แต่แล้วคำพูดที่กำลังจะถูกส่งผ่านออกมาจากริมฝีปากอิ่มนั้น ก็ต้องถูกกลืนลงไปในลำคอทันที เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่ทำอุกอาจกับตน ดวงตากลมโตสีดำสนิทส่งประกายสดใสราวนิลน้ำดีเบิกกว้างขึ้น ริมฝีปากอิ่มเผยอออกอัตโนมัติ ไม่ใช่ว่าสาวน้อยกำลังเห็นภูตผีปีศาจหรอกนะ แต่เป็น...
โอ้... พระเจ้า นี่เขาเป็นมนุษย์เดินดิน หรือเทพบุตรบนฟ้ากันเนี่ย หัวสมองน้อยๆ เบลอไปหมด ฝัน… หล่อนต้องกำลังฝันอยู่แน่ ผู้ชายอะไรหล่อเป็นบ้า
“นี่เธอ จะยืนมองหน้าฉันไปอีกนานแค่ไหนไม่ทราบ”
เสียงทุ้มต่ำ แต่ทว่าดุดันดังขึ้น ทำให้ดลลดารู้สึกตัว สาวน้อยมองไปยังประตูที่เปิดออกตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ป้ายบอกชั้นบอกว่าเป็นชั้นที่ 25 แล้ว ดลลดาหันไปมองที่ร่างสูงอีกครั้ง ก่อนกะพริบตาปริบๆ
อย่าบอกนะว่า เทพบุตรคนนี้คือ...
ดลลดากลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ อย่างฝืดๆ
“ขอโทษค่ะ”
“จะหลีกทางให้ฉันได้รึยัง”
เสียงทุ้มเมื่อสักครู่ เริ่มเปลี่ยนเป็นกระด้าง ตามอารมณ์ของผู้พูด ดลลดาหลีกทางให้ร่างสูงใหญ่ เป็นสง่างามในชุดสูทสีดำทันที
ชวนนท์ต้องถอนหายใจไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ ที่ต้องมาพบกับแม่สาวหน้าใสนี่ แววตาดุดันปรายตามามองดล-ลดาเพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนจะก้าวขายาวๆ ผ่านหน้าหล่อนไป
ดลลดาเดินตามชายหนุ่มไปอย่างคนที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวดีนัก เมื่อชวนนท์เข้าห้องไปเรียบร้อยแล้ว อรอนงค์ที่เห็นหญิงสาวเดินมา ก็ถาม
“ดรีมทำไมวันนี้มาสายล่ะจ๊ะ”
แต่คำถามของอรอนงค์กลับเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของดลลดาไป สาวน้อยไม่ได้ยินที่อรอนงค์พูด ทำให้อรอนงค์ต้องเรียกดลลดาซ้ำอีกครั้ง
“ดรีม ดรีมได้ยินที่พี่พูดรึเปล่า” ด้วยเสียงของอรอนงค์ที่ดังขึ้นกว่าเดิม ทำให้ดลลดาสะดุ้งนิดๆ
“คะ พี่อรว่าอะไรนะคะ”
“พี่ถามว่าทำไมวันนี้มาสายล่ะจ๊ะ เป็นอะไรไปไม่สบายรึเปล่า”
“เอ่อ... เปล่าค่ะเปล่าดรีมไม่ได้เป็นอะไรค่ะ เพียงแต่วันนี้รถติดก็เลยมาสายค่ะ สงสัยพรุ่งนี้ต้องเผื่อเวลามากกว่านี้ จะได้ไม่สาย”
“ดีจ้ะ คุณฌอห์น เอ่อ... คุณชวนนท์ไม่ชอบคนมาสาย เมื่อกี้พี่เห็นเราเดินตามหลังคุณฌอห์นมา ขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกันมาเหรอจ๊ะ”
“ใช่ค่ะ ดรีมวิ่งเข้าบริษัทมาเจอเขาในลิฟต์อยู่ก่อนแล้ว”
ดลลดาไม่ได้เล่าเหตุการณ์หลังจากนั้นให้อรอนงค์ฟัง ยังไม่ทันที่สองสาวจะสนทนากันต่อ เสียงอินเตอร์คอมก็ดังขึ้น
“คุณอร เดี๋ยวคุณเข้ามาหาผม พร้อมเด็กฝึกงานคนใหม่ด้วยนะ”
เสียงทุ้มๆ ของชวนนท์ดังขึ้น
“ค่ะเจ้านาย” อรอนงค์ตอบรับ แล้วหันมาบอกให้ดลลดาทราบ ก่อนจะพากันเข้าไปหาชวนนท์ อรอนงค์เคาะประตูห้องที่มีป้ายชื่อบอกไว้ว่าเป็นห้องท่านประธาน และได้ยินเสียงทุ้มตอบอนุญาตให้เข้าไป
“เชิญ”
ชายหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังอย่างดีสีน้ำตาล หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เขานั่งพิงพนักเก้าอี้สบายๆ สายตาคมกริบดุจมีดโกนกำลังจ้องมาที่สองสาว
“คุณอร แนะนำเด็กฝึกงานใหม่หน่อยสิ”
ริมฝีปากบางเฉียบ ได้รูปสวยของเขาเรียกร้องให้ดลลดามองตาม
“เจ้านายคะ นี่คือ ดลลดา ฤทธาภิวัฒน์ค่ะ ดรีมเขาจะมาช่อยอร 3 เดือนค่ะ”
“อืม... แล้วคุณได้บอกเขาเกี่ยวกับกฎระเบียบของพนักงานบ้างไหม อยู่ที่นี่ไม่ว่าจะเป็นเด็กฝึกงานหรือพนักงานชั่วคราว ก็ต้องปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ที่บริษัทกำหนดเหมือนกันทุกคน”
น้ำเสียงที่เข้มงวดนั้น ทำให้อรอนงค์ก้มหน้าลงเล็กน้อย ดลลดาชำเลืองมองที่อรอนงค์ แอบเห็นพี่อรของหล่อนกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนตอบ
“อรยังไม่ได้บอกค่ะ ก็ไม่คิดว่าวันนี้น้องเขาจะมาสาย”
“งั้นวันนี้คุณเอากฎระเบียบพนักงานของบริษัทมาให้เขาอ่านด้วย”
“ค่ะเจ้านาย”
“คุณออกไปได้แล้ว และเตรียมรายงานการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เรื่องของมิสเตอร์ราฟให้ผมด้วย แล้วผมจะเรียกอีกที ส่วนเธอ ฉันมีเรื่องจะพูดด้วย”
ชวนนท์บอกกับอรอนงค์ ก่อนจะหันมาบอกดลลดาให้อยู่ต่อ อรอนงค์ตอบรับเบาๆ และเดินออกไป
เมื่อต้องอยู่กับชายหนุ่มสองต่อสอง ใจของดลลดาก็เริ่มเต้นผิดปกติ
“ทำไมถึงมาสาย”
สาวน้อยปรายตามองสบดวงตาคมกริบของชายหนุ่ม
“รถติดค่ะ”
คำตอบสั้นๆ แต่ได้ใจความของเธอ ทำให้คิ้วเข้มๆ ของชวนนท์เลิกขึ้น
“บ้านเธออยู่ไหน กรุงเทพฯ รึเปล่า”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วทำไมเธอถึงไม่เผื่อเวลาให้มากกว่านี้ ในเมื่อเธอก็ต้องรู้ว่ากรุงเทพฯ รถติดขนาดไหน” ชวนนท์เสียงดังขึ้นกว่าเดิม
“ดรีมขอโทษค่ะ คราวหลังดรีมจะเผื่อเวลาให้มากกว่านี้ค่ะ” ริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อกล่าวขอโทษเขาเบาๆ
ชวนนท์ ไล่สายตาคมตั้งแต่เส้นผมสีดำเป็นเงางามของเธอ ที่ตอนนี้ถูกรวบไว้เป็นหางม้าอยู่ด้านหลังศีรษะสวยได้รูป ดวงหน้ารูปหัวใจหวานล้ำ แก้มเนียนใสที่ไม่ได้ถูกแต่งเติม ดวงตากลมโต ที่ซ่อนอยู่ใต้แพขนตางอนยาว จมูกโด่งเล็กได้รูป รั้นขึ้นนิดๆ จนมาถึงริมฝีปากอิ่มเต็มสีชมพูระเรื่อ ชวนนท์ไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองแอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอได้ลำบากขึ้นกว่าเดิม ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินอ้อมโต๊ะทำงานตัวใหญ่มาหยุดอยู่หน้าหญิงสาว สายตาคมมองกราดไปที่ชุดนักศึกษาที่ดลลดาสวมอยู่
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอไม่จำเป็นต้องสวมชุดนักศึกษามาทำงาน เพราะฉันไม่ชอบเห็นเด็กนักเรียนที่ไม่มีประสบการณ์มาทำงานในบริษัทของฉัน”
ริมฝีปากหยักลึกยิ้มพราย เมื่อคิดว่าจะมอบสร้อยเส้นนี้ให้ภรรยาสุดที่รักเอาไว้ใส่เล่น ส่วนเครื่องเพชรที่เขามอบให้หล่อนก่อนหน้านั้น ค่อยเก็บเอาไว้ใส่เฉพาะเวลาออกงาน เมื่อคิดได้ดังนั้นชายหนุ่มก็กำสร้อยเส้นนั้นเอาไว้ในมือ และเดินออกมาจากห้องนอนด้วยกางเกงตัวเดียว เปลือยอกกว้างกำยำทรมานใจสาว ดวงตาคมกริบหรี่ลง พร้อมกับส่งประกายวาววาม เมื่อเห็นร่างบางของดลลดาอยู่ในชุดเสื้อนอนตัวยาวตัวเดียว ความยาวของมันปิดลงมาแค่ต้นขาขาวอวบ ชายหนุ่มค่อยๆ สาวเท้าเข้าไปใกล้ร่างบางโดยไม่ให้หญิงสาวรู้ตัว แล้วอ้อมแขนแข็งแรงก็สอดเข้าไปรวบเอวบางเอาไว้ “อุ๊ย! พี่ฌอห์น ตกใจหมดเลยค่ะ” ดลลดาบอก และเบี่ยงหน้าหนีจมูกและปากร้อนๆ ที่ซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอหอมกรุ่น “ดรีมทำอะไรอยู่จ๊ะ” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบถามที่ข้างใบหูหอมกรุ่น “ดรีมกำลังทำข้าวต้มกุ้งค่ะ พี่ฌอห์นหิวหรือยังคะ” เสียงหวานๆ ถาม แต่มือบางก็ยังหยิบจับโน่นนี่ไม่หยุดหย่อน ชวนนท์ไม่ตอบ มือใหญ่ยกขึ้นแบมือให้หญิงสาวดูสิ่งของที่อยู่ในมือ ดวงตากลมโตของหญิงสาวหลุบลงมองสร้อยเส้นเล็ก น่ารักๆ ในมือใหญ
ชวนนท์หัวเราะชอบใจ ถ้าได้เจอหลานชายคนนี้ คงต้องตบรางวัลให้อย่างงามเสียแล้ว “แล้วพี่ฌอห์นจะไปฮันนีมูนเมื่อไหร่ครับ” “ก็คงเร็วๆ นี้ล่ะ เพราะช่วงนี้งานที่บริษัทไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่ ถ้าไง ก็ฝากนายเลี้ยงหลานด้วยก็แล้วกันนะ” ชวนนท์ถือโอกาสฝากฝังลูกๆ ซะเลย “แล้วจะไปที่ไหนกันเหรอครับ ถ้ามีโอกาสผมจะได้พาหนูจันทร์ไปบ้าง” “เกาะส่วนตัว ไว้แกค่อยไปหลังจากฉันกลับมาแล้วกันนะ แต่ฉันขอบอกก่อนเลยว่า บรรยากาศสุดยอด ธรรมชาติ น้ำทะเลสีคราม ท้องฟ้ากว้างใหญ่ มีฝูงนกนางนวลบินถลาเล่นลม เสียงคลื่นซัดสาด และทำสำคัญมีแค่เราสองคน” ชลาทิศหัวเราะลั่น กับคำพรรณนาของพี่ชาย จนเขาอยากไปร่ำๆ เสียแล้ว “อย่างนี้กลับมา คงมีหลานผมติดท้องมาอีกแน่นอนเลย” “อ้าว... ก็ต้องอย่างงั้นอยู่แล้ว ไม่งั้นจะไปทำไมล่ะ” ชวนนท์บอก และเสียงหัวเราะอย่างครื้นเครงของสองพี่น้องก็ดังแข่งกันเป็นระยะๆ ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี “ราม ระวังหน่อยนะลูก มันอันตราย” ชัชรินทร์พาร่างอวบของตัวเอง ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ 5 เดือน เดือนอุ้ยอ้ายมาบอกอย่
ดลลดาส่งยิ้มเพลียๆ ให้คนรัก ก่อนจะหันไปรับร่างลูกน้อยที่นางพยาบาลจัดการทำความสะอาด และห่อด้วยผ้าขนหนูส่งมาให้ ดวงตาคู่สวยมีหยาดน้ำตาคลอเบ้า ก่อนจะไหลออกมาเป็นทางด้วยความปลื้มปิติ ลูกของเธอหน้าเหมือนพ่อเดี๊ยะ จะเหมือนเธอก็คงเป็นแค่ริมฝีปากที่อิ่มเต็มน่ารักเท่านั้น “จะให้น้องมีชื่อว่าอะไรดีคะ” นางพยาบาลสาวถามยิ้มๆ “ชวดลค่ะ ลูกที่เกิดจากมนตราแห่งความรักระหว่างพ่อกับแม่ พ่อชื่อชวนนท์ แม่ชื่อดลลดา ฉะนั้นลูกของเราต้องชื่อชวดลค่ะ” ดลลดาเป็นฝ่ายบอกพยาบาล และชวนนท์ก็เห็นด้วย ดลลดาส่งลูกน้อยให้ชวนนท์ได้อุ้มบ้าง คุณพ่อมือใหม่ดูจะเก้ๆ กังๆ ไปบ้าง แต่ก็สามารถอุ้มลูกได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มจรดปลายจมูกโด่งกับแก้มของลูกน้อยอย่างรักใคร่ จริงอย่างที่ดลลดาบอก ลูกคนนี้เกิดขึ้นจากมนตราแห่งรักของเขาและหล่อนแท้ๆ และชวนนท์ก็ตั้งใจแล้วว่า จะต้องใช้มนตราแห่งรักให้กำเนิดลูกๆ ตามมาอีกหลายๆ คน “ปี้โดม เอาก๋องเดียมาเดี๋ยนี้นะ” เสียงเล็กใส ของหนูน้อยวัย 2 ขวบ ครึ่ง มีนามว่าชญานิศ หรือน้องเดียร์ดังลั่นบ้าน “อันนี้ของพี่ ไม
4 เดือนต่อมา ณ สนามบินสุวรรณภูมิ “เดินทางโดยปลอดภัยนะลูก” คุณชิดกมลอวยพรบุตรสาวและบุตรเขย ที่กำลังจะย้ายสำมโมครัวไปอยู่ไกลถึงอิตาลี เพราะหน้าที่การงานของราฟ ทำให้ไม่สามารถสร้างครอบครัวที่นี่ได้ กว่าที่ทุกคนจะเกลี้ยกล่อมชัชรินทร์ได้ก็กินเวลานานหลายเดือน กำหนดการเดิมของราฟ ที่ว่าเมื่อแต่งงานเสร็จก็จะพาชัชรินทร์บินกลับอิตาลีทันที เป็นอันต้องยืดเยื้อมานานถึง 4 เดือน แต่ชายหนุ่มก็ต้องเบาใจ เมื่อชัชรินทร์ยินยอมย้ายไปอยู่อิตาลีโดยดี ไม่งั้นเขาเองคงต้องลำบากย้ายบ้านย้ายที่ทำงานมาอยู่ที่เมืองไทยเป็นแน่ “ค่ะแม่ แล้วเชอรี่จะมาเยี่ยมแม่บ่อยๆ นะคะ” ชัชรินทร์บอก ก่อนจะหันไปหาพี่ชายทั้งสอง และพี่สะใภ้ทั้งสองที่ตั้งครรภ์หมดแล้ว ต่างกันที่ระยะครรภ์เท่านั้น เหลือแต่หญิงสาวที่กำลังสงสัยว่าตัวเองตั้งครรภ์เพราะประจำเดือนขาดไป 1 เดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้ตรวจให้แน่ใจ “พี่ฌอห์นคะ พี่ชาร์ลคะ เชอรี่ฝากคุณแม่ด้วยนะคะ” ใบหน้างามไม่แจ่มใสนัก ดวงตาคู่สวยของชัชรินทร์มีน้ำตาคลอเบ้าตา แต่ไม่ได้ไหลออกมา “ไม่ต้องห่วงทางนี้นะเชอรี่ เราน่ะ
“พี่ชาร์ล รูดซิปให้หนูจันทร์หน่อยสิคะ หนูจันทร์รูดเองไม่ถึง” ชลาทิศยิ้มบางๆ มือใหญ่ค่อยๆ รูดซิปลงจนสุดสาย และรั้งชุดเจ้าสาวแสนสวยลงช้าๆ ดวงตาคมกริบกวาดตามองไล่ไปตามเรือนร่างอรชรอวบอิ่มของหล่อน นานแล้วที่เขาไม่ได้แตะต้องเรือนร่างนี้ เพราะคิดว่าบาดแผลผ่าตัดของหญิงสาวยังไม่หายดี “หนูจันทร์” เสียงทุ้มที่เรียกชื่อหญิงสาวเริ่มสั่นพร่า มือใหญ่พลิกร่างบางที่ยืนหันหลังให้หันหน้าเข้าหาเขา “พี่ชาร์ล หนูจันทร์จะอาบน้ำ” เสียงหวานใสบอก แต่เบายิ่งนัก ราวกับคนพูดไม่มั่นใจ “ขอพี่ชื่นใจหน่อยได้ไหมคนดี พี่คิดถึงหนูจันทร์เหลือเกิน” ชลาทิศบอกกระเส่า มือใหญ่ปลดตะขอบราเซียสีขาวออก ทรวงอกอวบอิ่มดีดตัวออกมาทันทีที่ได้รับอิสระ ดวงตาคมกริบเพ่งมองความงดงามตรงหน้าอย่างหลงใหล แต่ก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยแผลผ่าตัดขนาดไม่ใหญ่นักบนทรวงอกด้านซ้าย ชลาทิศยกมือขึ้นลูบไล้ไปตามรอยนั้นเบาๆ อย่างทะนุถนอมยิ่งยวด ก่อนจะจรดริมฝีปากร้อนๆ ลงไปเบาๆ หลายครั้งติดๆ กัน “ไม่เจ็บแล้วนะคนดี หายแล้วนะ” คำพูดปลอบโยนที่แสนอ่อน
เจ้าบ่าวทั้งสามต่างก็ไม่รอช้า เมื่อได้โอกาส รวบเอวบางของเจ้าสาวเข้าหา และกดจุมพิตดูดดื่มลงกับเรียวปากนุ่มของเจ้าสาวทันที ทั้ง 3 คู่ 6 คน ในเวลานี้บอกได้คำเดียวว่า กำลังมองเห็นทุกสิ่งสรรพรอบกายเป็นสีชมพูไปหมดแล้ว ความสุขที่ต้องรอคอย ต้องแลกกับความทุกข์แสนสาหัส กว่าจะได้มาซึ่งวันนี้ วันที่ทุกคนมีความสุขโดยพร้อมเพรียงกัน ศศิวิมลยังคงอยู่ในชุดเจ้าสาวแสนสวย นั่งอยู่บนสตูตัวเล็กหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หญิงสาวมองเข้าไปในกระจกเงา เห็นผู้หญิงสาวสวยในชุดเจ้าสาวดูคล้ายกับเป็นเจ้าหญิงน้อยๆ ใบหน้าอิ่มเอิบมีความสุขล้ำ ที่ส่งออกมาให้เห็นผ่านแววตาที่เป็นประกายเจิดจรัส ในที่สุดศศิวิมลก็มีวันนี้ วันที่จะได้เริ่มต้นใช้ชีวิตคู่กับคนรัก วันที่เปลี่ยนนามสกุลจากวิริยะเจริญ มาเป็นอัครเดช-ไพศาล และเป็นวันที่ต้องเปลี่ยนคำนำหน้าจากนางสาวกลายเป็นนาง แม้ว่าเจ้าหน้าที่ทางอำเภอจะบอกว่าไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้ถ้าไม่อยากเปลี่ยน แต่ศศิวิมลอยากเปลี่ยน เธออยากรับรู้ถึงการมีคู่ครองให้ครบทุกอณูความรู้สึก ในเมื่อรักกันและยินดีจะใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว ทำไมจะต้องปิดกั้นตัวเองอี