เครื่องดื่มเย็นๆ ช่วยให้อารมณ์ชวินทร์คลายลง เขายังจับมือเธอไว้ พาลัดเลาะไปหลังร้าน สู่หาดกว้าง ลมทะเลซัดระลอกคลื่นดังครืนๆ
แดดสายยังไม่ร้อนนัก เขาอยากใช้เวลาสงบๆ แบบนี้กับเนตรา ให้ลืมว่าตนเองกำลังทำผิดกับเธออยู่
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดัง ล้วงมาดูเป็นเบอร์ฉัตรบรรณ ชายหนุ่มกดตัดสายเสีย ท่ามกลางสายตาสงสัยของเนตรา
คนโทรมาไม่ยอมแพ้ ถึงเขาตัดสายได้ ก็กดโทรใหม่ เป็นอย่างนี้อยู่สามรอบ จนชวินทร์จะปิดโทรศัพท์
“รับสายเถอะ คนโทรมาคงมีเรื่องด่วนจริงๆ”
เธอบอก พลางดูดชาเย็น
“แค่โทรมาป่วนเท่านั้นแหละ”
นอกจากโทรแล้วยังส่งไลน์มาด้วย
“ใครป่วนนายกัน”
“ไม่ให้เรียกนาย บอกให้เรียกโน้ต”
ชวินทร์ดุเสียงไม่จริงจังนัก
“ฉันไม่ชินนี่ ความจำหยุดอยู่แค่มหาวิทยาลัย”
เธอคอย่น กลัวการลงโทษตามแบบเขาอยู่หน่อยๆ แต่นี่เป็นที่ชุมชน คนอยู่เยอะ ชวินทร์คงไม่กล้าจูบเธอหรอก โทรศัพท์ดังเป็นครั้งที่สี่
“รับสายเถอะ ฉันจะไปเดินเล่นทางโน้น”
เนตราชี้นิ้วไปทางแนวต้นสนใกล้ๆ หาด
“แล้วผมจะตามไป”
รอจนเธอเดินไปไกล จนคะเนว่าจะไม่ได้ยินบทสนทนาแล้ว ชวินทร์จึงรับสาย
“ว่าไง”
“ไม่ไงหรอก แค่แฟนของดาวกำลังจะไปหาตำรวจ มึงกำลังจะโดนจับข้อลักพาตัว คุกนะเว้ย”
“ดาวเป็นสมบัติของมันซะเมื่อไร”
“เขาเป็นแฟนกัน”
“แต่มาทีหลัง กูเจอดาวก่อน มีอะไรๆ ก่อนมันอีก”
ฉัตรบรรณถอนหายใจยาว เรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้งชั่วข้ามคืน เนตราเล่าให้เขาฟังหมดแล้ว ท่าทางเธออยากจะลืม แต่ญาติเขานี่สิ นอกจากไม่ลืมแล้วยังพยายามรื้อฟื้น
“ถามจริงๆ ทำไมต้องเป็นดาววะ ทั้งๆ ที่มึงควงผู้หญิงตั้งมาก ทิ้งเขาไปก็ตั้งเยอะ”
และผู้หญิงเหล่านั้นทั้งสวยและเซ็กซี่กว่าเนตรา
“มาตามติดจะเอาเลขาฯกูอยู่ได้”
“ไม่รู้โว้ย แต่คนนี้ของกูมึงจำไว้แค่นั้น”
ชวินทร์ยังหาเหตุผลในการกระทำของตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เพราะปนเปกันไปหมดทั้งอยากเอาชนะ อยากลงโทษ และความรู้สึกอยากให้เธออยู่ในสายตา เกลียดขี้หน้าไอ้คนที่คิดว่าตัวเองเป็นแฟนเธอ
“มึงรีบๆ พาเขากลับมาเลย ที่ออฟฟิศเขาเม้าท์กันเรื่องดาวอยู่กับมึง ไม่มาทำงานหลายวัน กูห้ามปากคนไม่ได้หรอกนะ”
ฉัตรบรรณเล่าอ่อนใจ
“ขอเวลาอีกนิด จะพาดาวกลับแน่นอน”
ชวินทร์ยืดอกยอมรับผลของการกระทำ ในหัวใจรู้สึกอิ่มเอิบแปลกๆ เมื่อคิดได้ว่าเธอกับเขาแนบชิดกันแค่ไหนจากความสัมพันธ์เมื่อคืน
“มึงปล่อยมือจากดาวยังทันนะเว้ย ในเมื่อมึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาเลย”
“ใครบอกมึง”
“ก็มึงทิ้งเขาหลังมีอะไรกันตอนมหาวิทยาลัยนี่”
ฉัตรบรรณขมวดคิ้ว ร่ายเรื่องที่ได้ฟังจากปากเลขาฯผู้น่าสงสาร
“เรื่องของกู มึงอย่ายุ่ง”
เขากดตัดสายพร้อมเข่นเขี้ยว นี่เนตรดาวไว้ใจฉัตรบรรณขนาดเล่าเรื่องนั้นให้ฟังเชียวหรือ เขาไม่ชอบความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจ้านายเลย
ฉัตรบรรณยิ่งแล้วใหญ่ ตัวเองมีคู่หมั้นอยู่แล้วยังมาสนิทสนมกับหญิงอื่น แม้จะเป็นเลขาฯก็ตาม
เนตราดาวหยีตา เอามือป้องแดดมองดูเขา ชวินทร์ยืนกำโทรศัพท์นิ่ง สายที่โทรมาคงเพิ่มโทสะให้ร้อนยิ่งขึ้น แล้วเธอจะเข้าหน้าขอให้เขาพากลับบ้านได้อย่างไร คิดแล้วเท้าก็พาเดินเรื่อยเปื่อยห่างจากเขาออกทุกที
ความคิดเรื่องอยากหนีแวบกลับมาในสมอง แต่อีกความคิดยังค้านไม่เลิก ชวินทร์เป็นแฟนเธอจริงๆ นะ เพราะคนทั่วไปไม่ห่วงใยขนาดไปเฝ้าที่โรงพยาบาล จ่ายค่ารักษา จัดหาที่อยู่ ล้วนเป็นเรื่องยุ่งยากทั้งนั้น
เธอไม่ชอบความเผด็จการของเขา แต่ลึกๆ แล้วก็รู้สึกว่าเขาพึ่งพาได้ แต่ผู้ชายที่มารบกวนในความฝันนั่นละ เขาคือใคร ดูเหมือนชวินทร์จะไม่ชอบเขาด้วย หรือเธอในตอนนี้จะนอกใจ
เนตราสั่นศีรษะไล่เจ้าความคิดร้ายนี้ออกเสีย เธอเชื่อในความซื่อสัตย์ของตน ไม่ว่าจะเป็นสมัยมหาวิทยาลัยหรือหกปีต่อมา เธอรักเดียวใจเดียว เนตรามีแค่ชวินทร์ ไม่เคยมองชายอื่น
รัก...ใบหน้าเธอซับสีเลือด เมื่อระลึกได้ถึงเรื่องเมื่อคืน ชวินทร์กับเธอเข้ากันได้ดี เขาทั้งรุนแรงและอ่อนหวาน จูบเธอหลายต่อครั้ง
พร่ำเรียกชื่อเธอหลายต่อหลายหน ซึ่งทุกครั้งก็ทำใจเธออ่อนยวบ ละลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟ
ชวินทร์กับเธอทำสิ่งที่คนรักกันทำจริงๆ ไม่ใช่แบบเธอ ใช้เล่ห์กลฝ่ายเดียวแบบสมัยเป็นนักศึกษา เขาเป็นของเธอ และเธอก็เป็นของเขา ใจเนตราชื้นขึ้นเมื่อประจักษ์ความจริงข้อนี้
เพียงข้อเดียวก็แทบลบล้างความคลางแคลงใจทุกสิ่ง ส่วนที่เหลือเพียงรอความทรงจำเดิมกลับมา เธอก็จะรู้เองว่าเกิดอะไรขึ้น และผู้ชายในฝันนั้นเป็นใคร
“แดดร้อนแล้ว กลับเถอะ” เธอสะดุ้ง เมื่อชวินทร์มายืนข้างหลัง
“ดาวเพิ่งหายป่วย เดี๋ยวจะไม่สบายอีก”
ชวินทร์ยื่นมือจับแขนดึงมาอยู่ใต้เงากายเขา การมีใครสักคนเคียงข้างมันดีอย่างนี้นี่เอง เนตราในอีกหกปีข้างหน้าคงคิดเหมือนกัน
“กินเค้กไหม สั่งกลับบ้านได้ที่เคาน์เตอร์เลยนะ”
“ไม่เอาล่ะ”
ตอนนี้อยากนอนมากกว่า เพราะมีเรื่องให้ใจตื่นเต้นระรัวตั้งแต่เช้า พอทุกอย่างคลี่คลายเธอจึงอยากพักผ่อน
“ผมซื้อไปแช่ตู้เย็นไว้ให้ เผื่อดาวหิว”
สิ่งละอันพันละน้อยเช่นนี้ ทำเนตราตื้นตันใจ ชวินทร์เป็นแฟนเธอจริงๆ นั่นแหละ แม้เผด็จการไปบ้าง คนไม่รัก ไม่สน จะใส่ใจกันขนาดนี้เชียวหรือ
“เอาเค้กสตรอว์เบอร์รี่เหมือนเดิมหรือเค้กส้ม ร้านนี้ทำน่ากินด้วย งั้นซื้ออย่างละชิ้นดีกว่า”
ชวินทร์ชวนคุยไปเรื่อย พาเธอกลับสู่ร้านกาแฟ ดอกเฟื่องฟ้าชมพูสดบนซุ้มประตูไหวต้องลม ตัดกับผนังร้านขาวสะอาด กลิ่นหอมกาแฟโชยชื่น
ทุกสิ่งดูสวยงามเหลือเกิน หากเป็นภาพยนตร์ เนตราอยากจะให้ฉากนี้เป็นตอนจบ ไม่อยากให้มีอะไรเซอร์ไพรส์เธออีกเลย ...ขอล่ะ
“ไม่เจอกันกี่ปีนะ หกปีแล้วใช่ไหม นายเป็นยังไงบ้าง”ฟลุ๊คถามไถ่เริ่มต้นบทสนทนา“ก็ดี ฉันดูแลกิจการครอบครัว”“ถามจริงกับดาวนี่ นายกะจริงจังกับเขานานขนาดไหน”นิ้วเรียวแกร่งที่กำลังจะกดปุ่มเลือกกาแฟจากตู้ชะงัก ดวงตาฟลุ๊คแสดงความไม่เชื่อใจฉายชัด“ถามอย่างนี้มีเคืองนะเว้ย มาต่อยกันดีกว่า”ชวินทร์มองหน้าอีกฝ่ายหมิ่นๆ“ไม่เอาล่ะ ขืนต่อยนายดาวจะพาลโกรธฉัน ฉันกับพวกสาวๆ เป็นห่วงดาว ถ้านายคิดจะเล่นๆ กับเขาก็พอได้แล้ว”เขาพุ่งตัวมา สองมือกระชากคอเสื้อฟลุ๊ค เพื่อนเนตราดาวเตี้ยกว่าเขานิดหน่อย จึงกลายเป็นต้องเขย่งเท้า“อย่าพูดหมาๆ แบบนี้อีก”ชวินทร์กัดฟันกรอด“พูดเรื่องจริงต่างหาก เมื่อหกปีก่อนตอนดาวเสียใจก็มีพวกฉันนี่แหละที่อยู่ปลอบใจ ตอนนั้นนายยังไปง้อแจงอยู่เลย” อีกฝ่ายไม่กลัวเขาเสียด้วย คิดว่าเป็นไงเป็นกัน ถ้าต้องมีเรื่องก็พร้อม“เออ เรื่องตอนนั้นฉันยอมรับผิด แต่ตอนนี้ไม่เหมือนตอนนั้น ฉันจริงใจกับดาว”“ฉ
ชวินทร์กลับบ้านตอนห้าโมงเย็น เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุด เตรียมไปเฝ้าเนตรา คนรับใช้รีบรายงานเขาทันทีว่ารัชนีรออยู่ในห้องนั่งเล่น มีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา“อาการเขาเป็นยังไงบ้าง เด็กคนนั้นที่ชื่อดาวน่ะ”เนตราเล่าว่าโดนไล่ออก ชวินทร์ไปไล่เบี้ยกับฉัตรบรรณ พบว่าคำสั่งมาจากฉวีวรรณ ฉัตรบรรณรอคุยกับมารดาช่วงเช้า แต่ท่านก็เลี่ยงด้วยเหตุผลไม่สบายสองหนุ่มวิเคราะห์กันว่ามารดาทั้งสองรวมหัวกันเล่นงานเนตรา เขาไม่แปลกใจนักที่ท่านรู้เรื่องเธอเข้าโรงพยาบาล“ฟื้นแล้วครับ ยังปวดหัวนิดหน่อย เพราะซ้ำรอยแผลที่เคยแตกเดิม”รัชนีพยักหน้า“แน่ใจแล้วเหรอกับคนนี้น่ะ แม่เห็นเขาหาแต่เรื่องเดือดร้อน เสียชื่อเสียง”“แล้วคนยังไงละครับที่คุณแม่ชอบ แบบแจงหรือเจมี่”ดวงตาภายใต้คิ้วเข้มวาวขึ้นทันใด เมื่อนึกถึงสิ่งสองคนนั้นทำ“อย่าประชดแม่นะ”นางเอ็ด แต่ลูกชายไม่สน“ถ้าเป็นดาว เขาจะไม่ทำให้ใครเจ็บตัว ว่าร้ายใครก็ไม่เคย”“ลูกตีค่าผู้หญิงคนนี้สูงไปหรือเปล่า”
“ใครกันมาแต่ไก่โห่”บิดาตวาดด้วยอารมณ์กำลังขึ้น คนรับใช้หน้าเสีย“เขาบอกว่าเป็นลูกน้องเฮียไช้ค่ะ” ชื่อที่ได้ยินทำเอาชะงัก“คุณยังติดต่อกับไอ้เสี่ยนั่นอยู่เหรอ”ภรรยาเบ้ปากอย่างรังเกียจ“ไหนว่าคืนเงินที่ยืมมันหมดไปแล้วไง”สามีหลบตา เดินออกประตูไปหาแขกที่มิได้เต็มใจต้อนรับ“คุณเดี๋ยวก่อนสิ กลับมาพูดกันก่อน!”มารดาดุลยาร้องไล่หลัง“ใครมาหาพ่อคะแม่”“เสี่ยเจ้าของบ่อนที่พ่อแกไปยืมเงินไงล่ะ”นางตอบเสียงสะบัด“ไหนคุณพ่อบอกว่าเล่นพนันนิดๆ หน่อยๆ ไงคะ”บิดาเธอชอบแบบนี้ ท่านมีเพื่อนก้วนที่เล่นกันประจำ โดยเล่าว่ากินเงินกันขำๆ“นิดหน่อยกับผีล่ะสิ เป็นหนี้เสี่ยนั่นทีเป็นสิบล้าน ถามทีไรก็บอกแต่ว่าคืนแล้ว นี่ไม่รู้รอบใหม่เอามาอีกเท่าไร”ดุลยาอึ้งกับความจริงในฐานะครอบครัวที่ยอบแยบมากกว่าที่คิด“พ่อแกก็เป็นแบบนี้ บริหารงานรึก็ไปไม่รอด ญาติคนอื่นก็รอจะฮุบบริษัท”มาร
“แล้วนี่ละพี่”ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเข้ามาพร้อมโทรศัพท์มือถือเครื่องคุ้นตา“ทั้งไลน์ที่ส่งให้คุณเจมี่ คุณแจง ทั้งรูปถ่าย”ฉัตรบรรณรับมาสไลด์ดูช้าๆ ชัดๆ พร้อมกับคิ้วที่ค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน ภิรมย์เหงื่อแตกอ้าปากพะงาบๆ“อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะคุณแปง คือ...”“รูปนี้ของผมกับดาวมาอยู่ในกล้องพี่ได้ยังไง”ชายหนุ่มเปิดรูปที่เขาปลอบเนตรดาวในวันที่เธอร้องไห้“...พี่เซฟรูปมาจากที่เขาแชร์กันมา”โธ่เอ๋ย! เธอน่าจะตั้งรหัสโทรศัพท์ตั้งแต่แรก เป็นผลจากความกลัวจำไม่ได้ ประมาทว่าจะไม่มีใครยุ่งกับของตัว“แล้วในไลน์ล่ะ”ฉัตรบรรณกดไปดูแอปพลิเคชั่นแชทสุดฮิตในทันใด แชทกลุ่มเจมิลลากับดุลยาปักหมุดไว้บนสุด เขาไล่สายตาตามบทสนทนาทุกบรรทัด ดุลยาเป็นตัวเสี้ยม ภิรมย์เป็นลูกคู่ ช่วยกันวางแผนบงการให้เจมิลลาไปทำเรื่องต่างๆ“ยังมีที่ไปปั่นเฟซอีกค่ะ”เจ้านายกดปิดหน้าจอ เพราะข้อมูลเพียงแค่นี้ก็เพียงพอต่อการตัดสินใจแล้ว“พี่ไปเซ็นใบลาออกที่เอชอาร์ได
ชื่อสายเรียกเข้าจากจอมือถือทำดุลยาสะดุ้ง เธอสูดหายใจลึกรวบความกล้าส่งเสียงรับ“ไงคะโน้ต”“คุณแสบมากนะ ทำร้ายคนที่ผมรัก”...คนที่ผมรัก ยิ่งทำใจดุลยาร้อนรุ่ม แต่เธอไม่ใช่เด็กสาวอ่อนวัย จนกรีดร้องเก็บอารมณ์โกรธเกรี้ยวไว้ไม่อยู่“แจงไม่ได้ทำอะไรนะ แค่อยู่ในเหตุการณ์เฉยๆ เจมี่ต่างหากเป็นคนลงมือ เขาหึงคุณแปง”“แล้วใครล่ะที่คอยยุเขา คุณไม่ใช่เหรอ”“อย่ามากล่าวหากันนะ!”ดุลยาไม่เคยทำอะไรผิด ทุกอย่างเพราะสถานการณ์บังคับ หรือไม่ก็กดดันจนเธอต้องตัดสินใจทำอย่างนั้น หญิงสาวหาเหตุผลเข้าข้างตนเองได้เสมอ“ไปสอบสวนเจมี่โน่น”“ผมทำแน่”เขาย้ำเยือกเย็น แต่ดุลยาใจดีสู้เสือทำไม่กลัว“แล้วคุณจะได้รู้ว่าเจมี่เพ้อเจ้อขนาดไหน เขาน่ะเด็กเลี้ยงแกะตัวจริง เรียกร้องความสนใจ รู้เรื่องความแสบของเจมี่สมัยอยู่อเมริกาไหม”“ผมไม่อยากฟังจากคุณ จะคุยกับเจ้าตัวเอง”อย่างน้อยดุลยาก็ปล่อยพิษที่เรียกว่าความค้างคาใจไว้ให้เขาแล้ว
เนตรากะพริบตาปริบๆ เห็นเท้าตนกำลังยืนอยู่บนพื้นที่นุ่มมาก สีขาวและบางเบาเรี่ยข้อเท้า ราวอยู่บนเมฆ ลมอ่อนพัดโชย กลิ่นสดชื่นเหมือนฝนตกใหม่ เธอกำลังก้าวขาไปข้างหน้าเรื่อยๆ ตรงหน้าปรากฎคนคู่หนึ่ง“พ่อคะ...แม่”เธอวิ่งถลาเข้าไปหา เหมือนเวลาเด็กอนุบาลมีพ่อแม่มารับหลังเลิกเรียน ท่านทั้งสองโอบกอดเนตราอย่างอบอุ่น น้ำตาเธอไหลพรากอย่างไม่อาย“หนูคิดถึงพ่อแม่ที่สุด”หญิงสาวบอกอู้อี้กับปกเสื้อพ่อ ซึ่งชื้นด้วยน้ำตา จำได้ว่าตัวนี้สวมให้กับมือก่อนนำร่างท่านบรรจุโลง“พ่อกับแม่ไม่ได้ไปไหน เราอยู่กับลูกเสมอในความทรงจำ”แม่ยิ้มละไม มือลูบศีรษะเธอด้วยความรัก“หนูอยากอยู่กับพ่อแม่”การที่ได้เห็นทั้งสองแบบนี้ แสดงว่าชีวิตเธอดับไปแล้วแน่ และที่นี่คงเป็นสวรรค์ แม้ไม่มีนางฟ้า เทวดา ไม่มีทิพยวิมาน แต่ขอแค่มีพ่อแม่ลูก แค่นั้นก็พอแล้ว“ยังจ้ะดาว ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน”เนตราเงยหน้ามองแม่แบบเหวอๆ ท่านยกนิ้วแตะริมฝีปาก“หนูต้องเจอเรื่องต่างๆ อีกเยอะแยะ เข้มแข็