“นี่ ตื่นสักที” เสียงเข้มพูดขึ้นเมื่อเขากลับเข้ามาในห้องหลังจากที่ออกไปสูบบุหรี่นอกระเบียงในตอนเช้าแล้วกลับเข้ามาในห้องนอน คนที่ควรจะตื่นได้แล้วก็ยังไม่ได้สติอยู่บนเตียงอย่างนั้น
แต่เสียงของเขาไม่เบานัก ทำให้ร่างที่อยู่บนเตียงค่อย ๆ มีสติและลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก เพราะทันทีที่เปลือกตาเปิดออก ก็เหมือนกับว่า มันคือการเปิดรับทุกความรู้สึกเจ็บปวดที่ร่างกายมี ตรงกลางนั้นไม่ต้องพูดถึง หญิงสาวนึกไปแล้วน้ำตาก็ไหลทันที
ผู้ชายคนนี้ต่อให้ตายแล้วก็ยังไม่สาสมกับสิ่งที่ทำไว้กับเธอ
หญิงสาวกัดฟัน กำมือแน่น สาบานกับตัวเองว่า เขาจะต้องได้รับบทเรียนที่ทำกับเธอแบบนี้
ต้นขากับสะโพกของเธอร้าวระบมไปหมด ความเมื่อยขบแผ่กระจายไปทั่ว จนหญิงสาวถอดใจไม่ขยับร่างกายให้เจ็บปวดมากขึ้นไปอีก และที่ไม่อยากขยับอีกก็เพราะไม่อยากเห็นร่องรอยตามร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเองที่ตอนนี้มีเพียงผ้าผืนบางปิดไว้เท่านั้น
เธอลืมตามองเพดานเขม็ง เกลียดทีได้เห็นมัน เกลียดที่เพดานนี้ไม่ใช่เพดานคอนโดเล็กๆ ของเธอ
“ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน” เสียงเข้มจัดสั่ง
ณิชชาทำเป็นไม่สนใจคำสั่งนั้นในครั้งแรก แต่เมื่อเขาทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง หญิงสาวก็รีบพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมาจากเตียงโดยไม่สนใจความเจ็บที่ยังแสดงตัวทั่วร่าง เพราะเธอไม่อยากจะตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายมากกว่า
แต่แม้จิตใจจะเข้มแข็งอย่างไร เธอก็ไม่อาจจะข้ามความรู้สึกทางกายได้ หญิงสาวทรุดลงไปนั่งกับพื้นข้างเตียงทันทีที่พยายามจะยกตัวเองขึ้นมายืนกับพื้น เพราะโดนทำร้ายมาตลอดคืนนั้นไม่เหลือเรี่ยวแรงจะพยุงตัวเองอีกแล้ว ณิชชาทรุดตัวอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเหยเก แต่ไม่ได้ส่งเสียงให้ใครต้องหันมามองเลยสักนิด
ชลาสินธุ์หันมาทันทีที่ได้ยินเสียงผิดปกติ และเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็เดินออกจากห้องนอนไปเลย
ณิชชากำหมัดแน่น น้ำตาไหลพราก ทั้งเกลียด ทั้งแค้น ความรู้สึกที่มีต่อผู้ชายคนนี้มีแต่ความเลวร้าย อยากจะบีบคอเขาให้ตายคามือ อยากจะเห็นวันที่เขาเจ็บปวดเจียนตายเหมือนกับเธอบ้าง
ต้องมีสักวัน!
หญิงสาวค่อย ๆ พยุงตัวไปเข้าห้องน้ำจนสำเร็จ เธอล้างคราบไคลของคนชั่วที่ติดตามเนื้อตัวของตนเองอย่างขยะแขยง นึกถึงหนทางต่างๆ นานาที่จะได้แก้แค้น แต่อีกใจก็รู้สึกว่าควรจะอยู่ห่างไกลคนเลว ๆ แบบเขา แต่ถ้าไปไกล จะได้แก้แค้นงั้นหรือ?!
‘พี่อัคคะ ตอนที่พี่อัคให้ณิชมาสมัครงานที่นี่ พี่อัครู้บ้างไหมว่ามีคนสารเลวมันรอคนรักของพี่อัคอยู่ พี่อัครู้ไหม ว่าณิชกำลังต้องเจอกับอะไร’
ณิชชามาถึงที่ทำงานสายนิดหน่อย ร่างที่ผ่านสมรภูมิมานับครั้งไม่ถ้วน ทำให้มีอาการเหมือนจะเป็นไข้ แต่ถึงอย่างนั้นการงานของแผนกเลขาท่านประธานก็ยังไร้ที่ติ ด้วยความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังของพายกับบัว โดยที่ไอ้คนสารเลวนั่นไม่ได้ให้เธอมาบริษัทพร้อมกับเขา โดยอ้างว่าจะไปธุระที่อื่นก่อน เธอจึงต้องกระเสือกกระสนพาร่างที่สะบักสะบอมมาที่นี่เอง
การเตรียมการประชุมในช่วงบ่ายซึ่งเป็นการประชุมร่วมกับลูกค้าต่างประเทศนั้นถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี
แต่นั่นก็ยังไม่ดีพอ หรืออย่างน้อยก็ยังไม่เป็นที่พอใจของคนที่เพิ่งมาถึงบริษัท
“คุณณิช เข้ามาหาผมหน่อย” เสียงอินเทอร์คอมดังขึ้น ทำให้สองสาวพายและบัวเงยหน้าขึ้นมองหัวหน้าตัวเองอย่างเป็นห่วง เพราะดูเหมือนอาการไข้ของณิชชาจะยังคงหนักอยู่ และเมื่อรับประทานยาแก้ไข้ซึ่งทำให้ง่วงงุนเข้าไปด้วย หญิงสาวยิ่งดูโงนเงนเหมือนจะล้มได้ทุกเมื่อ
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังลุกขึ้นยืนแล้วชงกาแฟติดมือเข้าไปด้วย
“เอาใจเก่งจังนะ” ชลาสินธุ์พูดเมื่อแก้วกาแฟหอมกรุ่นกลิ่นที่เขาชอบถูกนำมาวางตรงหน้า
“ก็ตามหน้าที่ค่ะ ไม่มีอะไรพิเศษหรอก”
เสียงเย็น ๆ นั้นทำให้คนฟังเลิกคิ้ว แล้วในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาลามเลียแกมเยาะ
“ทำไมทำเสียงแบบนั้น หรือว่านี่ก็คือการเรียกร้องความสนใจอีกแบบหนึ่ง”
“ดูคุณจะเป็นคนหลงตัวเองมากๆ อยู่เหมือนกันนะคะ ว่าแต่มีอะไรให้ฉันทำหรือเปล่า หรือเรียกมาเพื่อสนองความอยากไม่เลือกที่ของตัวเองเหมือนเมื่อคืน สิ่งมีชีวิตที่ควบคุมความอยากของตัวเองไม่ได้นี่เรียกว่าอะไรนะคะ”
“ณิชชา!”
“คุณมีอะไรให้ฉันทำหรือเปล่า” เธอถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย รู้สึกปวดหัวขึ้นมาตุบๆ
“แปลเอกสารพวกนี้เป็นภาษาอังกฤษแล้วเอาเข้าทีประชุมให้ด้วย ฉันต้องการให้คนพวกนั้นรู้จักพวกเรามากขึ้น แปลทุกคำ ความหมายอย่าตกหล่น” ณิชชารับเอกสารนั้น ก่อนจะเดินออกไปจากห้องเพื่อทำงานต่อทันที ไม่ได้อยากอยู่ใกล้ชลาสินธุ์เพิ่มอีกแม้แต่นิดเดียว
แต่ชายหนุ่มกลับมีความสุขที่ได้เห็นอย่างนั้น เพราะใบหน้าซีดๆ กับการเดินเหินที่ไม่เป็นปกติของหญิงสาวนั้น มันช่างยั่วยวนกวนใจเขาเหลือเกิน
‘ต้องทบทวนความจำสักหน่อยมั้ง’ ชลาสินธุ์คิดแล้วหัวเราะกับตัวเอง
การประชุมคราวนี้เนื้อหาการประชุมว่าด้วยเรื่องของกลุ่มบริษัท ชลาจิรา เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) จะรับเหมาการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อวางรากฐานการเดินรถทั่วทั้งประเทศ และยังเชื่อมต่อกับประเทศอื่นๆ ด้วย
ซึ่งแม้จะยุ่งยากสักหน่อยแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ณิชชาให้พายและบัวคอยดูแลผู้เข้าประชุมกลุ่มหนึ่งซึ่งไม่ถนัดภาษาอังกฤษแต่ถนัดภาษาบ้านด้วยตัวเองมากกว่า ขณะที่ตนเองก็รับหน้าที่บันทึกสรุปการประชุมและยังรับคำสั่งพิเศษจากประธานบริษัทตัวเองซึ่งทำตัววุ่นวายจนเกินพอดีอีกด้วย
“ปรินต์รายงานตัวนี้ให้หน่อยสิ” ชลาสินธุ์กระซิบกับเลขาตัวเองเบา ๆ ระหว่างที่นั่งฟังสาคเรศนำประชุมในวาระที่สอง พลางให้ณิชชาดูในสมาร์ตโฟนของตนเองซึ่งปรากฏภาพไฟลเอกสารฉบับหนึ่งอยู่ หญิงสาวจึงต้องเดินไปที่โต๊ะตัวเอง แล้วจัดการงานที่ได้รับคำสั่งมาอย่างเร่งรีบและครบถ้วน ซึ่งก็เป็นอย่างนี้อีกหลายครั้ง และแต่ละครั้งก็สร้างความเจ็บปวดขึ้นทีร่างกายของหญิงสาวซึ่งยังไม่หายดีเลย
ชลาสินธุ์ลอบมองคนข้าง ๆ ที่สีหน้าซีดเซียวสลับเจ็บปวดนั้นอย่างมีความสุขในใจ
หลังจากประชุมเสร็จในช่วงเย็น หญิงสาวส่งรายงานการประชุมเรียบร้อย แล้วก็แทบจะอยากบ้าขึ้นมาเมื่อท่านประธานสารเลวนั่นบอกกับเธอว่า คู่ค้าหรือสองในสี่ของคนที่มาประชุมในวันนี้อยากจะออกไปหาอะไรดื่มสักหน่อย จึงอยากให้เธอไปกับเขาด้วย
“ดูแลลูกค้าของเรา คุณคงไม่ปฏิเสธหรอกใช่ไหม”
“ฉันไม่ค่อยสบายน่ะ”
“ไปแป๊บเดียวน่า แล้วเดี๋ยวฉันจะไปส่งก็แล้วกัน
นั่นทำให้หญิงสาวต้องไปนั่งหน้าหวานอยู่ท่ามกลางชายหนุ่มผู้บริหารหลายคน บางคนทำท่าทางสนใจในตัวเธออย่างออกนอกหน้า จนเลยเข้าสู่วันใหม่มาแล้ว ชลาสินธุ์จึงพาเขากลับ
ไม่ใช่กลับบ้าน...แต่เป็นกลับคอนโดของเขา
“นี่คุณ?”
“ฉันเห็นเธอหน้าซีด ๆ น่ะ เลยว่าจะพามาพักผ่อนหน่อย”
“ฉันพักผ่อนที่คอนโดของฉันก็ได้ พาฉันมาทำไมที่นี่ หยุดรถเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“นี่มันลานจอดรถแล้วนะ เดี๋ยวฉันก็หยุดเองนั่นแหละ”
“คุณนี่มัน...” หญิงสาวไม่พูดต่อให้จบ ตั้งใจว่าเมื่อรถจอดเธอจะไปจากที่นี่ทันที ไม่มีทางขึ้นไปบนขุมนรกนั่นอีก
“เจ็บมากเลยหรือไงนะ”
“หืม?...อะไรนะ”
“ก็เมื่อคืนนี้...” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง พร้อมส่งรอยยิ้มเยาะๆ ออกมา “เธอเจ็บมากเลยเหรอ เห็นทำหน้าตาประหลาดทั้งวัน”
“คุณสินธุ์! คุณนี่มัน...” เธอจะไม่ทนคนเลวร้ายคนนี้อีกต่อไปแล้ว สาบานเลยว่า กลับถึงบ้านได้เธอจะร่อนใบสมัครงานไปให้ทั่วเลย
คนบ้าอะไร พูดแต่เรื่องต่ำๆ
“หึ ไม่ต้องเรียกหรอก เดี๋ยวก็ได้เรียกอีก เตรียมเสียงไว้เรียกตอนนั้นแล้วกัน”
หญิงสาวไม่สนใจเขาสักนิด พอรถจอดเข้าที่เสร็จ หญิงสาวก็ก้าวลงจากรถ เตรียมพร้อมที่จะเผ่นแน่บออกจากบริเวณนั้น แต่เพราะทำทุกอย่างเร็วเกินไปทำให้เกิดอาการหน้ามืด จนเซ พลอยให้ชายหนุ่มต้องมาพยุงไว้
“นี่ ปล่อยไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” หญิงสาวรั้งตัวเองออกจากอ้อมแขนของเขา แล้วมายืนพิงรถคันข้างๆ ไว้แทนเพื่อกันไม่ให้ตัวเองล้ม “แล้วไม่ต้องคิดว่าฉันอ่อย หรือเรียกร้องความสนใจอีกนะ ฉันไม่เคยสนใจคุณ เชิญคนบ้าไปคนเดียวเถอะ”
ณิชชายกมือขึ้นนวดขมับและหัวคิ้วพร้อมกับทำท่าจะเดินออกไปจากตรงนั้นให้ได้ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อร่างของตัวเองลอยหวือขึ้นมาจากพื้น
“นี่คุณ!”
“ปล่อยฉันนะ นี่ยังไม่เลิกเป็นหมาบ้าอีกเหรอ บอกแล้วไงฉันไม่สนใจคุณ ถ้าคิดว่าฉันอยากจะใช้อะไรไต่ตามที่คุณจินตนาการน่ะ ฉันลาออกให้เลยก็ได้ คุณจะได้ไม่ต้องคิดมาก แล้วอย่างน้อย ฉันก็จะได้ไม่รู้สึกว่าคุณเลวกว่าหมาแบบนี้!”
แม้จะรู้สึกเวียนหัวจนแทบจะหมดสติ แต่หญิงสาวก็ยังอดทนพูดจนจบประโยค แต่อีกคนเหมือนไม่ได้ฟังเลยสักนิด กลับยังคงเดินต่อไปทั้งที่ยังอุ้มร่างบาง ๆ เล็ก ๆ นั้นด้วยแขนทั้งสองข้าง
ณิชชาตื่นขึ้นมาในช่วงสายของอีกวัน ร่างบางกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อปรับความคุ้นชินกับแสงที่ส่องเข้ามา พยายามนึกทบทวนว่า เธอหลับลงไปตั้งแต่เมื่อไรกัน เท่าที่จำได้ เธอยังด่าเขาฉอดๆ อยู่เลย
“เมื่อคืน...” ณิชชาพยายามนึกว่า เหตุใดตัวเองจึงได้มานอนบนเตียงนี้ได้ เตียงที่เขาทำเรื่องระยำกับเธอ เธอไม่คิดจะมาใช้ชีวิตกับมันอีกเลยสักครั้ง
ภาพของเมื่อคืนค่อย ๆ ผ่านเข้ามาในหัว ตอนที่เธอด่าเขารัว ๆ แล้ว...ภาพก็ดับมืดไป
สลบ? หมดสติ?
หญิงสาวรีบใช้มือปัดป่ายไปทั่วตัวแล้วน้ำตาก็แทบไหล เมื่อพบว่า บนเนื้อตัวของเธอไม่มีผ้าติดอยู่สักชิ้น ริ้วรอยของความปวดหัวมันเสียดแทรกเข้ามาอีกหน ณิชชารีบพลิกตัวเองเพื่อจะลงจากเตียง แล้วก็มึนหัวจนต้องกลับไปนอนอีกหน เปลือกตาปิดลง คิดในใจว่าจะรอจนอาการตัวเองดีพอจะลุกได้ แต่ต้องไม่นานเกินไป เพราะตอนนี้ไม่มีวี่แววของเจ้าของห้อง เธอต้องรีบออกไปจากที่นี่ก่อนที่เขาจะกลับมา
ณิชชาไม่รู้เลยว่า คนที่เธอคิดว่าไม่อยู่นั้น แท้จริงแล้วเขาแค่ทำงานในอีกห้องหนึ่งเท่านั้น และเมื่อได้ยินเสียงขลุกขลักดังขึ้นจากห้องนี้เพราะตัวเขาเองไม่ได้ปิดไว้ก็รีบเดินมาหาเขาทันที
“อ้าว?” เมื่อเดินมาถึง ชลาสินธุ์ก็ถึงกับปล่อยเสียงออกมาอย่างงุนงง เมื่อเดินเข้ามาในห้อง แล้วเห็นร่างยุกยิกเมื่อครู่นิ่งไปแล้ว
ชายหนุ่มทิ้งตัวเบา ๆ บนเตียงข้างหญิงสาว จ้องมองใบหน้า
ซีดเซียวของเธอที่มีส่วนคล้ายกับใครบางคนเป็นอย่างมาก‘กานต์ เมื่อไรจะกลับมาหาพี่’
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว