บรรยาย First person
#เปียโน
บ้าน
ปึก! เสียงปิดประตูรถของเราทั้งคู่ พร้อมฝีเท้าเรียวรีบผลัดวิ่งผลัดเดินจะเข้าบ้าน ทำให้ผมรู้ว่าเธอกำลังจะหลบหน้าผม แต่ใครจะยอมล่ะ
"เดี๋ยวก่อน พักพิง"
ฝีเท้าเรียวหยุดชะงักลงพร้อมกับหันหน้ามาหาผม
"มีอะไร?"
"ตามฉันไปที่ห้อง ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย"
"งั้นฉันขออาบน้ำก่อนนะ แล้วจะตามไปที่ห้อง"
"ก็รีบมาแล้วกัน ก่อนที่ฉันจะเมา"
พูดจบผมก็เดินนำเธอเข้าบ้านในทันที โดยที่เธอยังไม่ได้เอ่ยตอบผม
ห้องนอนเปียโน
ผมนั่งจิบไวท์อยู่ในห้องอย่างเรียบนิ่งเพื่อรอให้เธอมาหาผมที่ห้อง ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"เข้ามา"
แกร๊ก!
"มีอะไรจะคุยกับฉันเหรอ?"
ผมวางแก้วไวท์ลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เธอ พร้อมกับใช้มือสัมผัสไปที่ใบหน้าเรียวอย่างอ่อนโยน
น่าเสียดายจริงๆ ที่ผู้หญิงที่สวยน่ารักและมีเสน่ห์ขนาดนี้ จะร้ายกาจถึงขั้นทำร้ายผู้ชายคนหนึ่งที่รักเธอได้ขนาดนี้
"เธอชอบกีต้าร์จริงๆ เหรอ พักพิง"
"ใช่ ฉันชอบเขา ชอบมาก แอบชอบมาตลอดสามปี"
ใจผมกระตุกวูบ เมื่อได้ยินและได้เห็นสีหน้าระรื่นสดใสที่เธอเอ่ยบอกมา ทำไมมันถึงเจ็บขนาดนี้นะ หรือว่าผมรักเธอเข้าให้แล้วนะ แต่ไม่ทันที่เธอจะเอ่ยพูดอะไรต่อ
ริมฝีปากของผมก็เข้าประกบจูบกับเธอโดยอัตโนมัติอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทั้งที่เธอก็พยายามขัดขืนผม แต่ร่างกายผมมันกลับไม่ยินยอมปล่อยเธอไป
"หื้ออออออ ปล่อยนะ"
เธอพยายามสะบัดตัวหนีออกจากผม แต่ร่างกายของผมมันกลับไม่ฟังเสียงของเธอเลย มันกลับยิ่งจูบเธออย่างดูดดื่มเข้าไปใหญ่ และหนักหน่วงขึ้นไปอีก
"อื้มมมม เปียโนนนน ปล่อย!!!"
"ฉันหายใจไม่ออก!"
"ไม่!"
อ้อยเข้าปากช้างขนาดนี้ ทำไมผมจะต้องปล่อยเธอออกไป ในเมื่อร่างกายของผมต้องการเธอขนาดนี้ งั้นผมก็ขอทำตามความต้องการของตัวเองไปเลยก็แล้วกัน
"เปียโน! หยุดนะ อ๊ายยยย!"
ผมอุ้มตัวเธอขึ้นมา พร้อมกับวางตัวเธอลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะถลกชุดนอนกระโปรงของเธอขึ้นและดึงกางเกงชั้นในตัวจิ๋วออก
"อ้าาา! ไอ้บ้า หยุดนะ อย่าทำแบบนี้"
"นอนเฉยๆ"
ผมก้มมองกลีบกุหลาบสีชมพูสะอาดตาตรงหน้า ที่มีขนอ่อนปกคลุมอยู่เพียงเล็กน้อย มันช่างสวยงาม และน่าลงไปเล่นกับมันเสียจริง ถ้าลงไปดื่มด่ำกับมันสักหน่อยก็คงจะดีไม่น้อย
"นะ.....นายจะทำอะไรน่ะ"
ไม่ทันที่เธอจะได้ขยับตัวหนี ผมก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบถ่างขาเธอออกและลงไปใช้ปากดูดดื่มกลีบกุหลาบสีชมพูใต้ระหว่างขาอันหอมหวานในทันที
"อ้าาาา!"
แผ่นหลังขาวยกขึ้นลงตามความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นในร่องแคบที่ถูกปลายลิ้นหนาสอดใส่เข้าไปดื่มด่ำน้ำผึ้งพระจันทร์แสนหวาน
"อ้า! เปียโนอย่า....เอิ่มมม"
ให้ตายเถอะ! นี่ผมทำอะไรลงไป มันหยุดตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ ยิ่งเห็นแผ่นหลังขาวยกขึ้นอย่างเร้าร้อน ไอ้น้องชายนุ่มนิ่มก็ผงาดแข็งตัวขึ้นมาจากในกางเกงนอนของผมในทันที
"อ้า! พอแล้ว"
ริมฝีปากบางเม้มลงอย่างพอใจ เธอคงรู้สึกดีไม่น้อย ที่ผมทำให้แบบนี้ ถึงแม้ปากของเธอจะเอ่ยบอกให้ผมพอ ให้ผมหยุด แต่ร่างกายของเธอมันกลับตอบสนองเรียกร้องให้ผมเข้าไปในตัวเธอโดยเร็วเสียอย่างนั้น
อ้า! ให้ตายเถอะ ผมไม่ไหวแล้ว ไอ้น้องชายมันผงาดชูดันกางเกงจนเสียววู่วาบไปหมด ผมรีบดึงกางเกงลงอย่างรวดเร็วเพื่อรอเข้าไปในร่องสาว ที่มีน้ำผึ้งพระจันทร์อาบไว้เต็มประตูถ้ำ
ผมผลักตัวขึ้น ก่อนจะทำการชักรูดน้องชายไปสองถึงสามครั้ง และเอาถูไปตามกลีบกุหลาบที่แต่งแต้มไปด้วยน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ไหลออกมาจากร่องสาว
ก่อนจะค่อยๆ ดันน้องชายที่ผงาดพองตัวเต็มที่เข้าไปในร่องแคบ ที่มันแน่นจนทำให้เจ็บไปทั้งหัว
"อ้าาาาาาา! ไอ้บ้า ฉันเจ็บนะ!"
เธอนอนหายใจติดขัด อาจเป็นเพราะจุกจากของผมที่เข้าไปในตัวเธอ แถมเสียงหัวใจยังเต้นสั่นระรัวดังออกมาจนผมได้ยิน
"จุกเหรอ?"
เธอใช้มือปิดบังใบหน้าเอาไว้ และพยักหน้ารับคำถามให้ผมได้รับรู้ ผมจึงค่อยๆ ขยับน้องชายเข้าออกเพื่อคลายความจุกแน่นให้กับเธออย่างแผ่วเบา
"อ่าาา!"
เสียงครางในลำคอขาวเปล่งออกมาอย่างแผ่วเบา เพื่อระบายความจุกแน่น และความคับแคบในร่องสาว ใบหน้าขาวที่ขมวดคิ้วงามพร้อมกับกัดเม้มริมฝีปากล่างของตัวเองไว้
มันช่างเช็กซี่จนผมแทบไม่อยากละสายตาออกจากใบหน้าของเธอได้เลย อ้า! ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียว อยากจะขอใส่แบบหนักๆ ซักทีเถอะ เมื่อร่องแคบเริ่มคลายตัวโดยมีน้ำหล่อลื่นไหลออกมาชโลมท่อนแข็ง
ผมไม่รอช้ารีบอัดกระแทกร่องแคบอย่างหนักหน่วง จนแผ่นหลังขาวยกขึ้นเป็นครั้งคราว พร้อมกับเล็บมือที่จิกเข้าไปในเนื้อแขนผม มันยิ่งกระตุ้นความดิบเถื่อนในตัวผมให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งอย่างหนักหน่วง
ผมยกขาเรียวขึ้นพลาดบ่าพร้อมอัดกระแทกเข้าไปในร่องแคบเพื่อระบายความอัดอั้นที่มีต่อเธออย่างหนักหน่วง จนเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่น ตับ! ตับ! ตับ! มันดังก้องไปทั่วห้องนอนใหญ่ของผม
และยิ่งข้างในที่คับแน่นมันตอดรับของผมอย่างหนักหน่วงขนาดนี้ มีหรือที่ผมจะไม่อยากเข้าไปให้ลึกอีก ผมไม่รอช้ารีบดันน้องชายเข้าไปในตัวเธอจนมิดด้าม
จนร่างเล็กถึงกับยกแผ่นหลังขึ้นและพยายามใช้เท้าถีบตะเกียดตะกายหนีออกจากตัวผม
"อ้าาาาา! มัน...จะ...จุก"
"อย่าดิ้นหน่า! รู้ว่าจุกแต่เดี๋ยวก็ชินเอง"
ผมไม่รอช้ารีบดึงตัวเธอให้ลุกขึ้นและจับเธอหันหลังยกสะโพกเธอขึ้นมาในทันที
"เปียโน...นะ......นายจะทำอะไรน่ะ"
"ก็ทำให้เธอชินไง"
ผมคงไม่พูดพร่ำทำเพลงให้เสียเวลา เพราะไอ้น้องชายที่ผงาดอยู่มันจะเสียอารมณ์เอาเสียเปล่า ผมไม่รอช้ารีบดันน้องชายเข้าร่องแคบอีกครั้งในทันที
"อ้าาาาาา มัน......! จะ ......จุกกว่าเดิมอีก ไอ้บ้า"
เสียงร้องของเธอดังลั่นบ้าน จนทำให้ผมต้องรีบอัดกระแทกร่องแคบเข้าไปให้เธอหยุดเสียงครางลง
ก่อนจะขยับท่อนแข็งให้เร็วขึ้นอย่างหนักหน่วงเพื่อให้เสียงครางกระเส้าของเธอเงียบลงให้นานที่สุด เพราะถ้าเธอเปล่งเสียงออกมาอีก ก็คงจะมีคำด่าผมตามมาอีกเป็นแน่
"อ้า! อ้า! อ้า!"
เสียงครางในลำคอขาวมันช่างยั่วยวนให้ผมอยากจะกินเธอเข้าไปทั้งตัวเสียจริงๆ ผู้หญิงอะไรทำให้ผมคลั่งไคล้ได้ขนาดนี้นะ
"อ้า! พะ...อ้า...พอแล้วๆ!"
"เดี๋ยวสิ มันจะเสร็จแล้ว!"
มือเรียวใช้มือข้างหนึ่งของเธอดันที่นอนไว้และมืออีกข้างก็พยายามจะดันตัวผมออก แต่ใครจะยอมล่ะ จะถึงเป้าหมายอยู่แล้ว เล่นจะผลักกันออกแบบนี้ได้อย่างไง
"นายจะทำบ้าอะไรน่ะ!"
ผมจึงดึงมือเธอมาไขว้หลังทั้งสองข้างและอัดกระแทกจนมิดด้ามเพื่อให้เธอได้ปลดปล่อยออกมา และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะยิ่งอัดกระแทกเข้าออกในท่านี้นานเท่าไหร่ ไอ้น้ำอุ่นๆ ก็ได้ชโลมไปทั่วท่อนเอ็นจนมันชุ่มฉ่ำไปทั้งตัว
ตอนนี้ ร่างกายเธออ่อนแรงจนมันสั่นไหวไปทั้งตัว คงสบายตัวแล้วสิท่า ผมจึงปล่อยมือเธอออกแล้วกดแผ่นหลังขาวให้นอนแนบกับเตียงนอน
ก่อนจะเริ่มอัดกระแทกใส่ร่องแคบอีกครั้งอย่างหนักหน่วงเพื่อปลดปล่อยของตัวเองออกมาบาง ก่อนที่เสียงครางกระเส้าของเธอจะหยุดลงเพราะเผลอหลับคาที่
#กีต้าร์"เป็นไงบ้าง พิงฟ้า""ก็เรื่อยๆ ตามประสาคนติดคุก""เราเอารูปลูกมาให้ ตอนนี้ลูกได้เรียนเต้นบรรเลย์ และ เล่นดนตรีด้วย ลูกเก่งมากเลยนะ เธอหัวดีมาก ""ขอบคุณนะ"ผมใช้มือแตะไปที่กระจกกั้นระหว่างผมกับพิงฟ้าด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ แต่ผมกลับได้เห็นสีหน้าเศร้าสลดของพิงฟ้า ที่มองมาทางผมแทนเสียอย่างนั้น"นะ....นาย""ว่าไง?""ฉันทำร้ายนาย ทำลายชีวิตนายถึงขนาดนี้ ทำไมนายถึงยังรักฉันอยู่ ทำไมถึงไม่หาแฟนใหม่ แล้วแต่งงานใหม่"ผมยกยิ้มขึ้นอย่างมีความหวัง ถึงแม้จะรู้ดีว่า พิงฟ้า ใช้ผมเป็นเครื่องมือสำหรับทุกอย่างเท่านั้น แต่ผมก็ยังรักเธอ"ก็เพราะ แม่ของน้องพราวมีแค่คนเดียวไง เราถึงไม่ให้ใครมาแทนแม่ของลูกเราได้""นะ...นายเป็นคนดีจริงๆ ดีจนฉันละอายแก่ใจ""พิงฟ้า เราจะรอเธอนะ รอวันที่เราจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง 3 คนพ่อแม่ลูก"10 ปีต่อมาศาลได้ยกคดีของพิงฟ้าขึ้นมาพูด
วินาทีนั้น ใจฉันกระตุกวูบ สับสนในความรู้สึกของตัวเองราวกับว่า มันเป็นอย่างที่กีต้าร์พูดจริงๆ"เกี่ยวก้อยกันนะ!""ห๊ะ?"เขาดึงมือฉันไปเกี่ยวก้อยอย่างเดียงสา จะว่าไปแล้ว กีต้าร์ก็ดูเหมือนเด็กน้อยอยู่เลยนะ หรืออาจเป็นเพราะเขาหลับไปนาน ตื่นขึ้นมาถึงได้ดูเหมือนเด็กน้อยแบบนี้ไปได้แต่ฉันก็ยิ้มรับเขาอย่างเอ็นดูนั่น อีกอย่างความคิดของฉันมันก็เปลี่ยนไป ราวกับได้ปลดปล่อยความรู้สึกที่ติดค้างในใจมาอย่างยาวนานเสียอย่างนั้น"ตอนเรียน นายมองเราอยู่ตลอดเลยเหรอ?""ก็มองนะ ก็เธอโดดเด่นหนิ มีแต่เพื่อนๆ เข้าหา""ฮ่ะ ฮ่าๆ"ฉันพูดคุยกับกีต้าร์อย่างถูกคอเสียอย่างนั้น พอได้คุยกับเขาจริงๆ มันก็กลับกลายเป็นว่าเขาทำให้ฉันสบายใจขึ้นเยอะเลย นายนี่ไร้เดียงสาจริงๆ"นายไม่คิดจะหาแฟนใหม่เหรอ?""ไม่ล่ะ เราจะรอพิงฟ้าออกจากคุก อย่างไงเธอก็เป็นแม่ของลูกเรา เป็นแม่ของน้องพราว"แถมเขายังรักเดียวใจเดียวและมั่นคงในความรักอีกต่างหาก ทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนนั้น ทำร้ายเขามาตั้งมากมายขนาดนั้
ห้องพักฟื้นฉันตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยหัวใจที่แตกสลายจนละเอียดไม่มีชิ้นดีข้างตัวยังมีสายน้ำเกลือและชายร่างใหญ่ นอนอยู่ข้างเตียง"อื้มม!""อ่ะ! ตื่นแล้วเหรอ เป็นไงบ้าง?""นาย!"ฉันพยายามมองร่างใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างเตียงอีกครั้งอย่างคิดพิเคราะห์ ถึงได้รู้ว่า คนที่นอนเฝ้าฉันอยู่ตรงนี้ คือ กีต้าร์ ไม่ใช่ เปียโน"เป็นไงบ้าง เวียนหัวอยู่ไหม เดี๋ยวฉันไปตามหมอมาให้ ""นาย!"ท่าทีลนลานแบบนี้ ไม่ใช่อี่ตาเปียโนอย่างแน่นอน เพราะอี่ตาเปียโนจะดูเย็นชาและใจเย็นมีสติกว่ากีต้าร์เยอะ แต่ก็ช่างเถอะ จะใครฉันก็ไม่สนใจแล้วสิ่งที่ฉันสนใจตอนนี้ คือร่างที่ไร้วิญญาณของแม็กทิวมากกว่า ถ้าฉันไม่ได้เห็นร่างของเขาอีกครั้ง ฉันคงคิดว่าตัวเองฝันไปอยู่แน่นอน"แม็กทิวอยู่ไหน?""เปียโน มันไปทำเรื่องเอาศพออกโรงพยาบาลอยู่น่ะ!"ฉันสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะพ่นออกมาด้วยแววตาที่เศร้าหมอง ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น แล้วเขาทำเป็นอะไรท
เพี้ยะ!ฉันตบเข้าหน้าคมอย่างจัง จนหันไปอีกทาง ด้วยความเดือดดาลจนยากจะเอ่ย กล้าดีอย่างไงกัน ถึงได้พาลูกๆ ของฉันไปจากอกของฉัน"เธอตบฉัน ทั้งที่ฉันยังหัวแตกอยู่เนี่ยนะ?""ใช่! ฉันเกลียดนาย และฉันก็เหนื่อยมากด้วย ที่จะต้องเห็นหน้านาย"พูดจบ เขาก็ดึงตัวฉันเข้าไปประกบจูบอย่างดุดัน แถมยังกดต้นคอฉันให้แนบชิดจนถอดฝีปากออกไม่ได้ปลายนิ้วมือฉันฟาดเข้าแก้มขาวย้ำๆ อยู่แบบนั้นถี่ๆ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะยอมถอดริมฝีปากออกจากโพรงช่องปากฉันเลย มันยิ่งแนบแน่นขึ้นไปอีก จนฉันหายใจไม่ออก"อ้า!"แต่เมื่อฉันเริ่มนิ่ง เขาจึงยอมถอดริมฝีปากออก และลูบแก้มฉันอย่างอ่อนโยน พลางจูบลงบนแก้มขาว เพื่อบ่งบอกถึงการยินยอมฉันในทุกๆ อย่าง"ฉันรักเธอมากนะ ฉันยอมเธอได้ทุกอย่าง ถึงเธอจะทำร้ายฉันให้เจ็บปางตายฉันก็ยอม แต่ขอร้อง เราอย่าหย่ากันเลยนะ เพื่อลูกๆ เพื่อฉัน""..........""ฉันรู้ว่าฉันทำผิดต่อเธอมาตลอด แต่ฉันขอร้องได้ไหม อย่าทิ้งฉันไปไหนอีกเลย ชีวิตฉันต้องการเธอ บ้านก็ต้องการเธอ
แต่แล้ว เมื่อฉันคุยกับแม็กทิวจบ ใบหน้าของแม็กทิว ก็พยักหน้ารับราวกับส่งสารให้ใครบางคนอย่างน่าสงสัย นัยน์ตาของเขามีน้ำตาไหลออกมาก่อนที่เงาร่างกำยำ จะขยับตัวเข้าใกล้ฉันอย่างแผ่วเบา และใช้ผ้าสีขาวโปะเข้าจมูกฉันอย่างจัง มันกดจมูกฉันอย่างแรง จนร่างกายของฉันค่อยๆ อิดโรย และดับวูบไปเหลือไว้เพียงเสียงพูดคุยกันอย่างแผ่วเบา ที่ฟังไม่ได้ศัพท์จับไม่ได้ความ เหมือนมันพูดกันว่า จะพาฉันไปที่ไหนสักแห่ง แต่ยังไม่พากลับไทย อะไรประมาณนี้ปัง!แคร่ง!!!"ล่ามดีๆ ดิว่ะ! แม่งเดียวคุณชายก็ได้กระทืบเข้าให้หรอก""ว่าแต่ ไปเอาเมียเขามาไว้แบบนี้จะดีเหรอว่ะ?""หุบปากไป!"ฉันคืนสติมาแล้ว และได้ยินในสิ่งที่มันพูดกัน ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรมารัดอยู่ที่ข้อเท้าเลยแต่ฉันก็ไม่สามารถขยับตัวได้ หากขยับตัวไปมา พวกมันอาจจะรู้ตัวว่าฉันฟื้นแล้ว และอาจจะเอาไอ้ผ้านั่น มาโปะฉันอีกก็เป็นได้ฉันเป็นห่วงเด็กๆ จัง ป่านนี้จะเป็นอย่างไงบ้างนะ ทำไมมันถึงเป็นแบบ
แกร๊ก!"มาแล้วเหรอคะ ที่รัก"ฉันเดินไปต้อนรับแม็กทิว และน้องฮันน่าอย่างทุกครั้ง ที่ทำเป็นประจำ ก่อนจะโผตัวเข้าไปกอดแม็กทิวอย่างปกติแต่วันนี้มันแปลกไป แม็กทิวดูผอมลง แถมสีผิวก็ยังคล้ำลงด้วยอีกต่างหาก ราวกับว่า เขาไม่ได้พักผ่อนมาอย่างไงอย่างงั้นและด้านข้างของเขา มีกระเป๋าใบใหญ่สีชมพูน่ารัก คาดว่าน่าจะเป็นของน้องฮันน่าอย่างแน่นอน"เออคือ แม็กทิว ทำไมเอากระเป๋าของน้องฮันน่ามาด้วยละคะ ปกติก็ใส่ชุดของน้องพะเพลงได้อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องเอามาให้ยุ่งยากเลย""เออคือ!"แม็กทิวเม้มปากลงเล็กน้อย ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้น"ไม่มีอะไรหรอกคับ ช่วงนี้ผมทำงานหนัก เลยไม่ได้พักเลย จึงอยากจะขอพักพิง ดูแลลูกสาวของผมหน่อย ในช่วงนี้ ผมอยากให้เธออยู่กับคุณตลอด เพื่อที่คุณกับเธอจะได้สนิทกันมากยิ่งขึ้น"ฉันไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่แม็กทิวพูดเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่อยากจะถามอะไรต่อให้มันเป็นประเด็น ฉันรู้ว่าตอนนี้เขาคงมีเรื่องเครียดอะไรบางอย่าง ที่บอกฉันไม่ได้ แต่ในสักวัน เขาคงกล้าที่