และแล้วก็ถึงวันนัดหมายเดินทาง ทางการส่งแม่นมหลวงและผู้ช่วยมาอย่างละคน ทั้งสองที่เคยทำหน้าที่ดูแลแต่เด็กบ้านที่มีฐานะ อย่างเช่น ขุนนาง ตระกูลพ่อค้าร่ำรวย พอมาเห็นบ้านที่ทางการส่งพวกนางมาก็ถึงกลับชะงัก ไม่คิดว่าจะเป็นบ้านของชาวบ้านธรรมดา ด้วยความเป็นมืออาชีพไม่นานก็ทำความเข้าใจได้
โดยเฉพาะแม่นมหลวงที่รับหน้าที่เลี้ยงดูบุตรหลานของพวกมีอันจะกินมาหลายบ้าน เรียกว่าใครๆก็อยากได้ตัวนางไปเลี้ยงดูบุตรหลานให้ เพราะนอกจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาแล้ว ยังบ่งบอกถึงความร่ำรวย เป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูล ส่วนสาเหตุที่เรียกว่าแม่นมหลวง เพราะเป็นแม่นมของทางการ ไม่ใช่แค่มีเงินจะสามารถจ้างได้ แต่ต้องได้รับการยอมรับจากทางการก่อนด้วย
“ไม่รู้ว่าจะต้องไปกี่วัน พ่อต้องคิดถึงเจ้ามากแน่ๆ” เจียหมิงที่กำลังเอ่ยร่ำลาบุตรสาวอาลัยอาวรณ์ รอบๆมีชาวบ้านคนอื่นมาส่ง แต่ส่วนใหญ่จะอยากรู้อยากเห็นมากกว่า เมื่อเห็นชายหลายคนมาออกันที่บ้านของเจียหมิง คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทางการ จึงพากันกระจายข่าว ทำให้ชาวบ้านหลายคนแห่กันมายืนออที่ริมรั้ว
ส่วนซูหวินและโม่โฉวที่ทราบเรื่องคร่าวๆจากเจียหมิงว่าต้องรับหน้าที่พาทหารไปสำรวจป่า ก็อดมาส่งด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ อีกทั้งยังรับปากว่าจะช่วยดูเหลียนฮวาให้อีกแรง ส่วนสะใภ้โม่ก็พาเสี่ยวหยวนมาส่งเช่นกัน เด็กน้อยบอกกับเจียหมิงว่าจะมาเล่นกับเหลียนฮวาบ่อยๆ ทำเอาเจียหมิงยิ้มอย่างเอ็นดู และเอ่ยขอบคุณทุกคนที่มาส่ง “ฝากดูแลบุตรสาวข้าด้วยนะขอรับ” เจียหมิงหันไปบอกกับแม่นมหลวง หญิงวัยกลางคนพยักหน้ายิ้มรับ
“ปะ ปะ บัย” เหลียนฮวาที่แม่นมหลวงอุ้มอยู่ โบกมือให้เจียหมิง ตากลมโตมองพ่อตาละห้อย อาลัยอาวรณ์ไม่ต่างกัน ‘โชคดีนะท่านพ่อ’ นางแอบเอายาสมานแผลกับแคปซูลห้ามเลือดใส่ไว้ในย่ามให้แล้วเผื่อฉุกเฉิน หวังว่าท่านพ่อคงไม่ต้องมีเหตุให้ได้ใช้มัน ถามว่าท่านพ่อจะทราบไหมว่ามันคืออะไร นางเชื่อท่านพ่อจะทราบเอง
ก็นางยังพูดอธิบายเป็นประโยคไม่ได้นี่นา
“ได้เวลาแล้ว ลุงไปก่อนนะเด็กน้อย” เป่ยหวงเดินมาบอกเจียหมิง ก่อนจะหันไปเอ่ยเสียงเล็กเสียงน้อยกับเหลียนฮวา ขัดกับหน้าตาโหด เต็มไปด้วยหนวดเครา โดยเขาสถาปนาตัวเองเป็นลุงแล้วเรียบร้อยตั้งแต่คุยกันรู้เรื่องครานั้น
“แอะ บัย” ซึ่งเหลียนฮวาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง โบกมือลาท่านลุงหมวกสานกับท่านพ่อหยอยๆ ไปจนลับสายตา
“เจ้าว่าทางนี้คือทางที่มาล่าสัตว์ครั้งก่อนรึ” เป่ยหวงเอ่ยถาม หลังจากเดินเข้าป่ามาหลายชั่วยาม เจียหมิงชี้ให้ดูจุดที่เคยเข้ามาล่าสัตว์
“ขอรับ ครั้งก่อนพวกสัตว์จู่ๆมันก็พากันวิ่งไปอีกฝั่ง คล้ายหนีอะไรบางอย่าง”
“หืม ทางนั้นมัน…” เป่ยหวงหันมองอีกด้านแล้วนึกบางอย่างได้
“ท่านแม่ทัพ เราไม่พบร่องรอยผิดปกติเลยขอรับ” ทหารนายหนึ่งเดินเข้ามารายงาน
“อืม หาต่อไป อย่าลืมบอกให้จับกลุ่มกัน 2-3 คน ห้ามไปคนเดียวเด็ดขาด” เป่ยหวงหันไปสั่งเสียงเข้ม ไม่แน่เจ้าสัตว์ประหลาดอาจจะยังหลบอยู่ในป่านี้ เจียหมิงที่ฆ่าสัตว์ประหลาดได้แต่ภาวนาขอให้หลุมที่เขาขุดฝังร่างของมันกลบลงไปให้มิด
“เมื่อกี้เจ้าบอกว่าพวกสัตว์ป่ามันหนีจากอีกฝั่ง ไปอีกฝั่งใช่หรือไม่”
“ขอรับ” เจียหมิงตอบ แม้จะสงสัยว่าท่านแม่ทัพจะถามซ้ำอีกทำไม แต่พอวิเคราะห์ดีๆ ทางตรงข้ามที่สัตว์ป่าพากันหนีมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าน่าจะมีเจ้าสัตว์ประหลาดอยู่ พวกสัตว์จะมีสัญชาตญาณระวังภัยจึงได้พากันหนีมาอยู่อีกฝั่ง ส่วนทางด้านที่สัตว์ประหลาดมา ถ้าเขาเดาไม่ผิด ก็คือพื้นที่ติดชายแดนที่ติดกับแคว้นลั่วหยาง หรือว่า
“เจ้าคิดถูกแล้ว” เป่ยหวงที่ลูบหนวดด้วยท่าครุ่นคิดเอ่ยดักเจียหมิงที่ทำหน้าตื่น คล้ายคิดอะไรบางอย่างออก ซึ่งหากให้เดาคงเป็นเรื่องที่เขาพึ่งเอะใจเมื่อสักครู่
“จะ จริงหรือขอรับ” เจียหมิงไม่ได้พูดสิ่งที่ตัวเองคิด ลึกๆเขากลัวว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง แสดงว่าคนพวกนั้นกำลังคิดทำบางอย่าง และเลวร้ายที่สุดอาจถึงขั้นก่อสงครามได้เลย เพราะสัตว์ประหลาดตัวเดียว มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าทหารหลายสิบนาย หากเป็นแบบนั้นชาวบ้านตาดำๆคงรอดยาก แม้เขาจะไม่เคยประสบกับภัยสงครามมาก่อน แต่ก็พอรู้ว่าจะต้องเกิดความสูญเสียไม่มากก็น้อย เจียหมิงทำหน้าเป็นกังวล เขาเป็นแค่ชาวบ้านที่อยากใช้ชีวิตกับลูกสาวแบบธรรมดาเท่านั้น
“ทั้งจริงหรืออาจไม่จริง” เป่ยหวงนึกชื่นชมในความมีไหวพริบของชายหนุ่ม แม้จะไม่เอ่ยออกมาตรงๆ
“งั้นข้าก็ไม่แปลกใจแล้ว ทำไมท่านถึงออกมาสำรวจพื้นที่นี้อีกรอบ”
“คืนนี้เราพักกันตรงนี้ก่อน” เป่ยหวงบอกทุกคน หลังจากพากันกระจายตัวออกสำรวจรอบป่า แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยใดๆ ส่วนเจียหมิงขอตัวออกไปทำธุระส่วนตัว
“ท่านแม่ทัพขอรับ เหยี่ยวข่าว ส่งข้อความแจ้งว่า สายลับอีกคนติดต่อมาแล้ว” ลูกน้องฝีมือดีในกลุ่มเดินเข้ามารายงาน หลังจากได้รับจดหมายที่ส่งโดยเหยี่ยวทหารที่ถูกฝึกมาโดยเฉพาะ
“ติดต่อมาแล้วรึ ดีๆ”
“แต่ว่า...” นายทหารทำสีหน้าลำบากใจ
“เกิดอะไรขึ้น”
“จากรายงาน สายลับคนที่หนึ่งที่แฝงตัวอยู่ในกองทัพลั่วหยางกำลังตกอยู่ในอันตรายขอรับ” ที่เรียกว่าคนที่หนึ่ง เพราะเป็นสายลับอันดับหนึ่ง ที่ทางกองทัพเชื่อมั่นว่าหากส่งไปโอกาสรอดสูงที่สุด
“ห๊ะ เป็นไปได้อย่างไร เขาโดนจับได้หรือ” เป่ยหวงอุทานอย่างไม่เชื่อหู สายลับที่ถูกฝึกมาอย่างดี อีกทั้งยังมีฝีมือลำดับต้นๆของกองทัพจะโดนจับได้
“ไม่แน่ใจขอรับ เขาลองแสร้งเป็นญาติของสายลับอีกคนเพื่อเข้าไปขอพบแล้ว แต่ทหารในค่ายไม่ให้เข้าพบ พร้อมแจ้งว่าอาจตายไปแล้ว จากนั้นก็ไล่กลับ”
“อืม พบพิรุธหลายอย่าง” เป่ยหวงรู้จักกับสายลับคนที่หนึ่ง ฝีมือไม่ธรรมดาเลยยากจะเชื่อว่าจะพลาดท่าได้ง่ายๆ
“แล้วอีกอย่าง สายลับคนที่สองยังสังเกตเห็นร่องรอยที่แขนของทหารทุกคนมีรอยโดนกรีด”
“หืม รอยกรีด มีบอกถึงท่าทางหรือสีหน้าของทหารในค่ายหรือไม่” เป่ยหวงยังคงถามต่อ ทหารคนที่รายงานทำท่านึกชั่วครู่
“บอกแค่ว่ามีท่าทางสั่นเหมือนกลัวอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลาขอรับ”
“เห็นทีเราจะช้าไม่ได้ ข้ามั่นใจแล้วว่าพวกนั้นกำลังซุ่มทำบางอย่าง ข้อสังเกตคือทหารในค่ายพูดว่า อาจตายไปแล้ว ทั้งที่ถ้าเห็นกับตาว่าตายจริง ต้องพูดว่าเขาตายแล้ว แสดงว่าคงไม่แน่ใจเหมือนกัน” เป่ยหวงวิเคราะห์ สีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ตามจริงเขาได้รับรายงานเมื่อหลายเดือนก่อนแล้วว่าจู่ๆแคว้นลั่วหยางมาตั้งค่ายชั่วคราวใกล้ๆกับชายแดนติดกับแคว้นจ้าว
“เอ่อ พบปัญหาอะไรหรือไม่ขอรับ” เจียหมิงที่กลับมาจากล่าสัตว์ถามขึ้น หลังจากกลับมาเห็นสีหน้าทุกคนเคร่งเครียด
“เราจำเป็นต้องเปลี่ยนแผน...”
“เปลี่ยนแผน?” เจียหมิงยังคงทำสีหน้างุนงง
“อยากถามความสมัครใจจากเจ้า จากทีแรกแผนของเราคือสำรวจป่าลึก เห็นทีว่าต้องเปลี่ยนไปสังเกตการณ์ชายแดนแทน” เป่ยหวงอธิบาย ถึงต่อให้เจียหมิงเลือกที่จะไม่ไปต่อ เขาก็จะให้ค่าจ้างเต็มจำนวนตามที่สัญญาเอาไว้
“ชายแดนที่ติดกับแคว้นลั่วหยางนะหรือ” แม้จะแปลกใจทำไมเปลี่ยนกะทันหัน อีกทั้งสีหน้าทุกคนยังเคร่งเครียด ก่อนหน้าท่านแม่ทัพและทหารคนอื่นยังดูปกติ
“ใช่ ขึ้นอยู่กับเจ้า เพราะข้อตกลงเราคือสำรวจป่าเท่านั้น” เป่ยหวงมองเจียหมิงที่มีสีหน้าไม่เข้าใจ ยื่นข้อเสนอให้เจียหมิงตัดสินใจเองได้เลย แม้จะเสี่ยง หากเดินทางไปโดยไม่มีคนชำนาญพื้นที่เพราะป่าแห่งนี้ไม่มีใครคุ้นชิน แต่จะให้เขาผิดคำพูดก็ไม่ได้ ทั้งยังสัญญาไว้แล้วว่าจะปลอดภัย
ทว่าทางที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไป ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ข้าจะนำทางให้เหมือนเดิม”
“ข้าเคารพ... ห๋า เจ้าว่าอะไรนะ!” จากตอนแรกคิดว่าอย่างไรเจียหมิงก็น่าจะกลับ แต่กลับผิดคาด
“เจ้าคิดดีแล้วรึ” ทหารอีกคนถามด้วยความสงสัย ชายคนนี้อายุมากกว่าเจียหมิงไม่กี่ปี เป็นหนึ่งในคนที่ไปบ้านของเขาวันนั้น
ทหารคนดังกล่าวนึกถึงเด็กน้อยที่สร้างความแปลกใจให้เขา แล้วอดจะเอ่ยถามย้ำพ่อของเด็กที่กำลังทำเรื่องที่เสี่ยงอันตรายไม่ได้ หากนางรู้ว่าพ่อของตนไปเสี่ยงอันตราย จนอาจได้รับบาดเจ็บ คงจะเศร้าใจไม่น้อย
“ข้าจะไปกับพวกท่าน และคิดดีแล้วขอรับ หน้าที่ของข้าคือนำทางให้ ตรงชายแดนก็นับว่าเป็นป่าเหมือนกัน ข้าแค่คิดว่าต้องทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้จบ” เจียหมิงตอบกลับทั้งสองอย่างแน่วแน่ สายตาไม่หวั่นเกรง จนทุกคนแอบนับถือกับหนุ่มชาวบ้านที่ไม่แม้จะเคยฝึกดาบคนนี้
“เอาล่ะๆ ข้ายึดสัญญาเดิม หากเจ้าได้รับอันตราย ข้าจะช่วยเจ้าเต็มที่”
“ขอบคุณขอรับ จะเริ่มเดินทางตอนไหนหรือ”
“คืนนี้หลังจากเตรียมตัวเสร็จ อ้อ ฝากส่งเหยี่ยวข่าว แจ้งสายลับคนที่สองด้วย” ประโยคหลังเป่ยหวงหันไปสั่งนายทหารคนเดิมที่รับข่าวมา พลันคิดว่าอย่างไรก็ต้องเข้าไปดูให้เห็นกับตาว่าสายลับคนที่หนึ่งยังปลอดภัยหรือไม่ หากตายต้องเห็นศพ และเพื่อความปลอดภัยจะลองไปดูลาดเลาก่อน
ไม่รู้ทำไมลางสังหรณ์บอกว่าจะได้ทำมากกว่านั้น
“อุแว้ อุแว้”“ที่รักเหนื่อยไหม ขอบคุณที่คลอดบุตรให้พี่อีกคนนะ” หยางหลงเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากให้คนรักที่หน้าซีดเซียว“ไม่เลยเจ้าค่ะ แค่เห็นหน้าลูกๆกับพี่ ข้าก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง” เหลียนฮวาที่มีประสบการณ์จากการคลออบุตรครั้งแรกถึงสองคน ครั้งนี้จึงคลอดง่ายมาก หมอหลวงที่เดินทางจากแคว้นเว่ยโดยเฉพาะอุ้มเด็กน้อยตัวอวบอ้วนเข้ามา“ขอแสดงความยินดีกับชินอ๋องและพระชายา เป็นเด็กทารกเพศชาย ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เพคะ” หมอหญิงส่งเด็กทารกให้แก่ชินอ๋อง หยางหลงรับมาด้วยความทะนุถนอม“อีกแล้ว ข้าอุ้มท้องเขามา 9 เดือนนะเจ้าคะ” เหลียนฮวาพูดอย่างน้อยใจ เมื่อบุตรลายคนที่สามไม่มีส่วนไหนเหมือนนางเช่นเดียวกัน นี่น้ำเชื้อเขาแรงมากเลยหรือ ลูกออกมาสามคน หน้าตาเหมือนเขาทุกคน“ฮ่าๆ คนที่สี่ต้องเหมือนเจ้าอย่างแน่นอน” หยางหลงพูดด้วยรอยยิ้ม เหลียนฮวาได้แต่อ้าปาก
แคว้นฉินพระราชวัง“ฮื่อ ฮื่อ” เสียงเด็กน้อยร่ำไห้อยู่ข้างเตียงของหญิงนางหนึ่ง“แค่ก ๆ ขะ ข้าไม่น่า คะ คลอดเด็กอย่างเจ้าออกมาเลย” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยใบหน้าโกรธแค้น ตัวนางซูบผอมเหลือแต่กระดูก อันเนื่องจากคลอดเด็กลูกครึ่งผีดิบที่กัดกินชีวิตนางตั้งแต่อยู่ในครรภ์ นางหวังให้ลูกของนางเติบโตมาแข็งแกร่งเหมือนพ่อ ทว่าเด็กออกมากลับเป็นผู้หญิง นอกจากอ่อนแอแถมยังไร้ประโยชน์ทำไมกันนะ ชีวิตของนางถึงไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ตั้งแต่มีพระสวามี เขาก็ทิ้งนางให้อยู่ท่ามกลางผีดิบ ดีที่ยังมีคนรับใช้หลงเหลือไว้ให้อยู่ แต่รอบตัวก็เต็มไปด้วยผีดิบ ไม่มีใครสามารถออกจากแคว้นได้เลย มีครั้งหนึ่งที่แม่ทัพของเคยคิดออกจากแคว้น ทว่ายังไปได้ไม่ไกล ต่างโดนเหล่าผีดิบเข้ามากัดกินทั้งเป็น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าออกไปนอกแคว้นอีกเลย“ท่างแม่…”“ยะ อย่า แ
4 ปีต่อมา“เสี่ยวชุน เสี่ยวเฉินลงมาจากต้นไม้เดี๋ยวนี้!!” เหลียนฮวาตะโกนบอกบุตรชายตัวแสบวัยสามขวบทั้งสอง อุ้มท้องมา 9 เดือน แต่ไม่มีส่วนใดได้นางมาเลย เด็กๆถอดแบบพี่หยางมาทั้งหมด ชอบปีนต้นไม้เหมือนใครก็ไม่รู้? แถมยังหลบหนีพี่เลี้ยงเก่งเป็นที่หนึ่ง“ปี้ชายลงไปก่อนซี่” เสี่ยวชุนหรือเว่ยชุนหวงเอ่ยบอกพี่ชายที่คลอดก่อนตนเพียง 5 วินาที ร่างกลมป้อมอวบอัด ทว่ากลับว่องไวกว่าคนเป็นพี่บุ้ยปากให้พี่ชายลงจากต้นไม้ก่อน“เจ้าเปงน้องก็ต้องลงก่อง” เสี่ยวเฉินหรือเว่ยเฉินอี้กล่าวบอกผู้เป็นน้อง ทั้งสองเกี่ยงกันลงก่อนเนื่องจากยังดูพวกท่านตาฝึกซ้อมยังไม่เสร็จ“ลง มา พร้อม กัน” เหลียนฮวาจำต้องเน้นเสียงทีล่ะคำบอกบุตรชาย ไม่งั้นก็ยังเกี่ยงกันไม่เลิก บุตรชายของนางทั้งสองชื่นชอบการต่อสู้เป็นพิเศษ หากเห็นทหารหรือบรรดาตาๆตัวเองฝึกก็จะรีบขอตามไปดูอย่างไวพวกเด็กๆจะเรียกพ่อของนางว่าต
“เหนื่อยหรือไม่” หยางหลงเอ่ยถามเจ้าสาวของตนหลังคืนแต่งงานผ่านพ้นไป คนรักที่กลายมาเป็นภรรยาและคู่ชีวิตของเขานับแต่นี้เหลียนฮวานั่งตัวเกร็งอย่างทำอะไรไม่ถูก นางกำลังเผชิญกับคืนเข้าหอเป็นครั้งแรก“…”“เหตุใดไม่คุยกับพี่้เล่า” หยางหลงค่อยๆเปิดผ้าคลุมเจ้าสาวเชยคางมนมาสบตา ทั้งสองสบตากันอย่างลึกซึ้ง“ตะ ต้องดื่มเหล้าก่อนมงคลเจ้าค่ะ” เหลียนฮวาที่ไม่รู้จะหาข้ออ้างอันใดมาเอ่ยจึงมองไปที่กาใส่เหล้ามงคลเอาไว้“จริงสิ เป็นขนบธรรมเนียมของที่นี่” หยางหลงยิ้มกริ่มก่อนจะค่อยๆเทเหล้ามงคลจากกาน้ำสองจอดและยกขึ้นมาถือไว้“ดื่มเถิด” เขายื่นให้คนรักหนึ่งแก้วและถือไว้เองหนึ่งแก้ว ทั้งสองคล้องแขนกันก่อนจะยกขึ้นดื่มพร้อมกัน ทั้งกลิ่นทั้งรสชาติของเหล้ามีความแรงจนเหลียนฮวาต้องนิ่วหน้า นางรีบกลืนภายในอึกเดียว ไม่นานหน้
“ถวายบังคมเสด็จพ่อ” ฮ่องเต้สวรรค์มองบุตรสาวด้วยสายตาไม่พอใจนัก“เจ้ารู้ความผิดที่ก่อหรือไม่เทพธิดาเหมยลี่” น้ำเสียงดังก้องกังวาลไปทั่วชั้นฟ้า“ไม่เพคะ” เทพธิดาเหมยลี่เชิดหน้าไม่ยอมแพ้“เจ้า!!!”“ลูกไม่คิดว่าการที่พวกเรารักกันจะผิดตรงไหน”“แม้จะไม่มีบัญญัติว่าห้ามรักต่างฐานันดร แต่เจ้าก็ทำผิดกฎสวรรค์ เจ้ากำลังตั้งครรภ์!!!” ฮ่องเต้สวรรค์แทบลมจับ สั่งให้ทูตสวรรค์หรือที่เรียกทหารในโลกมนุษย์พาธิดากลับมาและนำไอ้ชายที่มันล่อลวงบุตรสาวของเขามารับโทษ“ตั้งครรภ์ จริงสิ เสด็จพ่อทรงมีหลานแล้วเพคะ นางจะเป็นเทพธิดาตนใดมาเกิดกันนะ” เหมยลี่พูดไปยิ้มไป สายใยแม่ลูกทำให้รู้ว่าในครรภ์ของนางเป็นเพศหญิง พลางลูบหน้าท้องแบนราบของตน“ช่างเรื่องนั้นก่อน เจ้าต้องได้รับโทษ” ฮ่องเต้สวร
“พี่หยาง ผักที่เราปลูกงอกแล้วเจ้าค่ะ” เหลียนฮวากล่าวอย่างตื่นเต้น เป็นล็อตสองที่ทดลองปลูก แถมผักที่ปลูกยังเป็นชนิดใหม่“หืม งอกเร็วมาก ยังไม่ถึงเดือน” หยางหลงรีบเข้ามาดูต้นผักตามคนรักชี้บอก วันนี้พ่อตาและคนอื่นไม่อยู่ต้องไปทำภารกิจ“เพราะดินที่เราหมั่นบำรุงมั้งเจ้าคะ”ฟอดดด“เพราะเราช่วยกันปลูกต่างหาก” ขายหนุ่มแอบหอมแก้มแฟนสาวเร็วๆ แล้วส่งยิ้มกระชากใจหลังจากกลับจากแคว้นเว่ยมีประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องว่าที่พระชายาองค์ชายห้า เล่นเป็นข่าวดัง พูดถึงกันอยู่พักใหญ่เพราะว่าที่พระชายาเป็นคนต่างแคว้นแถมยังเป็นสามัญชน ทว่าทั้งคู่กลับไม่มีใครสนใจ พากันเดินทางไปแคว้นจ้าวสลับกับแคว้นเว่ย ไปๆมาๆระหว่างสองแคว้น แถมยังหวานกันยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากไม่ต้องปกปิดตัวตนอีกต่อไป“ครั้งหน้าหากผักในโรงปลูกผักโตกว่า