“ช่วยอย่าส่งเสียงดังด้วยนะขอรับ บุตรสาวข้า...” ระหว่างที่เจียหมิงกำลังพาทุกคนเข้ามาในบ้าน เพราะไม่อาจให้คุยกันนอกบ้านได้ เกรงว่าจะมีคนบังเอิญผ่านมาเห็นเข้า เขากำลังบอกให้ทุกคนเงียบๆ เพราะบุตรสาวเขาน่าจะกำลังนอนหลับอยู่ ทว่าพอเปิดประตูเข้าไปกลับต้องหน้าแดงก่ำ รีบวิ่งไปบังบุตรสาวไว้ เหลียนเอ๋อเล่นเขาเข้าแล้วไง
“แอะ ปะ ปะ”
“ฮ่าๆ ท่านอนดื่มนมของบุตรสาวเจ้า ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ” เป่ยหวงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ส่วนทหารที่เหลือ ขนาดได้ชื่อว่าเป็นพวกยิ้มยาก ยังแอบยิ้มขำ เมื่อเห็นร่างอวบอ้วนของเด็กน้อยนอนกินนมในท่าไขว้ห้าง เท้าป้อมๆกระดิกไปมา เป็นภาพแปลกตา หากฮูหยินหรือสตรีในเมืองหลวงเห็นคงต้องยกมือทาบอก อุทานอย่างตกใจเป็นแน่
นางเห็นพวกเขาที่ตัวใหญ่โตแทนที่จะตกใจ ร้องไห้อย่างเด็กทั่วไป กลับยิ้มแย้มยกมือโบกทักทายผู้เป็นพ่อ ครอบครัวนี้ช่างเปิดโลกแม่ทัพอย่างเขาดีแท้
“นะ นางแค่นอนในท่านี้แล้วสบาย ข้าไม่อยากบังคับลูก” เจียหมิงแก้ตัวแทนบุตรสาวด้วยสีหน้าเลิ่กลัก หันไปจัดท่านอนให้นางใหม่
“หึๆ ข้าเข้าใจ” เป่ยหวงมองตัวน้อยอย่างยิ้มๆ ช่างเป็นเด็กที่อารมณ์ดีอะไรอย่างงี้ ไม่ร้องออกมาสักแอะ ไหนจะรูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์กว่าเด็กทั่วไปนั่นอีก แอบสืบและสอบถามชาวบ้านมาบ้างแล้วเกี่ยวกับประวัติของชายหนุ่ม แอบชื่นชมในใจ ชายผู้นี้แม้จะไม่มีภรรยา แต่ก็ช่างเลี้ยงบุตรสาวออกมาได้ดีจริงๆ
“เชิญพวกท่านนั่งลงก่อนขอรับ ที่คับแคบไปหน่อย ข้าจะไปนำน้ำมาให้”
“ไม่เป็นไร มาเข้าเรื่องกันก่อนเถอะ” เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา น้ำเสียงปรับเปลี่ยนเป็นจริงจัง
พอได้ยินดังนั้นเหลียนฮวาหูผึ่งขึ้นทันที มีเรื่องอะไรกัน นางอยากฟังด้วยๆ เด็กน้อยทำทีเป็นดูดนม มองนั่นนี่ไปเรื่อย ทว่าหูกลับตั้งใจฟังพวกท่านพ่อ ท่านลุงทหารคุยกัน
“ขอรับ”
“ทางการจะส่งเจ้าหน้าที่ขึ้นไปสำรวจภูเขา ทว่าครั้งนี้เราจะเข้าป่าไปค่อนข้างลึก ส่วนเจ้าเป็นคนเดียวและคนสุดท้ายที่เห็นสัตว์ประหลาดตัวเป็นๆ ยังพอปะทะกับมันมาบ้าง...”
“…”
“ข้าคิดว่าเจ้าคงมีฝีมือไม่มากก็น้อย จึงได้ข้อสรุปกันว่าจะขอร้องให้เจ้านำทางพวกเราไปแกะรอยสัตว์ประหลาด และหาผู้บุกรุกได้หรือไม่” เป่ยหวงบอกสาเหตุพร้อมเหตุผลทันทีอย่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม
“…”
“แต่ว่าเราก็ไม่ได้ขอร้องปากเปล่า ทางการมีค่าตอบแทนให้ไม่น้อย” ชายวัยกลางคนรีบพูดต่อหลังเห็นท่าทางหนักใจของเจียหมิง โดยพูดถึงค่าตอบแทน พอเดาชีวิตของพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกอยู่ในวัยกำลังโตได้ ยิ่งเป็นชาวบ้านธรรมดาไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ที่ผ่านมาเขาคงใช้เงินทั้งหมดในการเลี้ยงดูบุตรสาว
ครานี้ทางการต้องใช้คนในพื้นที่ที่ชำนาญทางจริงๆ เพราะในป่านั่นไม่รู้จะมีสิ่งใดรอพวกเขาอยู่บ้าง เรื่องเจ้าสัตว์ประหลาดก็คลุมเครือ อีกทั้งสายที่แฝงตัวอยู่ในแคว้นลั่วหยางยังมาขาดการติดต่อ ทั้งที่ปกติต้องส่งข่าวมาตั้งแต่หลายวันแล้ว พอเห็นพวกลั่วหยางเงียบผิดปกติ ช่างผิดวิสัยจากที่ได้รับรายงานมาล่าสุดเมื่อสองเดือนก่อนว่าพวกมันกำลังซ่องสุมกำลัง ทำบางอย่างใกล้ๆชายแดน
“ข้าต้องเลี้ยงบุตรสาว ทั้งที่ป่านั่นยังอันตราย…” เจียหมิงเอ่ยแย้ง แม้จะเข้าใจว่าทำไมทางการถึงเลือกเขา แม้ค่าตอบแทนจะล่อตาล่อใจ ทว่าก็ยังไม่อยากแยกจากนาง บุตรสาวมีเพียงเขาคนเดียว
“เรารู้ เอาอย่างนี้ ทางการจะหาแม่นมมาคอยดูแลบุตรสาวเจ้าตลอดระยะเวลาที่ไปกับพวกเรา ดังนั้นวางใจได้ ส่วนอันตราย ข้าสัญญาตราบใดที่ข้ายังอยู่ เจ้าจะปลอดภัย”
“แต่...” เจียหมิงยังลังเล เขาเต็มใจช่วยทางการ เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับความปลอดภัยของครอบครัวเขาและคนในหมู่บ้าน แต่ก็อดเป็นห่วงบุตรสาวไม่ได้
“ขอร้องล่ะ พวกเราต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า”
“อึก แล้วค่าตอบแทน…” สายตาจริงจังกึ่งขอร้องส่งมาให้ ทำให้เจียหมิงนึกคำที่จะแย้งกลับไม่ออก ได้แต่พูดถึงเรื่องค่าตอบแทนขึ้นมา
“20 เหรียญเงิน” เป่ยหวงตอบกลับ นึกดีใจกับท่าทางอ่อนลงของชายหนุ่ม แอบสำรวจหน่วยก้านอีกฝ่ายดีไม่น้อย หากฝึกดีๆในอนาคต คงเป็นทหารฝีมือดีได้เลย
“ตะ...”
“แอ้!” เหลียนฮวาที่ฟังอยู่ตั้งแต่ต้นร้องขัดขึ้น ก่อนท่านพ่อจะอ้าปากตอบตกลงไป เด็กเกิดใหม่อย่างนางยังไม่รู้ค่าเงินในยุคนี้ ทว่าความรู้สึกบอกว่ายังต่อรองได้อีก อีกทั้งยังถือเป็นโอกาสแก้แค้นที่คราวก่อนบังอาจมาเรียกนางเด็กอ้วน นางแสร้งดีดดิ้นไม่สบายตัว เบะปากร้องเรียกท่านพ่อ
จนผู้เป็นพ่อกระวนกระวาย ทนท่าทางนั้นของบุตรสาวไม่ไหว รีบขอตัวมาอุ้มพาไปนั่งด้วย คนอื่นมองชายหนุ่มอย่างรอคำตอบอีกครั้ง ทว่าครานี้กลับมีร่างกลมป้อมนั่งบนตักอยู่ด้วย เหลียนฮวาเงยหน้ามองท่านลุงหมวกสาน ได้เวลาเด็กอ้วนทวงคืน เอ้ย เด็กน้อยอย่างนางทวงความยุติธรรม? คืนให้ท่านพ่อแล้ว
ท่านลุง ขอเงินค่าตอบแทนให้ท่านพ่อข้าอีก นางมองเป่ยหวงอย่างหมายมั่น ทว่าคนที่กำลังจะโดนเด็กน้อยไถเงินนั้นยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง
“เมื่อสักครู่ที่เจ้ากำลังจะเอ่ย...”
“ข้า...”
“แอ้ แอ้!” จู่ๆเด็กน้อยที่มองเขม่นเป่ยหวงกลับร้องเรียกความสนใจจากทุกคน “แอ้!” นางยังคงส่งเสียงไม่หยุด คล้ายอยากจะพูดบางอย่าง แต่ดูท่าทางเหมือนกำลังบ่นมากกว่า พวกเขาไม่มีใครแปลออกได้แต่ทำสีหน้าอึกอักระคนไม่เข้าใจ
“ว่าอย่างไรเจ้าเด็กอ้วน อยากเล่นกับข้ารึ” เป่ยหวงหน่วยกล้าตายเอ่ยขึ้น ทว่าครั้งก่อนเผลอเรียกนางยังไง ครานี้ก็เรียกเช่นเดิม คงเพราะเขาไม่เคยเห็นร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ของเด็กน้อยคนไหนจะน่าเอ็นดูได้เท่านาง เลยเผลอผลั้งปากเรียกเด็กอ้วนด้วยความเอ็นดู
ทว่านั่นกลับทำให้นางไม่พอใจมากขึ้น หนอยแน่ กล้าเรียกข้าว่าเจ้าอ้วนอีกครั้งหรือ แต่โทษทีคราวนี้มีท่านพ่ออยู่ด้วย
“แอ้ ปะ ปะ กรี๊ดดด ฮึก” เหลียนฮวาเบะปากร้องไห้ ซุกซอกคอแกร่งทำท่าทางน่าสงสารกึ่งฟ้องพ่อ ดูท่านลุงหมวกสานเคราครึ้มเรียกข้าว่าเจ้าอ้วนสิท่านพ่อ ข้าเปล่าอ้วนนะ เขาเรียกเด็กสมบูรณ์ต่างหาก
“บุตรสาวเจ้าเป็นกระไรหรือ” เป่ยหวงทำสีหน้าตื่นตกใจที่จู่ๆนางก็ร้องไห้ แต่ไม่รู้ทำไมเสียงร้องของนางไม่ได้น่ารำคาญสักนิด ออกจะน่าเอ็นดูมากกว่า
“เอ่อ นางไม่ชอบให้เรียกว่าอ้วนขอรับ” เจียหมิงคนกลางอ้อมแอ้มตอบ รู้ว่าที่อีกฝ่ายเรียกบุตรสาวเขาแบบนั้นคงเพราะเอ็นดูนาง ขนาดเขายังแอบเผลอเรียกในใจไปตั้งหลายครั้ง ก็ใครใช้ให้บุตรสาวเขาน่ารัก น่าเอ็นดูขนาดนี้กันเล่า เจียหมิงที่หลงบุตรสาวอยู่ไม่รู้ตัวเลยว่าหนึ่งเด็กหนึ่งผู้ใหญ่ที่มีประเด็นกันนั้นกำลังสบตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“อ้าว ข้ามิรู้ ต้องขอโทษด้วยแล้วเด็กน้อย หึๆ” เป็นเป่ยหวงเองที่เป็นฝ่ายละสายตาเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิดระคนขบขัน นึกแปลกใจเด็กตัวเท่านี้จะเข้าใจในสิ่งที่ผู้ใหญ่พูดด้วยหรือ แต่พอเห็นท่าทางนางหลังได้ยินคำขอโทษก็ถึงกับหัวเราะออกมา นางเข้าใจจริงด้วย ดูน้ำตานั่นสิหยุดไหลอย่างกับสั่งได้ ทว่าพอหยุดร้อง เจ้าเด็กแสดงเก่ง ที่กำลังเล่นบทเจ้าน้ำตากลับทำหน้าฟึดฟัดใส่เขาแทนเสียนี่ แสบจริงเชียว “ว่าแต่ 20 เหรียญเงินเจ้าเห็นด้วย และยินดีรับงานนี้หรือไม่” เป่ยหวงหันกลับมาถามชายหนุ่มต่อ
“ขอรับ”
“แอ้ แอะ!”
“หืม เจ้าไม่เห็นด้วยหรือ” คนเป็นพ่อตอบตกลงไปแล้ว ทว่าคนเป็นลูกกลับส่งเสียงคล้ายไม่เห็นด้วย ทำเอาเขาถึงกับขมวดคิ้ว จึงหันมาถามเด็กน้อยอย่างหยอกเย้า ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับคำตอบ
“แอ้!” ใช่ นางไม่เห็นด้วย!
“แล้วเท่าไรดีล่ะ 30?” ยิ่งได้พูดคุย ยิ่งรู้เลยว่าเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา คนอื่นมาได้ยินอาจคิดว่าเขาบ้าแล้วคุยกับเด็กน้อยเป็นตุเป็นตะ
“แอ้!” เด็กน้อยส่ายหน้า แล้วยื่นนิ้วกลมป้อมขึ้นมา 5 นิ้ว ทุกคนได้แต่ตะลึงงัน
นอกจากนางจะเข้าใจแล้ว ยังต่อรองเก่งอีกด้วย
“โอ้ 50 เหรียญเงินเชียวหรือ ดีๆ เห็นแก่เจ้าที่ไม่ใช่เด็กธรรมดา ข้าตกลงแล้วกัน” เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับแม่ทัพอย่างเป่ยหวง แม้ทางการจะแจ้งเรื่องค่าตอบแทนมา 20 เหรียญเงิน หากเขาต้องการให้ 50 ก็คือ 50
“กรี๊ดด แปะๆ” เหลียนฮวาส่งเสียงกรี๊ด ปรบมือแปะๆอย่างดีใจ ขาอวบดีดดิ้นไปมา ถูใบหน้ากลมๆกับอกแกร่งของท่านพ่อเตรียมรับคำชม
ไถเงินท่านลุงหมวกสานได้แล้ว ข้าเก่งไหมท่านพ่อ
“...” บุตรสาวข้าเป็นเด็กพิเศษ ถึงขนาดต่อรองเงินให้พ่ออย่างเขาตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 1 ปีเชียวหรือ นางช่างเป็นบุตรที่ประเสริฐดีแท้ ขอบคุณสวรรค์ที่ประทานบุตรสาวที่เฉลียวฉลาดเกินวัยมาให้ข้า เจียหมิงกู่ร้องยินดีในใจ พลางลูบหัวทุยของบุตรสาวอย่างชื่นชม
“...” ส่วนความคิดของทหารที่เหลือพากันตกตะลึงกับเด็กน้อยชาวบ้านคนนี้ ตั้งแต่เกิดมาพวกเขาสาบานว่าไม่เคยเจอเด็กคนไหนฉลาดเท่านี้มาก่อน โอ้สวรรค์ ต้องให้ฮูหยินที่บ้านกินอะไรเข้าไปถึงจะคลอดเด็กแบบนี้ออกมา
“อุแว้ อุแว้”“ที่รักเหนื่อยไหม ขอบคุณที่คลอดบุตรให้พี่อีกคนนะ” หยางหลงเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากให้คนรักที่หน้าซีดเซียว“ไม่เลยเจ้าค่ะ แค่เห็นหน้าลูกๆกับพี่ ข้าก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง” เหลียนฮวาที่มีประสบการณ์จากการคลออบุตรครั้งแรกถึงสองคน ครั้งนี้จึงคลอดง่ายมาก หมอหลวงที่เดินทางจากแคว้นเว่ยโดยเฉพาะอุ้มเด็กน้อยตัวอวบอ้วนเข้ามา“ขอแสดงความยินดีกับชินอ๋องและพระชายา เป็นเด็กทารกเพศชาย ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เพคะ” หมอหญิงส่งเด็กทารกให้แก่ชินอ๋อง หยางหลงรับมาด้วยความทะนุถนอม“อีกแล้ว ข้าอุ้มท้องเขามา 9 เดือนนะเจ้าคะ” เหลียนฮวาพูดอย่างน้อยใจ เมื่อบุตรลายคนที่สามไม่มีส่วนไหนเหมือนนางเช่นเดียวกัน นี่น้ำเชื้อเขาแรงมากเลยหรือ ลูกออกมาสามคน หน้าตาเหมือนเขาทุกคน“ฮ่าๆ คนที่สี่ต้องเหมือนเจ้าอย่างแน่นอน” หยางหลงพูดด้วยรอยยิ้ม เหลียนฮวาได้แต่อ้าปาก
แคว้นฉินพระราชวัง“ฮื่อ ฮื่อ” เสียงเด็กน้อยร่ำไห้อยู่ข้างเตียงของหญิงนางหนึ่ง“แค่ก ๆ ขะ ข้าไม่น่า คะ คลอดเด็กอย่างเจ้าออกมาเลย” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยใบหน้าโกรธแค้น ตัวนางซูบผอมเหลือแต่กระดูก อันเนื่องจากคลอดเด็กลูกครึ่งผีดิบที่กัดกินชีวิตนางตั้งแต่อยู่ในครรภ์ นางหวังให้ลูกของนางเติบโตมาแข็งแกร่งเหมือนพ่อ ทว่าเด็กออกมากลับเป็นผู้หญิง นอกจากอ่อนแอแถมยังไร้ประโยชน์ทำไมกันนะ ชีวิตของนางถึงไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ตั้งแต่มีพระสวามี เขาก็ทิ้งนางให้อยู่ท่ามกลางผีดิบ ดีที่ยังมีคนรับใช้หลงเหลือไว้ให้อยู่ แต่รอบตัวก็เต็มไปด้วยผีดิบ ไม่มีใครสามารถออกจากแคว้นได้เลย มีครั้งหนึ่งที่แม่ทัพของเคยคิดออกจากแคว้น ทว่ายังไปได้ไม่ไกล ต่างโดนเหล่าผีดิบเข้ามากัดกินทั้งเป็น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าออกไปนอกแคว้นอีกเลย“ท่างแม่…”“ยะ อย่า แ
4 ปีต่อมา“เสี่ยวชุน เสี่ยวเฉินลงมาจากต้นไม้เดี๋ยวนี้!!” เหลียนฮวาตะโกนบอกบุตรชายตัวแสบวัยสามขวบทั้งสอง อุ้มท้องมา 9 เดือน แต่ไม่มีส่วนใดได้นางมาเลย เด็กๆถอดแบบพี่หยางมาทั้งหมด ชอบปีนต้นไม้เหมือนใครก็ไม่รู้? แถมยังหลบหนีพี่เลี้ยงเก่งเป็นที่หนึ่ง“ปี้ชายลงไปก่อนซี่” เสี่ยวชุนหรือเว่ยชุนหวงเอ่ยบอกพี่ชายที่คลอดก่อนตนเพียง 5 วินาที ร่างกลมป้อมอวบอัด ทว่ากลับว่องไวกว่าคนเป็นพี่บุ้ยปากให้พี่ชายลงจากต้นไม้ก่อน“เจ้าเปงน้องก็ต้องลงก่อง” เสี่ยวเฉินหรือเว่ยเฉินอี้กล่าวบอกผู้เป็นน้อง ทั้งสองเกี่ยงกันลงก่อนเนื่องจากยังดูพวกท่านตาฝึกซ้อมยังไม่เสร็จ“ลง มา พร้อม กัน” เหลียนฮวาจำต้องเน้นเสียงทีล่ะคำบอกบุตรชาย ไม่งั้นก็ยังเกี่ยงกันไม่เลิก บุตรชายของนางทั้งสองชื่นชอบการต่อสู้เป็นพิเศษ หากเห็นทหารหรือบรรดาตาๆตัวเองฝึกก็จะรีบขอตามไปดูอย่างไวพวกเด็กๆจะเรียกพ่อของนางว่าต
“เหนื่อยหรือไม่” หยางหลงเอ่ยถามเจ้าสาวของตนหลังคืนแต่งงานผ่านพ้นไป คนรักที่กลายมาเป็นภรรยาและคู่ชีวิตของเขานับแต่นี้เหลียนฮวานั่งตัวเกร็งอย่างทำอะไรไม่ถูก นางกำลังเผชิญกับคืนเข้าหอเป็นครั้งแรก“…”“เหตุใดไม่คุยกับพี่้เล่า” หยางหลงค่อยๆเปิดผ้าคลุมเจ้าสาวเชยคางมนมาสบตา ทั้งสองสบตากันอย่างลึกซึ้ง“ตะ ต้องดื่มเหล้าก่อนมงคลเจ้าค่ะ” เหลียนฮวาที่ไม่รู้จะหาข้ออ้างอันใดมาเอ่ยจึงมองไปที่กาใส่เหล้ามงคลเอาไว้“จริงสิ เป็นขนบธรรมเนียมของที่นี่” หยางหลงยิ้มกริ่มก่อนจะค่อยๆเทเหล้ามงคลจากกาน้ำสองจอดและยกขึ้นมาถือไว้“ดื่มเถิด” เขายื่นให้คนรักหนึ่งแก้วและถือไว้เองหนึ่งแก้ว ทั้งสองคล้องแขนกันก่อนจะยกขึ้นดื่มพร้อมกัน ทั้งกลิ่นทั้งรสชาติของเหล้ามีความแรงจนเหลียนฮวาต้องนิ่วหน้า นางรีบกลืนภายในอึกเดียว ไม่นานหน้
“ถวายบังคมเสด็จพ่อ” ฮ่องเต้สวรรค์มองบุตรสาวด้วยสายตาไม่พอใจนัก“เจ้ารู้ความผิดที่ก่อหรือไม่เทพธิดาเหมยลี่” น้ำเสียงดังก้องกังวาลไปทั่วชั้นฟ้า“ไม่เพคะ” เทพธิดาเหมยลี่เชิดหน้าไม่ยอมแพ้“เจ้า!!!”“ลูกไม่คิดว่าการที่พวกเรารักกันจะผิดตรงไหน”“แม้จะไม่มีบัญญัติว่าห้ามรักต่างฐานันดร แต่เจ้าก็ทำผิดกฎสวรรค์ เจ้ากำลังตั้งครรภ์!!!” ฮ่องเต้สวรรค์แทบลมจับ สั่งให้ทูตสวรรค์หรือที่เรียกทหารในโลกมนุษย์พาธิดากลับมาและนำไอ้ชายที่มันล่อลวงบุตรสาวของเขามารับโทษ“ตั้งครรภ์ จริงสิ เสด็จพ่อทรงมีหลานแล้วเพคะ นางจะเป็นเทพธิดาตนใดมาเกิดกันนะ” เหมยลี่พูดไปยิ้มไป สายใยแม่ลูกทำให้รู้ว่าในครรภ์ของนางเป็นเพศหญิง พลางลูบหน้าท้องแบนราบของตน“ช่างเรื่องนั้นก่อน เจ้าต้องได้รับโทษ” ฮ่องเต้สวร
“พี่หยาง ผักที่เราปลูกงอกแล้วเจ้าค่ะ” เหลียนฮวากล่าวอย่างตื่นเต้น เป็นล็อตสองที่ทดลองปลูก แถมผักที่ปลูกยังเป็นชนิดใหม่“หืม งอกเร็วมาก ยังไม่ถึงเดือน” หยางหลงรีบเข้ามาดูต้นผักตามคนรักชี้บอก วันนี้พ่อตาและคนอื่นไม่อยู่ต้องไปทำภารกิจ“เพราะดินที่เราหมั่นบำรุงมั้งเจ้าคะ”ฟอดดด“เพราะเราช่วยกันปลูกต่างหาก” ขายหนุ่มแอบหอมแก้มแฟนสาวเร็วๆ แล้วส่งยิ้มกระชากใจหลังจากกลับจากแคว้นเว่ยมีประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องว่าที่พระชายาองค์ชายห้า เล่นเป็นข่าวดัง พูดถึงกันอยู่พักใหญ่เพราะว่าที่พระชายาเป็นคนต่างแคว้นแถมยังเป็นสามัญชน ทว่าทั้งคู่กลับไม่มีใครสนใจ พากันเดินทางไปแคว้นจ้าวสลับกับแคว้นเว่ย ไปๆมาๆระหว่างสองแคว้น แถมยังหวานกันยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากไม่ต้องปกปิดตัวตนอีกต่อไป“ครั้งหน้าหากผักในโรงปลูกผักโตกว่า