/ รักโบราณ / ดอกบัวในสงคราม / ตอนที่ 3 เตรียมตัว

공유

ตอนที่ 3 เตรียมตัว

last update 최신 업데이트: 2024-12-23 18:37:06

          2 ปี ต่อมา

          ตู้ม ตู้ม!

          “เจ้าชาย ได้โปรดพักเถอะครับ ทางนี้พวกเราจัดการเอง”  ทหารนายหนึ่งเอ่ยบอกเจ้าชายแห่งซีอัส ผู้นำทัพในครั้งนี้ ไม่รู้เวลาผ่านมานานเท่าไร แต่ทุกครั้งที่ศัตรูบุก เจ้าชายแทบไม่ได้พักเลย  ในห้วงอวกาศมืดมิดเสียจนไม่รู้วันเวลา มีเพียงแสงจากระเบิดสงครามที่ส่องสว่างไปทั่วทุกสารทิศ สาดใส่กันไปมา 

          “เราจะปล่อยให้สู้กันเอง โดยขาดผู้นำได้อย่างไร ส่งข่าวแจ้งทหารคนอื่น หากบาดเจ็บให้กลับไปรักษา ส่วนใครที่ยังไหวขอให้ตามเรามา” เซนท์ หรือเฟลิกซ์ ซัลลิแวน บัดนี้แทบไม่เหลือเคล้าเดิม หน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผล หนวกเคราขึ้นเต็มหน้าเพราะต้องสู้รบอยู่ตลอดเวลาจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ทว่าสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือดวงตาสีแดงที่แน่วแน่และไม่สั่นไหว เขารู้ว่าเวลาล่วงเลยไป 2 ปีแล้ว เพราะนับเวลาและเฝ้ารอมันตลอด ให้สงครามที่ยืดเยื้อนี้จบสักที

           การเริ่มต้นสงครามในรอบหลายสิบปีของจักรวรรดิซีอัสครั้งนี้เกิดจากฝ่ายศัตรู นั่นคือจักรวรรดิไซเนียที่ต้องการสินค้าบางอย่างจากดวงดาวที่จักรวรรดิซีนัสปกครองอยู่ กฏของจักรวาลอย่างแรกจะเป็นการเจรจาก่อน ซึ่งจากการเจรจาทีแรกดูเหมือนจะผ่านไปด้วยดี มีการตกลงทำสนธิสัญญาการค้าระหว่างดวงดาวขึ้น ทว่าไม่นานจักรวรรดิไซเนียเกิดรัฐประหารเปลี่ยนระบอบการปกครอง อีกทั้งยังได้ฉีกสนธิสัญญาทิ้ง หลังจากจักรพรรดิคนใหม่ขึ้นครองราชย์การตกลงผ่านไปอย่างคลุมเครือเพราะหาข้อยุติใหม่ไม่ได้  อีกฝ่ายเกิดความโลภคิดอยากครอบครองไม่ใช่การแลกเปลี่ยนอย่างทีแรก

           สุดท้ายจักรวรรดิไซเนียได้ยื่นคำขาดว่าการเจรจาจะสิ้นสุดลงทันทีหากจักรวรรดิซีอัสไม่มาก้าวก่ายการยึดครองดาวสีน้ำเงิน แลกกับจักรวรรดิไซเนียจะไม่ครอบครองดาวในการปกครองของจักรวรรดิซีอัสทั้งหมด ดูเหมือนนี่จะเป็นแผนของจักรวรรดิไซเนียตั้งแต่แรกที่เล็งดาวสีน้ำเงินไว้ ซึ่งดาวสีน้ำเงินไม่ใช่ดาวในการปกครองของดาวซีอัส แต่เป็นดาวที่ซีอัสให้การคุ้มครองในฐานะพันธมิตร จักรวรรดิไซเนียคงเล็งเห็นจุดนี้ตั้งแต่แรก โดยเฉพาะผลประโยชน์จากสิ่งประดิษฐ์ของดวงสีน้ำเงินที่มีมูลค่ามหาศาล จึงได้สร้างเงื่อนไขขึ้นมา

           เฟลิกซ์ไม่คิดหักหลังดาวสีน้ำเงินของคนรักของเขา และไม่มีวันให้มันได้ในสิ่งที่มันต้องการ ความต่างระหว่างดวงดาวกับจักรวรรดิมีมากเกินไป พูดง่ายๆคือดวงดาวเป็นเพียงดาวเคราะห์เล็กๆเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของสิ่งที่เรียกว่าจักรวรรดิ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของคนรักและดาวสีน้ำเงินที่เธออาศัยอยู่  อีกทั้งคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้กับพ่อของเธอ

          สงครามระหว่างจักรวรรดิไซเนียและจักรวรรดิซีอัสจึงได้เริ่มขึ้น

           “เจ้าชายครับ อาวุธจากท่านโรเบิร์ตโต้มาถึงแล้วครับ” ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน

           “หึ ดี ถึงเวลาโต้กลับเสียที !”  เมื่อ 2 ปีที่แล้วหลังจากเขานำบุตรสาวที่ยังสลบอยู่ของว่าที่พ่อตาไปส่ง ตอนนั้นเกิดศึกย่อมๆขึ้นเพราะท่านนึกว่าเขาทำให้เธอได้รับบาดเจ็บจนสลบ ท่านเกือบวางมวยใส่เขา

           เพื่อให้แผนการที่ตั้งใจไว้ง่ายขึ้นเขาจึงตัดสินใจเอ่ยเล่าความจริงทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟัง ตอนแรกลุงโรเบิร์ตค้านหัวชนฝา บอกว่าจะส่งทหารมาสนับสนุนและเข้าร่วมสงครามด้วย แต่เขาก็ยืนยันกลับไปว่านี่เป็นสงครามของจักรวรรดิซีอัสที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง หากท่านเข้าร่วมสงคราม โมนิก้าต้องเกิดความสงสัย เขาอยากให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไร้ความกังวลใดๆ

           และจริงอยู่สาเหตุมาจากที่อีกฝ่ายอยากครอบครองดาวสีน้ำเงิน แต่อีกนัยหนึ่งคือการท้าทายและเหยียดหยามจักรวรรดิซีอัส  ในเมื่อความโลภทำให้กล้าตั้งเงื่อนไขโดยคิดแต่ผลประโยชน์  เลือกที่จะเปิดศึกด้วยการฉีกสนธิสัญญาก็ต้องกล้าที่จะรับผลที่ตามมา นั่นคือการทำสงคราม

          “โมนิก้า ตื่นเถอะลูก”

          “…”

          “โมนิก้า...”

          “ใครน่ะ นั่นใคร!”  หญิงสาวเจ้าของชื่อละเมอถามออกมา เมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเรียกชื่อของเธอ

         “ฟังแม่ให้ดีนะโมนิก้า ลูกเหลือเวลาในโลกใบนี้ไม่มากแล้ว กลับไปอีกโลกที่ลูกควรจะอยู่ จงดูแลพ่อของลูกและคนในโชคชะตาให้ดี ขอโทษด้วยที่แม่ไม่อาจอยู่ดูแลทั้งสองละ…”

          “แม่คะ !!” เมื่อได้ยินเสียงชัดเจน โมนิก้าจึงสะดุ้ง ลืมตาตื่นขึ้นมา ด้วยคิดว่าตัวเองอาจหูแว่วได้ยินเสียงมารดาของตน  แต่พอนึกถึงคำพูดสุดท้ายที่ท่านทิ้งไว้ ทำให้เธอถึงกับปาดเหงื่อที่ออกทั้งที่ห้องเปิดแอร์เย็นช่ำ ในความฝันนั้นเหมือนจริงมาก รู้สึกเหมือนแม่มาพูดคุยกับเธอจริงๆ

          ‘เหลือเวลาไม่มากงั้นเหรอ...’

          วูบบบบบ

          “เอ๊ะ เราไม่มีรอยสักนี่” โมนิก้ามองที่ข้อมือตัวเองอย่างสงสัย ตอนนี้มีรูปคล้ายดอกบัวตูมที่ปรากฎขึ้นหลังจากแสงสว่างหายไป

          วาบบบ

          “ที่นี่ที่ไหนกัน” โมนิก้ามองไปรอบๆอย่างตื่นเต้นระคนแปลกใจ หลังจากที่เธอใช้มืออีกข้างลูบไล้บริเวณรอยสัก จู่ๆก็เข้ามายังตึกเอไอของเธอ โมนิก้ามองไปรอบๆจนพบโกดังเก็บของไม่ว่าจะเป็นเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์สุดไฮเทค แคปซูลอาหารและยาต่างๆ ก็ถูกนำมาเก็บไว้ที่นี่ ใช้แล้วที่ตึกเอไอที่เธอสร้างขึ้นมานอกจากจะใช้เป็นพื้นที่ทดลองงานใหม่ๆแล้วยังใช้เป็นที่เก็บสินค้ามากมายที่เธอคิดค้นผลิตขึ้นมา

         แต่ทำไมถึงไม่มีใคร ทั้งที่อย่างน้อยในห้องแลปน่าจะต้องมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงทำงานอยู่ โมนิก้ามองไปรอบๆพบเพียงหุ่นยนต์เอไอรักษาความปลอดภัยที่เธอสร้างขึ้นเดินไปมา  นอกจากนี้เมื่อสำรวจไปเรื่อยๆก็พบเพียงเอไอหรือหุ่นยนต์แรงงานเท่านั้น มีทั้งหุ่นยนต์แพทย์ในห้องแลปยาที่กำลังผลิตแคปซูลยา  หุ่นยนต์เชฟในห้องแลปผลิตแคปซูลอาหารและหุ่นยนต์อื่นๆซึ่งกำลังทำหน้าที่ของมันอยู่ ไม่พบสิ่งมีชีวิตหรือมนุษย์อยู่เลย

         แปลก แปลกมาก หรือเป็นเพราะว่า... 

          วาบบบ

          “ใช่จริงๆด้วย” โมนิก้าคิดว่าน่าจะเป็นเพราะสัญลักษณ์รูปดอกบัวที่ข้อมือเธอจึงลูบมันอีกครั้ง ปรากฏว่าดอกบัวค่อยๆบานออก แล้วตอนนี้เธอก็มาโผล่ที่ห้องนอนของเธอแล้ว

          “งั้นที่แม่บอกว่าเธอจะเหลือเวลาไม่มากแล้วก็เป็นความจริง”  โมนิก้าทำหน้าครุ่นคิด พลันรู้สึกว่าถ้าเธอจากไปแล้วพ่อจะเป็นอย่างไร ชีวิตนี้นอกจากแม่ที่เสียไปตอนเธอยังเด็ก ก็มีเพียงพ่อเท่านั้นที่เลี้ยงเธอมาจนโต ส่วนญาติพี่น้องส่วนใหญ่ก็ไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว 

          โมนิก้าไม่รู้ว่าจะได้ลาพ่อของเธออีกทีเมื่อไหร่  มองออกไปข้างนอกฟ้าพึ่งสว่าง คิดว่าปะป๊าของเธอน่าจะตื่นแล้วจึงรีบโทรหาเพื่อบอกเล่าเรื่องนี้ทันที

          อีกด้าน

          “นายพลจะดูรูปคุณหนูไปถึงเมื่อไรครับ” ร้อยโทแอนดริวหรือคนสนิทของโรเบิร์ตโต้เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเจ้านายของเขา มองดูรูปของคุณหนูตอนเด็กแล้วยิ้มอยู่คนเดียว  ทั้งที่ตอนนี้ได้เวลาไปทำภารกิจแล้ว

          “ทำไม อิจฉาฉันละสิที่มีลูกสาวเก่งขนาดนี้” ชายวัยกลางคนพูดตอบด้วยสีหน้าอวดๆ โดยไม่มองคู่สนทนา

          “ครับๆ ผมส่งของให้เจ้าชายตามที่ท่านสั่งเรียบร้อย...” ชายคนสนิทมองคนหลงลูกพร้อมรับคำส่งๆ ก่อนจะเอ่ยรายงาน ในใจกลับปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคุณหนูเป็นคนที่เก่งจริงๆ หากเขามีลูกแบบเธอก็คงภูมิใจไม่ต่างกัน เสียแต่ว่าตอนนี้ยังหาแม่ของลูกไม่ได้นี่สิ เขาคิดอย่างปลงๆ

          “อืม ดี” โรเบิร์ตโต้พยักหน้า หวนนึกถึงคนรักของลูกสาวพร้อมกับเรื่องราวที่ผ่านมา แม้จะอยากร่วมรบกับอีกฝ่ายแค่ไหน ทว่ากลับโดนคัดค้านหัวชนฝา คาดว่าคงมีเหตุผลบางอย่าง แต่ก็คงไม่พ้นลูกสาวคนเก่งของเขา ในที่สุดจึงจำใจยอมรับการตัดสินใจของชายรุ่นลูก

          โดยที่เขามีข้อแม้ว่าจะต้องยอมรับของที่เขาจะส่งให้ ซึ่งที่ผ่านมาเขาก็แอบส่งอุปกรณ์การรบไปให้ไม่น้อย แม้จะไม่ค่อยชอบขี้หน้าที่บังอาจมาแย่งความรักจากลูกสาว แต่ลึกๆในใจยังคงเชื่อมั่นในตัวอีกฝ่ายว่าอย่างไรก็ต้องปลอดภัยกลับมา ระหว่างนั้นเขาก็จะต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้จักหรือพูดถึงชายหนุ่มให้บุตรสาวได้ยิน ตามที่ตกลงกันไว้

          “ตอนนี้เรามีภารกิจที่ต้องทำครับ” 

          “ภารกิจที่พลเอกอีธานไหว้วานมาใช่ไหม” ถ้าเปรียบเขาเป็นแม่ทัพคอยคุมพลทหาร พลเอกอีธานก็คือกุนซือที่ปรึกษาของกองทัพ เพียงแต่ยศของพลเอกสูงกว่าเขาหนึ่งขั้นเนื่องจากอีกฝ่ายอยู่ในแวดวงทหารมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ เขาจึงมีความเคารพและให้เกียรติอีกฝ่ายไม่อยากข้ามหน้าข้ามตา อีกทั้งมีอะไรก็ช่วยเหลือกันมาตั้งแต่โมอาเรียยังมีชีวิตอยู่

          “ใช่ครับ แต่ทหารในหน่วยฝีมือดีมีตั้งมาก ทำไมต้องเจาะจงเป็น…”

          “อย่าพูดแบบนี้ให้ใครได้ยินอีกร้อยโท ฉันรู้ว่านายหวังดี”  โรเบิร์ตโต้มองคนสนิทนิ่ง ไม่ใช่เขาไม่คิดอย่างที่แอนดริวพูด แต่ภารกิจครั้งนี้หากมองอีกมุมไม่ใช่ใครก็ทำได้จริงๆ ปราบปรามผู้ก่อการร้ายข้ามดวงดาว อาจเป็นภารกิจทั่วไปที่ไม่ต้องถึงระดับนายพลเป็นคนลงมือเองก็ได้ แต่นี่เกี่ยวพันระดับดวงดาวผู้ก่อการร้ายคราวนี้เป็นสายจากดวงดาวข้างๆ ซึ่งหากทำอะไรพลาดไปอาจโยงถึงสงครามระหว่างดวงดาวได้เลย เขาไม่อยากเอาชีวิตของคนในดาวสีน้ำเงินที่ตอนนี้แทบจะเหลือน้อยอยู่เต็มทีไปเสี่ยงอยู่แล้ว

          “ทราบแล้วครับ” 

          ติ๊ด ติ๊ด

          “ว่าไงลูกสาว” โรเบิร์ตโต้รับสายอย่างร่าเริง ต่างกับเมื่อกี้ลิบลับ หวนนึกถึงไอ้หนุ่มนั่นแล้วกำหมัดแน่น นับถือในความรักที่มีต่อบุตรสาวของเขา ไม่รู้ป่านนี้อาวุธที่บุตรสาวเขาพัฒนารุ่นล่าสุดจะไปถึงหรือยัง หวังว่าสงครามจะจบในเร็ววัน

          [ปะป๊าว่างไหมคะ หนูมีเรื่องอยากปรึกษา]

          “ได้สิ มะ…”

          ก๊อก ก๊อก

          “ท่านครับได้เวลาแล้ว”  เสียงลูกน้องอีกคนดังเข้ามาในห้อง และคิดว่าในสายก็น่าจะได้ยินจึงมองด้วยสายตาเขียวปั๊ดมองไปที่หน้าประตู แม้จะมองไม่เห็นแต่ผู้ที่อยู่หลังประตูกลับรู้สึกร้อนๆหนาวๆยังไงไม่รู้

          [งั้นปะป๊าไปทำงานก่อนนะคะ กลับแล้วหนูค่อยปรึกษาอีกที] โมนิก้าที่ได้ยินจึงตอบกลับผู้เป็นพ่อไป เธอรู้นิสัยปะป๊าดี ต่อให้ไม่ว่างแต่สำหรับเธอท่านมักจะบอกว่าว่างเสมอ

          “เอ่อ งั้นรอก่อนนะ เดี๋ยวปะป๊ารีบกลับมา” โรเบิร์ตโต้จำใจตอบกลับไป เขาหันไปหยิบอาวุธประจำตัวเป็นปืนพกขนาด 9 มม. เก็บเสียงได้ใส่กระสุนไม่จำกัดเนื่องจากเป็นปืนที่ผู้เป็นลูกสาวประดิษฐ์ขึ้นมามอบให้เป็นของขวัญ ก่อนจะเข้าสู่โหมดจริงจังผิดกับท่าทางตอนคุยกับโมนิก้าลิบลับ

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนพิเศษ 5 ตลอดไป [จบบริบูรณ์]

    “อุแว้ อุแว้”“ที่รักเหนื่อยไหม ขอบคุณที่คลอดบุตรให้พี่อีกคนนะ” หยางหลงเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากให้คนรักที่หน้าซีดเซียว“ไม่เลยเจ้าค่ะ แค่เห็นหน้าลูกๆกับพี่ ข้าก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง” เหลียนฮวาที่มีประสบการณ์จากการคลออบุตรครั้งแรกถึงสองคน ครั้งนี้จึงคลอดง่ายมาก หมอหลวงที่เดินทางจากแคว้นเว่ยโดยเฉพาะอุ้มเด็กน้อยตัวอวบอ้วนเข้ามา“ขอแสดงความยินดีกับชินอ๋องและพระชายา เป็นเด็กทารกเพศชาย ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เพคะ” หมอหญิงส่งเด็กทารกให้แก่ชินอ๋อง หยางหลงรับมาด้วยความทะนุถนอม“อีกแล้ว ข้าอุ้มท้องเขามา 9 เดือนนะเจ้าคะ” เหลียนฮวาพูดอย่างน้อยใจ เมื่อบุตรลายคนที่สามไม่มีส่วนไหนเหมือนนางเช่นเดียวกัน นี่น้ำเชื้อเขาแรงมากเลยหรือ ลูกออกมาสามคน หน้าตาเหมือนเขาทุกคน“ฮ่าๆ คนที่สี่ต้องเหมือนเจ้าอย่างแน่นอน” หยางหลงพูดด้วยรอยยิ้ม เหลียนฮวาได้แต่อ้าปาก

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนพิเศษ 4 ลูกครึ่งซอมบี้

    แคว้นฉินพระราชวัง“ฮื่อ ฮื่อ” เสียงเด็กน้อยร่ำไห้อยู่ข้างเตียงของหญิงนางหนึ่ง“แค่ก ๆ ขะ ข้าไม่น่า คะ คลอดเด็กอย่างเจ้าออกมาเลย” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยใบหน้าโกรธแค้น ตัวนางซูบผอมเหลือแต่กระดูก อันเนื่องจากคลอดเด็กลูกครึ่งผีดิบที่กัดกินชีวิตนางตั้งแต่อยู่ในครรภ์ นางหวังให้ลูกของนางเติบโตมาแข็งแกร่งเหมือนพ่อ ทว่าเด็กออกมากลับเป็นผู้หญิง นอกจากอ่อนแอแถมยังไร้ประโยชน์ทำไมกันนะ ชีวิตของนางถึงไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ตั้งแต่มีพระสวามี เขาก็ทิ้งนางให้อยู่ท่ามกลางผีดิบ ดีที่ยังมีคนรับใช้หลงเหลือไว้ให้อยู่ แต่รอบตัวก็เต็มไปด้วยผีดิบ ไม่มีใครสามารถออกจากแคว้นได้เลย มีครั้งหนึ่งที่แม่ทัพของเคยคิดออกจากแคว้น ทว่ายังไปได้ไม่ไกล ต่างโดนเหล่าผีดิบเข้ามากัดกินทั้งเป็น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าออกไปนอกแคว้นอีกเลย“ท่างแม่…”“ยะ อย่า แ

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนพิเศษ 3 ลูกชายฝาแฝดตัวแสบ 

    4 ปีต่อมา“เสี่ยวชุน เสี่ยวเฉินลงมาจากต้นไม้เดี๋ยวนี้!!” เหลียนฮวาตะโกนบอกบุตรชายตัวแสบวัยสามขวบทั้งสอง อุ้มท้องมา 9 เดือน แต่ไม่มีส่วนใดได้นางมาเลย เด็กๆถอดแบบพี่หยางมาทั้งหมด ชอบปีนต้นไม้เหมือนใครก็ไม่รู้? แถมยังหลบหนีพี่เลี้ยงเก่งเป็นที่หนึ่ง“ปี้ชายลงไปก่อนซี่” เสี่ยวชุนหรือเว่ยชุนหวงเอ่ยบอกพี่ชายที่คลอดก่อนตนเพียง 5 วินาที ร่างกลมป้อมอวบอัด ทว่ากลับว่องไวกว่าคนเป็นพี่บุ้ยปากให้พี่ชายลงจากต้นไม้ก่อน“เจ้าเปงน้องก็ต้องลงก่อง” เสี่ยวเฉินหรือเว่ยเฉินอี้กล่าวบอกผู้เป็นน้อง ทั้งสองเกี่ยงกันลงก่อนเนื่องจากยังดูพวกท่านตาฝึกซ้อมยังไม่เสร็จ“ลง มา พร้อม กัน” เหลียนฮวาจำต้องเน้นเสียงทีล่ะคำบอกบุตรชาย ไม่งั้นก็ยังเกี่ยงกันไม่เลิก บุตรชายของนางทั้งสองชื่นชอบการต่อสู้เป็นพิเศษ หากเห็นทหารหรือบรรดาตาๆตัวเองฝึกก็จะรีบขอตามไปดูอย่างไวพวกเด็กๆจะเรียกพ่อของนางว่าต

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนพิเศษ 2 วันนี้ที่รอคอย

    “เหนื่อยหรือไม่” หยางหลงเอ่ยถามเจ้าสาวของตนหลังคืนแต่งงานผ่านพ้นไป คนรักที่กลายมาเป็นภรรยาและคู่ชีวิตของเขานับแต่นี้เหลียนฮวานั่งตัวเกร็งอย่างทำอะไรไม่ถูก นางกำลังเผชิญกับคืนเข้าหอเป็นครั้งแรก“…”“เหตุใดไม่คุยกับพี่้เล่า” หยางหลงค่อยๆเปิดผ้าคลุมเจ้าสาวเชยคางมนมาสบตา ทั้งสองสบตากันอย่างลึกซึ้ง“ตะ ต้องดื่มเหล้าก่อนมงคลเจ้าค่ะ” เหลียนฮวาที่ไม่รู้จะหาข้ออ้างอันใดมาเอ่ยจึงมองไปที่กาใส่เหล้ามงคลเอาไว้“จริงสิ เป็นขนบธรรมเนียมของที่นี่” หยางหลงยิ้มกริ่มก่อนจะค่อยๆเทเหล้ามงคลจากกาน้ำสองจอดและยกขึ้นมาถือไว้“ดื่มเถิด” เขายื่นให้คนรักหนึ่งแก้วและถือไว้เองหนึ่งแก้ว ทั้งสองคล้องแขนกันก่อนจะยกขึ้นดื่มพร้อมกัน ทั้งกลิ่นทั้งรสชาติของเหล้ามีความแรงจนเหลียนฮวาต้องนิ่วหน้า นางรีบกลืนภายในอึกเดียว ไม่นานหน้

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนพิเศษ 1 สวรรค์ชั้นฟ้าหรือจะสู้ชะตากงล้อลิขิต  

    “ถวายบังคมเสด็จพ่อ” ฮ่องเต้สวรรค์มองบุตรสาวด้วยสายตาไม่พอใจนัก“เจ้ารู้ความผิดที่ก่อหรือไม่เทพธิดาเหมยลี่” น้ำเสียงดังก้องกังวาลไปทั่วชั้นฟ้า“ไม่เพคะ” เทพธิดาเหมยลี่เชิดหน้าไม่ยอมแพ้“เจ้า!!!”“ลูกไม่คิดว่าการที่พวกเรารักกันจะผิดตรงไหน”“แม้จะไม่มีบัญญัติว่าห้ามรักต่างฐานันดร แต่เจ้าก็ทำผิดกฎสวรรค์ เจ้ากำลังตั้งครรภ์!!!” ฮ่องเต้สวรรค์แทบลมจับ สั่งให้ทูตสวรรค์หรือที่เรียกทหารในโลกมนุษย์พาธิดากลับมาและนำไอ้ชายที่มันล่อลวงบุตรสาวของเขามารับโทษ“ตั้งครรภ์ จริงสิ เสด็จพ่อทรงมีหลานแล้วเพคะ นางจะเป็นเทพธิดาตนใดมาเกิดกันนะ” เหมยลี่พูดไปยิ้มไป สายใยแม่ลูกทำให้รู้ว่าในครรภ์ของนางเป็นเพศหญิง พลางลูบหน้าท้องแบนราบของตน“ช่างเรื่องนั้นก่อน เจ้าต้องได้รับโทษ” ฮ่องเต้สวร

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 109 จะรักตราบชั่วนิรันดร [The end]

    “พี่หยาง ผักที่เราปลูกงอกแล้วเจ้าค่ะ” เหลียนฮวากล่าวอย่างตื่นเต้น เป็นล็อตสองที่ทดลองปลูก แถมผักที่ปลูกยังเป็นชนิดใหม่“หืม งอกเร็วมาก ยังไม่ถึงเดือน” หยางหลงรีบเข้ามาดูต้นผักตามคนรักชี้บอก วันนี้พ่อตาและคนอื่นไม่อยู่ต้องไปทำภารกิจ“เพราะดินที่เราหมั่นบำรุงมั้งเจ้าคะ”ฟอดดด“เพราะเราช่วยกันปลูกต่างหาก” ขายหนุ่มแอบหอมแก้มแฟนสาวเร็วๆ แล้วส่งยิ้มกระชากใจหลังจากกลับจากแคว้นเว่ยมีประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องว่าที่พระชายาองค์ชายห้า เล่นเป็นข่าวดัง พูดถึงกันอยู่พักใหญ่เพราะว่าที่พระชายาเป็นคนต่างแคว้นแถมยังเป็นสามัญชน ทว่าทั้งคู่กลับไม่มีใครสนใจ พากันเดินทางไปแคว้นจ้าวสลับกับแคว้นเว่ย ไปๆมาๆระหว่างสองแคว้น แถมยังหวานกันยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากไม่ต้องปกปิดตัวตนอีกต่อไป“ครั้งหน้าหากผักในโรงปลูกผักโตกว่า

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status