเปล่า เพราะหากมือของเรานั้นเปื้อนไปด้วยเลือดและหยาดน้ำตาของใครคนอื่น อยากได้อยากมีจนต้องฉกฉวย เอารัดเอาเปรียบ โกงกิน ยักยอก และสารพัดที่จะทำให้ตนเองอยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารในยามละจากโลกนี้ไป แม้มิตรสักคนที่จะร้องไห้คร่ำครวญแสดงความเสียใจให้ก็ไม่มี ทั้งยังเอาสิ่งใดไปไม่ได้เลย ส่วนสิ่งที่ทิ้งไว้นั้นก็ไม่ใช่คำเยินยอสรรเสริญ หากแต่เป็นเสียงกร่นด่าและคำสาปแช่ง ให้ตกนรกมอดไหม้‘ตายเสียได้ก็ดี ไอ้คนหนักแผ่นดิน’‘ไอ้เราก็หลงนับถือมัน คิดว่าจะเป็นคนดี ที่ไหนได้เลวสุดๆ’‘ก็ใครจะไปรู้ว่ามันนี่แหละเป็นเจ้าพ่อค้ายาตัวเบ้ง แล้วที่ดินที่เราจำนองมันไว้ เราจะได้คืนไหม’‘ไอ้คนกินถนน ไอ้คนกินบ้านกินเมือง มันคงตกนรกไม่ได้ผุดได้เกิดแน่ ดูสิ มันตายไป เส้นผมสักเส้นก็เอาไปไม่ได้’เสียงผู้คนในวัดพูดคุยกันขณะที่หล่อนเข้าไปขออัฐิของพ่อยังก้องอยู่ในหัว นั่นยิ่งทำให้เนตรชนกสั่นสะอื้นอย่างหยุดไม่ได้ หล่อนกอดรัดห่อผ้าขาวแน่น หวังว่าความรักของหล่อนจะส่งผ่านไปถึงพ่อ เพราะแม้พ่อจะทำสิ่งเหล่านั้นและทำให้แม่ต้องตายจากหล่อนไป แต่หล่อนก็ตัดข
นรกานต์แตะปลายนิ้วกับฝ่ามือบอบบาง ค่อยๆ สอดฝ่ามือเข้าไปกระชับ ทรุดร่างลงนั่งคุกเข่าแนบแก้มสากที่มีไรเคราเขียวครึ้มกับฝ่ามือนั้น “เนเน่ฟื้นขึ้นมาสักทีสิครับ ฟื้นขึ้นมาฟังผมอธิบายทุกอย่าง ผมอยากบอกคุณด้วยตัวของผมเอง คุณจะโกรธจะเกลียดผมก็ได้ ขอให้คุณฟื้นขึ้นมาเท่านั้น อย่าเอาแต่หลับอยู่แบบนี้เลยนะ มันไม่ต่างจากการทรมานผมเลย ยี่สิบปีที่ผ่านมานี้ผมมีแต่ความแค้นหล่อเลี้ยงหัวใจ แต่นับจากนี้ผมจะอยู่เพื่อความรัก เนเน่ตื่นขึ้นมาฟังผมอธิบายก่อนนะครับ ไม่เอาหลับอยู่แบบนี้นะ ตื่นนะครับ”และเสียงเคาะกระจกที่ดังขึ้นก็ทำให้นรกานต์หันมองคนที่ยืนอยู่ด้านนอก รอยยิ้มแห้งแล้งส่งให้กันก่อนที่เขาจะกระชับฝ่ามือนุ่มอีกครั้ง จูบเบาๆ ที่ปลายนิ้ว อยากให้หล่อนซึมซับความรู้สึกของเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ “รีบตื่นขึ้นมาเร็วๆ นะครับเนเน่ มีหลายอย่างที่รอให้คุณไปจัดการ”นรกานต์ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินออกมาหาอรนุชที่ยืนรออยู่ด้านนอกห้องปลอดเชื้อ สายตาของพี่สาวยังคงมองเข้าไปด้านใน“หมอเขาว่ายังไงบ้างละกานต์” หล่อนหันมาถามในทันทีเมื่อนรกานต์เดินมาถึง“พ้นขีดอันตรายแล้วครับพี่อร แค่รอเธอฟื้นเท่านั้น”“แ
เนตรชนกสั่นสะอื้น ดวงตาฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำมองพ่ออย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่คำพูดและการกระทำของพ่อคือคำตอบที่จริงสุด แต่ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ไม่อยากยอมรับความจริงที่โหดร้ายนี้ “คุณพ่อ... คุณพ่อบอกเนเน่ว่าคุณแม่ถูกลูกหลงเพราะไปหาเพื่อน ในวันที่บ้านเพื่อนโดนคนร้ายเข้ามาปล้นแล้วคุณแม่อยู่ด้วยพอดี คุณแม่ก็เลยโดนคนร้ายมันฆ่า คุณพ่อ... เป็นอย่างนั้นใช่ไหมคะ”“ที่พ่อคุณบอกน่ะจริง แต่ที่บอกไม่หมดก็คือ ไอ้คนร้ายนั่นมันไม่ได้เข้ามาปล้น แต่มันคือคนที่พ่อคุณจ้างมาฆ่าพ่อแม่ผม และแม่ของคุณท่านรู้แผนการ ท่านก็เลยรีบมาบอกให้พ่อแม่ผมหนี แต่มันยังช้าไปพ่อคุณ... แม้จะรู้ว่าแม่ของคุณอยู่ที่นี่ด้วย แต่ความชั่วมันบดบังใจ ความโลภที่อยากได้เงินมันมีมากกว่าความรักและความถูกต้องให้กับเพื่อนกับเมียยังไงล่ะ แทนที่พ่อคุณจะสั่งระงับ เขากลับเฉย ปล่อยให้เมียตายแลกกับเงินค่านายหน้าหนึ่งร้อยล้านแล้วคุณรู้ไหมว่าทำไมพ่อคุณต้องส่งคุณไปเมืองนอกทันที ไม่ใช่เพราะกลัวว่าคุณจะถูกทำร้าย หรือกลัวคุณจะตายเหมือนแม่ แต่เป็นเพราะเขากลัวว่าคุณจะรู้ความจริงไง ความจริงที่ว่าพ่อของคุณเป็นคนสั่งฆ่าแม่ของคุณด้วยตัวเองในวันนั้น ไม่ได้มีแค่พ่อแม
“มึงไม่ต้องมาพูดมากอีนุช! มึงไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย สาระแนมามีส่วนร่วม หรือมึงเป็นเมียไอ้นิมัน มึงถึงได้ช่วยมันทุกอย่าง แล้วมึง ไอ้นิรยะ กูเห็นไอ้เด็กนั่นมันตายกับตากูเอง มันไม่มีทางเป็นมึงไปได้ พวกมึงรวมหัวกันแบล็กเมล์กูใช่ไหม มึงไม่ใช่ไอ้เด็กนั่น เพราะถ้ามึงยืนอยู่นี่ แล้วไอ้เด็กเปรตนั่นเป็นใคร!”“ก็น้องชายของนุชไงคะ!”เสียงแหลมกราดเกรี้ยวบ่งบอกถึงความแรงในอารมณ์ทำให้ทุกคนชะงัก นารถตะลึงมองอรนุช นิรยะแค่นยิ้มแต่ดวงตาฉายแววเจ็บปวด และเนตรชนกที่ร้องไห้โฮ“น่าสงสารนิรยะนะคะ ต้องมาถูกคนชั่วฆ่าตายตั้งแต่อายุ 10 ขวบ ไม่มีโอกาสจะเติบโตด้วยซ้ำ ท่านรู้ไหมคะ นิเขาอยากเป็นตำรวจเหมือนพ่อค่ะ แต่เขาไม่มีโอกาส แต่นุชกับพ่อให้โอกาสนรกานต์ได้! เพื่อวันนี้ไงคะ โอกาสที่นุชกับพ่อรอคอย แต่พ่อไปสวรรค์ก่อนก็เลยไม่ทันได้เห็นจุดจบของท่านในวันนี้ และนุชกับนรกานต์ก็โชคดีค่ะ ที่มีเพื่อนของพ่อคอยช่วยเหลืออีกแรง”“ใครอีก พวกมึงมีใครช่วยอีก!”และผู้กำกับบัญชาที่เดินออกมาจากด้านในของบ้านก็ทำให้นารถโกรธจนตัวสั่น เพราะผู้กำกับบัญชาเป็นคนช่วยเขาวิ่งเต้นเรื่องคดีความของนิรยะ ทั้งยังเป็นคนตรวจสอบประวัติของนิรยะด้วยตั