Share

บทที่ 7

last update Last Updated: 2025-11-07 19:40:56

“ มิก นี่เรียนแพทย์จบหกปี อยากตรวจโรคทางด้านไหน ”

ฐาปกรณ์ที่อยู่ในชุดกาวน์สีขาว ถามรณภพที่อยู่ในชุดโรงพบาบาลสีเขียว มีหมวกคลุมผมในขณะที่อยู่ในห้องทดลองของโรงพยาบาลเขามีเรื่องต้องคุยเลยให้รณภพเข้ามาหา

“ ผมคิดไว้ว่าพอจบแพทยศาสตร์หกปีแล้วจะไปต่อเฉพาะด้าน ”

“ เฉพาะด้านก็ดีนะ ช่วงนี้ศัลยแพทย์ก็กำลังเป็นที่นิยม ”

“ ครับ ผมอยากเป็นหมอศัลยแพทย์ ”

“ พี่ว่าดีนะ ตอนนี้เขากำลังต้องการหมอจำนวนมาก เพื่อมาช่วยเหลือประชาชน ”

“ ครับ ”

“ แล้วนี่อยากทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องอะไร ” ฐาปกรณ์สนทนาพร้อมกับหยิบหลอดแก้วสีใสหลอดหนึ่งขึ้นมา ในหลอดแก้วนั้นมีส่วนผสมที่เขากำลังศึกษาเกี่ยวกับตัวยาที่จะนำมารักษาโรค

“ ผมอยากศึกษาเกี่ยวกับเรื่องโรคหัวใจครับ ”

“ อืม ดีเลยอย่างน้อย ๆ พอเรียนจบ พี่จะได้มีคนช่วย ” ฐาปกรณ์เห็นดีด้วยทั้งสองยิ้มบาง ๆ เล็กน้อยก่อนจะทำการทดลองกันต่อไป

ในหัวของรณภพครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อคืน ตอนที่เขาแอบเข้าห้องใยคุณหนู เขารู้สึกเห็นเงาคล้ายรูปร่างของคนเพียงแวบเดียวเท่านั้นแล้วไหนจะตอนที่เดินผ่านเซนเซอร์ระบบไฟอัตโนมัตินั่นอีก

ข้างกำแพง! เขารู้สึกถึงความเย็นที่กระทบผิวระหว่างที่เดินผ่านจนต้องหันไปมองและมันก็แปลกที่เหมือนกับว่ามีคนกำลังจ้องมองเขาอยู่เช่นกัน ความรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ได้มีแค่เขากับภัสสรเท่านั้นที่อยู่ในห้อง เขาสลัดความคิดออกจากหัวและสนใจกับการทดลองตรงหน้า หลังจากทำการทดลองเสร็จ รณภพก็ขอตัวไปยังห้องจักษุตา คือแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับดวงตา วันนี้เขานัดกับเพื่อนไว้ เพื่อนเขาจะมาตรวจวันนี้

“ ไงวะ โม หมอว่าไงบ้าง ” รณภพเรียกชื่อเพื่อน นะโม คือเพื่อนรุ่นพี่สมัยมัธยมของรณภพ ทั้งสองสนิทกันมากและเพราะชอบรถเหมือนกันเลยทำให้เขาทั้งสองคนมาพบกัน

“ ก็ดีขึ้นว่ะ ไม่นานก็หายมันก็แค่มองไม่เห็นชั่วคราว ดีนะที่ไม่บอดสนิทแค่ต้องใช้เวลาหน่อย ”

“ แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง? ”

“ ก็ตอนนั้นฉันแข่งรถในสนาม แล้วเกิดล้มดีนะแค่แขนหัก แต่ไม่ดีตรงที่หัวกระแทกพื้นวะเลยส่งผลกระทบต่อการมองเห็น ”

“ แขนหัก มองไม่เห็น ดีตรงไหน? ”

“ ก็ดีตรงที่ว่ากระดูกสันหลังไม่ได้หัก และตาก็ไม่ได้บอดสนิทไงวะ แกก็รู้นี่ ถ้ากระดูกสันหลังหักนั่นหมายถึงฉันต้องเป็นอัมพาต และไม่สามารถไปแข่งรถได้อีก นี่ตาก็แค่มองไม่เห็นชั่วคราว ก็ถือว่าพักผ่อนแค่นั้น ”

“ มันก็จริงนะ แล้วต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะมองเห็นได้ ”

“ ก็คงประมาณอีกสักเดือนสองเดือน จะว่าไปฉันก็อยากไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะอีกว่ะ ถ้านายว่างก็พาฉันไปอีกหน่อยนะ ”

“ จะไปก็ไปดิ ฉันพาไป ”

“ ว่าแต่ไปหาไรกินกันเหอะ หิวละ ” นะโมเอามือลูบท้อง ตั้งแต่เช้าเขาก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนี่ก็บ่ายกว่าแล้ว ท้องส่งเสียงร้องจนน่ารำคาญ

“ อืม ” รณภพลุกขึ้นเดินข้าง ๆ เพื่อนที่มีไม้เท้าเป็นตัวช่วยในการนำทาง

“ ถามหน่อยดิ นายใช้ชีวิตยังไงในความมืด ”

“ ก็แค่ใช้ชีวิตให้เหมือนปกตินั่นแหละ แต่ว่าแค่ทำอะไรไม่สะดวกเหมือนแต่ก่อน แต่ตอนนี้ก็โอเคเริ่มคุ้นชิน ทำอะไรก็คล่องตัวกว่าช่วงแรก ๆ ”

“ ดีที่นายยังยอมรับความจริงได้ ”

“ หึ กว่าจะยอมรับได้ก็ใช้เวลาเหมือนกัน แต่เพราะเมื่อก่อนฉันก็แย่พอตัว ไม่ใช่แค่สถานะภาพทางกายนะ แต่รวมไปถึงจิตใจด้วยที่แย่ แต่เพราะมีครอบครัวที่คอยให้กำลังใจ และฉันก็รู้ว่าฉันมีทางที่จะหาย ฉันถึงยอมรับที่จะใช้ชีวิตในความมืดต่อไป คนที่มองไม่เห็นทางข้างหน้าก็เหมือนคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเองไปแล้วครึ่งนึง”

“ แต่ก็ไม่ทุกคนนี่วะ ฉันก็เห็นคนที่ร่างกายพิการประสบความสำเร็จก็มีเยอะแยะ เก่งก็เยอะ แถมบางคนทำได้ดีกว่าคนที่มีร่างกายสมบูรณ์แบบอีก ”

“ มันก็จริง แต่แกต้องเข้าใจด้วยว่า คนที่พิการตั้งแต่กำเนิด กับคนที่เพิ่งจะพิการ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ความรู้สึกไม่เหมือนกัน คนที่พิการมาแต่กำเนิด เขาไม่ได้มีเรื่องราวในอดีต เขาไม่ได้มองเห็นหรือสัมผัสอย่างที่คนที่เพิ่งสูญเสียต้องเจอ เขาเหล่านั้นสร้างภูมิคุ้มกันจนแข็งแกร่งแล้วเดินหน้าต่อไปได้ แต่กับคนที่เพิ่งสูญเสียไป เขาจะมีเรื่องราวในอดีตที่จะเปรียบเทียบกับปัจจุบัน อย่างเช่น เมื่อก่อนเคยทำได้กว่านี้ เคยมั่นใจได้กว่านี้ แต่ตอนนี้ กลับทำได้ไม่ดีเท่าตอนนั้น เหมือนกับนักฟุตบอลที่ต้องเสียขาไป ก็ไม่สามารถกลับไปเตะบอลได้อีก อาจจะเตะได้ แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปทีมชาติ เห็นไหมว่าโอกาสก็ต่างกัน ” นะโม อธิบายให้รณภพเข้าใจ เพราะเขาเคยผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมา เขาโชคดีที่ยังมีโอกาสที่จะหายแล้วเขาจะท้อแท้ทำไม แต่กับคนบางคนไม่มีโอกาสที่จะหายเลยด้วยซ้ำ ทั้งสองเดินไปที่โรงอาหารของโรงพยาบาล ก่อนจะนั่งกินข้าวระหว่างที่นั่งกินข้าวรณภพก็คิดหาทางที่จะช่วยให้ภัสสรอยู่กับความเป็นจริงและยอมรับให้ได้

ในบริษัทเกี่ยวกับขนส่งสินค้า ตึกสูงสง่ามีร่างของภวัตต์ที่ยืนอ่านเอกสารอยู่ภายในห้อง ช่วงนี้เขายุ่ง ๆ กับการจัดการการขนส่งสินค้าทางเรือ หรือขนส่งน้ำมันไปยังต่างประเทศ

“ ก๊อก ๆ ”

“ เชิญครับ ”

“ วัตต์คะ ดื่มชาหน่อยสิคะ รฏาฝากเพื่อนซื้อมาจากเมืองจีนเห็นว่าดีต่อสุขภาพ ”

“ ผมอยากดื่มกาแฟ รฏาให้เลขาไปชงให้ผมทีสิครับ ”

“ ไม่เอาค่ะ ไม่ต้องดื่มกาแฟแล้ว คุณดื่มทุกวัน แล้วช่วงนี้ก็แทบไม่ได้พักผ่อนมันไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ รฏาว่าคุณมาดื่มชาที่รฏาชงให้ดีกว่าค่ะ ” หญิงสาวเรือนร่างระหง นำชารสเยี่ยมไปวางตรงโต๊ะรับแขกที่อยู่ข้าง ๆ ติดกับกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นวิวของเมือง รฏายืนหันหลัง สายตามองไปยังเบื้องหน้าที่เห็นตึกต่าง ๆ รายล้อม เมืองท่องเที่ยวของภูเก็ต ภวัตต์เดินเข้าไปโอบเอวบอบบางของผู้หญิงที่เขารู้สึกหลงรัก

“ รฏาครับ ผมไม่อยากดื่มชา ” เสียงกระซิบของภวัตต์ ไกล่เกลี่ยที่ข้างหูของรฏาจนร่างบางขนลุกซู่

“ ถ้าไม่อยากดื่มชา งั้นคุณอยากดื่มอะไรคะ รฏาจะให้คนไปซื้อมาให้ ”

“ ผมอยากดื่ม...นม ” เขาเว้นระยะในการพูดสักพัก ก่อนจะบอกสิ่งที่เขาต้องการดื่มพร้อมกับงับเบา ๆ ที่หูร่างบาง จนรฏาแทบล้มทั้งยืน

“ บ้า วัตต์นี่มันที่ทำงานนะคะ คุณนี่ทะลึ่งจริง ๆ ”

“ น้า ผมอยากดื่ม นม ขอนมสด ๆ ยิ่งดี ”

“ ทะลึ่งจริง ๆ ” ภวัตต์ยิ้ม จนเห็นลักยิ้มนิด ๆที่แก้มซ้าย ลักยิ้มมักจะผุดขึ้นบนใบหน้าเวลาที่เขายิ้มแบบเจ้าเล่ห์

“ ผมอยากดื่มนมจริง ๆ ขอนมสดนะครับ ไม่เอาหวานขอรสชาติธรรมดา ” รฏาที่กำลังขวยเขินเริ่มรู้สึกชะงักเมื่อเธอรู้แล้วว่าสิ่งที่เขาพูดสองแง่สองง่ามมันหมายถึงสิ่งที่เขาอยากดื่มจริง ๆ นมสดจากนมวัว รฏาหันหน้ามาเผชิญกับภวัตต์เลยได้เห็นสายตาหวานหยดย้อยของเขาก่อนจะถูกเขาฉวยหอมพวงแก้มที่แดงระหงจากสิ่งที่เขาบอกก่อนหน้านี้

“ คิดอะไรทะลึ่งอยู่ละสิแก้มถึงแดงขนาดนี้ ”

“ ก็คุณพูดให้ฉันคิดนิ ”

“ อะไรครับ อะไร ผมพูดอะไร คุณคิดเองทั้งนั้น ” รอยยิ้มร้าย ๆ ผุดขึ้นที่แก้มของเขา พร้อมคลายมือออกเตรียมจะวิ่งหนีหญิงสาวตรงหน้า

“ นี่คุณวัตต์ มานี่เลยนะ ” การเย้าแหย่หยอกล้อก็เกิดขึ้นภายในห้องทำงาน รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ความสุขภายในห้องเผยแผ่ไปเผื่อพนักงานที่อยู่ด้านนอกด้วย

“ รฏา เราจัดงานแต่งงานกันไหมครับ คุณทำไมไม่ตอบตกลงกับผมสักที คุณผลัดมานานแล้วนะครับ หรือคุณยังไม่มั่นใจในตัวผม ตอนนี้ภวิชกับมินตราก็มีพยานรักถึงสองคนแล้ว เราไม่อยากมีลูกของเราบ้างหรอครับ ” ภวัตต์ที่นอนหนุนตักรฏาหลังจากที่หยอกกันมาพอสมควร เขาดึงมือหญิงสาวเข้ามาจูบหลังฝ่ามือ แล้วสบตาหญิงสาวที่ส่งสายตามาหาเขา

“ คุณแน่ใจหรอคะว่าจะแต่งงานกับรฏา คุณไม่กลัวว่ามันจะผูกมัดคุณไว้หรอ ”

“ ก็ถ้าเป็นรฏา ผมยอมให้คุณมัดไว้จนตายเลย ”

“ ทำเป็นพูดดีไป ไว้ถ้ารฏาตอบตกลงจริง คุณหมดทางที่จะปฏิเสธเลยนะ ”

“ อยากหมดทางที่จะปฏิเสธเร็ว ๆ จัง ตอบตกลงสักทีนะครับนะ ” เสียงอ้อนวอนของภวัตต์ทำให้รฏาก้มหน้าลงมาจุมพิตที่หน้าผากของเขาด้วยความรักและเสน่หา

“ ไว้ให้รฏาแน่ใจในตัวคุณมากกว่านี้นะคะวัตต์ รฏาจะตอบตกลงกับคุณโดยที่ไม่มีข้อแม้เลย ” คำตอบของรฏาทำให้คิ้วเรียวงามเริ่มขมวดเป็นปมนี่เป็นรอบที่เท่าไหร่ที่เธอปฏิเสธการแต่งงานกับเขา คิ้วที่ขมวดเป็นปมของภวัตต์ทำให้นิ้วเรียวงามของรฏาต้องค่อย ๆ กดนวดเบา ๆ ให้เขาคลายปมม้วน ๆนั้นออก ภวัตต์เด้งตัวลุกขึ้นจากตักของหญิงสาวแล้วเดินไปหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาเปิดดูต่อเพื่อสงบจิตใจที่กำลังร้อนลุ่มอยู่ตอนนี้

“ แกร๊ก ” เสียงประตูถูกเปิดออกตามด้วยร่างสูงระหงเดินออกจากห้องโดยมีสายตาของภวัตต์มองตามหลัง

“ เป็นแบบนี้ทุกที ” ภวัตต์ถอนหายใจเพราะว่าทุกครั้งที่รฏาปฏิเสธและเขามีความขุ่นมัวในใจ รฏามักจะเดินหนีเขาเสมอ จนบางครั้งเขาก็สับสนว่าเธอรักเขาจริงหรือเปล่า ภวัตต์ฟุบลงที่โต๊ะเอามือยื่นไปข้างนึงเพื่อใช้หัวหนุนแทนหมอนด้วยความเหนื่อยล้าจากข้อความตรงเอกสาร ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกถึงมืออุ่น ๆ ที่ยื่นมากุมมือเขา พร้อมกับยื่นแก้วนมสดอุ่น ๆ มาวางตรงหน้า

“ อย่าโกรธรฏาเลยนะคะวัตต์ ดื่มนมก่อนเร็ว เดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อยน้า ” เธอยิ้มหวานเข้าสู้ ก็มามุขนี้ทุกทีแล้วเขาจะทนใจแข็งได้หรอ

“ ครับ ” ภวัตต์หยิบแก้วนมขึ้นมาดื่ม แค่ยิ้มหวาน ๆ กับนมอุ่น ๆ แก้วหนึ่ง เธอก็ทำให้เขาใจอ่อนแล้ว ในขณะที่ใจเขาร้อนลุ่มแต่ดูสิสาวเจ้านั่งยิ้มหวานดูไม่สะทกสะท้าน
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ดั่งฝันตะวันฉาย ( ภาคต่อพิศวาสรักมาเฟียร้ายดวงใจมาเฟีย )   บทที่ 61

    ร้านอาหารไทยชื่อดังที่วันนี้ภวัตต์เป็นสารถีขับรถให้สองสาวนั่งมาด้วยกัน ตลอดการเดินทางรฏาป้อนขนมใส่ปากให้ภวัตต์ ส่วนคนที่นั่งอยู่ข้างหลังน่ะ อกแทบแตกตาย เหงื่อผุดซึมที่ใบหน้าของชายหนุ่มแต่รฏากลับยิ้มกว้างชอบใจ สองสาวกับหนึ่งหนุ่มเดินตรงเข้าไปยังร้านอาหาร โดยที่นุสราไม่ยอมแพ้ที่จะเดินควงขนาบข้างชายหนุ

  • ดั่งฝันตะวันฉาย ( ภาคต่อพิศวาสรักมาเฟียร้ายดวงใจมาเฟีย )   บทที่ 60

    ร่างสองร่างที่ตระกองกอดกัน อกเปลือยเปล่าของภวัตต์ที่กอดหญิงสาวจากทางด้านหลัง ต่างคนต่างใช้ความคิดของตัวเองในหัวภวัตต์คิดเรื่องที่หญิงสาวไปพัวพันกับเอกสารของสินค้าการส่งออกของเขา มันหมายความว่ายังไง? หรือเธอรู้เห็นในส่วนที่พ่อของเธอกำลังทำ ดูเหมือนว่าความรักของเขาและเธออาจไม่ราบรื่นเหมือนตอนแรกที่คบ

  • ดั่งฝันตะวันฉาย ( ภาคต่อพิศวาสรักมาเฟียร้ายดวงใจมาเฟีย )   บทที่ 59

    ภวัตต์เอนหลังพิงกับโต๊ะทำงานด้วยความอ่อนล้า เอกสารซองสีน้ำตาลที่เขาให้คนแอบไปขโมยออกมาจากบ้านชายหนุ่มต่างชาติคนนั้นได้ ยิ่งทำให้เขาเครียดกว่าเดิม“ ก๊อก ๆ ๆ ”“ เชิญ ”“ เจ้านายครับ การขนส่งสินค้า ถูกระงับไว้ชั่วคราวตามที่เจ้านายบอกแล้วครับ ”“ ดี แล้วทางนั้นมีความเคลื่อนไหวยังไงบ้าง ”“ คิดว่าไม่นา

  • ดั่งฝันตะวันฉาย ( ภาคต่อพิศวาสรักมาเฟียร้ายดวงใจมาเฟีย )   บทที่ 58

    “ มึงก็ชอบยุ ” หัสดินพูดก่อนเดินตามหลังเอกราชไปทัดเทพก็เดินตามหัสดินไปติด ๆ“ ก็แม่งชอบเก๊ก จะโดนคาบไปแดกแล้วเนี่ย! ” เขาตะโกนตามหลัง คำเปรียบเปรยประดุจว่าเธอเป็นเนื้อหวานแสนอร่อย ที่กำลังจะโดนคนอื่นแย่งไป สายตาของอดิศรหันไปมองคู่หนุ่มสาวที่กำลังเล่นดนตรีร้องเพลงอย่างสนุกสนาน ราวกับคู่รัก เห็นแบบนี้

  • ดั่งฝันตะวันฉาย ( ภาคต่อพิศวาสรักมาเฟียร้ายดวงใจมาเฟีย )   บทที่ 57

    “ ม่าย ฉันไม่ให้นายแล้ว ” เธอพูดพร้อมกับหยิบถุงซาลาเปาหลบด้านหลัง เขาจะแย่งเอา เธอก็เบี่ยงถุงหลบไปอีกทาง“ ซาลาเปามันเป็นแป้งนะ คุณไม่กลัวอ้วนหรอ ” คนอยากกินหาเรื่องอ้างยกเหตุผลส่วนใหญ่ที่ผู้หญิงกลัวมาขู่“ ช่างสิ ฉันอยากกิน ถ้าอ้วนเดี๋ยวค่อยลดก็ได้ ”“ ฮ่า ๆ ” เขาหัวเราะเมื่อผิดคาดจากสิ่งที่เขาคิด

  • ดั่งฝันตะวันฉาย ( ภาคต่อพิศวาสรักมาเฟียร้ายดวงใจมาเฟีย )   บทที่ 56

    บ้านตระกูลเพชรธานิน การพูดคุยกันระหว่างสองแม่ลูกที่กำลังนั่งทานอาหารเช้า คุณหญิงศศิชักอยากจะรู้จักสาวน้อยที่ลูกชายของเขาตามหามานานหลายปีแล้วสิ“ กร ไหนลูกบอกว่าเจอหญิงสาวคนที่ลูกเฝ้าตามหาแล้วยังไง ” “ เจอแล้วครับแม่ ” เขาตอบมารดาเสียงนุ่ม คิดถึงใบหน้าหวาน ๆ ของเธอ“ ลูกเจอเธอแล้วจริง ๆ เหรอ ตั้งแต่เ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status