หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะชายหนุ่มกดจูบที่ปากของเธออย่างรุนแรง มือก็จับท้ายทอยเอาไว้ กันไม่ให้หันหน้าหนีได้ ณิชชาเจ็บระบมที่ปากยิ่งกว่าเดิม และเมื่อได้กลิ่นคาวเลือดโชยออกมาก็รู้ว่าปากเธอต้องแตกแน่แล้ว
เธอพยายามช่วยเหลือตัวเอง มองซ้ายมองขวาหาของที่พอจะนำมาทำเป็นอาวุธได้ แต่เพียงไม่นานก็ต้องยอมแพ้ให้กับความเจ็บปวดที่ได้รับ
มือหนากระชากเสื้อเชิ้ตสีขาวเล่นลายตรงเอวทีเดียวกระดุมก็ร่วงลงพื้นเกือบหมด เผยให้เห็นอกกลมกลึงขาวสวย มันน่ามองจนชายหนุ่มอดจะหยุดชะงักตัวเองเอาไว้ไม่ได้
แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายของเขา...เป้าหมายของเขาก็คือ...
“อ๊า...”
เสื้อชั้นในถูกดึงลงมาอยู่ที่เอว แล้วเกสรของดอกไม้กลมขาวก็แสดงตัวออกมาอย่างน่าอับอาย ชายหนุ่มใช้มือข้างหนึ่งขยี้มันไปมา ส่วนอีกข้างก็กวาดข้าวของบนโต๊ะทำงานลงพื้นจนเกลี้ยง แล้วผลักให้ร่างเล็กขึ้นไปนอนหงายหลังอยู่บนนั้น ก่อนจะบดขยี้ตุ่มไตบนหน้าอกกลมกลึงข้างหนึ่งอย่างแรง ส่วนอีกข้างก็กำลังโดนฟันแข็งขบกัดจนเจ็บระบมไปหมด
“นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ คุณสินธุ์!” เสียงนั้นตื่นตระหนก หญิงสาวไม่เข้าใจเลยว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่
แล้วพลันความทรงจำบางอย่างก็ผุดขึ้นในหัว เมื่อประมวลผลแล้ว หญิงสาวก็พอจะเข้าใจอะไรได้บ้าง
“อย่าค่ะ...อย่า คุณกำลังเข้าใจผิดนะคะ” หญิงสาวพยายามพูดให้ชัดเพื่อเรียกสติอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลเลยสักนิด “คุณสินธุ์ หยุดนะ หยุด คุณเข้าใจผิดแล้ว”
“พูดมากนัก” เขาพึมพำแล้วจัดการปิดปากของร่างเล็กๆ ที่อยู่ใต้ร่างเขาอีกหน
“อื้อ...”
ชลาสินธุ์หัวเราะในลำคอ รู้สึกสะใจที่ได้แกล้งคนตรงหน้านี้ อย่างน้อยก็ให้หลาบจำซะบ้าง ว่าคนอย่างเขาไม่ได้ใช้ให้มาเป็นกระเป๋าเงิน หรือที่เกาะหาแสงให้ใครได้ฟรีๆ
แค่นี้ก็คงจะพอแล้ว ผู้หญิงคนนี้คงไม่กล้าทำอะไรเขาอีก ชายหนุ่มคิดก่อนจะผละออกจากร่างของหญิงสาว แต่นั่นมันก่อนที่จะได้ยินเสียงเล็กๆ พูดออกมา
“เลว คุณมันเลวจริง ๆ เลวยิ่งกว่าหมาซะอีก”
“...”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเขาขรึมลงจนแทบจะไม่เหลือแวว ก่อนที่จะกระชากกระโปรงลงมาจนหลุดหมด
“อ๊า...ไอ้บ้า”
“หึ” ร้องได้แค่นั้น ชายหนุ่มก็ส่งมือหนาเข้าไปในกลีบดอกไม้ลึกลับอย่างพรวดพราดไม่มีการส่งสัญญาณใดๆ ก่อน
“อ๊าย...ฉันเจ็บ แก ไอ้บ้า ไอ้เลว อ๊ะ...อืม...” เสียงก่นด่ากลายเป็นเสียงครางหวานเมื่อเขาใช้ความช่ำชองของนิ้วของตนในช่องทางดอกไม้นั้น
เขาก่อกวนไปที่จุดหฤหรรษ์ จนหญิงสาวแทบจะทนไม่ไหว รู้สึกทุกครั้งที่มือเขาโดนไปที่จุดภายในแสนกระสันนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อึก ไอ้...อ๊ะ...ฮื้อ” ร่างเล็กครางเสียงแผ่ว สะดุ้งทุกครั้งที่โดนทำร้ายแบบนั้น และยังส่งเสียงครางสะท้านฟังไม่ได้สรรพ
ณิชชาถูกส่งให้ถึงเมฆขาวบนฟ้าทั้งที่เขายังมีเสื้อผ้าอยู่บนตัวครบถ้วน ร่างบางหอบจนตัวโยน
“เธอรู้หรือเปล่า ว่าคนเลวน่ะ จริง ๆ แล้วเป็นแบบไหน เคยสัมผัสมามากเท่าไรแล้วล่ะ ถึงได้กล้าเรียกฉันว่า คนเลว” เขากระซิบเสียงขรึมที่ข้างหู ก่อนจะตวัดร่างนั้นให้คว่ำลงบนโต๊ะอย่างง่ายดายราวกับสะบัดแผ่นกระดาษทิชชู่
“อ๊าย...” หญิงสาวร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อเขาที่ปลดซิบกางเกงลงมาอย่างรวดเร็วนั้น นำลูกชายตัวเขื่องเข้าไปในช่องทางดอกไม้ด้วยความเร็วไม่ต่างกัน
“ฉันเลว แล้วคนที่มันอ่อยฉันไม่หยุดสักวัน เรียกว่าอะไร แรด? หน้าด้าน? หรืออะไร?”
“อ๊ะ...ฉัน...อึก....ฉัน อ๊ะ...”
“หึ เธอต้องได้บทเรียน”
“อึก!”
“อยากเล่นของสูง”
“อึก!”
“ก็ต้องลงทุนสูง”
“อ๊า!”
“แบบ! นี้!”
น้ำตาของณิชชาไหลพรากเต็มหน้า เพราะเขาใส่ตัวตนเข้าไปในช่องทางดอกไม้ไม่เบาเลย สะโพกที่โยกตามคำพูดของตัวเองทำให้หญิงสาวเจ็บปวดอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามหาทางช่วยตัวเองให้ได้มากที่สุด แต่มันไม่ง่ายเลย ร่างกายของเธอส่งสัญญาณความเจ็บปวดจนสั่นสะท้านไปหมด ช่องทางที่ไม่ได้มีใครเข้าไปสำรวจมาหลายปีนั้นมันคับแคบและไม่ยินยอมที่จะให้ใครเข้าไป นั่นยิ่งทำให้ความเจ็บปวดมันแผ่ซ่านไปจนทั่วร่าง
“อ๊า...ปล่อยนะ ฉันไม่ได้ต้องการคุณ ฉันเกลียด อึก ฉันเกลียดคุณ!”
“หึ...เกลียดเหรอ ที่ฉันเห็นมันไม่ใช่แบบนั้นนะ”
เพียะ!!!
บรรยากาศในห้องทำงานของประธานชลาจิราเงียบจนถึงขั้นสงัด มีเพียงเสียงวิ้งอยู่ในหูของคนที่ถูกตบจนใบหน้าสะบัด
“เธอตบฉัน? เธอกล้าตบฉันเหรอ!”
“หึ คนเลว ๆ อย่างคุณก็เหมาะแล้วที่จะโดนแบบนี้” น้ำเสียงของหญิงสาวยังคงเด็ดขาด ผิดกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นบนร่างกายที่หญิงสาวรู้สึกว่าแทบจะรับไม่ไหวอีกแล้ว
“เลว? หึ งั้นเรามันก็เลวพอกันนั่นแหละ” พูดจบชลาสินธุ์ก็โยกสะโพกตัวเองต่อทันที ทั้งยังเพิ่มความเร็ว ถี่รั่วเข้าไปด้วย
“อ๊า...อ๊าก...หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้ อ๊า...” ณิชชาร้องลั่น
“หยุดเหรอ ถ้าฉันหยุด เธอก็ไม่รู้ล่ะสิ ว่าคนเลวอย่างฉัน ทำอะไรเธอได้บ้าง” ชลาสินธุ์พูด พลางขย่มสะโพกตัวเองไปด้วยไม่หยุด
ณิชชาหลับตาแน่น มือที่อยู่บนต้นแขนของเขาจิกลงไปจนนิ้วตัวเองเจ็บ แม้แต่จะหายใจให้ถูกจังหวะ หญิงสาวก็รู้สึกว่ามันยากเกินไปแล้ว
ไม่นานสายน้ำมากมายก็พุ่งทะยานเข้าไปในช่องทางดอกไม้จนมันล้นทะลักออกมาเปรอะเปื้อนขาเรียวบาง ชายหนุ่มปลดตัวเองออกจากช่องทางนั้นทันที ก่อนที่ร่างที่รองรับเขาไว้เมื่อครู่จะค่อย ๆ ทรุดตัวลงมาไร้สติอยู่กับพื้นที่หน้าโต๊ะทำงานนั้นเอง
“อื๊ม...” ความเจ็บปวดแล่นเข้ากระทบร่างกายทันทีที่เปลือกตาปิดสนิทค่อย ๆ เปิดขึ้น แขน ขา หลัง หน้าอก และกลางกาย ไม่มีตรงไหนเลยที่ไม่เจ็บปวด มันเจ็บจนขยับไม่ได้ และอ่อนล้าจนไม่เหลือแรง
เพียงแต่...เพดานที่ไม่คุ้นเคยนี้ มันที่ไหนกัน?
“ตื่นแล้วเหรอ”
ณิชชาสะดุ้งจนเจ็บตรงกลางกายมากขึ้นไปอีก แสงสว่างที่ลอดผ่านผ้าม่านสีเทาเข้มขรึมเข้ามา ทำให้หญิงสาวรู้ว่าตอนนี้เธอผ่านข้ามคืนมาแล้ว
“คุณ?”
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ เจ็บมากเลยเหรอ เธอนี่มันไม่ได้เรื่องเลยนะ นิดๆ หน่อยๆ ก็หมดสติ ทีแรกฉันยังนึกว่าแกล้ง ไม่คิดว่าจะอ่อนขนาดนี้”
อ่อน?
ณิชชาอยากร้องไห้ เธอโดนทำรุนแรงจนสลบ แต่คนที่ทำเธอกลับบอกว่า เธอสลบไปเพราะอ่อน?
“ที่นี่ที่ไหน”
“คอนโดฉันเอง” ชลาสินธุ์บอก ก่อนจะยิ้มร้ายเมื่อเห็นว่าคนที่นอนตัวลายเพราะฝีมือเขากำลังมีสายตาระแวดระวังและหวาดกลัว
“ฉัน...ฉันจะกลับบ้าน” หญิงสาวพูด แต่ร่างกายนั้นขยับแทบไม่ได้เลย ตอนนี้ร่างกายก็ดูเหมือนว่าจะมีไข้ด้วย
“ไม่เอาสิ ไหน ๆ ก็มาที่นี่แล้วก็ทำงานซะหน่อย” เขาพูดเสียงเบา ก่อนจะก้าวเท้าเข้ามาหาคนที่นอนอยู่บนเตียง ไม่นาน ร่างนั้นก็คล่อมร่างของเธอเอาไว้
“คุณ เข้าใจหน่อยได้ไหม ฉันไม่ได้อยากทำแบบนี้ ไม่ได้อยากใช้เต้าไต่อะไรทั้งนั้น”
“หึ มาพูดตอนนี้จะได้อะไร ในเมื่อเธอใช้มันแล้ว”
“นั่นคุณบังคับฉันต่างหาก!!!”
“แต่ฉันก็ติดใจเธออยู่นะ คับ แน่น ดูเหมือนจะสดใหม่”
“ไอ้หน้าด้าน พูดจา...อ๊ะ”
ร่างบางถูกกดไหล่ตรึงไว้ที่เดิม ณิชชามองชลาสินธุ์ด้วยสายตาหวาดกลัวและเกลียดชัง
“งั้น...เรามาเริ่มเลยนะ”
“ไม่นะ! ไม่! อย่า อื๊อ...” เสียงน่าสงสารของณิชชาเงียบลงด้วยริมฝีปากของชลาสินธุ์ มือหนาบีบปากบางให้เผยอออกรับลิ้นสากแทรกเข้าไปในโพรงปากหวานทันที เขาไล่ต้อนลิ้นเล็กอย่างสนุก บดขยี้เพื่อควานหาความหวานจากปากอีกคนจนทั่ว
“อื้อออ...แฮก...” ณิชชาควานหาลมหายใจเมื่อเขาเปิดโอกาส แววตาฉ่ำด้วยประกายน้ำตา ยิ่งปลุกเร้าให้ร่างหนาอยากวางอำนาจใส่ร่างบางๆ นี้ให้มายิ่งขึ้น
...สายตาแบบนี้ของเธอ มันกระตุ้นฉันได้จริงๆ นั่นแหละ เก็บไว้เล่นด้วยกันอีกหน่อยก็คงดี...ชลาสินธุ์คิด เขาอยากเล่นกับร่างกายนี้อีก
สักพัก ก่อนจะปล่อยไปเหมือนผู้หญิงง่ายๆ ที่เคยผ่านเข้ามามากมายในชีวิตของเขาร่างสูงกดสะโพกเบียดกับสะโพกของอีกคนจนแนบสนิท
หญิงสาวเห็นแววตาที่มองลงมานั้นก็รู้ได้ทันทีว่า เธอหมดหนทางหนีแล้ว
“ฉันไม่ได้อยากเป็น...” เธอพยายามหาคำพูดมาคุยกับเขาเพื่อเอาตัวรอดเป็นครั้งสุดท้าย แต่... “อ๊าย...” ยังพูดไม่ทันจบ ไม่ทันได้แก้ไขความเข้าใจผิดของอีกคนว่า เธอไม่ได้ต้องการจะไต่เต้า ไม่ได้คิดร่ำรวยทางลัด ไม่ได้ต้องการจะใกล้ชิดคนที่กำลังทำร้ายเธอตอนนี้ด้วยเหตุผลอื่นใดทั้งสิ้น เธอแค่อยากมีชีวิตต่อไปให้ดีที่สุดเพื่อพี่อัคของเธอเท่านั้น
นิ้วหนาสอดแทรกเข้าไปในช่องทางดอกไม้ที่ยังบวมช้ำอย่างแรง แล้วจัดการสำรวจภายในช่องทางนั้นอย่างรุนแรง
ร่างเล็กพยายามสายหนีมือร้ายกาจนั้นอย่างยากลำบาก และตอนนี้เขาก็นำพาความเสียวซ่านมาให้เธอแล้ว หญิงสาวบิดร่างไปมาเพื่อให้ความรู้สึกนั้นจางไป มือเล็กจิกลงไปที่ไหล่หนาอย่างแรงเพื่อระบายความเจ็บปวดแต่นั่นยิ่งปลุกอารมณ์ดิบเถื่อนของอีกคนให้เพิ่มมากขึ้นไปอีก
“อื้อ...คุณสินธุ์ พอ...”
“เรียกทำไม อยากได้อีกแล้วเหรอ” เสียงทุ้มต่ำปนเยาะเย้ยเอ่อยออกมาขณะที่ฟันคมยังคงทั้งกัดและดูดหัวไหล่มนไม่หยุด
“มะ...อ๊ะ...ไม่ใช่แบบนั้น อย่า อ๊า...” เสียงกรีดร้องดังขึ้นทันทีเมื่อชลาสินธุ์ ออกแรงชักนิ้วที่อยู่ในกายของเธออย่างรวดเร็ว
ร่างบางกัดริมฝีปาก แล้วหลับตาแน่น มือเล็กจิกผ้าปูที่นอนจนยับ น้ำตาแห่งความพ่ายแพ้และเจ็บปวดหลั่งใหลออกมาเปียกหมอนจนชุ่ม
แต่นั่นไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายหยุด หรือแม้แต่สงสารสักนิดก็ไม่มี
ชลาสินธุ์ชื่นชอบในรสชาติของเลขาตัวเองที่เพิ่งยัดเยียดตำแหน่งนางบำเรอให้ขึ้นมาจริง ๆหึ...เก็บไว้ใช้งานเหมือนคนอื่น ๆ สักเดือนสองเดือนคงจะดี
ณิชชาไม่รู้เลยว่า คนที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่นั้น ไม่ใช่เป็นเพียงคนเลว หรือคนบ้า แต่เขาคือปีศาจขนานแท้
สองขาเรียวถูกแยกออกด้วยมือหนา แล้วเขาก็จัดการเอาส่งตัวตนที่พร้อมพรักตั้งแต่หญิงสาวงัวเงียตื่นนอนเข้าไปในช่องทางดอกไม้สีช้ำทันทีแบบทีเดียวสุดลึกตลอดความยาว
“อ๊า...” หญิงสาวร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าของเธอขาวซีด เหงื่อเกาะพราวทั่วใบหน้า มือเล็กจิกเล็บลงไปที่ไหล่กว้างอย่างแรงจนอีกคนรู้สึกเจ็บ
...แต่เขาก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น..กลับยิ่งแกล้งขยับเข้าออกอย่างแรง...
“อืม...” เสียงครางต่ำที่ข้างหูนั้นทำให้ณิชชารู้สึกขยะแขยง รังเกียจทั้งคนข้างบนที่กำลังทำเรื่องบัดซบกับตนเอง และยังรังเกียจตัวเองด้วยที่บัดนี้ไม่เหลือความสะอาดเอาไว้รอพี่อัคอีกแล้ว
แล้วจู่ ๆ ร่างหนาก็หยุดการกระทำทั้งหมดของตัวเองลง ณิชชาที่พอจะมีเวลาหายใจหายคอนึกว่าตัวเองจะรอดจากสถานการณ์นี้แล้ว แต่เธอคิดผิด เพราะหลังจากที่ทำเหมือนว่าจะถอดถอนกล้ามเนื้อแท่งใหญ่นั้นออกไปจากร่างของเธอ ชลาสินธุ์กลับสวนมันกลับเข้าไปอย่างแรงและลึกมากจนณิชชาทั้งเจ็บและจุก ก่อนจะใส่จังหวะตอกย้ำความลึกนั้นช้าๆ สุดความยาวทั้งตอนออกและตอนเข้า ณิชชาจุกจนแทบจะหายใจไม่ออก
...ไม่ไหวแล้ว...
“ได้โปรด หยุดเถอะค่ะ” หญิงสาวส่งเสียงขอร้องอย่างน่าสงสาร
“หยุดเหรอ เธอกำลังตอดรัดฉันจนแน่นเลยนะ ลองฟังเสียงตุบๆ ที่ร่างกายของเธอกอดฉันเอาไว้สิ นี่จะขอร้องให้ฉันหยุดจริงๆ เหรอ” ชลาสินธุ์ถาม แต่ไม่ได้รอคำตอบ เขากดร่างตัวเองให้ลึกและแนบแน่นเข้าไปในร่างบางมากขึ้นไปอีก
“อื๊อ...”
“จะว่าไป เธอก็เก่งเรื่องนี้นะ สุดยอดมากเลย ประสบการณ์คงมีเยอะล่ะสิ” ชลาสินธุ์กัดฟันพูดเพราะความเสียวซ่าน โดยไม่สนใจเสียงร้องของอีกคน
“อา ดีมาก อืม...” ใบหน้าเข้มเริ่ดขึ้น ตาคมหรี่ปรือเพราะความสุขสม สะโพกแกร่งยังคงเอาแต่ใจอย่างต่อเนื่อง ยิ่งช่องทางร้อนบีบรัดแน่นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอยากจะสอดแทรกทะลุทะลวงทำให้ช่องทางคับแคบนั้นเปิดกว้างมากขึ้นไปเท่านั้น
“อึก...อ๊า...อื้อออ”
ณิชชาเกลียดตัวเองเหลือเกินที่รู้สึกสุขสมไปกับการกระทำอัน
ดิบเถื่อนของเขา เกลียดที่ตอนนี้ร่างกายของเธอไม่ได้เป็นของพี่อัคเพียง ผู้เดียวอีกต่อไปแล้วร่างสูงเร่งจังหวะ และความแรงให้มากขึ้น เมื่อมีความอึดอัดบาง อย่างมาปรากฏที่ปลายทาง
“อึก อ๊าาา....” กระแทกเข้าไปจนสุด ก่อนจะถอนออกมามาจนร่างเล็กสั่นผวา แล้วก็กระแทกกลับเข้าไปอีกอย่างแรง ไร้ความปรานี มันรุนแรงเกินกว่าที่ณิชชาจะรับได้แล้ว รู้สึกเจ็บปวดราวกับร่างกายพร้อมจะฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ใบหน้าซีดขาวส่ายไปมาอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายสั่นไหวไปตามแรงกระแทกของอีกคนอย่างควบคุมไม่ได้เลยสักนิด
แต่อีกคนกลับมีใบหน้าที่เปี่ยมสุข
“อาาา...” ชลาสินธุ์ปล่อยของเหลวขุ่นเข้าไปในช่องทางบอบช้ำ จนหน้าท้องแบนราบป่องออกมาเล็กน้อย ชลาสินธุ์มองภาพร่างบาง
ขาวเนียน ทว่ามีรอยแดงแต้มไปตัวที่นอนหมดแรงอยู่ข้าง ๆ นี้อย่าง พึงพอใจเขามีความสุขมากกว่าการหลับนอนกับคนอื่นทั้งคนที่มาขายและคนที่มาให้ฟรีก่อนหน้านี้มาก ร่างหนาปล่อยให้ตัวเองทาบทับร่างที่บอบช้ำไปทั้งร่าง แล้วกระซิบเบาๆ ที่ใบหูนิ่ม
“มีความสุขใช่ไหม ฉันจะทำให้เธอมีความสุขไปอีกนิดหน่อยก็ได้ แต่อย่าหวังอะไรมากกว่านั้น”
ณิชชาปิดเปลือกตาลงพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลออกมาอีกครั้ง
คิดถึง...คิดถึงพี่อัคใจจะขาด คิดถึงคนที่รูปร่างหน้าตา คล้าย ๆ แบบนี้ แต่พี่อัคจะไม่ยอมให้เธอต้องทนกับความรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้เลยสักนิด
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว