Masukท่ามกลางแอร์เย็นฉ่ำกับเสียงหอบหายใจเบาๆ ของร่างสวยจากเบาะหลัง เพชรเหลือบตาคมมองอีกฝ่ายเห็นหญิงสาวเองก็มองเขาผ่านกระจกอยู่เช่นกัน ดวงตาคู่เรียวสวยมีแววหวาดระแวงจนต้องนึกเซ็งในใจ เป็นเขาต่างหากที่ต้องไม่ไว้ใจผู้หญิงอย่างเธอ
“จะให้ผมส่งที่ไหน”
เขาถามเสียงเรียบ ให้รู้ว่าตนไม่ได้แยแสหรือสนใจเธอจนต้องมานั่งกลัวอย่างที่เป็นอยู่
“ที่ไหนก็ได้ค่ะ”
เสียงหวานที่ดูออกว่าพยายามไม่ให้สั่นตอบกลับมา สายตาคู่สวยละจากกระจกหลังมาลอบสังเกตท่าทางเขา นั่นยิ่งทำให้เพชรชักหมดความอดทน เขาอุตส่าห์หวังดีช่วยเหลือแต่เธอกลับทำท่าอย่างกับเขาเป็นคนร้ายโรคจิต ทั้งคำตอบขอไปทีนั้นก็ส่งผลกับระดับความขุ่นเคืองในใจเพชรให้เพิ่มสูงขึ้นไปอีก
“งั้นผมส่งคุณป้ายรถเมล์หน้า หรือไม่พาไปคอนโดผมก็ได้สิ”
ใบหน้าสวยที่เขาเหลือบมองในกระจกหลังดูเหวอดวงตาฉายแววตระหนกจนเขาหลุดยิ้มที่มุมปาก หากมันก็ดูเหมือนยิ้มหยันเสียมากกว่า
“จอดข้างหน้านี่แหละค่ะ”
เสียงหวานโพล่งขึ้นทันควัน อาการเกร็งระแวดระวังเพิ่มขึ้นเท่าตัว
คิ้วเข้มขมวดฉับ พวกเขาห่างจากโรงแรมมาไกลแล้ว สองข้างทางค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีสถานบันเทิงอื่นหรือร้านอาหารยามดึกแม้แต่ร้านเดียวเพราะเป็นพื้นที่ออฟฟิศทำงานซึ่งเวลานี้ปิดหมด จะมีแสงไฟอยู่บ้างก็จุดที่เป็นป้อมยามเท่านั้น แต่ด้วยคำบอกที่ดูถือดีแถมมองเขาเหมือนไม่ไว้ใจทำให้เพชรไม่คิดจะรั้งอีกฝ่าย เดี๋ยวจะมองว่าเขาเป็นตัวร้ายมากไปกว่านี้
รถหรูค่อยๆ หยุดนิ่งเมื่อถึงป้ายรถเมล์ป้ายหนึ่ง แล้วเสียงปลดล็อกก็ดังขึ้น มือบางรีบจับที่เปิดทว่าก่อนจะดันประตูออกไปก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองลืมบางอย่างไป ใบหน้าสวยหันมองคนขับ แล้วก็เห็นเขามองอยู่จึงยิ้มให้อีกฝ่ายแม้จะดูฝืนๆ ไปหน่อย
“ขอบคุณนะคะ”
เธอบอกกับชายหนุ่มแม้จะไม่เชื่อใจร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เขาก็เป็นคนยื่นมือเข้ามาช่วยในยามที่เข้าตาจน
ใบหน้าหล่อขาวหากคมเข้มด้วยไรหนวดเคราจางๆ พยักรับเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไรอีก หญิงสาวจึงผลักประตูก้าวลงไปจากรถแล้วปิดลง เพียงชั่วอึดใจรถคันหรูก็แล่นห่างไป ร่างสวยระหงขึ้นไปยืนบนฟุตบาทพร้อมความรู้สึกเย็นวาบพัดผ่านจนต้องยกมือขึ้นกอดตัวเอง สั่นทั้งใจที่ยังตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา สั่นทั้งกายจากอากาศยามดึก รวมถึงความเปล่าเปลี่ยวรอบกายเมื่อหันมองแล้วไม่พบสิ่งใด นอกจากความมืดที่มีแสงสลัวจากมุมไกลๆ สาดส่องมาถึงเพียงน้อยนิด
ไม่เพียงแค่หญิงสาวที่รู้สึกว่าป้ายรถเมล์นี้ค่อนข้างมืด เพราะดวงตาคู่คมของคนที่ขับรถไกลออกมาแล้วก็ยังอดมองกระจกส่องหลังสังเกตร่างระหงที่ตัวเล็กลงเรื่อยๆ ไม่ได้
สุดท้ายคนที่ไม่อยากสนใจในตอนแรกก็หยุดรถลงเมื่อไปถึงส่วนโค้งของถนน ซึ่งไม่สามารถมองเห็นร่างบางได้แล้ว ก่อนร่างสูงใหญ่จะถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ดับเครื่องยนต์จะได้ไม่มีแสงไฟจากรถแล้วลงไปดันรถคันหรูของตัวเองถอยกลับจนเห็นคนตัวเล็กได้ในระยะไกล จากนั้นก็กลับไปในรถเปิดกระจกออกนั่งนิ่งๆ รอคอยอยู่อย่างนั้น เพื่อให้มั่นใจว่า
หญิงสาวได้ขึ้นรถแท็กซี่หรือรถเมล์เรียบร้อยแล้ว
ทว่าเพชรก็ไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองเช่นกัน ว่าเหตุใดต้องพยายามถึงขนาดนี้
ท่าเรือในจังหวัดทางทะเลใต้ของประเทศไทยดูคึกคักในช่วงไฮซีซัน เรือเร็วข้ามฟากเต็มทุกรอบ แม้กระทั่งเกาะเล็กที่เปิดรับนักท่องเที่ยวในจำนวนจำกัดอย่างเกาะพันมุกที่ศศิกำลังจะเดินทางไป เกาะแห่งนี้รับส่งคนเพียงสองช่วงเวลาต่อวัน คือหกโมงเช้าและสิบเอ็ดโมง ดังนั้นไม่แปลกที่จะมีผู้โดยสารเต็มจำนวนพอดี
ร่างระหงนั่งอยู่ส่วนกลางของลำเรือ ทว่าก็รับรู้ถึงแรงปะทะของลมทะเลผสมกลิ่นอายความสดชื่น ช่วยผ่อนคลายจิตใจกับสมองซึ่งเหนื่อยล้าจากเรื่องราวมากมายภายในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผืนน้ำสีมรกตเข้มตัดกับท้องฟ้ากว้างมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ให้ความรู้สึกอิสระและปลดปล่อยในแบบที่หาได้ยากจากกรุงเทพฯ ใจที่หนักหน่วงโปร่งโล่งจนสามารถสูดหายใจได้อย่างเต็มปอด ใบหน้าสวยมีแว่นดำกับหมวกปกปิด ระบายยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อสายตากวาดมองความงดงามที่รังสรรค์ด้วยฝีมือธรรมชาติ
จะว่าไปแล้วการเลือกมาสมัครงานในที่ห่างไกลความวุ่นวายตามข้อเสนอของเพื่อนรุ่นน้องน่าจะดีไม่น้อย หญิงสาวคิดว่าน้อยคนที่จะนึกออกในทันทีว่าเธอเป็นใคร เพราะแม้จะเคยปรากฏตัวในละครทีวีบ้างแต่ก็ยังไม่ได้มีชื่อเสียงหรือเป็นตัวหลัก และการได้มาอยู่กับธรรมชาติก็คงช่วยให้สุขภาพกายและสุขภาพใจของเธอดีขึ้น
ใช้เวลาในการเดินทางไม่นานเรือก็เทียบท่า เท้าบางที่ใส่เพียงรองเท้าสบายๆ พร้อมลุยน้ำก้าวตามกลุ่มนักท่องเที่ยวไปบนสะพานทอดยาวจนถึงหน้าหาด หญิงสาวมองสีเขียวขจีของต้นไม้หนาแทรกอยู่กับสิ่งปลูกสร้างอย่างกลมกลืนเบื้องหน้าด้วยความสนใจ บรรยากาศของเกาะแห่งนี้สวยงามน่าอยู่กว่าที่เธอเคยคิดเอาไว้เสียอีก
ทุกคนมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือตึกหลักเพื่อติดต่อห้องพัก ศศิจึงเดินตามไปจนถึงหน้าเคาน์เตอร์ หลังจากรอคนอื่นๆ จัดการเรื่องห้องครบหมดแล้วเธอก็เข้าไปคุยกับพนักงาน
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าฝ่ายบุคคลไปทางไหนคะ”
“ฝ่ายบุคคลอยู่ด้านใน ไม่ทราบว่ามาพบใครหรือติดต่ออะไรคะ”
พนักงานต้อนรับดูมีอัธยาศัยเป็นมิตรคนหนึ่งตอบถามกลับมา
“มาสมัครงานค่ะ ดิฉันส่งใบสมัครมาทางอีเมล แล้วก็ได้รับการตอบรับเรียกตัวมาสัมภาษณ์น่ะค่ะ”
“อ๋อ ไม่ทราบชื่ออะไรคะ”
“ศศิ ภูวดลค่ะ”
“รอสักครู่นะคะ”
อีกฝ่ายบอกแล้วหันไปกดโทรศัพท์ภายใน ไม่นานก็หันกลับมาแจ้งกับเธอ
“เดี๋ยวเชิญนั่งรอที่โซฟาด้านหน้านะคะ”
=====
การสัมภาษณ์งานค่อนข้างอึดอัดสำหรับศศิเพราะสายตาแสดงออกชัดเจนของผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และบริการ แถมยังใช้เวลาไม่นานอีกฝ่ายก็เริ่มออกนอกเรื่อง“เอ้อ นี่ก็เกือบจะบ่ายสองแล้ว ผมหิวมากเลย ความจริงกำลังจะออกไปกินกลางวันพอดี”“เอ่อ ขอโทษค่ะ”“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ ผมไม่ได้จะบอกว่าเป็นเพราะคุณเลยนะครับ จริงๆ แล้วผมตั้งใจจะถามว่า คุณหิวหรือเปล่า เห็นคุณนภาบอกว่ามารอสักพักแล้ว”“คือว่า...”“ต้องขอโทษจริงๆ ก็อย่างที่บอกตอนแรกล่ะครับ ผมไม่รู้ว่าฝ่ายบุคคลจะส่งตัวคุณมาให้สัมภาษณ์”ชายหนุ่มรีบย้ำขึ้นมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด โดยที่ศศิยังไม่ทันได้อธิบายจนจบประโยคด้วยซ้ำ“แต่ก็นั่นแหละนะ คำสั่งท่านรองทั้งคน”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็หยุดมองหน้าเธอ แววตาราวสงสัยชั่วแวบก่อนจะเลือนหายไป ตาคมกลับมาแพรวพราวเช่นเดิม“ว่าไงครับ”“คะ?”ศศิพยายามจะไล่ตามคำพูดของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่ทันอยู่ดี“ก็เรื่องข้าวกลางวันไงครับ คุณน่าจะหิวแล้วเหมือนกัน งั้นผมว่าเราไป...”“เอ่อ พอดีว่าคุณนภากับคุณอารยาพาดิฉันไปทานช่วงพักกลางวันแล้วน่ะค่ะ”“อ้าว...งั้นเหรอครับ”ใบหน้าชายหนุ่มดูอึ้งไปชั่วขณะ แต่
‘คุณจารุพงษ์เพิ่งเข้ามาตอนบ่ายค่ะ แล้วก็กำลังจะออกไปทานข้าวเพราะยังไม่ได้ทาน อารยาไม่กล้าขัดน่ะค่ะ นภาเองก็หาทางถ่วงเวลา พาน้องที่มารอสัมภาษณ์ไปทานข้าวก่อน เพราะฝ่ายบุคคลส่งมารอตั้งแต่สิบเอ็ดโมง บ่ายแล้วก็ยังไม่ได้สัมภาษณ์สักที นภาจนใจจริงๆ ค่ะ’รถคันโตแบบขับเคลื่อนสี่ล้อของเพชรหยุดลงหน้ารีสอร์ตในตำแหน่งของตัวเองอย่างแรง รู้ว่ากำลังถูกจารุพงษ์เล่นแง่ ด้วยความที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่กลับมาช่วยผู้เป็นป้าบริหารงานเต็มตัว เพราะเหมือนไปดับฝันจารุพงษ์เข้า อีกฝ่ายจึงมักจะคอยขัดเขาทุกเรื่อง ครั้งนี้ก็คงอีกเช่นกันความจริงเพชรไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานของจารุพงษ์ แต่ด้วยญาติสาวขอร้องมา เขาเองก็ขอกับทางผู้เป็นป้าไปแล้วว่าวาสิฐีฝากฝังเพื่อนมา ป้าเขาก็อนุญาตอย่างไม่มีปัญหาร่างสูงก้าวอย่างรวดเร็วผ่านตึกหลักไปจนถึงอาคารของผู้บริหาร แล้วก็พุ่งผ่านประตูโดยมีนภามายืนรอรับหน้าอยู่“คุณพงษ์ออกไปหรือยังครับ”“ยังค่ะ นภาหาเอกสารด่วนให้อารยาเอาเข้าไปให้เซ็นก่อนน่ะค่ะ”ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากกว่านั้น ประตูห้องก็เปิดออก เพชรหันหน้าไปมองก็เห็นร่างสูงที่เตี้ยกว่าตนเองป
“รอสักครู่นะคะ”อีกฝ่ายบอกแล้วหันไปกดโทรศัพท์ภายใน ไม่นานก็หันกลับมาแจ้งกับเธอ“เดี๋ยวเชิญนั่งรอที่โซฟาด้านหน้านะคะ”“ขอบคุณค่ะ”ศศิยิ้มให้ซึ่งก็ได้รอยยิ้มตอบกลับ ตอนนี้เธอถอดแว่นและหมวกไปแล้วอีกฝ่ายก็ดูไม่ได้เอะใจอะไร แน่นอนว่าเธอแต่งหน้าอ่อนๆ ที่สำคัญตอนนี้เธอตัดผมเหลือสั้นแต่ปลายคางเท่านั้น แถมยังรวบเอาไว้ด้านหลังเพราะรำคาญลมที่ตีจากการนั่งเรือร่างระหงหมุนตัวไปทางโซฟาด้านหนึ่งพร้อมกระเป๋าเดินทางลากใบย่อม เพราะไม่ได้เอาอะไรมามากนักนอกจากเสื้อผ้า ด้วยยังไม่แน่ใจว่าจะได้อยู่ที่นี่แน่นอนหรือไม่นั่งรอเพียงไม่นานก็มีคนเดินเข้ามาหาพร้อมพนักงานต้อนรับคนเดิมที่บอกจะรับฝากกระเป๋าเธอเอาไว้ให้ ศศิจึงหยิบเพียงเอกสารกับกระเป๋าใบเล็กติดตัว แต่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองแต่งตัวเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไปด้วยเสื้อเชิ้ตผ้าพลิ้วสบายกับกางเกงยีนพอดีตัวพับขาขึ้นสูงห้าส่วนและรองเท้าแตะ“เอ่อ ขอโทษนะคะ ชุดดูไม่ค่อยเรียบร้อย ฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้ายังพอจะทันไหมคะ”ด้วยเกรงว่าจะทำให้เสียเวลาเธอจึงถามดูก่อน คิดว่าหากไม่ทันจริงๆ ก็จะเอ่ยขอโทษกับผู้ที่สัมภาษณ์เองพนักงานต้อนรับกับคนที่มารับเธอซึ่งอยู่ในชุดฟอร์มคนละแ
ท่ามกลางแอร์เย็นฉ่ำกับเสียงหอบหายใจเบาๆ ของร่างสวยจากเบาะหลัง เพชรเหลือบตาคมมองอีกฝ่ายเห็นหญิงสาวเองก็มองเขาผ่านกระจกอยู่เช่นกัน ดวงตาคู่เรียวสวยมีแววหวาดระแวงจนต้องนึกเซ็งในใจ เป็นเขาต่างหากที่ต้องไม่ไว้ใจผู้หญิงอย่างเธอ“จะให้ผมส่งที่ไหน”เขาถามเสียงเรียบ ให้รู้ว่าตนไม่ได้แยแสหรือสนใจเธอจนต้องมานั่งกลัวอย่างที่เป็นอยู่“ที่ไหนก็ได้ค่ะ”เสียงหวานที่ดูออกว่าพยายามไม่ให้สั่นตอบกลับมา สายตาคู่สวยละจากกระจกหลังมาลอบสังเกตท่าทางเขา นั่นยิ่งทำให้เพชรชักหมดความอดทน เขาอุตส่าห์หวังดีช่วยเหลือแต่เธอกลับทำท่าอย่างกับเขาเป็นคนร้ายโรคจิต ทั้งคำตอบขอไปทีนั้นก็ส่งผลกับระดับความขุ่นเคืองในใจเพชรให้เพิ่มสูงขึ้นไปอีก“งั้นผมส่งคุณป้ายรถเมล์หน้า หรือไม่พาไปคอนโดผมก็ได้สิ”ใบหน้าสวยที่เขาเหลือบมองในกระจกหลังดูเหวอดวงตาฉายแววตระหนกจนเขาหลุดยิ้มที่มุมปาก หากมันก็ดูเหมือนยิ้มหยันเสียมากกว่า“จอดข้างหน้านี่แหละค่ะ”เสียงหวานโพล่งขึ้นทันควัน อาการเกร็งระแวดระวังเพิ่มขึ้นเท่าตัวคิ้วเข้มขมวดฉับ พวกเขาห่างจากโรงแรมมาไกลแล้ว สองข้างทางค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีสถานบันเทิงอื่นหรือร้านอาหารยามดึกแม้แต่ร้านเดียวเพราะเ
เสียงที่ได้ยินแว่วมาจากมุมหนึ่งของลานจอดรถมืดๆ ไม่สามารถทำให้ขายาวลดระดับความเร็วลงหรือเรียกความสนใจจากเจ้าของร่างสูงใหญ่เช่นเพชรได้ เขารีบเพราะอยากนอนสักสองสามชั่วโมงก่อนตื่นไปขึ้นเครื่อง“นี่มันหมายความว่ายังไงคะพี่นิดหน่อย เนี่ยนะคะ งานที่พี่บอกว่าจะแนะนำให้ศศิ”“พี่ก็พามาฝากเนื้อฝากตัวกับเสี่ยดิลกแล้วไง งานพรีเซนเตอร์ตอนนี้โดนแคนเซิลหมด เสี่ยเขากว้างขวางในช่อง เดี๋ยวพอมีละครให้เล่นงานก็เข้ามาเอง ใครเขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ แค่เอาใจเสี่ยเขาหน่อย”คิ้วเข้มเหนือดวงตาคมขมวดนิดๆ เพราะเสียงนั้นยังแว่วมาในระยะที่ได้ยิน แต่เพชรไม่อยากยุ่งเรื่องคนอื่น แถมยังนึกรำคาญใจด้วยซ้ำที่บังเอิญมาได้ยินเข้าหลังจากแยกย้ายกันเพื่อนเขาต่างไปต่อกับสาวๆ บางคนก็มองเพชรตาละห้อย เขาเป็นคนเดียวที่ยังไม่เปิดโอกาสให้พวกหล่อนได้มีค่ำคืนด้วยเลยสักครั้ง แม้ในช่วงสามสองเดือนที่ผ่านมาชายหนุ่มมาที่นี่บ่อยเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการลุงทุน“ที่ว่าเอาใจ พี่นิดหน่อยหมายถึงอะไร”“อย่ามาทำอินโนเซนส์หน่อยเลยค่า เชื่อพี่สิ คนนอนคุยกันมันง่ายกว่านั่งคุยตั้งเยอะ”เสียงห้าวที่บีบดัดดูไม่ค่อยสบอารมณ์แต่ก็พยายามกล่อมอีกฝ่าย“ครั
ช่วงเวลาเดียวกันทว่าวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนแตกต่าง ในเมืองแห่งสีสันสี่ทุ่มบรรดานักท่องราตรียังเพิ่งหาที่เที่ยว หากก็ไม่ทำให้หนุ่มที่มาจากเกาะอย่างเพชรตื่นตาตื่นใจ แสงสีเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยมาตั้งแต่สมัยเรียนต่างประเทศ แม้จะเข้มงวดในการทำงาน แต่การใช้ชีวิตส่วนตัวของชายหนุ่มก็ไม่ได้แห้งแล้ง เขามีกลุ่มเพื่อนสังสรรค์กันเป็นระยะ แม้กลับมาอยู่เมืองไทยก็นัดพบปะเพื่อนๆ ตามโอกาสที่ขึ้นมาติดต่อเกี่ยวกับธุรกิจเสมอเช่นวันนี้ชายหนุ่มก็มานั่งอยู่ในเลาจน์โรงแรมดัง เพื่อคุยข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนเปิดรีสอร์ตแบบผสมผสานเลาจน์บนเกาะ แม้จะไม่อยากให้เกาะของตนเองมีสถานบันเทิงที่ให้บริการล่อแหลม ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในการดึงดูดนักท่องเที่ยว เพชรจึงมีข้อตกลงและเงื่อนไขเป็นพิเศษซึ่งต่างก็พอใจกันทั้งสองฝ่าย ด้วยอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของเพื่อนเขา ต่อจากเรื่องงานก็เป็นการดื่มกินปกติโดยมีสาวๆ ดูแลตามประสาหนุ่มๆ“แบบนี้ฉันคงได้ไปเที่ยวเกาะนายบ่อยๆ แน่ เพราะพวกเรายังไม่เคยไปเลยสักครั้ง”พิษณุเพื่อนสนิทของเขาพูดหลังจากชนแก้วกับเขา เพชรเพียงแค่ยิ้มรับน้อยๆ เพราะเพื่อนแต่ละคนรักแสงสีกันทั้งนั้น จึงยังไม่มี




![ความลับประธานหม้าย [20+ Soft BDSM]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


