“ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย” หญิงสาวร้องลั่นเมื่อ สะโพกของเธอถูกยกขึ้นมาแล้วเขาก็เอาบางสิ่งบางอย่างใส่ลงไป “อ๊า...”
แล้ว ‘บางสิ่งบางอย่าง’ นั้น มันก็สั่น
“อ๊ะ อื๊อ...ฉันเจ็บนะ อื้อ...เอามันออกไป” ใบหน้าที่แนบกับโซฟานุ่มบอกกับเขาเสียงเขียว
“หือ...ไม่เอาน่า เธอก็รู้ว่าเจ็บแป๊บเดียวเท่านั้นแหละ เดี๋ยวเธอก็จะชอบแล้ว นี่ฉันเลือกวิธีการลงโทษที่เธอน่าจะชอบแล้วนะ”
“อ๊ะ...โอ๊ะ...ชอบบ้าอะไร นี่ลงโทษบ้าอะไรเนี่ย?!”
ใบหน้าของหญิงสาวแดงก่ำ ไอ้บ้านั่นแค่หัวเราะหึๆ แล้วนั่งอยู่ข้างๆ มือก็บังคับไอ้แทงยาวๆ ที่สั่นได้นี่ให้วนไปทั่วๆ ช่องทางสวยงามของเธออยู่อย่างนั้น
“อื๊อ...อย่า...อย่า อ๊ะ...อย่าขยับ อื๊อ” ตอนนี้ณิชชาเกร็งไปทั้งตัว กัดฟันแน่น ความรู้สึกวาบหวิวมันวิ่งพล่านไปทั่วร่าง อยากจะขยับหนีก็คงต้องตกโซฟาแน่ๆ
“อย่าโวยวายไปเลย เธอทำผิดเองนะ รอให้ลงโทษเสร็จก็พอแล้ว” ชลาสินธุ์พูด
“อ๊ะ...อื๊อ...ฉัน ฉันทำ...อ๊ะ...ฉันทำอะไรผิด” ณิชชาพยายามอย่างมากที่จะถามออกมาให้เป็นประโยคให้มากที่สุด
“จำได้ไหม ว่าฉันสั่งเธอว่ายังไง”
“อ๊า...” หญิงสาวกรีดร้องเสียงลั่น ตัวเกร็งจนเจ็บไปหมด เมื่อ
ชลาสินธุ์กดความแรงของตัวสั่นให้มากขึ้นไปอีก“อื๊อ...เอาออก ฮึก เอาออกก่อน ฉัน...อ๊ะ...ฉันไม่ไหว”
“ฉันบอกว่า อย่าไปพบกับไอ้ชินอีก แต่นี่เธอถึงกับไปหัวร่อต่อกระซิก กินข้าวกับมันอย่างมีความสุขเลยนะ คำสั่งของฉันมันเป็นแค่อากาศหรือไง”
“อ๊ะ...นั่นมันเรื่องส่วนตัวของฉันนะ อ๊าย!”
ร่างของหญิงสาวถูกพลิกให้นอนหงายทั้งที่ยังมีไอ้เจ้าตัวสั่นๆ นั้นอยู่ในร่างของเธอ
เขาดันขาทั้งสองข้างของเธอให้งอจนติดอก แล้วใช้มือข้างหนึ่งกดตรงปุ่มหฤหรรษ์ที่มั่นใจว่า ช่วงเวลาที่หญิงสาวทำงานที่นี่ มีเขาเพียง
คนเดียวที่รู้จักมัน“อื๊อ โอ๊ะ อย่า...” ณิชชาสะดุ้งเฮือกแล้วตัวก็บิดจนแทบจะเป็นเกลียว “อื๊อออ ได้โปรด” ร่างบางร้องเสียงหลงอีกหนเมื่อมือหนาขยี้จุดอ่อนของเธอด้วยน้ำหนักมือที่มากขึ้น ความเสียวซ่านที่วิ่งพล่านทั่วร่างทำให้เธอควบคุมร่างกายทุกส่วนไม่ได้เลย ปากก็ส่งเสียงร้อง คอก็ยืดเหยียด ลำตัวก็บิดม้วน
เจ็บไปทั่วร่าง ทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรเธอเลยสักนิด
“โอ๊ย!!!” มือหนาฟาดแรง ๆ ลงไปที่สะโพกขาวที่ลอยเย้ายวนอยู่ตรงหน้าเขา
“ลงโทษแบบนี้ ชอบไหม” ชลาสินธุ์ยกตัวกระซิบที่ริมหูก่อนจะกัดใบหูบางไม่เบาแรงนัก
“อื๊อ...มะ อ๊ะ...ไม่ชอบ อื้อ”
“ไอ้เลว ปละ...ปล่อยฉัน อึก นะ อ๊า...” หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อแท่งหฤหรรษ์ที่สั่นไม่เลิกนั้นถูกดันเข้าไปลึกขึ้นอีก
“ด่าฉันอีก ฉันจะเอาของฉันใส่เข้าไปแทน”
“ไอ้”
“ไอ้อะไร?”
“...” หญิงสาวไม่ตอบ แต่ตวัดสายตาโกรธเกรี้ยวไปให้
“หึ”
“อึก...พอเถอะ” หญิงสาวรู้สึกได้ว่าตัวเองทนกับการลงโทษนี้ไม่ไหวแล้ว เจ็บไปทั้งตัว หัวไหล่ที่แขนถูกไพล่ไปด้านหลังก็เจ็บไปหมด
“ขอร้องฉันดี ๆ สิ พูดกับฉันเพราะ ๆ เธอพูดกับคนอื่นเสียงหวาน แล้วก็เพราะมากไม่ใช่เหรอ” ชลาสินธุ์ถามน้ำเสียงต่ำนิ่ง และแม้ณิชชาจะอยู่ในอาการเบลอมึน เสียวซ่านและเจ็บปวด แต่ก็พอจะได้ยินเสียงเยาะในคำถามนั้น
“อื๊อออ” ร่างบางร้องขึ้นมาอีกหนเมื่ออีกฝ่ายขยับแท่งสั่นเข้าออกตรงช่องทางสวยของเธอถี่ ๆ
“ยะ อย่า หยุดเถอะ ได้โปรด”
“ยังไม่เพราะเท่าที่อยากฟังเลย ไหนลองเติมคำว่า คุณสินธุ์คะ ลงไปด้วยสิ” ตอนที่พูดมือเขาก็ไม่ได้หยุดเลยสักนิด
“อื๊อ...” หญิงสาวกำลังตัดสินใจ เหงื่อกาฬของเธอไหลเปียกไปทั่วทั้งร่าง “อ๊ะ...” และแล้วก็ดูเหมือนว่าเธอจะทนไม่ไหว เมื่ออีกฝ่ายเพิ่มระดับแรงสั่นไปถึงแม็กซ์!
“อ๊า...คะ...คุ...อื๊อ...คุณสินธุ์ อึก คะ ได้โปรด อื๊อ...หยุดเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดตะกุกตะกัก ผสมกับอาการหอบหายใจไม่ทัน
“ลองเติมคำว่า นะคะคุณสินธุ์ลงไปด้วยอีกคำ” เขากระซิบ
“อื๊อ...ได้โปรด...อ๊า...หยุดเถอะ นะคะ อึก นะคะคุณสินธุ์”
แรงสั่นของเจ้าแท่งปลอมนี้เบาลงเรื่อยๆ จนหยุดในที่สุด แล้วชายหนุ่มก็ดึงมันออกมาจากร่างเล็ก ๆ ที่ตอนนี้พยายามจะหายใจเอาอากาศเข้าไปในร่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากที่กิจกรรมเมื่อครู่ดึงความสามารถในการหายใจของเธอออกไปเยอะ
น้ำหวานสีขุ่นของณิชชาก็ไหลออกมาจากช่องทางสวยราวกับทำนบแตก ร่างหนายืนมองภาพนี้อย่างมีความสุข ขณะที่หญิงสาวนอนหลับไปในทันที
ณิชชาตื่นขึ้นมาเพราะแสงสว่างจากภายนอกสาดกระทบใบหน้า ขนตางอนยาวกระพือเบาๆ แล้วสักครู่จึงพบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนในคอนโดของชลาสินธุ์
เมื่อคืน ที่โซฟา นี่เธอไม่เหลือที่ดี ๆ อะไรให้จดจำแล้วในคอนโดแห่งนี้สินะ บ้าเอ๊ย!
“ตื่นแล้วเหรอ ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นมากินข้าว”
ณิชชามองหน้าคนที่เพิ่งหย่อนตัวลงบนเตียง ตรงข้างๆ ที่เธอนอนอยู่ พลางวางมือลูบเบาๆ ที่ใบหน้าของเธอ จากนั้นก็ไล้ลงมาที่แขน และสะโพก หญิงสาวขยับตัวหนีทันทีตามสัญชาตญาณ
“ถ้าไม่อยากโดนลงโทษเหมือนเมื่อคืนอีก ก็อย่าไปไหนมาไหนกับผู้ชายโดยไม่มีฉันไปด้วย ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับประกันว่า การลงโทษของฉันมันจะเป็นเหมือนเมื่อคืนทุกครั้ง”
ณิชชามองหน้าเขาด้วยสายตาดื้อรั้น แต่เมื่อโดนเขามองกลับก็ต้องหลบตาไปอีกทาง นั่นทำให้เธอถูกมือหนาตวัดปลายคางให้หันไปทางเขา
“แล้วอย่าขัดคำสั่งอีก โดยเฉพาะคำสั่งนี้ ฉันสั่งว่าอย่าไปเจอไอ้ชิน ก็คือห้ามไปเจอมัน”
“ฉัน...คือฉัน...” ณิชชาไม่ได้บอกเขาว่า เจ้านายใหม่ของตัวเองคือชินวุฒิ และจากการเรียกขานกันแบบนี้ เธอคิดว่า ไม่บอกน่าจะดีกว่า
อีกไม่นาน เธอก็จะติดปีกแล้ว
“ลุกเถอะ จะได้อาบน้ำ กินข้าว ไปทำงาน” ร่างหนาพูดก่อนจะพยุงให้หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งอย่างเบามือ แล้วออกจากห้องไป ปล่อยให้อีกฝ่ายคิดถึงสัมผัสแผ่วเบาที่ยังคงติดตัวอยู่
ณิชชานั่งทำงานและเคลียร์งานของตัวเองสำหรับที่จะลาออกไปเรื่อยๆ แต่แล้ววันดีคืนดี หญิสาวก็ไดรับคำสั่งให้ทำข้อมูลทั้งหมดของการจัดการโรงแรมที่ชลาสินธุ์เพิ่งไปซื้อมา
หญิงสาวไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน อันที่จริง ไม่เคยมีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน เพราะชลาสินธุ์ซื้อมันด้วยเงินของตัวเองโดยไม่ปรึกษาใครแม้กระทั่ง สาคเรศที่มีหน้าที่ดูแลธุรกิจโรงแรมของครอบครัวโดยตรง
แต่ถึงอย่างนั้น น้องๆ และเลขาต่างก็เข้าใจได้ว่า พี่ชายต้องการซื้อโรงแรมนั้นเพื่อให้ธารากานต์ไม่ห่างไปจากครอบครัวมากนัก หรือในอีกทางหนึ่งก็คือ ยังคอยจับตามองธารากานต์ได้นั่นเอง
สาคเรศและชลาธารนั้นอาจจะไม่เข้าใจว่า ทำไมชายหนุ่มต้องหวงและห่วงธารากานต์มากขนาดนี้ แต่ณิชชาเข้าใจดี เข้าใจดีมากๆ เชียวละ
อีกสามวันต่อมาสาคเรศและชลาสินธุ์ก็เดินทางมาถึงที่จังหวัดหนึ่งตรงภาคกลางของไทย ที่นี่ภูเขาสวย น้ำตกใส ณิชชาจำเป็นต้องมาที่นี่กับ ชลาสินธุ์ด้วย ทั้งที่งานนี้เธอให้พายเป็นคนดูแลเป็นส่วนใหญ่เพื่อที่ว่า หลังจากที่เธอออกไปแล้ว พายจะสานต่องานได้ทันที แต่ชลาสินธุ์ไม่ยอม คนที่มาที่นี่จะต้องเป็นณิชชาเท่านั้น ส่วนพายกับบัวให้จัดการงานที่บริษัท
สัญญาซื้อขายถูกเตรียมไว้แล้ว แต่ชลาสินธุ์กลับหายไปทันทีที่มาถึง
สาคเรศมองหน้าณิชชาอย่างขอความคิดเห็น เมื่อได้คำตอบก็ได้แต่ถอนหายใจกับพฤติกรรมของพี่ชาย
“กานต์โตจะตายอยู่แล้ว พี่สินธุ์ยังห่วงเหมือนกับเด็กๆ ไปได้ นี่เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กเลยนะครับ ทำตัวเป็นตาแก่เลย” สาคเรศบ่นอุบเอากับณิชชา ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ให้เท่านั้น
“กานต์มีงานทำอยู่แล้วนะคะพี่สินธุ์ ลืมหรือเปล่าคะ ว่ากานต์มาที่นี่ก็มาทำงาน” ธารากานต์พูดขึ้นเมื่อชลาสินธุ์ที่บุกไปถึงบ้านเจ้านายของเธอซึ่งเธออาศัยอยู่ด้วย แล้วบอกกับเธอว่า ให้มาเป็นผู้จัดการโรงแรมให้
ชลาสินธุ์กำมือแน่น นับวันธารากานต์ก็ยิ่งห่างเขาไปมากขึ้นทุกที และดูเหมือนว่า เจ้านายของเธอ จะไม่ใช่เจ้านายธรรมดา สายตาที่ทั้งคู่มองกันทำให้เขาไม่มั่นใจยิ่งกว่าเดิม
“ไม่เป็นไร เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลัง แต่เรื่องที่จะคุยกันก่อนที่โรงแรมจะเปิดนี่ พี่คงต้องขอให้กานต์ช่วยจริง ๆ”
“เรื่องนี้ พี่สินธุ์มีทั้งนายเรศและคุณณิชนะคะ สองคนนั้นช่วยพี่สินธุ์ได้อยู่แล้ว”
“แต่...กานต์ก็รู้ว่าไม่มีใครรู้ใจพี่เท่ากานต์ สองคนนั้นก็คงทำได้แค่ธรรมดาๆ”
“เชนโรงแรมของเราใหญ่และดีที่สุดในประเทศนะคะ นายเรศทำอะไรธรรมดากับเขาเป็นด้วยเหรอ” ธารากานต์หัวเราะกับคำพูดพี่ชาย อันที่จริง เธออึดอัดเล็กน้อย เธอรู้มานานแล้วว่า ชลาสินธุ์คิดอย่างไรกับตน ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุให้เธอมีแฟนคนแรก แฟนที่หวังว่าจะเป็นแฟนเพียงคนเดียวในชีวิตเพราะเธอไม่ได้คิดอะไรกับชลาสินธุ์พิเศษไปกว่าสาคเรศเลยนั่นก็คือ พี่น้อง แต่เมื่อมีเหตุให้เธอต้องเลิกกับแฟนเก่า หญิงสาวจึงตัดสินใจหนีทุกคนมายังเมืองที่ห่างไกลครอบครัวเดิมแบบนี้
“เราทำงานด้วยกันมานาน พี่ก็อยากให้กานต์ได้มาดูแลตรงนี้ด้วย อย่างน้อยมันก็เป็นกิจการของครอบครัวเรา”
“แต่กานต์ไม่มีเวลาหรอกค่ะ กานต์ต้องทำงานทุกวันนะคะพี่สินธุ์”
“เอาเถอะ อย่างน้อยตอนที่เตรียมรีโนเวทนี้ ก็ไปช่วยดูหน่อยก็แล้วกันนะ เอาตามนี้แหละ เดี๋ยวกานต์ไปอาบน้ำแต่งตัวนะ พี่มีนัดกับคนของโรงแรมตอนเที่ยง พอเสร็จเรื่องเสร็จราวก็จะได้กินข้าวกัน”
กว่าจะเสร็จสิ้นทุกอย่างก็บ่ายแก่มากแล้ว ณิชชาสั่งอาหารรอทุกคนที่ห้องอาหารนานแล้ว แต่เมื่อไปถึงก็พบว่า ภัสสรานั่งรออยู่ในร้านอาหารของโรงแรมด้วย
“ยินดีด้วยนะคะคุณสินธุ์ เนี่ยปาดหน้าสราไปนิดเดียวเองนะคะ ไม่งั้นโรงแรมนี้ไม่มีทางเป็นของคุณสินธุ์แน่”
รอยยิ้มประดิษฐ์ที่ส่งออกมาจากริมฝีปากแดงเพลิงนั้น ทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นอึดอัด
ชลาสินธุ์ยิ้มกว้างให้หญิงสาวกลับ
“ต้องขอบคุณคุณสรานะครับ ที่ยอมหลีกทางให้ผม”
“อุ๊ย ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ สราต่างหากที่ช้าเอง มัวแต่ลงเสาเข็มอาคารพาณิชย์ที่กำลังก่อสร้างใหม่น่ะค่ะ”
“คุณสราทำอสังหาด้วยเหรอครับ” ชายหนุ่มถาม แล้วหลังจากนั้นก็เชื้อเชิญให้หญิงสาวมานั่งด้วยกันที่โต๊ะ แล้วสองคนก็ครองบทสนทนาทั้งหมดไปเนิ่นนาน
ณิชชาสังเกตท่าทางของสองคนนั้นแล้วก็ลอบยิ้ม ถ้ามีคนอื่น เธอก็คงจะจากที่นี่ไปอย่างสะอาดสะอ้านไม่ต้องทนเป็นที่รองรับอารมณ์ของใคร
เป็นอีกครั้งที่ความอร่อยแบบท่วมท้นปรากฏขึ้นตรงหน้า อาหารมื้อนี้ดีจริงๆ
ChinJang: [ทำอะไรอยู่ครับ ไปต่างจังหวัดคิดถึงผมไหม]
ข้อความในแอปพลิเคชันปรากฏขึ้นทันทีเมื่อหญิงสาวหยิบโทรศัพท์ที่สั่นครืดออกมาดู แล้วรอยยิ้มก็ผุดขึ้นบนหน้า
NiTCHA: [ไม่เลย ตอนนี้หิวมากค่ะ เลยไม่ได้คิดถึงใครเลย]
/สติกเกอร์กินข้าวมูมมาม
ChinJang: /สติกเกอร์ตกใจ
[เพิ่งกินข้าว?]
NiTCHA: [ใช่ค่ะ หิวจนจะกินช้าง หมู และควายไปพร้อมๆ กันได้เลย] /สติกเกอร์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ChinJang: [น่ากลัวเกินไปแล้ว]
/สติกเกอร์หัวเราะอย่างบ้าคลั่งสองตัว
ณิชชาถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้เห็นมัน และดูจะมีความสุขมากกับโทรศัพท์ของตัวเอง จนกระทั่งรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่อีกคนชอบส่ง
“คุยกับแฟนเหรอครับคุณณิช ดูมีความสุขจัง” สาคเรศเอ่ยทัก เขาเป็นคนสบาย ๆ เข้ากับคนได้ง่าย ดังนั้นแม้จะไม่ใช่เลขาของเขาโดยตรง แต่เขาก็ณิชชาก็สนิทกันได้อย่างรวดเร็ว
“เอ่อ...”
“หืม? คุณณิชซุกแฟนจริง ๆ เหรอคะ ดูสิ หน้าแดงเชียว” ธารากานต์อดแซวร่างเล็กให้อายหนักขึ้นไม่ได้ เมื่อเห็นว่าตอนนี้ณิชชาเขินจนตัวแทบจะม้วนได้อยู่แล้ว
“ไม่หรอกค่ะ ยังไม่ใช่” เธอตอบไปตามตรง
“อันที่จริง ถ้าเขาทำให้คุณณิชมีความสุขขนาดนี้ก็รีบใช่เถอะครับ” สาคเรศสรุปให้เลย
ทั้งโต๊ะดูจะมีความสุขไปกับณิชชาด้วย ยกเว้นก็คนเดียวเท่านั้น
เวลาผ่านไปสักพัก ธารากานต์ก็ลุกขึ้น
“กานต์ต้องกลับแล้วนะคะ พอดีเจ้านายมารับแล้วค่ะ”
“?” สาคเรศงงหนัก เขาจ้องมองหญิงสาวจนตาโปนออกมา
“อะไร นายเรศ เดี๋ยวตาก็ได้ถลนออกมาหรอก”
“ทำไมเจ้านายต้องมารับแกด้วยวะ”
“ก็...เอ่อ...ที่บ้านที่ฉันอยู่น่ะ มันไม่มีรถโดยสารผ่าน แล้วฉันเองก็ไม่มีรถ เขาก็เลยมารับน่ะ”
“อ้อ ๆ” ชายหนุ่มพยักหน้า แต่ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
แต่คนที่ผิดปกติมากกว่าใครเห็นจะเป็นพี่ชายของเขา สาคเรศสังเกตได้ว่า วันนี้ทั้งวันชลาสินธุ์เอาแต่อารมณ์เสีย ดูเหมือนทุกเรื่องจะเป็นเรื่องที่เขาอารมณ์เสีย ยกเว้นก็แต่ภัสสรา
เอ๊ะ...หรือว่าจะจับคู่ให้เลยดีนะ
“ทำไมรีบกลับจัง เดี๋ยวพี่ไปส่งก็ได้นี่”
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่สินธุ์ พอดีคุณพัฒน์เขาต้องผ่านมาทางนี้อยู่แล้วค่ะ งั้นกานต์ไปเลยนะคะ”
ชลาสินธุ์พยักหน้า แต่มือกำแน่น
เขาจะต้องเอาธารากานต์คืนมาให้ได้
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว