“มะ หม่ำ” เหลียนฮวาใช้ความพยายามในการออกเสียง นางอยากบอกท่านพ่อเหลือเกินว่ามันกินได้ ดูตรงนู้นนั่นสิมีหัวมันหวานขนาดใหญ่ด้วย นึกพลางน้ำลายไหลย้อยอย่างห้ามไม่อยู่ จะให้ท่านพ่อขุดกลับไปให้หมดเลย
“ถึงอย่างไรก็กินไม่ได้ มันมีพิษ” แม้จะดีใจที่บุตรสาวพูดคำอื่นได้บ้างแล้ว แต่พอเห็นดวงตาเป็นประกายของลูกก็ยิ้มระคนเอ็นดูในความช่างจ้อ เอื้อมหยิบผ้าสะอาดในอกมาเช็ดน้ำลาย เอ่ยอธิบายเสมือนเด็กน้อยเข้าใจสิ่งที่พูด
หมับ
“แอ้ !” เมื่อเห็นบิดากำลังจะเดินไปอีกทางแต่มีหรือที่นางจะยอม คว้าหมับที่คอเสื้อแล้วใช้สายตาออดอ้อนท่าไม้ตาย เบะปาก ส่งตาปริบๆไปให้
คนเป็นพ่อใจอ่อน
“พ่อไม่เคยชนะเจ้าเลย...” เจียหมิงพูดอย่างปลงๆกับตัวเอง ทำให้ตัวต้นเหตุดีดดิ้นกรี๊ดกร๊าดออกมาอย่างดีใจ
“อ๊ายย คิกๆ”
“ลองเก็บกลับมาเพียงนิดเดียว หากลูกเห็นว่ามันกินไม่ได้จริงๆ ต้องยอมให้พ่อเอาไปทิ้งนะ” เจียหมิงเอ่ยพลางใช้กิ่งไม้แข็งแรงแถวนั้นขุดเอาหัวมันขึ้นมาจากใต้ดิน ได้ 2-3 หัวใหญ่ก็พอ
“อื้อ !”
“อันนั้นด้วยหรือ…” เจียหมิงได้ยินเสียงร้องเรียกของบุตรสาวพอเงยหน้ามองตามสายตาของเด็กน้อยก็เห็นหัวมันสีแดงอยู่ไม่ไกลกัน ไม่เคยเห็นชาวบ้านกินเจ้าสิ่งนี้เลย เพราะคิดว่าน่าจะคล้ายหัวมันที่มีพิษ มันจะกินได้จริงๆหรือ...
แปะๆ
“แอ้ แอ้” เหลียนฮวาเห็นท่านพ่อกำลังเก็บหัวมันหวานตามที่นางบอกก็ปรบมือให้กำลังใจ อยากกินเหลือเกิน
“เราลองเก็บไปเท่านี้ดีกว่า” เจียหมิงบอกตนเอง หลังจากเดินไปเก็บหัวมันตามใจบุตรสาว
“ถึงบ้านแล้ว” เจียหมิงบอกบุตรสาวที่ตอนนี้หลับอยู่ในกระบุง เนื่องจากใช้แรงไปมากโข นิ้วป้อมๆทำหน้าที่ชี้บอกให้เขาเก็บนั่นนี่ ปากจิ้มลิ้มก็ส่งเสียงร้องเรียกไม่หยุด สุดท้ายก็ไม่ได้ไปดูกับดักเพราะของเต็มไม้เต็มมือไปหมด วันนี้ได้ผักป่า ผลไม้ และหัวมันกลับมาเยอะมาก บางอย่างเขาไม่เคยรู้เลยว่ามันกินได้ แต่เจ้าตัวอวบกลับดีดดิ้น ร้องบอกคล้ายรู้ความ
“นอนตรงนี้ก่อนนะ พ่อจะเอาของไปเก็บ” เจิยหมิงวางเหลียนฮวาบนผ้า ก่อนเข้าบ้านไม่ลืมล้างมือเอาเศษดินหรือสิ่งสกปรกออก จะได้อุ้มนางได้
“งื้อ” เด็กน้อยหัวถึงที่นอนก็บิดขี้เกียจ หน้าอวบๆซุกเข้ากับผ้าเพื่อหาความอบอุ่น พอได้ที่ก็นอนคว่ำหน้า ก้นโด่งอย่างสบายใจ
‘เจ้านาย ได้ยินไหมครับ’ เหลียนฮวาที่นอนอยู่พลันได้ยินเสียงคุ้นเคยเอ่ยเรียก
‘เจ้านาย อย่าทิ้งบอทเต้ไว้ที่นี่สิครับ’ เจ้าของเสียงพูดอย่างน้อยใจ
ชัดเลย เสียงบอทเต้จริงๆด้วย หรือนี่เป็นความฝันกันนะ
“บอทเต้ !” คิดดังนั้นจึงลองเรียกอีกฝ่ายดู
‘เจ้านาย ! ในที่สุดก็รู้ถึงการมีอยู่ของบอทเต้’ เอไออัจฉริยะตะโกนอย่างดีใจ มันอยู่กับเจ้านายตั้งแต่เธอมาเกิดใหม่ ทว่าร้องเรียกอย่างไรเจ้านายก็ไม่ได้ยิน ได้แต่นั่งดูเจ้านายใช้ชีวิตในโลกใหม่ผ่านห้วงจิตกับเจ้าโรบอท ใช่แล้ว โรบอทก็มาพร้อมกับมันด้วย ก่อนมามันรู้สึกเหมือนโดนไฟช๊อต จนระบบรวน สักพักก็มาโผล่ที่นี่ มันใช้ความรู้จากโลกก่อนค้นหาข้อมูลการเกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาตินี้ตั้งมากมายแต่กลับไม่พบสิ่งใด หรือนี่จะเรียกว่าสิ่งลี้ลับ
ส่วนเจ้าโรบอทวันๆไม่ทำอะไร เขาคุยด้วยมันก็ไม่ค่อยจะตอบ สายตาจดจ่อกับเจ้านาย แต่พอเจ้านายร่างทารกกำลังพลิกคว่ำ มันกลับส่งเสียงเชียร์ ผิดกับฉายาเอไอนักรบสิ้นเชิง อยากให้เจ้านายมาเห็นมันในโหมดนี้จริงๆ
“บอทเต้ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน แล้วทำไมฉันถึงพูดได้” เหลียนฮวามึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นางไม่เห็นตัวอีกฝ่าย แต่กลับสื่อสารกันได้
‘ไม่ต้องแปลกใจครับเจ้านาย เราน่าจะคุยกันผ่านห้วงจิต แม้เจ้านายเป็นเด็กทารกก็สามารถสื่อสารกับบอทเต้ได้’
“ดีเหลือเกินที่นายไม่เป็นอะไร” เหลียนฮวาดีใจ ตอนแรกยังกังวลว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้กลับรู้สึกยินดีที่เอไอครอบครัวของเธอก็มาด้วย
‘เจ้าโรบอทก็มานะครับ’
“จะ เจ้านายครับ’ เสียงโรบอทดังขึ้น หากมันมีดวงตา ทุกคนคงได้เห็นว่าตอนนี้ดวงตาของมันกำลังเป็นประกาย
“โรบอท !” แม้จะแปลกใจว่ามากันได้อย่างไร แต่ความดีใจกลับมีมากกว่า
‘มาคุยเรื่องหลังจากนี้ดีกว่าครับ เราจะเอาอย่างไรกันต่อ’ บอทเต้พูดเข้าเรื่อง มันไม่รู้ว่ามาโลกนี้ได้ยังไง ไหนจะเรื่องที่เจ้านายเกิดใหม่อีก
“บอทเต้ จำตอนที่ฉันให้นายเปิดร้านค้าได้ไหม” เหลียนฮวาตัดสินใจบอกความจริง
‘จำได้ครับ ตอนนั้นเจ้านายซื้อขะ..’
“ตอนนั้นฉันฝันถึงแม่ ท่านบอกว่าฉันต้องกลับไปที่ที่ควรอยู่ พอตื่นมาก็มีสัญลักษณ์คล้ายรูปดอกบัวตรงข้อมือ และพบว่ามันฉันสามารถเข้าไปในเจ้าสิ่งนั้นได้ ข้างในเป็นตึกเอไอที่ฉันสร้างมา และมันยังสามารถกักเก็บพวกของต่างๆไว้ได้อีกด้วย” เหลียนฮวาบอกความจริงไปทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องที่เธอฝัน
‘เหลือเชื่อมาก ส่วนเจ้าสิ่งนั้นคล้ายมิติที่บอทเต้กำลังศึกษาเลยครับ’ ระหว่างกำลังดูเจ้านายใช้ชีวิตที่โลกใหม่ มันเห็นเจ้านายเรียกนมผงออกมาจากอากาศ แล้วเก็บเข้าไป ตั้งแต่นั้นจึงเริ่มศึกษาถึงการกระทำนั้น จนไปค้นพบคำหนึ่งนั่นคือ มิติ เจ้าสิ่งนี้คล้ายไม่มีอยู่จริงในโลกภายนอก เป็นเหมือนอีกมิติหนึ่งที่มีแค่เจ้าของคนเดียวเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ หากเป็นโลกก่อนมันคงให้นิยามมิติว่ากระเป๋าเคลื่อนที่ ทว่าเรื่องที่เจ้านายบอกมาว่าในมิตินั้นมีตึกเอไออยู่นับว่าเป็นเรื่องที่มันไม่คาดคิด
“มิติหรือ ฉันว่ามันอาจจะใช่ก็ได้” เธอก็ลืมนึกถึงคำนี้ไปเลย
‘เป็นไปได้ไหมครับมิตินี้จะสามารถกักเก็บสิ่งของที่เจ้านายสร้างมาจากโลกก่อน’ บอทเต้เริ่มวิเคราะห์
“ใช่เลย ฉลาดมากบอทเต้ ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน อีกอย่างตอนนี้ฉันไม่สามารถเข้าไปในมิติได้ อาจเป็นเพราะร่างทารกนี่” เหลียนฮวาคิดอย่างเสียดาย ถ้าเธอเข้าไปได้บางทีอาจจะทำอะไรๆได้มากกว่านี้อย่างน้อยก็ชงนมให้ตัวเองกิน เธอเบื่อน้ำคาวๆนั่นแล้ว ทุกวันนี้ยังคิดแปลกใจเวลามองแขนขาเป็นมัดๆของตัวเองว่าเป็นไปได้อย่างไร ทั้งที่กินแค่น้ำนม ควรผอมแห้งสิ แต่นี่กลับยิ่งสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ สักวันคงนอนคว่ำไม่ได้เพราะติดพุง
‘งั้นเจ้านายลองคิดว่าเราทั้งสองอยู่ภายในตึกเอไอดูสิครับ’ โรบอทที่ฟังเรื่องทั้งหมดมานาน พูดขึ้นบ้างเมื่อฟังน้ำเสียงของเจ้านาย เจ้านายคงไม่มีความสุข
‘โรบอทตัวจริงใช่ไหม’ บอทเต้เอ่ยอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เจ้าโรบอทที่เงียบมาตลอดเวลาเขาถามความคิดเห็นใดๆ ปล่อยให้เขากะวนกะวายคนเดียว ตอนนี้มันกำลังออกความคิด โรบอทได้แต่ทำตามองบนเมื่อเห็นท่าทางโอเวอร์ของบอทเต้ มันก็แค่ไม่ชอบพูด
“ขอบใจนะโรบอท ตอนนี้พวกนายอยู่ในที่แบบไหนเหรอ” เหลียนฮวาถามขึ้น
‘เป็นห้องสี่เหลี่ยมสีขาวโล่งๆครับ’ โรบอทตอบ
“ฉันจะลองดู พวกนายพร้อมไหม” เหลียนฮวาคิดว่าสถานที่ที่พวกบอทเต้อยู่อาจเป็นหนึ่งในห้องของตึกเอไอ ถ้าลองทำตามคำพูดโรบอท คิดว่าพวกเขาอยู่ภายในตึก ไม่ใช่แค่ในห้อง บางทีความคิดนี้น่าจะใช้ได้
“อุแว้ อุแว้”“ที่รักเหนื่อยไหม ขอบคุณที่คลอดบุตรให้พี่อีกคนนะ” หยางหลงเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากให้คนรักที่หน้าซีดเซียว“ไม่เลยเจ้าค่ะ แค่เห็นหน้าลูกๆกับพี่ ข้าก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง” เหลียนฮวาที่มีประสบการณ์จากการคลออบุตรครั้งแรกถึงสองคน ครั้งนี้จึงคลอดง่ายมาก หมอหลวงที่เดินทางจากแคว้นเว่ยโดยเฉพาะอุ้มเด็กน้อยตัวอวบอ้วนเข้ามา“ขอแสดงความยินดีกับชินอ๋องและพระชายา เป็นเด็กทารกเพศชาย ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เพคะ” หมอหญิงส่งเด็กทารกให้แก่ชินอ๋อง หยางหลงรับมาด้วยความทะนุถนอม“อีกแล้ว ข้าอุ้มท้องเขามา 9 เดือนนะเจ้าคะ” เหลียนฮวาพูดอย่างน้อยใจ เมื่อบุตรลายคนที่สามไม่มีส่วนไหนเหมือนนางเช่นเดียวกัน นี่น้ำเชื้อเขาแรงมากเลยหรือ ลูกออกมาสามคน หน้าตาเหมือนเขาทุกคน“ฮ่าๆ คนที่สี่ต้องเหมือนเจ้าอย่างแน่นอน” หยางหลงพูดด้วยรอยยิ้ม เหลียนฮวาได้แต่อ้าปาก
แคว้นฉินพระราชวัง“ฮื่อ ฮื่อ” เสียงเด็กน้อยร่ำไห้อยู่ข้างเตียงของหญิงนางหนึ่ง“แค่ก ๆ ขะ ข้าไม่น่า คะ คลอดเด็กอย่างเจ้าออกมาเลย” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยใบหน้าโกรธแค้น ตัวนางซูบผอมเหลือแต่กระดูก อันเนื่องจากคลอดเด็กลูกครึ่งผีดิบที่กัดกินชีวิตนางตั้งแต่อยู่ในครรภ์ นางหวังให้ลูกของนางเติบโตมาแข็งแกร่งเหมือนพ่อ ทว่าเด็กออกมากลับเป็นผู้หญิง นอกจากอ่อนแอแถมยังไร้ประโยชน์ทำไมกันนะ ชีวิตของนางถึงไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ตั้งแต่มีพระสวามี เขาก็ทิ้งนางให้อยู่ท่ามกลางผีดิบ ดีที่ยังมีคนรับใช้หลงเหลือไว้ให้อยู่ แต่รอบตัวก็เต็มไปด้วยผีดิบ ไม่มีใครสามารถออกจากแคว้นได้เลย มีครั้งหนึ่งที่แม่ทัพของเคยคิดออกจากแคว้น ทว่ายังไปได้ไม่ไกล ต่างโดนเหล่าผีดิบเข้ามากัดกินทั้งเป็น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าออกไปนอกแคว้นอีกเลย“ท่างแม่…”“ยะ อย่า แ
4 ปีต่อมา“เสี่ยวชุน เสี่ยวเฉินลงมาจากต้นไม้เดี๋ยวนี้!!” เหลียนฮวาตะโกนบอกบุตรชายตัวแสบวัยสามขวบทั้งสอง อุ้มท้องมา 9 เดือน แต่ไม่มีส่วนใดได้นางมาเลย เด็กๆถอดแบบพี่หยางมาทั้งหมด ชอบปีนต้นไม้เหมือนใครก็ไม่รู้? แถมยังหลบหนีพี่เลี้ยงเก่งเป็นที่หนึ่ง“ปี้ชายลงไปก่อนซี่” เสี่ยวชุนหรือเว่ยชุนหวงเอ่ยบอกพี่ชายที่คลอดก่อนตนเพียง 5 วินาที ร่างกลมป้อมอวบอัด ทว่ากลับว่องไวกว่าคนเป็นพี่บุ้ยปากให้พี่ชายลงจากต้นไม้ก่อน“เจ้าเปงน้องก็ต้องลงก่อง” เสี่ยวเฉินหรือเว่ยเฉินอี้กล่าวบอกผู้เป็นน้อง ทั้งสองเกี่ยงกันลงก่อนเนื่องจากยังดูพวกท่านตาฝึกซ้อมยังไม่เสร็จ“ลง มา พร้อม กัน” เหลียนฮวาจำต้องเน้นเสียงทีล่ะคำบอกบุตรชาย ไม่งั้นก็ยังเกี่ยงกันไม่เลิก บุตรชายของนางทั้งสองชื่นชอบการต่อสู้เป็นพิเศษ หากเห็นทหารหรือบรรดาตาๆตัวเองฝึกก็จะรีบขอตามไปดูอย่างไวพวกเด็กๆจะเรียกพ่อของนางว่าต
“เหนื่อยหรือไม่” หยางหลงเอ่ยถามเจ้าสาวของตนหลังคืนแต่งงานผ่านพ้นไป คนรักที่กลายมาเป็นภรรยาและคู่ชีวิตของเขานับแต่นี้เหลียนฮวานั่งตัวเกร็งอย่างทำอะไรไม่ถูก นางกำลังเผชิญกับคืนเข้าหอเป็นครั้งแรก“…”“เหตุใดไม่คุยกับพี่้เล่า” หยางหลงค่อยๆเปิดผ้าคลุมเจ้าสาวเชยคางมนมาสบตา ทั้งสองสบตากันอย่างลึกซึ้ง“ตะ ต้องดื่มเหล้าก่อนมงคลเจ้าค่ะ” เหลียนฮวาที่ไม่รู้จะหาข้ออ้างอันใดมาเอ่ยจึงมองไปที่กาใส่เหล้ามงคลเอาไว้“จริงสิ เป็นขนบธรรมเนียมของที่นี่” หยางหลงยิ้มกริ่มก่อนจะค่อยๆเทเหล้ามงคลจากกาน้ำสองจอดและยกขึ้นมาถือไว้“ดื่มเถิด” เขายื่นให้คนรักหนึ่งแก้วและถือไว้เองหนึ่งแก้ว ทั้งสองคล้องแขนกันก่อนจะยกขึ้นดื่มพร้อมกัน ทั้งกลิ่นทั้งรสชาติของเหล้ามีความแรงจนเหลียนฮวาต้องนิ่วหน้า นางรีบกลืนภายในอึกเดียว ไม่นานหน้
“ถวายบังคมเสด็จพ่อ” ฮ่องเต้สวรรค์มองบุตรสาวด้วยสายตาไม่พอใจนัก“เจ้ารู้ความผิดที่ก่อหรือไม่เทพธิดาเหมยลี่” น้ำเสียงดังก้องกังวาลไปทั่วชั้นฟ้า“ไม่เพคะ” เทพธิดาเหมยลี่เชิดหน้าไม่ยอมแพ้“เจ้า!!!”“ลูกไม่คิดว่าการที่พวกเรารักกันจะผิดตรงไหน”“แม้จะไม่มีบัญญัติว่าห้ามรักต่างฐานันดร แต่เจ้าก็ทำผิดกฎสวรรค์ เจ้ากำลังตั้งครรภ์!!!” ฮ่องเต้สวรรค์แทบลมจับ สั่งให้ทูตสวรรค์หรือที่เรียกทหารในโลกมนุษย์พาธิดากลับมาและนำไอ้ชายที่มันล่อลวงบุตรสาวของเขามารับโทษ“ตั้งครรภ์ จริงสิ เสด็จพ่อทรงมีหลานแล้วเพคะ นางจะเป็นเทพธิดาตนใดมาเกิดกันนะ” เหมยลี่พูดไปยิ้มไป สายใยแม่ลูกทำให้รู้ว่าในครรภ์ของนางเป็นเพศหญิง พลางลูบหน้าท้องแบนราบของตน“ช่างเรื่องนั้นก่อน เจ้าต้องได้รับโทษ” ฮ่องเต้สวร
“พี่หยาง ผักที่เราปลูกงอกแล้วเจ้าค่ะ” เหลียนฮวากล่าวอย่างตื่นเต้น เป็นล็อตสองที่ทดลองปลูก แถมผักที่ปลูกยังเป็นชนิดใหม่“หืม งอกเร็วมาก ยังไม่ถึงเดือน” หยางหลงรีบเข้ามาดูต้นผักตามคนรักชี้บอก วันนี้พ่อตาและคนอื่นไม่อยู่ต้องไปทำภารกิจ“เพราะดินที่เราหมั่นบำรุงมั้งเจ้าคะ”ฟอดดด“เพราะเราช่วยกันปลูกต่างหาก” ขายหนุ่มแอบหอมแก้มแฟนสาวเร็วๆ แล้วส่งยิ้มกระชากใจหลังจากกลับจากแคว้นเว่ยมีประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องว่าที่พระชายาองค์ชายห้า เล่นเป็นข่าวดัง พูดถึงกันอยู่พักใหญ่เพราะว่าที่พระชายาเป็นคนต่างแคว้นแถมยังเป็นสามัญชน ทว่าทั้งคู่กลับไม่มีใครสนใจ พากันเดินทางไปแคว้นจ้าวสลับกับแคว้นเว่ย ไปๆมาๆระหว่างสองแคว้น แถมยังหวานกันยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากไม่ต้องปกปิดตัวตนอีกต่อไป“ครั้งหน้าหากผักในโรงปลูกผักโตกว่า