แชร์

ตอนที่ 2 ครอบครัวบ้านนอก

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-09 12:14:22

จ้าวหยู่ฟางรออยู่ที่บ้าน ในขณะที่สองสาวตามพ่อของพวกเธอไปสมัครเรียนในโรงเรียนมัธยมข้างกองทัพหวั่นอิ๋น โรงเรียนที่นี่มีนักเรียนไม่เยอะและเป็นโรงเรียนที่นักเรียนส่วนมากจะเป็นลูกหลานของคนในกองทัพ ไม่มีค่าเล่าเรียน เพียงแต่มีค่าอุปกรณ์เล็กน้อย

ฉินเสี่ยวหรานกำลังกรอกเอกสาร ด้านหน้าของเธอเป็นครูธุรการที่ประสานงานด้านการเข้าเรียน "ฉินเสี่ยวหรานหรือจ๊ะ ครูเป็นครูธุรการของที่นี่มีปัญหาอะไรแจ้งได้ คนอื่น ๆ จะเรียกครูว่าครูลู่จ้ะ"

"สวัสดีค่ะ"

"ฝากคุณครูดูแลเด็ก ๆ ด้วยนะครับ พวกเธอมาจากต่างมณฑล ภาษาการพูดแตกต่างจากคนที่นี่" ฉินหานรีบบอก มีหลายคนที่พูดภาษาท้องถิ่น ยิ่งเฉพาะเวลาต้องการนินทาใครสักคน

"ยินดีค่ะ"

"คุณครูลู่คะ ที่นี่มีนักเรียนเยอะหรือไม่คะ" ฉินเสี่ยวหรานถามด้วยความสงสัย เนื่องจากข้างในเป็นโรงเรียนที่ใหญ่พอสมควร แต่ไม่เห็นว่าแถวนี้จะมีบ้านคน

"ห้องเรียนละสามสิบคนจ้ะ"

"อ๋อ"

ฉินเสี่ยวหรานพยักหน้าและก้มหน้ากรอกเอกสารต่อ เนื่องจากเธอย้ายมากลางคันจึงต้องทำเอกสารเยอะกว่าคนอื่น แต่ว่าใช้เวลาไม่นานทุกอย่างก็เสร็จแล้ว

"อีกสองเดือนข้างหน้าเข้ามาเรียนได้เลย หากเอกสารตกหล่นครูจะติดต่อไปยังพันตรีฉินนะคะ" ครูธุรการลู่กล่าว

"ค่ะ"

จัดการเอกสารการเรียนเสร็จแล้ว สามพ่อลูกก็เดินเท้าไปยังแหล่งซื้อขายที่ต้องใช้เวลา มันอยู่คนละทางกับสถานีรถไฟและยังไกลกว่า ถ้าซื้อของชิ้นใหญ่ต้องใช้รถยนต์ แต่ว่าทั้งสามแค่ต้องการซื้อของเข้าบ้าน

รัฐบาลประกาศการค้าเสรีแล้ว ร้านค้าต่าง ๆ เริ่มผุดขึ้นมา และมีการยกเลิกการใช้คูปอง แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่กล้าเสี่ยง ร้านค้าที่นี่ยังมีไม่มาก แต่มีของใช้ในบ้านขาย สหกรณ์ของที่นี่มีของหลายอย่าง

ฉินเสี่ยวหรานมองกระดาษที่จดรายการของสำคัญมา แม่ของพวกเธอให้เงินมาซื้อของยี่สิบหยวน ถือว่าเป็นเงินจำนวนมาก แต่ในสายตาของเธอเงินแค่นี้มันยังน้อยนัก

"พี่สาวใหญ่" ฉินเสี่ยวหลิงเอ่ยเรียก "อันนี้ใช่น้ำปลาที่แม่บอกให้ซื้อไหมคะ แต่สีมันเข้มและกลิ่นมันแปลก ๆ ฉันไม่มั่นใจ" เธอหยิบไหเล็กขึ้นมาให้พี่สาวดู

"ซีอิ๊ว"

"เอ๋ แต่มันไม่เหมือนที่อำเภอเลยนะคะ"

"ใช่ เครื่องปรุงถึงแม้ว่าจะเรียกเหมือนกัน แต่ว่ารสชาติและกลิ่นไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด เธอต้องดมกลิ่นและเลือกซื้อของดี ๆ" แม้จะเหมือนกันมากแค่ไหนฉินเสี่ยวหรานก็แยกมันออกได้

"ค่ะ"

"เงินพอหรือไม่ พ่อมีเงินอยู่กับตัว ถ้าไม่พอมาเอาไปใช้ก่อน ไม่ต้องบอกแม่" ฉินหานเดินเข้ามาหาลูกสาว เงินที่ว่าไม่ได้ปิดบังแม่ แต่เป็นเงินที่จ้าวหยู่ฟางเอาให้สามีติดตัวเอาไว้ซื้อของ เวลาออกไปทำภารกิจจะได้มีเงินใช้

"พอค่ะ"

นอกจากเครื่องปรุง อาหารแห้งก็เป็นสิ่งที่จำเป็น และมีหลายอย่างที่สามารถทำให้อาหารมีรสชาติได้ ระหว่างหยิบของใส่ตะกร้า ฉินเสี่ยวหรานคำนวณราคาไปด้วย ไม่ให้มันเกินกับเงินที่เอามา

"กว่าจะมาถึงที่นี่ต้องใช้เวลา และคงไม่มีเวลาได้มาบ่อย ๆ ลูกซื้อเผื่อเอาไว้ด้วย แต่ถ้าอยู่ได้ไม่นานก็ไม่ต้องซื้อเยอะ พ่อจะมาซื้อให้เอง"

"ค่ะ"

หยิบของใส่ตะกร้าครบแล้วจ่ายเงินหมดไปเพียงครึ่งเท่านั้น แต่ว่าต้องซื้อหม้อ จาน ชาม และของที่ใช้ในครัว พบว่าเงินที่ได้มาหมดพอดี

"แม่จะไม่ว่าพวกเราใช่ไหม เงินตั้งยี่สิบหยวนมันไม่น้อยเลย พ่อต้องทำงานเกือบเดือนถึงจะได้มันมา" ฉินเสี่ยวหลิงมีสีหน้าเครียด เธอไม่คิดว่าจะซื้อเยอะขนาดนี้

“ไม่หรอก พ่อคะพวกเรากลับกันเถอะค่ะ"

"อืม"

เป็นช่วงเวลาบ่ายแล้ว พวกเธอออกมาตั้งแต่เช้า ตอนนี้แม่คงรออยู่ ยังดีที่เมื่อเช้าพ่อไปซื้ออาหารในโรงอาหารเอาไว้ให้แม่ ไม่อย่างนั้นพวกเธอคงต้องรีบกลับบ้าน

เดินผ่านร้านผ้า ฉินเสี่ยวหรานหยุดเดินทันที เธอมองพ่อและน้องสาวที่เดินนำหน้าเพื่อกลับบ้านพัก ก่อนจะส่งเสียงบอกและเดินเข้าไปในร้านม้วนผ้า "พ่อคะ หนูอยากดูผ้า"

จิตวิญญาณของเธอคือการเป็นดีไซเนอร์ และในแต่ละวันเธอต้องยุ่งอยู่กับกองผ้าหรือกองกระดาษ เมื่อมาที่นี่ สิ่งที่เธอได้เรียนรู้เป็นสิบ ๆ ปีจะทิ้งไปได้อย่างไรกัน ไม่รอช้าเธอเดินเข้าไปหาม้วนผ้าที่เธอเห็นและหยุดดู

"ผ้าม้วนนี้ทางร้านเพิ่งรับมาจากมณฑลอื่น สาวน้อยเธออยากได้หรือไม่ ราคาเพียงสิบหยวนเท่านั้น มีชุดตัดเย็บให้ด้วย" ผู้หญิงหน้าตาดีแต่ว่ามีอายุแล้วเดินเข้ามาหาพร้อมแนะนำผ้า

เฉินเสี่ยวหรานมองม้วนผ้าอย่างชั่งใจ หากเธอซื้อ เงินเก็บที่มีก็หมดแล้ว "ยังมีม้วนผ้าอื่นที่มีชุดเครื่องตัดเย็บให้หรือไม่คะ"

"ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้ว มีชุดเดียวเท่านั้น ถ้าเธอไม่เอา เย็นนี้จะมีลูกค้ารายใหญ่ของร้านเข้ามาซื้อไป แต่ถ้าขายแยกมันมีอยู่แล้ว สู้ซื้อชุดนี้ไปเลยจะดีกว่า" ผู้หญิงที่มาดูแลยังคงแนะนำ

"เอาชุดนี้ก็ได้ค่ะ"

ในที่สุดฉินเสี่ยวหรานก็เลือกซื้อม้วนผ้า ไม่รู้ว่าเป็นการตลาดของทางร้านหรือไม่ แต่ถ้าไม่ซื้อ ในใจของเธอกลับบอกว่าเธอจะเสียใจ จึงซื้อเอาไว้ก่อน ส่วนเงินเก็บเธอตัดเย็บชุดขายก็ได้แล้ว

"พันตรีฉินหรือ"

ฉินเสี่ยวหรานมองตามเสียงที่ได้ยิน เห็นพ่อของเธอทำความเคารพก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นคนมียศสูงกว่า จึงทำความเคารพตามและเดินมายืนข้างน้องสาวที่อยู่ข้างหลังพ่อ

"ท่านนายพล พันโทเว่ย"

"ในใบรายงานเห็นบอกจะกลับมาอีกทีเดือนหน้าไม่ใช่หรือครับ ทำไมพันตรีฉินถึงมาก่อนกำหนดได้" เป็นทหารที่เด็กกว่าเอ่ยถามด้วยความสนใจแถมยังมองมายังสองพี่น้องด้วยความเอ็นดู

"ลูก ๆ ของผมต้องย้ายมาเรียนที่นี่ครับ จึงคิดว่ากลับมาก่อนกำหนดคงดีกว่า" ฉินหานตอบหัวหน้าที่เขาสังกัดอยู่ พันโทเป็นผู้ชายที่อายุสามสิบปีแต่มีความสามารถโดดเด่น

"เย็นนี้กองทัพจัดงานเลี้ยงต้อนรับทหารที่พาครอบครัวย้ายมาอยู่ที่นี่ ไหน ๆ ก็มาแล้ว พันตรีฉินพาครอบครัวเข้าร่วมงานเลี้ยงเย็นนี้ด้วยสิ จะได้รู้จักกับคนอื่น" นายพลเว่ยบอก

"ครับ ผมจะพาครอบครัวเข้าร่วมงานเลี้ยงเย็นนี้" ฉินหานพยักหน้า งานเลี้ยงในกองทัพไม่ได้มีบ่อย และถ้าเข้าร่วม บางทีภรรยาอาจมีเพื่อนพูดคุยระหว่างอยู่ที่นี่

"เอาละ พวกเราขอตัวก่อน เจอกันครับ"

"เจอกันครับ"

สามพ่อลูกรีบกลับบ้าน หาเสื้อผ้าที่จะไปงานในวันนี้ พ่อของพวกเธอมีชุดอยู่แล้วเพราะจะใส่ชุดประจำตำแหน่ง แต่ฉินเสี่ยวหราน น้องสาว และแม่ ยังต้องหาเสื้อผ้าใส่

"เข้าร่วมงานเลี้ยงหรือคะ"

"ครับ งานเลี้ยงในกองทัพหวั่นอิ๋นไม่ได้มีบ่อย คุณเพิ่งมาที่นี่วันนี้ ถ้าได้เพื่อนพูดคุยคงดีไม่น้อย เวลาลูกไปโรงเรียนจะได้ไม่เหงา" ฉินหานอธิบายให้ภรรยาฟังระหว่างแต่งตัว

ฉินเสี่ยวหรานมีเครื่องสำอางที่ใช้แต่งไปเรียนพอดีจึงแต่งหน้า "ยังดีนะคะที่ก่อนจะมาที่นี่แม่ตัดชุดใหม่ให้ ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่มีชุดเข้าร่วมงานแล้ว"

"นั่นสิ"

"จริง ๆ แม่ว่าไม่ต้องแต่งตัวมากก็ได้นะ" จ้าวหยู่ฟางไม่ชอบแต่งหน้าแต่ถูกลูกสาวบังคับให้แต่งหน้า

"โธ่แม่คะ พ่อบอกนาน ๆ ทีในกองทัพจะจัดงาน พวกเราจะน้อยหน้าไม่ได้นะคะ" ฉินเสี่ยวหลิงบอก เธอกำลังแต่งหน้าอยู่ข้าง ๆ พี่สาว เครื่องสำอางมีเพียงไม่กี่อย่าง

"เฮ้อ"

ใช้เวลาแต่งตัวราว ๆ สองชั่วโมง สมาชิกบ้านฉินจึงมาถึงหน้างานเลี้ยง สายตาคนในงานหันมาจับจ้อง ฉินหานและฉินเสี่ยวหรานชินกับสถานการณ์แบบนี้ แต่ไม่ใช่ฉินเสี่ยวหลิงกับจ้าวหยู่ฟางผู้เป็นแม่

"ฉินเสี่ยวหลิง"

ฉินเสี่ยวหลิงยิ้มแห้ง จากที่ยืนข้างหลังขยับมายืนข้างพี่สาว "คนเยอะมาก ทำไมพวกเขาถึงมองมาที่เราด้วยสายตาแบบนั้นล่ะคะ หรือว่าพวกเราทำอะไรผิด"

"ไม่มีอะไรหรอก"

โกหกทั้งนั้น สายตาที่มองมาเป็นการดูถูกพวกเธอชัด ๆ และฉินเสี่ยวหรานยังได้ยินเสียงแว่ว ๆ ว่าครอบครัวบ้านนอกอีก หากไม่ต้องการรักษาหน้าพ่อ เธอคงเดินเข้าไปถามแล้ว

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 40 ครอบครัว (จบบริบูรณ์)

    เจ็ดปีแล้วที่ลิลลี่ ลลิลิล ได้มายังที่นี่ ได้ใช้ชีวิตเป็นฉินเสี่ยวหราน จากเด็กมัธยมปลายที่ตามพ่อแม่จากต่างเมืองมาใช้ชีวิตในกองทัพ สู่เจ้าของร้านเสื้อผ้าหรานหลิงที่เป็นที่จดจำของผู้คน มามีครอบครัวที่อบอุ่นสี่ปีที่ฉินเสี่ยวหรานได้แต่งงานมีครอบครัว หลังน้องสาวแต่งงานออกไปฉินเสี่ยวหรานก็ย้ายกลับมาอยู่บ้านใหญ่ดูแลพ่อแม่ ทุกคนอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสามปีสำหรับการมีฉินเสี่ยวเว่ยลูกชายตัวน้อยของฉินเสี่ยวหรานกับเว่ยเซียว เขาเป็นแก้วตาดวงใจของบ้าน และฉินเสี่ยวหรานไม่ได้มีลูกเพิ่มด้วยประชากรที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในแต่ละปี รัฐบาลจึงมีนโยบายลูกคนเดียว ยกเว้นชาวบ้านตามชนบทที่อนุญาตให้มีลูกสองคน ในกรณีลูกคนแรกไม่ใช่ลูกชาย อันที่จริงหากฉินเสี่ยวหรานอยากมีลูกคนที่สองเธอสามารถมีได้แต่ฉินเสี่ยวหรานต้องการทุ่มเทให้ลูกชายคนเดียวของเธอมากกว่า หากมีลูกก็ต้องหยุดทำงานไปอีก และฉินเสี่ยวหรานไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น ไหน ๆ ก็มีลูกชายแล้ว"ฮ่า ๆ เสี่ยวเว่ยชิมนี่ดูสิ" ฉินเสี่ยวหรานยื่นแตงโมให้ลูกชายด้วยความเอ็นดู"แม่ ผมอยากกินแอปเปิล" ฉินเสี่ยวเว่ยส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็วฉินเสี่ยวหรานถอนหายใจ "แอปเปิลมัน

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 39 ปี 1987

    ฉินเสี่ยวเว่ยตามแม่ไปทำงานที่ร้านเสื้อผ้าทุกวัน และกลายเป็นดาวเด่นของร้าน ด้วยความที่เป็นเด็กพูดเก่ง ไม่งอแง และขี้อ้อน ลูกค้าที่มาซื้อเสื้อผ้าโดนเด็กชายตกแบบงง ๆ เวลาตามแม่ของเขามาทำงานก็จะได้รับขนมติดมือมาตลอดแต่ฉินเสี่ยวหรานไม่ได้ให้ลูกของเธอกินขนมพวกนี้ เนื่องจากว่าเป็นขนมที่เด็กไม่ควรกิน อีกทั้งไม่รู้ว่าคนให้ใส่อะไรมาบ้าง ป้องกันได้ก็ควรป้องกันเอาไว้ก่อน และฉินเสี่ยวเว่ยก็รับของมาทุกวันวันไหนที่ลูกชายของฉินเสี่ยวหรานออกมาหน้าร้านก็จะมีลูกค้ามามุงดู แต่ถ้ามาที่ร้านแต่อยู่ภายในห้องก็เยอะเหมือนกันแต่ไม่ได้เยอะขนาดนั้นวันที่เจ็ด เดือนมีนาคม ปี1987 เหยาหนานและบ้านเหยามาสู่ขอฉินเสี่ยวหลิงไปเป็นสะใภ้ หลังฉินเสี่ยวหลิงตกลงคบหากับเหยาหนานได้หนึ่งปีเต็ม ต้องบอกว่าบ้านเหยานั้นรีบมาก กลัวจะไม่ได้ฉินเสี่ยวหลิงเป็นสะใภ้ ถึงขั้นมาขอหมั้นตั้งแต่ที่รู้ว่าทั้งสองคบกันแรก ๆ ด้วยซ้ำเพียงแต่ฉินเสี่ยวหรานถามน้องสาวแล้ว และทั้งสองลงความเห็นกันว่ารออีกหน่อย รอให้ฉินเสี่ยวหลิงใช้ชีวิตอีกสักปี และพอครบพวกเขาก็รีบมาทันทีครั้งนี้ฉินเสี่ยวหรานอนุญาต น้องสาวของเธอได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระและพร้อมที่จะมีสามีแ

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 38 กลับไปทำงาน

    ฉินเสี่ยวหรานต่อเติมคูหายื่นออกมาจากตึกร้านเสื้อผ้าหรานหลิงเพื่อใช้ในการเปิดร้านขายดอกไม้ ซึ่งดอกไม้ที่นำมาขายเป็นดอกไม้ในที่ดินของสามีฉินเสี่ยวหรานเอง แต่ว่าสองสามีภรรยาเปิดร้านนี้ให้พ่อแม่ฉิน โดยที่ช่วยจ่ายค่าอื่น ๆ แต่พ่อแม่ของฉินเสี่ยวหรานรับเงินเพียงเท่านั้นที่จริงแล้วทั้งสองไม่คิดว่าจะขายดอกไม้ด้วยซ้ำ แต่ว่าดอกไม้ที่ได้พันธุ์มาจากสวนผักของโรงแรมในตอนนั้นเกิดขายดีขึ้นมา และเพาะปลูกไม่ทันจึงนำดอกไม้ที่ปลูกในไร่ออกมาขาย ใครจะคิดว่ามันก็ขายได้ จึงเกิดเป็นธุรกิจใหม่ร้านดอกไม้ที่ไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่ว่าในแต่ละวันมีรายได้เดือนละมากกว่าร้อยหยวน เงินส่วนต่างจ้าวหยู่ฟางเก็บไว้ให้หลานชายทั้งหมดในตอนนี้ฉินเสี่ยวเว่ยอายุสองขวบแล้ว ฉินเสี่ยวหรานที่ติดลูกชายก็ได้ฤกษ์กลับไปทำงานสักที ตลอดสองปีที่ผ่านมาถึงแม้จะดูแลทางเบื้องหลังมาตลอด แต่ฉินเสี่ยวหรานก็ไม่ได้เข้าไปดูหน้าร้าน เพราะบางครั้งคนเยอะก็ไม่อยากให้ลูกชายไป อีกอย่างแม่ของเธอยังสนับสนุน ไป ๆ มา ๆ ก็เข้าสองปี"วันนี้จะเอาเสี่ยวเว่ยไปด้วยหรือ แม่ว่าลูกไปทำงานก่อนไหม ตอนบ่ายแม่จะพาหลานไปที่ร้านเอง" จ้าวหยู่ฟางมองหลานชายที่แม่ของเขาแต่งตัวใ

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 37 ฉินเสี่ยวเว่ยหนึ่งขวบ

    เผลอแป๊บเดียวฉินเสี่ยวเว่ยก็อายุหนึ่งขวบแล้ว เป็นหนึ่งปีที่บอกได้ว่าฉินเสี่ยวหรานไม่ได้ไปทำงานนอกบ้าน เธออยู่บ้านเลี้ยงลูกเองหนึ่งปีเต็ม ๆ เนื่องด้วยว่าจู่ ๆ ช่วงหลังมานี้น้ำนมค่อนข้างเยอะมาก ถ้าไปทำงานกลัวว่าเชื้อโรคข้างนอกจะติดตัวมาด้วย ฉินเสี่ยวหรานจึงมอบหน้าที่ตรงนี้ให้กับแม่ของเธอแทนบ้านฉินไม่พลาดที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองครบหนึ่งปีของฉินเสี่ยวเว่ย หลังจากงานเลี้ยงจบมัธยมปลายของฉินเสี่ยวหลิงเมื่อกลางปีที่แล้ว บ้านฉินก็ไม่ได้มีงานเลี้ยงอะไรอีก วันนี้จึงจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ฉินเสี่ยวหลิงเดินหน้าทำงานในหน่วยแพทย์ของกองทัพ ตอนนี้ได้รับการเลื่อนยศแรกของหน่วยแพทย์แล้ว รอสอบเลื่อนขั้น ที่สำคัญคือเธอมีผู้ชายมาตามจีบคน ๆ นั้นไม่ใช่คนอื่นที่ไหน เป็นเหยาหนานที่ไปรับภารกิจนอกกองทัพนานหลายปี มาเจอฉินเสี่ยวหลิงที่วันฉลองการจบการศึกษาถึงได้ตามจีบ โดยมีคุณนายเหยากับพันโทเหยาผู้เป็นพ่อแม่สนับสนุนฉินเสี่ยวหรานไม่ได้ต้องการจัดงานใหญ่โต แต่ว่าพอนับดูจำนวนคนแล้วได้เป็นร้อยคน ฉินเสี่ยวหรานรู้ว่าการทำอาหารมันเหนื่อยมาก รอบนี้ถึงได้แตกต่างจากครั้งอื่น ตรงที่ว่าฉินเสี่ยวหรานนั้นจ้างแม่ครัวมาทำอาหารให้ อาหาร

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 36 ฉินเสี่ยวหลิงเรียนจบแล้ว

    ช่วงเวลาที่ฉินเสี่ยวหรานคิดว่าผ่านไปเพียงไม่นาน แต่ว่าลูกชายของเธอก็ได้หกเดือนแล้ว และฉินเสี่ยวหลิงน้องสาวของเธอก็เรียนจบมัธยมปลาย ยังจำปีนั้นที่เข้ามาเรียนได้อยู่เลย เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆฉินเสี่ยวหลิงชื่นชอบในวิชาแพทย์ ได้ศึกษางานมานานถึงสามปี จึงตัดสินใจที่จะไม่เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย และขอขมาพ่อแม่รวมถึงพี่สาวที่ไม่อาจไปเรียนต่อตามความหวังได้ เพราะงานในกองทัพที่เธอทำจนอยู่ตัวไม่ต้องผ่านการประเมินก่อน ที่สำคัญไม่มีการทดสอบ รวมถึงเงินเดือนที่ได้รับก็ได้เป็นจำนวนมาก สวัสดิการก็ดีสำหรับฉินเสี่ยวหรานกับพ่อแม่ พวกเธอไม่ได้ว่าน้องสาวในเรื่องนี้ การที่อีกฝ่ายตัดสินชีวิตของตัวเองได้แล้ว มีเพียงการสนับสนุนเท่านั้นฉินเสี่ยวหรานอุ้มลูกชายวัยหกเดือนนั่งตรงโต๊ะที่สั่งทำ พร้อมกับวางจานอาหารให้เขาได้จับกิน มันเป็นการกินชนิดหนึ่งพ่อแม่ไม่ต้องป้อนและสอนให้เขากินข้าวเป็นตลอดหกเดือนที่่ผ่านมาเธอเลี้ยงลูกด้วยวิธีของตนเอง อาหารที่บำรุงน้ำนมที่เขาว่าดีก็ให้แม่ทำให้ ช่วงหลัง ๆ มาพอจะมีน้ำนมบ้างก็ไม่ให้ดื่มนมผง เป็นหกเดือนที่ฉินเสี่ยวหรานบำรุงตัวเองจนมีเนื้อมีนวลและสามีคอยตามหวง"เสี่ยวเว่ย น้าเล็กทำ

  • ดีไซเนอร์สาวทะลุมิติมาเปิดร้านเสื้อผ้าในปี 1980   ตอนที่ 35 ลูกชายตัวอวบอ้วน

    แต่ก่อนการคลอดลูกในเดือนธันวาคมเป็นอะไรที่ลำบากมาก นอกจากอากาศที่หนาวแล้วยังต้องอด ๆ อยาก ๆ แต่ค่านิยมของคนในชนบทก็คือยิ่งมีลูกเยอะยิ่งดียังดีที่ฉินหานกับภรรยาเล็งเห็นว่าตรงนี้คือปัญหาที่ทำให้บ้านลำบาก พอมีลูกคนที่สองเป็นผู้หญิงเขาก็ไม่ได้มีคนที่สามต่อ เรื่องนี้จึงเป็นอีกเรื่องที่บ้านของเขาถูกคนอื่นมองว่าแปลก ยิ่งไม่มีลูกชายยิ่งต้องมีลูกเพิ่มในตอนนี้บ้านฉินมีเงินแล้ว ไหนจะบ้านของสามีที่รับขวัญหลานหลายพันหยวน จึงไม่ได้ลำบากอะไร ในบ้านเต็มไปด้วยความอบอุ่นจากปล่องไฟที่ฉินเสี่ยวหรานออกแบบมาเอง และภายในตัวบ้านคืออบอุ่นมากฉินเสี่ยวหรานคลอดลูกชายตัวอวบอ้วน ตั้งชื่อว่าฉินเสี่ยวเว่ย ฉินเสี่ยวมาจากแซ่และชื่อตัวแรกของแม่ ส่วนเว่ยมากจากแซ่ของพ่อ ในตอนแรกฉินเสี่ยวหรานจะตั้งว่าฉินเสี่ยวเซียว แต่พอคิดอีกทีเอาฉินเสี่ยวเว่ยจะดีกว่าฉินเสี่ยวเว่ยคลอดมาได้เพียงสิบวันเหล่าคุณย่า คุณยายต่างเดินทางมารับขวัญหลาน แต่ละคนที่รับขวัญหลานนอกจากบ้านเว่ยแล้ว แต่ละคนล้วนให้ไม่ต่ำกว่าร้อยหยวน ซึ่งมันเป็นเงินจำนวนมาก"ดูสิ ตั้งแต่ออกมาก็ตัวอวบอ้วนแล้ว ตอนนี้ยังดื่มนมเก่งตุ้ยนุ้ยเชียว" คุณนายเว่ยที่อาบน้ำเสร็จแล้วเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status