รถสีดำคันงามแล่นเข้ามาจอดหน้าโรงพยาบาล วันนี้ครบหนึ่งเดือนที่ภัสสรต้องเข้ามาเพื่อตรวจเช็คสภาพร่างกาย และดวงตา
“ วาวไม่ได้เป็นอะไรทำไมต้องมาโรงพยาบาลทุกเดือนด้วย ”
“ ไม่เอาน่าวาว ถือว่าตรวจสุขภาพด้วยดีไหม ”
“ พี่วิชไม่เอาเวลาไปดูมินตราแทนละคะ เขาแพ้ท้องอยู่ไม่ใช่หรอ ” น้ำเสียงเรียบ ๆ แต่แฝงไว้ด้วยความเศร้า ตอนนี้ภัสสรรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นภาระให้คนอื่น ๆ เธอรู้สึกไม่อยากพบใคร ไม่เป็นที่ต้องการ อาการของเธอนับวันยิ่งแย่ จนพี่ชายและพี่สะใภ้ของเธออดเป็นห่วงไม่ได้
“ วาว เมียก็ส่วนเมีย น้องก็ส่วนน้อง อย่าห่วงเรื่องของ พี่ ๆ เลย ไปเถอะ ป่านนี้ฐาปกรณ์คงรออยู่ ” เสียงบ่นพึมพำเล็กน้อยออกจากปากร่างเล็ก การที่มีทีปกรอยู่ในช่วงเวลาที่เธอมองไม่เห็นมันก็ดีอย่างหนึ่ง คือเธอเริ่มได้รู้จักการใช้ชีวิตในสภาพมองไม่เห็นเช่นนี้ ภวิชดึงมือภัสสรเข้าไปยังห้องพิเศษสำหรับการตรวจร่างกาย ที่สำคัญ มีรณภพอยู่ในนั้นด้วย ดีที่วันนี้เขาไม่มีเรียน มินตราโทรบอกเขาเมื่อคืนว่าวันนี้ภัสสรจะเข้าโรงพยาบาลเพื่อมาตรวจร่างกายเขาจึงรีบ ขับรถตามมาเพื่อฟังอาการของเธอ
“ ว่าไงคนสวย ยังดื้อกับพี่ ๆ เหมือนเดิมใช่หรือเปล่า ”
“ เปล่าค่ะ ”
“ เปล่าอะไรกันวาว แล้วที่วาวเก็บตัวอยู่แต่บนห้อง อยู่คนเดียวมันคืออะไร ”
“ พี่ฐาจะตรวจร่างกายไม่ใช่หรอคะ ” ภัสสรเปลี่ยนเรื่องในการพูดคุย มันจะต่างอะไรกัน ถึงเธอจะอยู่ในห้องคนเดียวหรือนั่งรวมกับคนที่บ้านเธอก็มองไม่เห็นใครอยู่ดี ดีไม่ดีจะโดนสายตาหลายคู่มองมาที่เธอเหมือนเธอเป็นตัวสร้างปัญหาอีก
“ โอเค ตรวจก็ตรวจ ” ฐาปกรณ์หยิบอุปกรณ์วัดการเต้นของหัวใจขึ้นมาก่อนจะทำการตรวจตามปกติ กระบอกไฟฉายถูกหยิบขึ้นมาเปิดแล้วส่องไปที่ดวงตาของภัสสร ภัสสรกระพริบตาเล็กน้อยเมื่อแสงไฟสาดส่องเข้าตา
“ เป็นอะไรวาว ”
“ มันรู้สึกเป็นเงาดำ ๆ ค่ะ ” คำตอบของภัสสร ทำให้ ฐาปกรณ์ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ มีอะไรหมอ ” ภวิชที่สังเกตท่าทีของฐาปกรณ์เลยถามขึ้น
“ เอาไว้แน่ใจแล้วจะบอกนะ ว่าแต่ วาวมีแพ้ยาอะไรบ้างไหมก่อนหน้านี้ที่พี่ให้ยาไป ”
“ ไม่มีค่ะ ”
“ งั้นก็ดี แล้วอาการหอบหืดล่ะ ยังมีไหม ”
“ มีบางครั้งค่ะ ”
“ งั้นพี่จะเอายาแก้หอบแบบใหม่ให้นะ ”
“ ค่ะ ”
“ ก๊อก ๆ ขออนุญาตค่ะ คุณหมอนิ มาแล้วค่ะ ” พยาบาลสาวเปิดประตูตามมาด้วยหมอจิตแพทย์ นิภา
“ นี่คือคุณหมอนิภาครับ เขาเป็นหมอด้านจิตแพทย์ ”
“ สวัสดีค่ะ ทุกคน สวัสดีค่ะคุณภัสสร ” นิภาหันไปพนมมือสวัสดีทุกคนและกล่าวสวัสดีกับหญิงสาวที่หน้าตาจิ้มลิ้มที่นั่งอยู่บนเตียง
“ หมอจิตแพทย์ มาทำไมในห้องนี้คะพี่ฐา ”
“ ใจเย็น ๆ นะวาว พี่แค่อยากให้หมอนิ มาพูดคุยกับวาว ”
“ วาวไม่รู้จักทำไมวาวต้องคุยกับเขาด้วยคะ วาวไม่คุยค่ะ สวัสดีและลาก่อนค่ะคุณหมอนิ ” สายตาราบเรียบมองตรงไปยังเบื้องหน้า กิริยาและท่าทางต่อต้านออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ ดิฉันมีคำถามไม่กี่คำถามขอเวลาแค่สิบนาทีนะคะคุณภัสสร ไม่ใช่แค่คุณนะคะ แต่ผู้ป่วยที่รักษาตัวฉันก็ถามคะ เพื่อเก็บข้อมูล คุณไม่ต้องกังวลนะคะ ” นิภาพูดโน้มน้าวจิตใจให้ภัสสรรู้ว่าไม่ได้มีแค่ภัสสรเท่านั้นที่จะต้องตอบคำถามของเธอ เธอรู้ดีว่าตอนนี้จิตใจภัสสรเป็นอย่างไร
“ จริงหรอคะ ”
“ จริงสิคะ ฉันต้องทำเอกสารเสนอผลงานเหมือนกันนะคะ ถึงจะเป็นหมอ แต่ก็ต้องมีการประเมินและทำรายงานส่งเพื่อเก็บข้อมูลของผู้ป่วยนะคะ ถ้ายังไง รบกวนญาติ ๆ ออกไปรอข้างนอกก่อนนะคะ ”
“ ผมขออยู่ฟังด้วยไม่ได้หรอครับ ” ภวิชทักท้วง แต่ฐาปกรณ์ห้ามไว้ก่อน
“ ออกไปข้างนอกเถอะครับ หมอนิจะได้ทำงานได้สะดวก ” ภวิชคิ้วขมวดตามประสาคนที่ถูกขัดใจ อีกคนที่เงียบเป็นป่าช้าตั้งแต่อยู่ในห้อง ก็มีท่าทีว่าจะไม่ยอมออก จนต้องถอนหายใจและยอมเดินตามออกมารอ อยู่หน้าห้อง ที่มีเก้าอี้รองรับอยู่
“ พี่ฐา ผมอยากรู้ว่าทำไมต้องเปลี่ยนยาแก้หอบหืด ทำไมไม่ให้ใช้ตัวเก่า ”
“ ตัวนี้เป็นยาจากเมืองนอกประสิทธิภาพดีกว่าตัวเก่าที่เคยให้วาวใช้ ”
“ แล้วจะไม่มีอาการข้างเคียงอะไรใช่ไหม ”
“ เท่าที่พี่เบิกจ่ายให้คนไข้ไป ยังไม่มีเคสที่แพ้ยาตัวนี้ แต่ถ้าเกิดอาการแพ้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน นายก็รู้นี่ว่าจะแก้ไขเบื้องต้นยังไง ”
“ คุณวิช คุณตามผมไปที่ห้องหน่อยสิ ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ ” ฐาปกรณ์เอามือล้วงเสื้อกาวน์แล้วตะโกนเรียกผู้ชายที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดตรงเก้าอี้ให้เดินตามเขาไปที่ห้องทำงาน ภวิชพยักหน้าแล้วลุกขึ้นตามไป
รณภพเห็นว่าไม่มีใครอยู่หน้าห้อง เขาจึงค่อย ๆ บิดลูกบิดประตูอย่างแผ่วเบาแทรกตัวเข้าไปในห้อง ที่บรรยากาศดูตึง ๆ
“ ฮือ ๆ เพราะฉันเอง ทุกอย่างเป็นเพราะฉัน ฮือ ๆ ทำไมฉันไม่ตาย ๆ ตามพ่อกับแม่ไปซะ ฮือ ๆ ๆ ทำไม ” รณภพได้เห็นน้ำตาของภัสสรที่ไหลอาบข้างแก้มนวล สามปีที่ไม่อยู่ที่นี่ไม่รู้ว่าใยคุณหนูนี่ต้องอยู่ในสภาพแบบไหน เขาไม่ชอบจริง ๆที่เธอเป็นแบบนี้ การสนทนาระหว่างหมอนิภาและภัสสรจบลงเท่านั้นโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าคำถามอะไรที่ไปกระตุ้นความรู้สึกของภัสสรจนทำให้เธอร้องไห้ได้ถึงขนาดนี้ เมื่อดูเหมือนว่าเธอเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ หมอนิภาก็จับแขนของภัสสรเบา ๆ
“ ใจเย็น ๆนะคะ คุณต้องดึงตัวเองออกจากความคิดเหล่านั้นให้ได้นะคะ ฉันจะไปตามพี่ชายของคุณมาอยู่เป็นเพื่อนนะคะ ”
“ ค่ะ ขอบคุณนะคะ ” หญิงสาวพนมมือขึ้นไหว้หลังจากเก็บเสียงสะอื้นไว้ได้ หมอนิภาปลีกตัวออกมา รณภพหลบเข้าข้างมุมประตูห้องน้ำ เมื่อหมอสาวสวยเดินออกจากห้องไป เขาหันกลับไปมองภัสสรอีกครั้ง เธอยังคงมีน้ำตาไหลลงข้ามแก้ม รณภพค่อย ๆ เดินเข้าไป แขนสองข้างโผเข้ากอดร่างบางที่ร้องโยเยอยู่บนเตียง กดหัวแนบอกให้เสื้อเป็นผ้าเช็ดหน้าให้เธอแทน
“ ฮือๆๆ ” ภัสสรที่รู้สึกถึงการโอบกอดทำให้เธออดร้องไห้ไม่ได้ ความรู้สึกอึดอัดในใจไม่ว่านานแค่ไหนมันก็ไม่หายไปเลยเธอจับที่แขนเสื้อชายตรงหน้าแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างอัดอั้น ภาพอุบัติเหตุยังคงวนเวียนการสูญเสียทั้งพ่อและแม่ในเวลาเดียวกัน มันยากเกินกว่าที่เธอจะทำใจได้รณภพลูบผมของภัสสรเบา ๆ เมื่อเสียงร้องไห้เริ่มเบาลง จมูกของเธอก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจาง ๆ ที่คุ้นจมูก มันเป็นกลิ่นน้ำหอมที่เธอไม่ได้กลิ่นมานาน ความสงสัยที่ก่อตัวขึ้นเป็นเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าเธอค่อย ๆ ผละตัวออกจากคนที่สวมกอดเธอ ฝ่ามือเรียวยาวค่อย ๆ เกลี่ยน้ำตาข้างแก้ม
“ ไม่เจอกันนานเลยนะ ” เสียงที่ภัสสรไม่ได้ยินมานานนับปี ใจหนึ่งเธอดีใจที่เขากลับมา อีกใจหนึ่ง ก็ไม่ต้องการให้เขามาเห็นเธอในสภาพนี้
“ นาย นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง พี่วิชล่ะ พี่วิช พี่วิช ” หญิงสาวเริ่มมีปฏิกิริยาต่อต้าน พี่ชายของเธอไปไหน เสียงของเธอตะโกนดังพอที่จะทำให้ภวิชได้ยิน เขากำลังจะถึงประตูหน้าห้อง เสียงน้องที่ตะโกนออกไปทำให้ภวิชรีบผลักประตูเข้ามากลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ มีอะไรวาว ” เขารีบเข้าไปกุมมือน้องสาวด้วยความเป็นห่วง
“ เขามาอยู่ในนี้ได้ยังไง ”
“ หมายถึงใคร น้องหมายถึง มิกหรอ ”
“ ใช่ ใครให้เขาเข้ามา เขามาอยู่ในนี้ได้ยังไง พี่ให้เขาออกจากห้องนี้ไปเลยนะ ”
“ นี่ น้อยน้อยหน่อยนะใยคุณหนู ” รณภพเริ่มฉุน เมื่อกี้ยังร้องไห้เป็นเด็กโยเยอยู่เลย แต่นั่นเพราะเขารู้ว่าเธอคงคิดว่าเขาคือพี่ชายตัวเอง แต่พอสติเริ่มมา เธอก็เริ่มสัมผัสได้ว่าสัดส่วน ความกว้างของหน้าอก และกล้ามเนื้อของเขาและภวิชต่างกัน เขาผอมกว่าพี่ชายเธอเล็กน้อย ส่วนสูงก็เตี้ยกว่าไม่กี่เซน
ออกตัวแรงขนาดนี้คงไม่ต้องการให้เขาเห็นในสภาพนี้ละมั้ง!
“ ออกไป เดี๋ยวนี้ ”
“ ไม่ ”
“ ออกไป๋ ” เสียงไล่รณภพที่ดังขึ้นทำให้ภวิชต้องหันไปบอกน้องชายของภรรยาอย่างจำยอม
“ มิก นายกลับไปก่อนเถอะ ไว้พี่จะโทรหา ”
“ ก็ได้ แล้วเราจะได้เจอกัน ”
“ ไม่มีทาง เพราะฉันไม่ได้อยากเจอหน้านาย ”
“ หึ ให้มันจริงเถ้อะ ” เขาทำเสียงสูงอย่างเป็นต่อ มีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าภัสสรคิดยังไงกับเขา ที่เขายอม ไม่ใช่เพราะเกรงใจหรอกนะ เสียงทะเลาะที่เกิดขึ้นภายในห้องไม่ได้ทำให้ภวิชรู้สึกอึดอัดกลับรู้สึกดีกว่าเมื่อก่อนด้วยซ้ำที่อย่างน้อยน้องเขายังมีอารมณ์ที่จะต่อล้อต่อเถียง ทะเลาะกับรณภพเหมือนเมื่อก่อน
“ ปะ งั้นเรากลับบ้านกันดีกว่านะ ”
“ ค่ะ ” ภัสสร เดินเกาะแขนพี่ชายเพื่อเดินกลับไปยังรถ การพบกันกับเขาครั้งนี้มันทำให้เธอรู้สึกแย่จริงๆภัสสรนั่งเหม่อตลอดการเดินทาง เธอมัวแต่คิดว่าต่อไปเธอควรจะทำตัวแบบไหน จะหลบหน้ารณภพอย่างไร เธอนั่งเหม่อจนไม่รู้เลยว่ารถได้มาจอดถึงหน้าบ้านแล้ว ภวิชรอสักพัก ดูไม่มีวี่แววว่าน้องสาวสุดที่รักจะลงจากรถเลยหันไปแตะตัวน้องสาวเบา ๆ
“ ใยน้อง ใยน้อง ถึงบ้านแล้ว ”
“ อ่อ ค่ะ ” ภัสสรค่อย ๆ ก้าวลงจากรถ โดยมีภวิชคอยประคอง
“ ไปเตรียมของว่างมาให้คุณภัสสรไป ” เขาหันไปสั่งสาวใช้ที่มายืนรอรับอยู่หน้าประตู
“ ไม่ต้องค่ะ วาวไม่อยากกินวาวจะขึ้นไปบนห้อง ”
“ ไม่เอาน่าใยน้อง กินสักหน่อยนะ ตั้งแต่เช้าเราก็กินแค่ขนมปัง ”
“ ไม่ค่ะ ก็วาวบอกไม่อยากกินทำไมพี่วิชต้องบังคับคะ ” ภัสสรหงุดหงิดจนลืมตัวเผลอตะโกนเสียงดังใส่พี่ชาย จนคนรับใช้ในบ้านพากันหน้าเสีย
“ วาวขอโทษค่ะ ” เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอทำอะไรลงไปภัสสรเลยค่อย ๆ ลดเสียงลงแล้วกล่าวขอโทษพี่ชายที่เธอรัก ภวิชข่มอารมณ์แล้วประคองพาภัสสรเข้าไปนั่งในตัวบ้าน ที่โซฟา
“ ถ้าอยากให้พี่อารมณ์ดีขึ้น งั้นวาวก็ต้องกินอะไรรองท้องสักหน่อย ถ้าไม่งั้นพี่ไม่หายโกรธจริง ๆ ด้วย ”
“ วาวไม่อยากกินค่ะพี่วิช ” น้ำเสียงที่กดต่ำลงแบบนี้ คนในตระกูลเขาเหมือนกันหมดเวลาที่ถูกขัดใจ
“ เขาไม่อยากกินก็ไม่ต้องบังคับเขาสิครับ กระเพาะก็ของเขาลำไส้จะบิดจะขาดก็เรื่องของเขา เขาเป็นคนเก่งอยู่แล้วอย่าไปยุ่งเลยครับ ” น้ำเสียงที่ออกจะไปทางประชดประชันดังขึ้นมาจากตรงหน้าภัสสร คนที่เธอไม่ต้องการเจอหน้าทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้
“ มิก นายมาที่นี่ได้ยังไง ”
“ ก็ไม่เห็นจะยาก เดินเข้ามาทางประตูไง ”
“ ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ออกไป ”
“ ไม่เอาน่าวาวใจเย็น ๆ ”
“ พี่วิชคะ ” เสียงเรียกชื่อเขาทำให้ภวิชหันไปมองนั่นก็คือเสียงของภรรยาสุดที่รักที่ภายในครรภ์มีลูกของเขาอีกคนยืนเรียกเขาตรงบันได
“ มิน จะลงมาทำไมครับ ยืนอยู่ตรงนั้นนะอย่าขยับ อร อรมาประคองคุณวาวหน่อยสิ ”
“ ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง ” รณภพออกตัวดูแลภัสสรแทน
“ งั้นพี่ฝากวาวด้วยนะมิก ”
“ ครับ ”
“ ไม่นะพี่วิช พี่วิช พี่วิชไว้ใจคนแบบนี้ให้อยู่ใกล้วาวได้ยังไง ” ภัสสรรับรู้ถึงการปล่อยมือที่จับแขนเธออยู่ออก เธอคัดค้านพี่ชายของเธอเสียงตะโกนของภัสสรหลังจากที่รู้ว่าพี่ชายผละตัวออกไป
“ ถ้าฉันไว้ใจไม่ได้ ในโลกนี้ก็คงไม่มีใครไว้ใจได้แล้วล่ะ ”
“ หึหลงตัวเอง นายจะไปไหนก็ไปเลยนะ ”
“ เอ๊ะอะก็ไล่ ทีเมื่อก่อนตามติดฉันแจ มาทีนี้กลับไล่ฉันหรือเธอลืมความรู้สึกที่มีกับฉันแล้ว ” รณภพเดินเข้ามาใกล้กระซิบเบา ๆ ที่หูภัสสร
“ ใช่ ฉันลืมหมดแล้ว ไม่เห็นมีอะไรน่าจำ ” คำตอบของภัสสรทำให้รณภพชักจะโมโห
“ ก็ดี ไม่รู้สึกอะไรก็ดี ฉันจะอยู่ที่นี่แหละ เราจะอยู่ในบ้านเดียวกัน ไม่ใช่แค่ในพื้นที่บ้านเดียวกัน เหมือนแต่ก่อนที่เธอจะนอนพักที่หลังนี้ แล้วฉันนอนอยู่อีกหลังหนึ่งด้านหลังบ้าน แต่คราวนี้ฉันจะนอนในบ้านหลังนี้และนอนห้องที่ติดกับเธอด้วย ” คำตอบของรณภพทำให้ภัสสรยิ่งเบิกตาค้าง
“ หมายความว่ายังไง ”
“ เตรียมตัวแล้วก็เตรียมใจไว้แล้วกันคุณหนู!!!!! ”
ภัสสรเดินขึ้นบันไดเพื่อไปยังห้องนอนของตนที่เปรียบเสมือนว่าคือโลกส่วนตัวของเธอ
“ คุณกลับมาแล้วหรอวาว ” ทันทีที่ภัสสรเปิดประตูเข้าไปในห้องเธอก็พบกับทีปกรณ์ที่ยืนรอเธออยู่
“ คุณเป็นอะไรไป ทำไมทำสีหน้าแบบนั้น ”
“ ก๊อก ๆ แกร๊ก วาว ฟุ๊บ ” ช่วงจังหวะที่เคาะประตูแล้วตามมาด้วยการเปิดประตูที่ไม่มีการขออนุญาต เสียงที่เปล่งออกมาบ่งบอกว่าคนที่เธอไม่ต้องการพูดคุยบุกรุกห้องเธอเป็นที่เรียบร้อย ร่างทีปกรที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอก็หายไปพลัน เกิดอะไรขึ้นทำไมจู่ๆ ทีปกรถึงหายตัวไปแต่ตอนนี้เธอคงต้องจัดการกับคนที่เข้ามาในห้องก่อน
“ ฉันไปสนิทกับนายถึงขั้นที่เรียกชื่อเล่นฉันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ”
“ หึ ก็เมื่อก่อนบางครั้งฉันก็เรียกเธอแบบนี้ไม่เห็นเป็นอะไร ”
“ นอกจากจะไม่รู้สถานะของตัวเองแล้วยังไม่มีมารยาทอีก นายเข้าห้องฉันนายไม่ขออนุญาตสักนิด นายมีสิทธิ์อะไร ” ภัสสรเริ่มโมโหเมื่อเขาป่วนประสาทเธอเขามักจะเอาเหตุผลของเขามาหักล้างกับเธอเสมอ
“ สถานะ? ต้องสถานะไหนหรอถึงจะเข้าห้อง คุณหนูภัสสรได้ เพื่อน หรือ สามี ”
“ หยุดพูดจาแบบนี้สักที แล้วก็ออกจากห้องนี้ไปได้แล้ว ”
“ เอ๊ะอะก็ไล่ ฉันก็เป็นน้องชายของพี่สะใภ้เธอนะ ”
“ สะใภ้ที่ฉันไม่เคยยอมรับน่ะหรอ ”
“ จะมากไปแล้วนะวาว เธอจะยอมรับหรือไม่ พี่ชายเธอก็แต่งงานกับพี่สาวของฉันแล้ว ”
“ อีกไม่นาน พี่วิชก็คงเบื่อ พี่นายจะก็เป็นแค่ของเล่น ”
“ หยุดเดี๋ยวนี้ ” รณภพเริ่มจะเลือดขึ้นหน้า ปากคอเลาะร้ายเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนอาจจะร้ายกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ
“ ฉันไม่หยุดพี่นายก็แค่ผู้หญิงที่อยากจับผู้ชายรวยๆ ก็แค่นั้นแหละ อยากทำให้ตัวเองกับครอบครัวสบาย อยากอยู่ในสังคมยกตัวมาเทียบเท่ากับพวกฉัน ”
“ หยุดเดี๋ยวนี้ ”
“ ไม่! ฉันจะพูด ”
“ ไม่หยุดใช่ไหม ได้... ” รณภพเดินเข้าประชิดตัวแล้วใช้มือทั้งสองข้างจับใบหน้าภัสสร ผู้หญิงปากร้าย ๆ อย่างนี้ เขาต้องหยุดคำพูดของเธอที่แต่ละคำที่พูดออกมามันกัดกินใจเขาอย่างที่เขาไม่ชอบให้เธอพูดแบบนี้ ริมฝีปากของรณภพที่บรรจงมอบให้เธอแต่การปิดปากของเธอคือการต่อต้านเขา ไม้ที่เธอถือไว้ถูกปล่อยร่วงลงพื้น ฝ่ามือสองข้างทุบเข้าที่กลางหน้าอกรณภพ ยิ่งเธอดิ้นรณภพยิ่งกดจูบแน่น พยายามเลาะเล็มริมฝีปากเธอกัดเบา ๆ จนเธอยอมเปิดปาก ลิ้นร้อนเขากวาดทั่วโพลงปากหวาน อาการดิ้นรน สมองเคว้งคว้างเหมือนลอยบนอากาศ เธอกับเขาเคยจูบกันก่อนหน้านี้มาแล้วก็จริงแต่ความรู้สึกมันไม่เหมือนกับคราวนี้ที่เจอกัน อาการดิ้นรนของหญิงสาวเริ่มเบาลงชายหนุ่มจึงผ่อนแรงจูบลงจนค่อยถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย
“ ถ้าอยากให้คนอื่นให้เกียรติ เธอก็ต้องรู้จักให้เกียรติคนอื่นก่อน เข้าใจที่ฉันพูดไหม ” รณภพสัมผัสเบา ๆ ที่แก้ม คนหนึ่งต้องการสอนอีกคนให้รู้จักการให้เกียรติคนอื่น แต่อีกคนยืนฟังด้วยความโกรธ
“ เพียะ ” ฝ่ามือเล็ก ๆ ฟาดลงบนแก้มสาก ๆ จนใบหน้าสะบัด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่โดนตบคือรณภพ เขาแสยะยิ้มเล็กน้อยเพราะรู้อยู่แล้วว่าเธอคงไม่ยอมฟังที่เขาพูดง่าย ๆหรอก
“ ออกไป ”
“ ฉันไปแน่ แต่อยากจะบอกเธอไว้อีกอย่าง ถ้าเธอยังพูดจาดูถูกพี่สาวฉัน หรือครอบครัวฉันอีก ฉันไม่ไว้หน้าเธอแน่ ครั้งหน้ามันอาจจะไม่จบลงแค่จูบนะวาว ” คำพูดสองแง่สองง่ามของรณภพทำให้ภัสสรไม่อยากจะเชื่อ
“ ไม่น่าเชื่อแค่เวลาไม่กี่ปีจะทำให้นิสัยนายแย่กว่าเดิม แล้วก็อย่ามาเรียกชื่อเล่นฉันแบบนี้อีก ”
“ ก็เหมือนเธอไง เอาแต่ใจไม่เคยเปลี่ยนเผลอ ๆ ก็แย่กว่าที่เคยเหมือนกัน ส่วนชื่อเล่น ฉันจะเรียกแบบไหนก็สิทธิ์ของฉัน เธออาจจะสั่งคนในบ้านนี้ได้ แต่เธอสั่งฉันไม่ได้ ลงไปกินข้าวเย็นได้แล้ว พี่ๆของคุณรอคุณอยู่ ”
“ สงสัยจะลืมสินะ ว่านายก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้ฉันทำอะไร ไม่ทำอะไร ที่นี่มันบ้านของฉัน ออกไปได้ละ ”
“ นี่จะไม่กินข้าวใช่ไหม ”
“ ใช่ แล้วก็อย่ามาเข้าห้องคนอื่นแบบไม่ขออนุญาตอีกนะ ไม่งั้นฉันเอานายตายแน่ ” หญิงสาวพูดเสียงแข็งใส่คนตรงหน้า
“ ไม่กินก็ดี วันนี้มีแต่อาหารอร่อย ๆ หืม หอมจริง ๆ เชิญ อยู่ในห้องของเธอตามสบาย ” รณภพกระแทกเสียงใส่นิด ๆก่อนจะปิดประตูแล้วก็เดินลงไปยังโต๊ะอาหารข้างล่าง ระหว่างที่กินข้าว สายตาที่ภวัตต์ส่งมาให้ รู้สึกจะมองเขาขุ่น ๆ เอ๋? หรือเขาทำอะไรให้พี่ใหญ่ของบ้านไม่พอใจหรือเปล่าหว่า