เวลาช่วงบ่ายผ่านไปอย่างเชื่องช้า ณิชชามองดูนาฬิกาบ่อยครั้งจนรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะหมกมุ่นและเสียมารยาทมากจนเกินไป แต่งานการทุกอย่างก็ออกมาดี เรียกว่าพร้อมสำหรับการรีโนเวทและเปิดตัวโรงแรมใหม่แห่งนี้ทันที
ส่วนใหญ่หญิงสาวจะทำงานกับเลขาของสาคเรศและตัวสาคเรศเอง เพราะในที่สุดก็มีการพูดคุยกันแล้วว่า โรงแรมแห่งนี้จะอยู่ในการบริหารของ บริษัท ชลจิรา โฮเท็ล จำกัด (มหาชน) ภายใต้การดูแลของสาคเรศ
เธอมองไปที่เจ้านายตัวเองเป็นพักๆ แล้วก็นึกดีใจที่ภัสสรายังอยู่ตรงนั้น ตรงข้างกายของเจ้านายเธอไม่ห่าง หญิงสาวแทบอยากจะเป็นสะพาน เป็นนางนกต่อ เป็นแม่สื่อให้สองคนนี้เลยด้วยซ้ำ
...จะได้ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน...
เมื่อเห็นว่าหลายคนเข้าไปในร้านอาหารร้านเดิมซึ่งตอนเย็นจะมีขายแอลกอฮอล์ด้วย ซึ่งก็ดูไวน์ขวดหนึ่งของที่ร้านแห่งนี้จะเป็นตัวเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ดีของเจ้านายเจ้านายของเธอกับลูกสาวผู้มีอิทธิพล
เมื่อเห็นอย่างนั้นณิชชาภาวนาให้คืนนี้ภัสสราค้างที่นี่ซะเลย อย่างน้อยก็จะได้เป็นตัวกันไม่ให้เธอต้องไปอยู่ใกล้ชิดกับไอ้เจ้านายสารเลวนั่น
ณิชชากระหยิ่มยิ้มในใจ ก่อนจะเดินเข้าห้องพักของตัวเองไป หลังจากทำความสะอาดร่างกายเสร็จ หญิงสาวก็มานอนคุยโทรศัพท์กับ
ชินวุฒิบนเตียงอยู่นานระหว่างนั้นจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นไปหยิบไวน์พื้นบ้านที่ธารากานต์หยิบเอามาจากไร่ที่ตัวเองทำงานมาด้วยหญิงสาวยิ้มน้อยๆ เมื่อมองไวน์ในมือแล้วนึกไปถึงสายตาของธารากานต์และพัฒนศักดิ์ที่มองกันเมื่อตอนที่เขามารับหญิงสาวกลับ มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่า ทั้งคู่กำลังตกอยู่ในวังวนของความรัก
แต่ดูเหมือนจะมีคนผิดหวังนะ...หญิงสาวยิ้มเยาะออกมา
เธอบอกลาคนอยู่กรุงเทพฯ แต่ยังคงลิ้มรสหวานของไวน์ที่ได้มาแก้วแล้วแก้วเล่า
วันนี้มีความสุขมากจริง ๆ จะนอนอยู่แล้ว แต่มือยังไม่ละไปจากแก้วไวน์เลย
แต่...
กริ๊ก...
“คุณ?” หญิงสาวตาโตเมื่อเห็นว่า ใครเข้ามาในห้อง ประสบการณ์คราวก่อนสอนให้เธอปิดล็อกทุกประตูที่มีในห้องแล้ว ไม่มีทางที่ใครหรืออะไรที่ไม่ใช่เธอจะเข้ามาในห้องนี้ได้หากว่าเธอไม่อนุญาต
และมั่นใจได้เลยว่า...เธอไม่เคยคิดจะอนุญาตให้เขาเข้ามา
“อะไร ทำตาโตซะขนาดนั้น”
“คุณเข้ามาได้ยังไงน่ะ”
“ฉันเป็นเจ้าของโรงแรมนี้แล้ว ลืมหรือไง มาสเตอร์คีย์ของที่นี่ก็อยู่ที่ฉันแล้ว โง่!”
“นี่ ด่าฉันเหรอ” ตาที่โตอยู่แล้วยิ่งโตขึ้นไปใหญ่
“หึ”
“?” หญิงสาวงงเป็นไก่ตาแตก แล้วก็ต้องตกใจจนหัวใจเต้นผิดจังหวะเมื่อเขาทิ้งตัวลงมาบนเตียงข้างกับเธอ
“แล้วเข้ามาทำไม ออกไปนะ ฉันจะนอน”
“ฮึ” ร่างหนาทำเสียงแค่นั้น แล้วหลับตาลงกลิ่นไวน์โชยออกมาจากลมหายใจ
“นี่ กลับไปนอนที่ห้องคุณสิ เฮ้ย!!!” หญิงสาวร้องเสียงลั่นด้วยความตกใจเมื่อแขนหนัก ๆ พาดลงมาที่ร่างของเธอไม่เบานัก และยังดึงเธอลงมานอนแทบจะอยู่บนหมอนเดียวกัน จากนั้นก็ทำตัวแข็งทื่มไม่ยอมขยับอีกด้วย
“ถ้าเธอไม่นอนหลับตอนนี้ ฉันจะทำให้เธอไม่ต้องนอนเลย จะเอายังไง”
“นอนก็นอนสิ ห้ามทำอะไรนะ รักษาคำพูดด้วย”
“นอน” เสียงทุ้มต่ำสั่งออกมา มือก็คว้าแก้วไวน์ในมือหญิงสาวไปวางไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียง
นั่นแหละถึงได้ทำให้ณิชชาหลับตาปี๋ ความรุ่มรวยในรสชาติของไวน์นั้นหายไปหมดแล้ว ร่างบางนอนนิ่งไม่กล้าขยับร่างแม้แต่น้อย แล้วไม่นานนักลมหายใจของชลาสินธุ์ก็สม่ำเสมอ แต่อีกคนสิ เหมือนถูกปลุกให้ตื่นจนตาค้างไปแล้ว กว่าจะเคลิ้มหลับลงได้อีกทีก็เกือบสว่าง
ณิชชากำลังพิมพ์จดหมายลาออก ในใจก็คิดว่าแล้วจดหมายที่ส่งไปก่อนหน้านี้มันหายไปไหน ทำไมต้องพิมพ์ใหม่ เธอพยายามมองหาอย่างไม่เข้าใจ ตอนนั้นเองที่หญิงสาวรู้ตัวว่า ร่างทั้งร่างของตัวเองเปลือยเปล่า และการพิมพ์งานครั้งนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก ทำให้เหงื่อกาฬโทรมกาย ต้องหอบหายใจอย่างหนัก เมื่อพิมพ์งานเสร็จก็ตระเตรียมนำใส่ซอง แล้วเอาไปให้เขาในห้องทำงาน ชลาสินธุ์เดินออกมาจากโต๊ะทำงานก่อนที่ณิชชาจะไปถึง เขารับเอกสารพร้อมจับมือของณิชชาเอาไว้ด้วย ก่อนจะดึงให้ร่างบางหยุดนิ่ง แล้วยื่นหน้ามาใกล้บดบี้ริมฝีปากบางนั้นอย่างรุนแรง
หญิงสาวดิ้นรนพยายามหันหน้าหนีแต่กลับรู้สึกว่าร่างกายขยับลำบากราวกับมีบางอย่างทับเอาไว้ ให้ขยับไม่ได้ หายใจก็ไม่ค่อยออก เสียงกรีดร้องถูกเก็บงำไว้อย่างมิดชิดที่ลำคอ ณิชชาได้แต่ต่อสู้ในความเงียบงันนั้น เพื่อที่จะรู้ว่า มันไร้ประโยชน์
ลิ้นหนาตวัดคล่องอยู่ในปากจนมันฉ่ำชื้น และร้อนผ่าว ณิชชาเริ่มอ่อนแรงลงทุกทีกระทั่ง ชลาสินธุ์ผลักเธอให้ล้มลงสู่เตียงนุ่มที่ไม่มีอยู่จริงในห้องทำงานของเขา ความรู้สึกเจ็บแปลบเริ่มรังควานร่างเล็กอีกหนเมื่อเขานัวเนียที่ซอกคอของเธอด้วยตอหนวดแข็ง ๆ ที่ไม่ได้โกนมาหลายวัน
“อื้อ...” หญิงสาวเจ็บจนทนไม่ไหว เธองัวเงียลืมตาขึ้นมา
...โธ่เอ๊ย ฝันเนี่ยนะ?... “อ๊ะ...”
ความจริง?
เป็นความจริงที่เจ้าของตอหนวดแข็ง ๆ กำลังอยู่บนร่างของเธอทั้ง ตัว
“อื้อ อย่า...”
ความฝัน?
อีกฝ่ายทำเสียงฮึดฮัดในลำคอเมื่อได้ยินเสียงห้าม ก่อนจะตัดความรำคาญด้วยการปิดปากบาง ๆ นั้นเสีย รอยจูบนั้นเพิ่มความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ กลิ่นไวน์ยังคงอวลอยู่ในปาก มือหนาเลิกเสื้อขึ้นก่อนจะทาบลงบนหน้าท้องขาว ณิชชาจิกผ้าปูที่นอนจนแทบขาด ส่งเสียงประท้วงเพราะเริ่มหายใจไม่ออก ริมฝีปากร้อนจึงละจากปากบางให้เธอมีโอกาสตะครุบลมหายใจแล้วมาวุ่นวายอยู่กับเม็ดสีชมพูสวยบนหน้าอกกลมกลึง เสียงที่คัดค้านเมื่อครู่กลายเป็นครางแผ่วเคลิบเคลิ้มไปทันที
“พี่ขอนะ...” เสียงดังแผ่วเลื่อนมากระซิบที่ข้างหู
“อืม...พี่?...พี่อัค...” ณิชชาครางแผ่ว สัมผัสที่ได้รับช่างชวนฝัน
นุ่มนวล...พี่อัคกลับมาหาณิชแล้ว...ถึงแม้จะเป็นเพียงความฝัน เธอก็จะโอบรับความฝันนี้ไว้...
หญิงสาวยิ้มน้อยๆ กรุ่นกลิ่นไวน์ช่างหอมหวาน เธอปล่อยให้สัมผัสแผ่วเบาดำเนินต่อไปตามแต่อีกคนจะควบคุม
ชลาสินธุ์ยกยิ้ม เขานุ่มนวลมากกับเธอมากเป็นพิเศษ พอใจกับเสียงหวานที่ครวญครางออกมา หึ ถ้าอยากให้เขาเป็นพี่อัคนัก เขาเป็นให้ก็ได้ ไว้ค่อยมาหาความจริงกันว่า พี่อัคของเธอเป็นใคร
ลิ้นร้อนแทรกเข้าในโพรงปากหวานแล้วตวัดสำรวจไปทั่ว ปากบางจูบตอบอย่างแผ่วเบา สลับส่งเสียงครางอย่างมีความสุข ชลาสินธุ์ยิ้มรับระหว่างนั้นก็จัดการปลดเปลื้องกางเกงนอนออกลงมือนวดคลึงเนินสวยจนเห็นว่าช่องทางนั้นเริ่มฉ่ำชื้นก็ส่งตัวตนของตัวเองเข้าไปอย่างช้าๆ
“อื้อ...” ลึกจัง หญิงสาวจับแขนของเขาเอาไว้ทั้งสองข้างคล้ายเรียกหาคำปลอบใจ
“ไม่เป็นไรนะ”
“อ๊ะ อื้อออ” ร่างบางส่งเสียงคราง เมื่ออีกฝ่ายพยายามจะทำให้เธอหายอึดอัดด้วยการช้อนแผ่นหลังร่างบางให้โค้งงอ แล้วก้มลงจูบที่หน้าท้องสวย ขึ้นไปที่ก้อนอกลมกลึง ก่อนจะเล่นสนุกกับยอดอกสีสวย
“อื๊อ...” ณิชชาเชิดหน้าหลับตาพริ้ม กัดริมฝีปากด้วยความกระสัน ร่างบิดไปมา
แล้วพี่อัคก็เธอก็เริ่มเคลื่อนกาย สะโพกหนาแข็งแรงโยกย้ายเข้าออก นุ่มนวลสลับหนักแน่น เร็วบ้างช้าบ้างตามแต่ใจปรารถนา
“อ๊า...พี่อัค...คิดถึง...” หญิงสาวพร่ำร้องออกมาร่างกายที่บัดนี้ไม่เหลือสิ่งใดปกปิดบิดเร่าจนอีกฝ่ายแทบจะถึงสวรรค์เพียงแค่เห็นท่าทาง
เย้ายวนนั้นหญิงสาวตอบโต้สะโพกของเขาอย่างรู้ทางกัน
หึ...ถ้ารู้ว่า ฉันเป็นพี่อัคแล้วเธอจะดีขนาดนี้ ฉันจะอ่อนหวานกับเธอตั้งนานแล้ว
“ซี้ด...” ชลาสินธุ์ครางเสียงต่ำอย่างเป็นสุข เมื่อช่องทางสวยงามของคนที่ยังไม่ยอมตื่นกลับบีบรัดอย่างน่าหลงใหล เขาออกแรงกระแทกกระทั้นจนร่างของณิชชาโยกโยน ก่อนจะก้มลงไปประกบจูบอย่างเร่าร้อน
เสียงครางหวานแหลมของณิชชาดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อชลาสินธุ์ย้ำถี่ ๆ ตรงจุดกระสัน ร่างบางรู้สึกเหมือนตัวเองจะขาดใจ
“พร้อมกันนะ ซี้ด...” ชลาสินธุ์กระซิบเบาๆ ที่หู ก่อนจะถอนแกนกายออกจากร่างบางจนเกือบหลุด แล้วกดกระแทกเน้น ๆ ลงไปอีกสองสามครั้ง แล้วทั้งคู่ก็ขึ้นสู่สรวงสวรรค์
สองร่างนอนกอดกันแน่น ลมหายใจหอบเป็นจังหวะเดียวกัน ชายหนุ่มค่อยๆ จูบซับเหงื่อของอีกฝ่ายจนค่อยๆ เหือดแห้ง แล้วก็เข้าสู่นิทราพร้อมกันไปอีกครั้ง
“คุณสินธุ์คะ” ภัสสราส่งเสียงเรียก พร้อมชูไม้ชูมือให้คนที่ถูกเรียกมองเห็นเธอได้อย่างชัดเจน
ชลาสินธุ์รู้สึกทึ่งกับหญิงสาวคนนี้ไม่น้อย เพราะตอนนี้พวกเขาอยู่กันในร้านอาหารร้านเดียวกับเมื่อคืน และรู้สึกว่า เขาจะไปจากที่นี่ไม่เกินสี่ชั่วโมงด้วยอาการเมามาย
แต่เธอก็กลับมาแล้ว
หญิงสาวในชุดเสื้อเกาะอกมีสายคล้องคอสีเหลืองทั้งชุดเปิดไหล่และเนินอกยิ้มกว้างให้กับเขา ก่อนจะแตะมือลงไปที่แขนของชายหนุ่มระหว่างที่เชิญให้เขานั่งไปพร้อมๆ กัน
ชลาสินธุ์มองโต๊ะอาหารที่มีอาหารเช้าอยู่เต็มโต๊ะน่าจะพอเลี้ยงคนได้สักสี่ห้าคน ทั้งที่มีเธอนั่งอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
ภัสสราพยักหน้าให้พนักงานเสิร์ฟนำกาแฟที่สั่งไว้ล่วงหน้ามาให้ชายหนุ่ม แล้วส่งสายตาไล่ให้ไปไกลๆ
“คุณสินธุ์คะ สรามีเรื่องอยากจะคุยกับคุณสินธุ์นิดค่ะ” เธอเริ่มเรื่องทันทีที่ทุกอย่างเรียบร้อย
“ครับ?”
“คือโรงแรมนี้น่ะค่ะ ถ้าคุณสินธุ์รีโนเวทเสร็จแล้ว สราขอเช่าชั้นบนสุดเป็นรายปีเลยได้ไหมคะ” หญิงสาวพูดพลางยื่นคลับแซนด์วิชชิ้นโตให้เขากินกับกาแฟด้วย “คือ...คุณสินธุ์จะคิดค่าเช่าแพงกว่าปกติก็ได้นะคะ สราไม่ว่าเลย” หญิงสาวรีบบอกเมื่อแห็นสายตาของชายหนุ่มออกจะไม่ค่อยมั่นใจ
“ขอเสียมารยาทถามได้ไหมครับว่า คุณสราจะเอาไปทำอะไรเหรอครับ”
“อ๋อ เอ่อ...คือ สราอยู่กับพ่อสองคนน่ะค่ะ แล้วคุณพ่อก็ขี้บ่นมาก ก็แบบ คนหวงลูกสาวน่ะค่ะ สราเลยอยากจะมีชีวิตส่วนตัวบ้าง ก็เลยว่าจะมาอยู่ที่นี่น่ะค่ะ ปกติสราก็แวะไปเรื่อย ไม่เป็นหลักแหล่ง แต่ถ้าคุณสินธุ์รีโนเวทที่นี่แล้วก็น่าจะดีจนสราไม่ต้องไปพักที่อื่นแล้วค่ะ”
“งั้นทำไมไม่เอาแค่ห้องเดียวล่ะครับ”
“แค่ห้องเดียวจะไปพออะไรล่ะคะ ไหนจะตู้เสื้อผ้า ร้องเท้า ห้องกินข้าวก็อยากจะแยก ให้สราทั้งชั้นเลยดีกว่าค่ะ เรื่องเงินสราไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“อย่างคุณสรา ใครจะสงสัยเรื่องเงินกันล่ะครับ” เขายิ้มติดตลก
“แล้วก็...”
“ครับ?”
อา...ดูเหมือนว่า หญิงสาวจะมีเรื่องคุยกับเขาเยอะซะจริง
“พอดีสรามีบริษัทรับเหมาก่อสร้างเล็ก ๆ อยู่น่ะค่ะ ไม่แน่ใจว่า ถ้าจะขอทำงานร่วมกับชลาจิรา เอ็นจิเนียริ่ง จะเป็นการอาจเอื้อมเกินไป
หรือเปล่า”“ไม่หรอกครับ คุณสรามีอะไรน่าสนใจก็ว่ามาได้เลยครับ ผมเองก็ไม่ได้มีคอนเนกชันอะไรแถวนี้ ถ้าได้คุณสรามาเป็นหุ้นส่วนก็จะดีมากเลย”
หญิงสาวยิ้มกว้าง ดวงตาเฉิดฉาย
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว