“เดี๋ยวก่อนเพคะ เรื่องที่ว่าคือเรื่องหลงหลงที่หว่านหนิงหนักใจ”ถอนหายใจ
“ข้าคิดว่าเป็นเรื่องที่อยากมีองค์หญิงน้อยเสียอีก”หว่านหนิงอมยิ้ม
“หว่านหนิง ส่งสาสน์ให้จิงฮวนมาที่แคว้นจ้าวโดยไม่ได้บอกนางแต่กำชับให้พี่แปดฟงฉือฮ่องเต้ ให้เป็นนางเดินทางมาเยี่ยมเยือน”
“ข้าไม่เข้าใจเหตุใดต้องเป็นจิงฮวน”
“ฝ่าบาทจะว่าอะไรไหม หากว่าหว่านหนิง หมายมั่นจิงฮวนไว้ให้กับลี่หลง”ลี่หยางยิ้มกอดประคองหว่านหนิง
“ใครจะกล้าขัดบัญชาเจ้ากันเล่า จิงฮวนน่าเอ็นดูยิ่งนัก แต่สองสามวันก่อนข้าได้ข่าวเรื่องเจ้าทาบทาม บุตรีท่านไฉ่”หว่านหนิงยังยิ้ม
“บุตรี ท่านไฉ่ ฉลาดเฉลียวหากหลงหลงจะพึงใจนางหว่านหนิงก็ไม่ขัดแต่การจะ ให้คนสองคนตกล่องปล่องชิ้นกันด้วยความจริงใจ หว่านหนิงจึงคิดว่าอยากให้หลงหลงเลือกเอง หากหลงหลงพึงใจจิงฮวน หว่านหนิงเองก็พร้อมสนับสนุนแต่ใต้เท้าไฉ่ ที่ผ่านมาว่าจะภักดีก็ดี ว่าจะเอนเอียงก็ไม่น้อย คนของหว่านหนิงบอกล่าวว่า ใต้เท้าไฉ่ผันเงินจากการสร้างเขื่อน เข้าตระกูลไม่น้อย”ลี่หยางพยักหน้าช้าๆ
“เจ้าตั้งใจสั่งสอนใต้เท้าไฉ่เช่นนั้นหรือ"
“หว่านหนิงตั้งใจให้โอกาสใต้เท้าไฉ่กลับตัวกลับใจเพื่อจะให้เขารู้ว่า ฝ่าบาทและหว่านหนิงยังมอบโอกาสให้เขา”ลี่หยางกอดหว่านหนิงแนบแน่น
“เจ้าใจดี เช่นนี้เสมอจนบางทีข้าคิดว่า หากจะให้หว่านหนิงนั่งบัลลังก์อาจทำได้ดีกว่าลี่หยางคนนี้”หว่านหนิงใช้นิ้วชี้ปิดปากอุ่นไว้ไม่ให้พูด ลี่หยางกอดหว่านหนิงกระชับอก
โน้มตัวลงมาใกล้ๆ
“ฝ่าบาท เสวยเสียก่อน”ขยับตัวจัดสำหรับเครื่องเสวยให้ลี่หยาง ที่ยิ้มกรุ้มกริ่ม
“เสวยเสร็จเห็นจะต้อง รั้งให้ฮองเฮาอยู่ที่นี่เสียนานหน่อย เดินไปปิดประตูห้อง ทำงานเสียแน่นสนิท
“เสี่ยวกู้ข้ากับฮองเฮามีเรื่องหารือกัน ห้ามผู้ใดรบกวน”ตะโกนสั่งเสี่ยวกู้เสียงดังลั่น
หว่านหนิงยิ้มหวาน ลี่หยางก้าวเท้ายาวๆ มายืนตรงหน้าซ้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขน พาเดินลิ่วไปยังแท่นนอน
“ฝ่าบาทไม่หิวหรือไร”ลี่หยางยิ้มยียวน
“ข้าไม่เคยอิ่ม ด้วยซ้ำไป”
ก้มลงกระซิบข้างหูเบาๆ ลมหายใจอุ่นๆ รินรดข้างหูหว่านหนิง ยิ้มปล่อยให้ลี่หยางเป็นผู้นำทาง ไม่ว่าจะผ่านมานานแค่ไหน ลี่หยางไม่เคยจะละเลยหว่านหนิงยังคงสม่ำเสมอไปเคยเปลี่ยน
เกี้ยวหลังใหญ่ถูกเคลื่อนเข้ามาในวังหลวง อี้หลิวนั่งด้วยท่าทีดุจนางพญา อาภรณ์สีอ่อนหวาน ใบหน้าก็ถูกแต่งแต้มให้อ่อนหวานปานน้ำผึ้งป่า
ตราของตระกูลถูกส่งให้ทหารยามหน้าประตู พร้อมทั้งก้อนสีทองจากมือของอี้หลิว ทำให้การเดินทางเข้าสู่วังหลวงง่ายดายยิ่งนัก
ตำหนักฮองเฮา อี้หลิวลงจากเกี้ยวอย่างเร่งรีบ คุกเข่าลงกับพื้น หว่านหนิงออกมารับด้านนอก
“ไฉ่อี้หลิว ถวายพระพรฮองเฮาทรงพระเจิญ พันปี”
เสียงดุจระฆังทอง หว่านหนิงเพียงแต่ยิ้มบางๆ ลี่หลงเดินตามออกมาช้าๆ
“อี้หลิวถวายพระพรองค์ชายใหญ่”ก้มหน้าแสร้งเขินอาย
“หลงหลง อี้หลิวบุตรีของใต้เท้าไฉ่แม่ให้นางเข้าวัง เพื่อให้องค์ชายของแม่ได้ทำความคุ้นเคยกับนาง”ลี่หลงยิ้ม
“แม่นางอี้หลิว”
กล่าวทักเพียงเท่านั้น อี้หลิวเงยหน้าช้อนตาที่ขนตางอนงามขึ้นมองลี่หลงด้วยสายตาสื่อความหมายบางอย่าง แต่ลี่หลงกับเสมองไปเสียทางอื่น หว่านหนิงสังเกตอาการของทั้งลี่หลงและอี้หลิว
“ลี่หลง เจ้าต้องพานางชมวังหลวงแนะนำตำหนักต่างๆ และพานางไปที่พำนักที่ตำหนักจันทรา แม่ให้กุ้ยอิงจัดเตรียมไว้แล้ว”
หว่านหนิงพูดขึ้น เหมือนประโยคทั่วๆ ไปหาได้ออกคำสั่งกับลี่หลงไม่
“ลี่หลงน้อมบัญชา”
อี้หลิวยิ้มหวานหยดย้อย ย่อตัวทำความเคารพหว่านหนิง ลี่หลงเดินนำไปข้างหน้า หว่านหนิงมองตามจนลับสายตา
“ฮองเฮา แม่นางอี้หลิวกิริยาอ่อนหวานเหมาะกับองค์ชายใหญ่”อิงไถออกความเห็น
“เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ ข้าวานเจ้าไปที่ตำหนักองค์หญิงจิงฮวนบอกว่า ข้าให้จิงฮวน ไปอุ้มขันทีปิงปิงที่ตำหนักร้อยดาวมาให้ข้าหน่อย ข้ากำลังเย็บปลอกคออันใหม่ให้ขันทีปิงปิง”
อิงไถยิ้มเหมือนจะพึ่งนึกอะไรขึ้นได้ อยู่กับหว่านหนิงมานานชักจะเดาแผนการบางอย่างของหว่านหนิงได้บ้างแล้ว กุ้ยอิงยังงงๆ ตามไม่ทันเช่นเดิม
"องค์ชายใหญ่ รักขันทีปิงปิงดั่งน้องชาย" หว่านหนิงยิ้มเดินเข้าไปในตำหนักโดยมีกุ้ยอิงพยุงเข้าไป
“ให้ข้าไปอุ้มขันทีปิงปิงเช่นนั้นหรือ”จิงฮวนทำสีหน้าฉงน
“เพคะ องค์ชายใหญ่กำลังพา แม่นางอี้หลิวบุตรีของใต้เท้าไฉ่ชมวังหลวง” จิงฮวนพยักหน้าช้าๆ
“เข้าใจแล้วองค์ชายใหญ่ไม่ว่าง กำลังดูแลคู่หมาย อาหญิงเลยไหว้วานข้าใช่ไหม”อิงไถยิ้มบางๆ
“ใช่แล้วเพคะ”จิงฮวนพยักหน้าอีกที
“จิงฮวนยินดี อีกประเดี๋ยวจะนำขันทีปิงปิงไปที่ตำหนักฮองเฮา”
สาวเท้าไปยังตำหนักร้อยดาวทันที ปิงปิงย้ายนิวาสฐานไปอยู่ที่ตำหนักร้อยดาวเรียบร้อยแล้วนั่นเอง ตามลี่หลงไปนอนค้างที่นั่น แมวชอบความสงบ
"องค์หญิงจิงฮวนยอมไปโดยดียังบอกอีกว่าอีกประเดี๋ยวจะนำขันทีปิงปิงมาที่นี่"
"ป่านนี้ องค์ชายใหญ่คงถึงตำหนักร้อยดาวแล้วเช่นกัน"หว่านหนิงคาดคะเน
“ลี่หยงไม่เอาแล้วแบบนั้น ให้คัดอักษรจนมือหงิกแล้วบอกว่าจะได้เหมือนเสด็จย่าเชอะผ่านมาตั้งนานลี่หยงยังโง่งมเช่นเดิม”หว่านหนิงอมยิ้ม“นั่นห่อผ้าอะไรของเจ้า”“ลี่หยงได้ยินว่าเสด็จปู่กับเสด็จย่าจะออกท่องเที่ยว ข้าเป็นหลานและยังเป็นบุรุษจึงอาสานำทาง”หว่านหนิงปิดปากหัวเราะ“นำทางเจ้าเคยไปไกลจากวังหลวงกี่ลี้กัน”“เสด็จปู่ ข้าอ่านตำรามาไม่น้อยหวังว่ามันจะช่วยยามคับขัน”“ควรไปอ่านมากกว่านี่ไปกับปู่แล้วพ่อกับแม่ของเจ้าเล่า”ถามด้วยความสงสัยจริงจัง“เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ ไม่น่าห่วงเท่าเสด็จปู่กับเสด็จย่านี่”“เจ้าห่วงอะไรย่า”หว่านหนิงถามด้วยเสียงอ่อนโยน“ก็ห่วงว่าเสด็จย่าไม่มีใครกวนใจ”ลี่หยางอมยิ้ม บางอย่างในตัวลี่หยงทำเอาหัวเราะได้สนิทใจ“อีกสองวันจึงจะออกเดินทางเจ้าไปหากระบี่ดีสักเล่มเพื่อคุ้มกันเสด็จปู่กับเสด็จย่าดีไหม”“จริงด้วยสิสองวัน จะทันไหมป่านนี้ข้ายังไมไ่ด้ฝึกวิชากระบี่เอาแต่หัดคัดอักษรอยู่แบบนั้น เสด็จย่ากับเสด็จปู่ลี่หยงไปก่อนอีกสองวันจะมาที่นี่ออกเดินทางพร้อมท่านทั้งสอง”โบกมือหยอยๆ หว่านหนิงถอนหายใจยาว“ไม่อยากให้ไป”“กลัวว่าเขาจะขัดจังหวะเราสองคนใช่ไหม”“เสี้ยนตี้ ป่านนี้ยังไม่เลิกอ
ตำหนักร้อยดาว“หา.องค์ชายจิงฉือลักพาตัวองค์หญิงหงเอ่อผู้นั้นกับแคว้นหานเช่นนั้นหรือ555สองคนความสัมพันเช่นไรไม่แน่ชัด แต่องค์ชายจิงฉือก็ไม่เห็นจะยอมอ่อนข้อให้ข้าในการคัดตัวราชบุตรเขยข้าจึงเหนื่อยหนัก”ได้ทีคุยโว“เรื่องหัวใจไม่อาจบังคับกะเกณฑ์ใครกันจะเหมือนท่านองค์ชายแฝดน้อง”อิงอันแกล้งพูด“เหมือนข้าแล้วเช่นไร เห็นไหมเหมือนข้าได้ครองหัวใจเจ้า เหมือนพี่ใหญ่มีความสุขในตำหนักร้อยดาวกับจิงฮวน ว่าแต่องค์ชายจิงฉือนี้ ใจกล้าไม่น้อยหญิงชนเผ่าใครๆ ก็รู้ว่าเหมือนม้าป่า ปราบพยศยากเย็น”ลี่หลงอมยิ้ม จิงฮวนยิ้มน้อยๆ“จากที่มองเกรงว่าจะถูกนางปราบเสียมากกว่า เสด้จแม่เปรยๆ ว่าเห็นจะต้องส่งบรรณาการมากหน่อยยังแคว้นเหนือ เพื่อแสดงความจริงใจกับแคว้นเหนือ”ลี่หลงออกความเห็น“เฮ้อ เรื่องราวมากมายผ่านไปรวดเร็ว เราทุกคนล้วนมีรัก และผ่านความทุกข์เข็ญมาด้วยกัน ต่อแต่นี้รอรับเพียงรอยยิ้มและความสุข”“อ้วก...อุกๆๆ อ้วก”ลี่หลางหันมองจิงฮวนเต็มตา“พี่สะใภ้ข้าพูด ดีเกินไปหรือไรท่านจึงรู้สึกเลี่ยนกับคำพูดของข้า”“จิงฮวนเจ้าเป็นอะไรไป”ลี่หลงเข้าประคองจิงฮวนไว้อย่างเอาใจ“พี่สาวจิงฮวนท่านต้อง บำรุงตัวเองต่อจากนี้ข้าเคยเห็น
จิงฉือยืนรอหงเอ่อที่หน้าประตูห้องพักรับรอง นานหลายชั่วยามนางกำนัลเดินกลับไปกลับมาหลายรอบ“องค์ชาย องค์หญิงบอกให้ท่านกลับไปเสีย”“ข้าจะรั้งอยู่ที่นี่จนกว่านางจะออกมาพูดคุยกับข้า”นางกำนัลก้มหน้า จิงฉือก้าวขายาวๆ ผ่านนางกำนัลเข้าไปผลักประตู ออกด้วยแรงทั้งหมด“หงเอ่อ”หงเอ่อนั่ง เหม่อมองไปไกล“ออกไป”จิงฉือเข้าประชิดตัว ซ้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว หงเอ่อดิ้นรนให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนนั้น“ปล่อย ทำผิดแล้วยังจะผิดซ้ำๆ ” ก้มลงบดขยี้ริมฝีปากกับปากบางของคนในอ้อมแขน“หุบปากเจ้าเสีย”“ไม่”ก้มลงอีกครั้งคราวนี้หงเอ่อเงียบกริบ อุ้มหงเอ่อเดินลิ่วเหมือนอีกคน ไร้ตำหนัก“จะพาไปไหน”“อย่าถาม”“ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยไม่อย่างนั้นจะร้อง”“เจ้าร้องข้าจะป่าวประกาศว่า ห้ามใครมายุ่งเรื่องระหว่างเรา เพราะข้ากับเจ้าเป็นสามีภรรยากันแล้ว”“ชั่วช้า”“ข้ายอมชั่วช้าหากได้ทำตามใจ ดีกว่าปล่อยให้เจ้าเฉยชากับข้าเช่นนี้”“ไม่ต้องมารู้สึกผิด”“ใครกันรู้สึกผิดข้าแค่ไม่อยากให้เมียของข้าไปเป็นชายาผู้อื่นอีกต่อจากนี้”“นั่นมันเรื่องของข้าท่านมาตีตราข้าไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”หงเอ่อผู้ไม่เคยยอมอ่อนข้อให้ใคร“อย่างนี้ข้าจึงต้องป่าวป
เหรียญทองในมือถูกโปรยหว่านให้กับชาวบ้าน ที่พร้อมใจกันมาร่วมงานเฉลิมฉลองในครั้งนี้เนืองแน่นแคว้นจ้าว มองไปทางไหนมีแต่รอยยิ้ม ลี่หยางประคองกอดหว่านหนิงยกมือบางชูขึ้นเหนือหัว เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดอก เหมยร่วงลงพื้น ทางเดินทอดยาวเหมือนพรมสีสวยลี่หยางจูงมือหว่านหนิงมาหยุดตรงภาพงดงามเบื้องหน้า“หากวันนั้นไม่มีฮองเฮาหว่านหนิงในวันนี้เช่นไรจึงจะมีลี่หยาง ลี่หลงและลี่หลางในวันนี้ อีกไม่นานจะมีชีวิตใหม่เกิดมาให้เจ้าต้องคอยประคับประคองเพิ่มอีกเหนื่อยหรือไม่หว่านหนิงของข้า”กอดร่างบางแนบอก หว่านหนิงยิ้มเงยหน้าขึ้นมองสบตา ลี่หยางด้วยความรักความผูกพัน“ในคืนที่ดาวมืดมิดขอเพียงฝ่าบาทหันมาจะพบว่ายังมีคนคนนี้เคียงข้างเสมอ หว่านหนิงหากยังมีชีวิตจะไม่ปล่อยให้ใครต้องโดดเดี่ยวหรือเผชิญทุกยากเพียงลำพังอย่างแน่นอนยิ่งเป็นคนที่หว่านหนิง รักเช่นเดียวกันแม้จะต้อง บุกน้ำลุยไฟย่อมไม่ปล่อยให้ใครเดียวดาย”ลี่หยางยิ้ม โน้มตัวลงประทับริมฝีปากที่ปากนุ่ม ละมุน บดขยี้อย่างอ่อนโยน“ขอแค่เพียงต่อแต่นี้ข้าลืมตาตื่นมาในทุกเช้าจะมีเจ้าเคียงข้างก็พอแล้ว ฮองเฮาที่รักของข้า เจ้าเป็นทุกสิ่งเป็นดั่งดวงใจ และผู้ที่ทำให้โลกที่มืดมิ
ฉี่กวนลี่อ้าปากค้างอิงอันกระโดดตัวลอย ลี่หลงยืนยิ้ม ฝานกงกง พยักหน้าไปมาไม่เสียทีที่หลายวันมานี้ลี่หลางมาฝึกกระบี่ที่ตำหนักเมฆาในทุกเย็น เขาเองก็ถ่ายทอดเคล็ดวิชาและการหลบหลีกให้ไปไม่น้อยเช่นกัน ลี่หลางหันไปยิ้มให้ฝานกงกงลี่เจิน ปรบมือหัวเราะร่วน“ดีดีดี เหมาะสมที่สุดแล้ว”เสี่ยวโถวออกวิ่งไปยัง ตำหนักใหญ่เพื่อรายงานเรื่องน่ายินดีให้หว่านหนิงและลี่หยางทันที“องค์ชายรองสุดยอดเสียจริงเพียงพลิกฝ่ามือก็สามารถเอาชนะองค์ชายจิงฉือผู้เก่งกาจ กระหม่อมนี้ยืนจังงังเลยทีเดียวไม่คิดไม่ฝันว่าองค์ชายรองผู้ที่ไม่ได้เรื่องที่สุดจะ สามารถเอาชนะองค์ชายจิงฉือผู้เก่งกาจได้อย่างง่ายดาย”หว่านหนิงอมยิ้มลี่หยางยิ้มกว้างยิ่งกว่า“แล้วอิงอันเล่ามีท่าทีเช่นไร”หว่านหนิงถามขึ้น“องค์หญิง กระโดดตัวลอย ความจริงอาจเป็นเพราะกระบี่ของฝานกงกงเป็นแน่แท้ที่ทำให้องค์ชายชนะการคัดเลือกในครั้งนี้”ลีหยาง ยิ้ม“กระบี่ของฝานกงกง ถูกตีขึ้นโดยฝานกงกง ในใต้หล้านี้หาผู้ที่ตีกระบี่ได้น้ำหนักดีเหมาะมือเช่นฝานกงกงคงยาก ข้าเองก็ได้มาไว้ข้างกายหนึ่งเล่ม ของลี่หลงอีกหนึ่งเล่ม หลายวันมานี่คงตรากตรำตีกระบี่ให้ลี่หลางอย่างแน่นอน”หว่านหนิงเลิ
ลี่หยางสวมกอดหว่านหนิงจากด้านหลัง ใช้คางเกยที่ไหล่บางเบาๆ“กำลังกังวลเรื่องเจ้าแฝดอยู่ใช่หรือไม่”“การจะสั่งสอนพวกเขา เป็นงานที่หนักไม่น้อยลี่หลางสร้างความหนักใจให้กับหว่านหนิงด้วยเขามักจะพลิกแพลงสถานะการณ์ด้วยตัวเองตลอดมา หรือไม่ก็เป็นลี่หลงที่มักจะให้ข้อคิดเสียจน ลี่หลางหาทางเอาตัวรอดในแบบของเขา”“เจ้ากับลี่หลางมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นก็คือรักที่มั่นคงลี่หลางมักจะแสดงออกในแบบของเขาแต่ข้าเชื่อเหลือเกินว่าด้วยเนื้อแท้ของลี่หลางมิใช่คนที่ชั่วช้าอะไรเขาเพียงแต่ยังไม่โต เพราะการที่เสด็จพ่อเลี้ยงดูเขามาด้วยความตามใจผิดกับลี่หลงที่มีฝานกงกงคอยดูแล เจ้าแม้จะช่วยได้ไม่มากก็ช่วยลี่หลางได้ไม่น้อยหลังจากเรื่องในครั้งนี้ข้าคิดว่าเขาจะโตขึ้นและมองทุกอย่างในแบบที่เราต้องการ ลี่เจินตั้งใจสละราชสมบัติเพื่อให้ราชบุตรเขยหรือลี่หลาง ได้ขึ้นนั่งบัลลังก์หากเขายังคิดไม่ได้ บัลลังก์ก็ยังคงต้องเป็นของลี่เจินต่อไปครั้งนี้จึงนับว่าเป็นบททดสอบลี่หลาง”“หว่านหนิงเกรงว่าลี่หลางจะทำเสียเรื่องอีกครั้ง”“เจ้ากังวลเกินไปแล้วบอกหลายครั้งแล้วว่าทิ้งเรื่องราวเหล่านั้นไว้ข้างนอก” พลิกร่างบางมาเผชิญหน้า ก้มลงบดริมฝีป