Masuk“รอสักครู่นะคะ”
อีกฝ่ายบอกแล้วหันไปกดโทรศัพท์ภายใน ไม่นานก็หันกลับมาแจ้งกับเธอ
“เดี๋ยวเชิญนั่งรอที่โซฟาด้านหน้านะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ศศิยิ้มให้ซึ่งก็ได้รอยยิ้มตอบกลับ ตอนนี้เธอถอดแว่นและหมวกไปแล้วอีกฝ่ายก็ดูไม่ได้เอะใจอะไร แน่นอนว่าเธอแต่งหน้าอ่อนๆ ที่สำคัญตอนนี้เธอตัดผมเหลือสั้นแต่ปลายคางเท่านั้น แถมยังรวบเอาไว้ด้านหลังเพราะรำคาญลมที่ตีจากการนั่งเรือ
ร่างระหงหมุนตัวไปทางโซฟาด้านหนึ่งพร้อมกระเป๋าเดินทางลากใบย่อม เพราะไม่ได้เอาอะไรมามากนักนอกจากเสื้อผ้า ด้วยยังไม่แน่ใจว่าจะได้อยู่ที่นี่แน่นอนหรือไม่
นั่งรอเพียงไม่นานก็มีคนเดินเข้ามาหาพร้อมพนักงานต้อนรับคนเดิมที่บอกจะรับฝากกระเป๋าเธอเอาไว้ให้ ศศิจึงหยิบเพียงเอกสารกับกระเป๋าใบเล็กติดตัว แต่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองแต่งตัวเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไปด้วยเสื้อเชิ้ตผ้าพลิ้วสบายกับกางเกงยีนพอดีตัวพับขาขึ้นสูงห้าส่วนและรองเท้าแตะ
“เอ่อ ขอโทษนะคะ ชุดดูไม่ค่อยเรียบร้อย ฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้ายังพอจะทันไหมคะ”
ด้วยเกรงว่าจะทำให้เสียเวลาเธอจึงถามดูก่อน คิดว่าหากไม่ทันจริงๆ ก็จะเอ่ยขอโทษกับผู้ที่สัมภาษณ์เอง
พนักงานต้อนรับกับคนที่มารับเธอซึ่งอยู่ในชุดฟอร์มคนละแบบมองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนทางฝ่ายบุคคลจะเป็นคนตัดสินใจ
“จะว่าไปแล้วก็ยังพอมีเวลาอยู่บ้าง งั้นมาทางนี้เลยจ้ะ”
ศศิค่อยโล่งใจขึ้นมาที่อีกฝ่ายยอมผ่อนปรนให้ จากนั้นเธอก็ลากกระเป๋าตามคนนำทางไป โดยพนักงานต้อนรับสาวหน้าเคาน์เตอร์บอกว่าหากเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วก็ค่อยเอากระเป๋าเดินทางมาฝากไว้ที่ตนเองได้
ภายในห้องทำงานระดับผู้บริหารซึ่งมีเจ้าของร่างสูงใหญ่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านหลังโต๊ะไม้สักหลังใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขรึมรับฟังข้อความที่ดังผ่านโทรศัพท์บนโต๊ะก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างระอา
“เจ้านายคุณจะต้องมาถึงภายในสิบห้านาที”
“เอ่อ ค่ะ”
ชายหนุ่มกดวางสายหลังคำตอบรับ ถึงจะหน่ายกับพฤติกรรมของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นลุงเขยซึ่งอายุมากกว่าตนไม่กี่ปีแค่ไหน แต่ด้วยความรักเคารพรวมทั้งเกรงใจผู้เป็นป้า เพชรจึงพยายามวางเฉยมาตลอด แม้รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ทุ่มเทหรือตั้งใจทำงานให้สมกับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และบริการอย่างที่เป็นอยู่ ทว่าก็นั่นแหละตำแหน่งนี้ยังได้มาเพราะป้าของเขาแต่งตั้งให้ จะหวังความสามารถอะไรก็คงยากสักหน่อย
ใบหน้าหล่อเหลาส่ายไปมาน้อยๆ ก่อนร่างสูงใหญ่จะขยับลุกขึ้น เดินไปยังประตูห้อง คิดว่าจะไปดูช่างที่มาทำการวัดพื้นที่เพื่อก่อสร้างเลาจน์ของตนกับหุ้นส่วนที่เริ่มดำเนินงานหลังเซ็นสัญญาไปเมื่อสามอาทิตย์ก่อน โดยอยู่ไม่ไกลจากตัวรีสอร์ตแห่งนี้มากนัก
ส่วนของผู้บริหารจะเป็นอาคารชั้นเดียวอยู่ด้านข้างตึกใหญ่ เพชรออกจากห้องทำงานของตนแล้วหยุดบอกเลขาของป้าว่าจะออกไปข้างนอกและไม่ลืมสั่งเรื่องสำคัญด้วย
“อีกสักพักฝ่ายบุคคลจะพาคนที่ผมฝากให้คุณจารุพงษ์สัมภาษณ์มา ผมไม่แน่ใจว่าคุณอารยาจะตามตัวเขามาได้เร็วแค่ไหน ฝากคุณนภาดูแลด้วยก็แล้วกันนะครับ”
“ค่ะคุณเพชร”
นภาเป็นเลขาของคุณสุพรรณีที่ทำงานด้วยกันมานานตั้งแต่ช่วงริเริ่ม และช่วยจัดการงานเอกสารของเพชรด้วย
ร่างสูงใหญ่เดินผ่านส่วนเชื่อมที่เป็นทางเดินมีหลังคาไปยังตึกหลักเพื่อจะไปลานจอดรถด้านหน้า ตัวอาคารหลักของที่นี่มีสามชั้น ด้านล่างเป็นส่วนต้อนรับ ห้องอาหารและสำนักงาน สองชั้นบนมีห้องพักแขก โดยห้องพักทั้งหมดจะอยู่ด้านหน้ามองเห็นวิวทะเล ส่วนที่เหลือของชั้นสองเป็นพื้นที่ของห้องออกกำลังกาย ชั้นบนสุดออกแบบแบ่งโซนที่เหลือจากห้องพักเป็นมุมพักผ่อนเปิดโล่ง จัดชุดโซฟาไว้หลากหลายสไตล์แต่ลงตัว และเป็นกระจกทั้งชั้นเพื่อให้เห็นธรรมชาติในส่วนของรีสอร์ตที่ตกแต่งอย่างกลมกลืนลงตัว ทั้งต้นไม้ ดอกไม้ และน้ำตก รวมไปถึงวิลลาพักที่แยกออกเป็นหลังๆ โดยรอบ
รีสอร์ต
ไม่นานชายหนุ่มก็มาถึงส่วนต้อนรับ พนักงานต่างก็ยกมือไหว้เขาแต่ไม่เพียงเท่านั้น แขกสาวๆ เองก็ยังแอบเมียงมองอย่างสนใจ ทว่าเพชรเพียงพยักหน้ารับคนของตนขณะมุ่งหน้าไปทางประตู
ร่างสูงใหญ่เดินผ่านหน้าฟรอนท์เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหยิบจากกระเป๋ากางเกงออกมากดรับ พร้อมกับพยักหน้าให้พนักงานต้อนรับสาวเล็กน้อย แล้วเลี่ยงผู้หญิงร่างระหงคนหนึ่งที่เขาเห็นเพียงข้างหลังว่ากำลังส่งกระเป๋าให้กับพนักงานต้อนรับ เพราะคิดว่าเป็นแขกเขาจึงไม่ได้สังเกตอะไร
“ว่าไงครับตีตี้”
เสียงเข้มเอ่ยขึ้นดึงให้หญิงสาวที่เขาเดินผ่านหันมองตามด้วยสายตางุนงง ขณะที่ชายหนุ่มผ่านไปโดยไม่สนใจมองใคร
‘ตีตี้อยากรู้ว่าเพื่อนไปถึงหรือยังน่ะค่ะ ตีตี้โทรหาไม่ติด’
“งั้นเหรอครับ อาจจะแบตหมดหรือปิดเครื่องละมั้งครับ แต่เท่าที่พี่รู้ เขามาแล้วนะครับ เพราะที่ฟรอนท์ต้อนรับแจ้งไปที่ฝ่ายบุคคลแล้ว น่าจะอยู่ที่ฝ่ายบุคคลคงไม่สะดวกก็เลยปิดเสียงหรือปิดเครื่อง”
เพชรบอกตามที่รู้มาขณะก้าวพ้นประตูกระจกออกไป เรื่องการฝากงานครั้งนี้ชายหนุ่มให้คุณนภาดูแลให้ ซึ่งอีกฝ่ายจัดการได้อย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง พร้อมติดต่อพูดคุยกับทั้งวาสิฐีและเพื่อนที่จะมาสมัครเรียบร้อย ก่อนจะแจ้งให้ทางฝ่ายบุคคลเรียกตัวมาสัมภาษณ์อีกด้วย เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าเพื่อนของวาสิฐีชื่อนามสกุลอะไรด้วยซ้ำ
และอีกอย่างที่เพชรไม่รู้คือ มีสายตาคู่หนึ่งมองตามแผ่นหลังกว้างของเขาไปจนลับตา
=====
การสัมภาษณ์งานค่อนข้างอึดอัดสำหรับศศิเพราะสายตาแสดงออกชัดเจนของผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และบริการ แถมยังใช้เวลาไม่นานอีกฝ่ายก็เริ่มออกนอกเรื่อง“เอ้อ นี่ก็เกือบจะบ่ายสองแล้ว ผมหิวมากเลย ความจริงกำลังจะออกไปกินกลางวันพอดี”“เอ่อ ขอโทษค่ะ”“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ ผมไม่ได้จะบอกว่าเป็นเพราะคุณเลยนะครับ จริงๆ แล้วผมตั้งใจจะถามว่า คุณหิวหรือเปล่า เห็นคุณนภาบอกว่ามารอสักพักแล้ว”“คือว่า...”“ต้องขอโทษจริงๆ ก็อย่างที่บอกตอนแรกล่ะครับ ผมไม่รู้ว่าฝ่ายบุคคลจะส่งตัวคุณมาให้สัมภาษณ์”ชายหนุ่มรีบย้ำขึ้นมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด โดยที่ศศิยังไม่ทันได้อธิบายจนจบประโยคด้วยซ้ำ“แต่ก็นั่นแหละนะ คำสั่งท่านรองทั้งคน”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็หยุดมองหน้าเธอ แววตาราวสงสัยชั่วแวบก่อนจะเลือนหายไป ตาคมกลับมาแพรวพราวเช่นเดิม“ว่าไงครับ”“คะ?”ศศิพยายามจะไล่ตามคำพูดของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่ทันอยู่ดี“ก็เรื่องข้าวกลางวันไงครับ คุณน่าจะหิวแล้วเหมือนกัน งั้นผมว่าเราไป...”“เอ่อ พอดีว่าคุณนภากับคุณอารยาพาดิฉันไปทานช่วงพักกลางวันแล้วน่ะค่ะ”“อ้าว...งั้นเหรอครับ”ใบหน้าชายหนุ่มดูอึ้งไปชั่วขณะ แต่
‘คุณจารุพงษ์เพิ่งเข้ามาตอนบ่ายค่ะ แล้วก็กำลังจะออกไปทานข้าวเพราะยังไม่ได้ทาน อารยาไม่กล้าขัดน่ะค่ะ นภาเองก็หาทางถ่วงเวลา พาน้องที่มารอสัมภาษณ์ไปทานข้าวก่อน เพราะฝ่ายบุคคลส่งมารอตั้งแต่สิบเอ็ดโมง บ่ายแล้วก็ยังไม่ได้สัมภาษณ์สักที นภาจนใจจริงๆ ค่ะ’รถคันโตแบบขับเคลื่อนสี่ล้อของเพชรหยุดลงหน้ารีสอร์ตในตำแหน่งของตัวเองอย่างแรง รู้ว่ากำลังถูกจารุพงษ์เล่นแง่ ด้วยความที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่กลับมาช่วยผู้เป็นป้าบริหารงานเต็มตัว เพราะเหมือนไปดับฝันจารุพงษ์เข้า อีกฝ่ายจึงมักจะคอยขัดเขาทุกเรื่อง ครั้งนี้ก็คงอีกเช่นกันความจริงเพชรไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานของจารุพงษ์ แต่ด้วยญาติสาวขอร้องมา เขาเองก็ขอกับทางผู้เป็นป้าไปแล้วว่าวาสิฐีฝากฝังเพื่อนมา ป้าเขาก็อนุญาตอย่างไม่มีปัญหาร่างสูงก้าวอย่างรวดเร็วผ่านตึกหลักไปจนถึงอาคารของผู้บริหาร แล้วก็พุ่งผ่านประตูโดยมีนภามายืนรอรับหน้าอยู่“คุณพงษ์ออกไปหรือยังครับ”“ยังค่ะ นภาหาเอกสารด่วนให้อารยาเอาเข้าไปให้เซ็นก่อนน่ะค่ะ”ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรมากกว่านั้น ประตูห้องก็เปิดออก เพชรหันหน้าไปมองก็เห็นร่างสูงที่เตี้ยกว่าตนเองป
“รอสักครู่นะคะ”อีกฝ่ายบอกแล้วหันไปกดโทรศัพท์ภายใน ไม่นานก็หันกลับมาแจ้งกับเธอ“เดี๋ยวเชิญนั่งรอที่โซฟาด้านหน้านะคะ”“ขอบคุณค่ะ”ศศิยิ้มให้ซึ่งก็ได้รอยยิ้มตอบกลับ ตอนนี้เธอถอดแว่นและหมวกไปแล้วอีกฝ่ายก็ดูไม่ได้เอะใจอะไร แน่นอนว่าเธอแต่งหน้าอ่อนๆ ที่สำคัญตอนนี้เธอตัดผมเหลือสั้นแต่ปลายคางเท่านั้น แถมยังรวบเอาไว้ด้านหลังเพราะรำคาญลมที่ตีจากการนั่งเรือร่างระหงหมุนตัวไปทางโซฟาด้านหนึ่งพร้อมกระเป๋าเดินทางลากใบย่อม เพราะไม่ได้เอาอะไรมามากนักนอกจากเสื้อผ้า ด้วยยังไม่แน่ใจว่าจะได้อยู่ที่นี่แน่นอนหรือไม่นั่งรอเพียงไม่นานก็มีคนเดินเข้ามาหาพร้อมพนักงานต้อนรับคนเดิมที่บอกจะรับฝากกระเป๋าเธอเอาไว้ให้ ศศิจึงหยิบเพียงเอกสารกับกระเป๋าใบเล็กติดตัว แต่ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองแต่งตัวเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไปด้วยเสื้อเชิ้ตผ้าพลิ้วสบายกับกางเกงยีนพอดีตัวพับขาขึ้นสูงห้าส่วนและรองเท้าแตะ“เอ่อ ขอโทษนะคะ ชุดดูไม่ค่อยเรียบร้อย ฉันขอเปลี่ยนเสื้อผ้ายังพอจะทันไหมคะ”ด้วยเกรงว่าจะทำให้เสียเวลาเธอจึงถามดูก่อน คิดว่าหากไม่ทันจริงๆ ก็จะเอ่ยขอโทษกับผู้ที่สัมภาษณ์เองพนักงานต้อนรับกับคนที่มารับเธอซึ่งอยู่ในชุดฟอร์มคนละแ
ท่ามกลางแอร์เย็นฉ่ำกับเสียงหอบหายใจเบาๆ ของร่างสวยจากเบาะหลัง เพชรเหลือบตาคมมองอีกฝ่ายเห็นหญิงสาวเองก็มองเขาผ่านกระจกอยู่เช่นกัน ดวงตาคู่เรียวสวยมีแววหวาดระแวงจนต้องนึกเซ็งในใจ เป็นเขาต่างหากที่ต้องไม่ไว้ใจผู้หญิงอย่างเธอ“จะให้ผมส่งที่ไหน”เขาถามเสียงเรียบ ให้รู้ว่าตนไม่ได้แยแสหรือสนใจเธอจนต้องมานั่งกลัวอย่างที่เป็นอยู่“ที่ไหนก็ได้ค่ะ”เสียงหวานที่ดูออกว่าพยายามไม่ให้สั่นตอบกลับมา สายตาคู่สวยละจากกระจกหลังมาลอบสังเกตท่าทางเขา นั่นยิ่งทำให้เพชรชักหมดความอดทน เขาอุตส่าห์หวังดีช่วยเหลือแต่เธอกลับทำท่าอย่างกับเขาเป็นคนร้ายโรคจิต ทั้งคำตอบขอไปทีนั้นก็ส่งผลกับระดับความขุ่นเคืองในใจเพชรให้เพิ่มสูงขึ้นไปอีก“งั้นผมส่งคุณป้ายรถเมล์หน้า หรือไม่พาไปคอนโดผมก็ได้สิ”ใบหน้าสวยที่เขาเหลือบมองในกระจกหลังดูเหวอดวงตาฉายแววตระหนกจนเขาหลุดยิ้มที่มุมปาก หากมันก็ดูเหมือนยิ้มหยันเสียมากกว่า“จอดข้างหน้านี่แหละค่ะ”เสียงหวานโพล่งขึ้นทันควัน อาการเกร็งระแวดระวังเพิ่มขึ้นเท่าตัวคิ้วเข้มขมวดฉับ พวกเขาห่างจากโรงแรมมาไกลแล้ว สองข้างทางค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีสถานบันเทิงอื่นหรือร้านอาหารยามดึกแม้แต่ร้านเดียวเพราะเ
เสียงที่ได้ยินแว่วมาจากมุมหนึ่งของลานจอดรถมืดๆ ไม่สามารถทำให้ขายาวลดระดับความเร็วลงหรือเรียกความสนใจจากเจ้าของร่างสูงใหญ่เช่นเพชรได้ เขารีบเพราะอยากนอนสักสองสามชั่วโมงก่อนตื่นไปขึ้นเครื่อง“นี่มันหมายความว่ายังไงคะพี่นิดหน่อย เนี่ยนะคะ งานที่พี่บอกว่าจะแนะนำให้ศศิ”“พี่ก็พามาฝากเนื้อฝากตัวกับเสี่ยดิลกแล้วไง งานพรีเซนเตอร์ตอนนี้โดนแคนเซิลหมด เสี่ยเขากว้างขวางในช่อง เดี๋ยวพอมีละครให้เล่นงานก็เข้ามาเอง ใครเขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ แค่เอาใจเสี่ยเขาหน่อย”คิ้วเข้มเหนือดวงตาคมขมวดนิดๆ เพราะเสียงนั้นยังแว่วมาในระยะที่ได้ยิน แต่เพชรไม่อยากยุ่งเรื่องคนอื่น แถมยังนึกรำคาญใจด้วยซ้ำที่บังเอิญมาได้ยินเข้าหลังจากแยกย้ายกันเพื่อนเขาต่างไปต่อกับสาวๆ บางคนก็มองเพชรตาละห้อย เขาเป็นคนเดียวที่ยังไม่เปิดโอกาสให้พวกหล่อนได้มีค่ำคืนด้วยเลยสักครั้ง แม้ในช่วงสามสองเดือนที่ผ่านมาชายหนุ่มมาที่นี่บ่อยเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการลุงทุน“ที่ว่าเอาใจ พี่นิดหน่อยหมายถึงอะไร”“อย่ามาทำอินโนเซนส์หน่อยเลยค่า เชื่อพี่สิ คนนอนคุยกันมันง่ายกว่านั่งคุยตั้งเยอะ”เสียงห้าวที่บีบดัดดูไม่ค่อยสบอารมณ์แต่ก็พยายามกล่อมอีกฝ่าย“ครั
ช่วงเวลาเดียวกันทว่าวิถีการดำเนินชีวิตของผู้คนแตกต่าง ในเมืองแห่งสีสันสี่ทุ่มบรรดานักท่องราตรียังเพิ่งหาที่เที่ยว หากก็ไม่ทำให้หนุ่มที่มาจากเกาะอย่างเพชรตื่นตาตื่นใจ แสงสีเป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยมาตั้งแต่สมัยเรียนต่างประเทศ แม้จะเข้มงวดในการทำงาน แต่การใช้ชีวิตส่วนตัวของชายหนุ่มก็ไม่ได้แห้งแล้ง เขามีกลุ่มเพื่อนสังสรรค์กันเป็นระยะ แม้กลับมาอยู่เมืองไทยก็นัดพบปะเพื่อนๆ ตามโอกาสที่ขึ้นมาติดต่อเกี่ยวกับธุรกิจเสมอเช่นวันนี้ชายหนุ่มก็มานั่งอยู่ในเลาจน์โรงแรมดัง เพื่อคุยข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนเปิดรีสอร์ตแบบผสมผสานเลาจน์บนเกาะ แม้จะไม่อยากให้เกาะของตนเองมีสถานบันเทิงที่ให้บริการล่อแหลม ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งในการดึงดูดนักท่องเที่ยว เพชรจึงมีข้อตกลงและเงื่อนไขเป็นพิเศษซึ่งต่างก็พอใจกันทั้งสองฝ่าย ด้วยอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทของเพื่อนเขา ต่อจากเรื่องงานก็เป็นการดื่มกินปกติโดยมีสาวๆ ดูแลตามประสาหนุ่มๆ“แบบนี้ฉันคงได้ไปเที่ยวเกาะนายบ่อยๆ แน่ เพราะพวกเรายังไม่เคยไปเลยสักครั้ง”พิษณุเพื่อนสนิทของเขาพูดหลังจากชนแก้วกับเขา เพชรเพียงแค่ยิ้มรับน้อยๆ เพราะเพื่อนแต่ละคนรักแสงสีกันทั้งนั้น จึงยังไม่มี







