Masukซ่างเทียนหลินวางหญิงสาวที่ร่างกายเปียกชื้นลงบนเตียง นางเหนื่อยหอบส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้เขาแต่ไม่เอื้อนเอ่ยอะไร เขายิ้มมุมปากก่อนยกเรียวขางามมาพาดบ่าของตนทั้งสองข้าง จากนั้นจึงส่งแท่งหยกร้อนเข้าไปทักทายโพรงดอกไม้ที่คับแน่นและชุ่มฉ่ำอีกครั้ง ใบหน้าของเขาก้มลงประทับจุมพิต โลมเลียและขบกัดตั้งแต่ริมฝีปาก ลำคอและหน้าอกที่อวบอิ่มของนาง ฝ่ามือลูบไล้คลึงเคล้นไปทั่วเรือนร่าง การรุกล้ำ จังหวะเคลื่อนไหวที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของเขาทำให้สตรีใต้ร่างส่งเสียงครวญครางทั้งคืนจวบจนถึงรุ่งสาง
ประตูห้องบรรทมตำหนักถูกเปิดออก ซ่างเทียนหลินก้าวเท้าออกมาจากห้องตั้งแต่เช้าด้วยความสดชื่น เขากล่าวกับไป๋หลานที่ยืนรออยู่หน้าหอ “ดูแลพระชายาให้ดี”
ไป๋หลานก้มหน้ารับคำ นางรีบเข้าไปให้ห้องเพื่อปรนนิบัติ ลู่ซินหลิน
“คุณหนู เอ่อ พระชายาจะอาบน้ำหรือเสวยมื้อเช้าก่อน เพคะ”
สตรีบนเตียงนอนแผ่อย่างอ่อนล้า พูดเสียงแหบพร่า
“ขอน้ำก่อน ข้าหิวน้ำ” นางร้องทั้งคืนไม่มีโอกาสได้ดื่มน้ำแม้แต่หยดเดียว ตอนนี้คอแห้งผากอยากดื่มน้ำก่อนทำสิ่งอื่นใด
เมื่อร่างกายพอมีแรง นางจึงให้ไป๋หลานพยุงนางลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนที่จะรับประทานอาหารเช้า
........
ที่ท้องพระโรง หลังจากประชุมขุนนางเสร็จสิ้น ฮ่องเต้ก็เรียกซ่างเทียนหลินและจิ่งเซี่ยวหรานให้อยู่พูดคุย มีซ่างเทียนหรูที่อยากรู้อยากเห็นไม่ยอมกลับจวนอ๋องของตน
“ตกลงเจ้าแก้พิษอย่างไร” ฮ่องเต้กวาดสายตาสำรวจร่างกายและใบหน้าที่ผ่องใสของพระอนุชาบ้านตน
“ไม่เหมือนคนที่ถูกพิษแม้แต้น้อย” ซ่างเทียนหรูเดินวนรอบตัวซ่างเทียนหลิน มือจับคางแล้วแสร้งทำครุ่นคิด
ซ่างเทียนหลินมุมปากกระตุก เจ้าพวกพี่น้องตัวดี ทำไมถึงชอบจับผิดเรื่องในมุ้งนักนะ
“โดนพิษอะไรก็แค่แก้ด้วยสิ่งนั้น” เขาพูดน้ำเสียงราบเรียบ
“สตรีหรือ มันดีใช่หรือไม่” ซ่างเทียนหรูรีบเสนอหน้ามาถามด้วยความอยากรู้
“เจ้าอยากรู้ก็รีบแต่งพระชายาสิ” ซ่างเทียนหลินไม่ตอบน้องชายตัวดี สายตาจริงจังมองฮ่องเต้
“ฝั่งหนานหยางอ๋องและจ้าวเจินเซี่ยงเป็นอย่างไรบ้าง”
“หนานหยางอ๋องก็คงทำใจอยู่ในจวน ส่วนจ้าวเจินเซี่ยงก็แค่ต้องจัดงานแต่งของบุตรสาวกับซื่อจื่อจวนกั๋วกง”
จิ่งเซี่ยวหรานรีบชิงตอบก่อนผู้ใด
“ใต้เท้าจ้าวก็คงเสียดายที่ไม่ได้เป็นพ่อตาชินอ๋อง แต่แม่นางจ้าวก็ไม่แน่ เห็นว่าดุเดือดกับเสิ่นป๋อคงทั้งคืน น่าจะพึงพอใจมิใช่น้อย” ซ่างเทียนหรูแสดงความคิดเห็นตามที่องครักษ์เล่าให้ฟัง
“อะแฮ่ม” ซ่างเทียนหลินรีบกระแอมเพื่อเปลี่ยนประเด็นของพระอนุชาตนเอง เขากลัวว่าพูดไปพูดมาจะวกเข้าเรื่องของเขาอีกรอบ ดุเดือดทั้งคืนเช่นเดียวกัน
........
วันนี้ทั้งวันลู่ซินหลินได้แต่นั่งเหม่อลอยคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ความอบอุ่น แข็งแกร่งและเร่าร้อนยังคงติดอยู่ในความทรงจำของนาง นอกจากสมองแล้ว ร่างกายก็ยังคงจำถึงการตอบสนองทุกท่วงท่าได้อย่างดี
“ไอ้ท่านอ๋องบ้า ไหนบอกว่าจะแยกกันอยู่” นางทำหน้ามุ่ยบ่นกับตัวเอง
ไป๋หลานเดินเข้ามาพอดี “พระชายาอย่าเอ่ยเช่นนี้เพคะ เรื่องแบบนี้เป็นปกติของสามีภรรยา” นางว่าแล้วก็ก้มหน้ากระดากอาย “ท่านอ๋องจะได้โปรดพระชายามากขึ้นนะเพคะ”
“ข้าไม่ได้อยากให้โปรดเสียหน่อย”
“ถ้าท่านอ๋องทรงโปรด พระชายาจะได้ขอเงินและสมุนไพรได้เยอะๆ ยังไงล่ะเพคะ”
“ไม่ต้องพูดล่ะ ไปเดินเที่ยวร้านค้าแถวนี้กันเถอะ”
ลู่ซินหลินพูดตัดบท นางลุกออกจากห้องเพื่อไปทำในสิ่งที่ตนเองสนใจ ดีเสียกว่าต้องมาคอยประจบเอาใจชายหนุ่ม
วันนี้ร้านรวงที่ตั้งขายริมแม่น้ำคึกคักมากเป็นพิเศษ ลู่ซิน หลินเดินเที่ยวดูร้านนั้นออกร้านนี้ ไป๋หลานและองครักษ์ติดตามคอยเฝ้าดูจนเหนื่อย
“นี่ก็เย็นมากแล้ว ข้าวของที่ซื้อมาก็เยอะ พักที่โรงเตี๊ยมข้างหน้ากันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยกลับจวนอ๋อง” นางหาข้ออ้างบอกกับผู้ติดตามทั้งสอง ความจริงคือยังไม่อยากกลับไปพบหน้าซ่างเทียนหลิน
........
หอว่านฮัว หอคณิกาที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของเมืองจู่เฉิง สตรีที่อยู่ที่นี่ล้วนแต่งามล่มเมือง ฝีมือในการยั่วยวนถูกฝึกฝนมาอย่างดี
“รสนิยมดีนะเนี่ย” จิ่งเซี่ยวหรานพูดขณะเงยหน้ามองป้ายไม้ขนาดใหญ่ของหอว่านฮัว
“ข้าได้มาเปิดหูเปิดตาเพราะมันเลย” เขาก้าวขาเข้าไปภายในไม่ได้สนใจใบหน้าที่ไม่แยแสสิ่งใดของบุรุษด้านข้าง
ซ่างเทียนหลินที่วันนี้ปลอมตัวมาตามจับฆาตกรที่พยายามลอบสังหารท่านหมอใหญ่หลี่ของโรงหมอเต๋ออีถัง เขาสวมหน้ากากหนังมนุษย์ หน้ากากที่ทำมาจากวัสดุพิเศษสามารถปลอมแปลงใบหน้าได้โดยไม่เป็นที่สังเกต ทั้งเมืองมีเพียงไม่กี่ชิ้นเนื่องจากต้องสั่งทำจากหอไป่เชียน
เขาเดินก้าวเท้าตามจิ่งเซี่ยวหรานเข้าไป มีสาวงามด้านหน้าเดินต้อนหน้าต้อนหลังพวกเขาทั้งสอง ราวกับกลัวว่าจะเปลี่ยนใจ
เมื่อถึงโต๊ะ สายตาสองคู่ของพวกเขาก็สอดส่องมองหาเป้าหมาย สตรีสองนางเดินนวยนาดเข้ามาแล้วก็นั่งลงด้านข้าง เอาหน้าอกหน้าใจเบียดแขนของพวกเขา
“นายท่าน จะรับสุราและอาหารเพียงเท่านั้นหรือเจ้าคะ” มือเรียวขาวเริ่มลูบไล้ไปตามตัวของบุรุษ
“อืม” ซ่างเทียนหลินไม่ได้สนใจ เมื่อมองหาเป้าหมายได้สักพักเขาก็พบตัวคน
บุรุษร่างใหญ่ รวบผมอย่างลวกๆ บนใบหน้าบริเวณข้างหูมีรอยแผลเป็นยาวประมาณหนึ่งชุ่น* นั่งหลบมุมดื่มสุรา สายตาจ้องสตรีที่กำลังร่ายรำอยู่บนเวทีด้วยความเพลิดเพลิน
“มันอยู่นั่น” เขาเอ่ยบอกจิ่งเซี่ยวหราน
“จะจับเลยไหม หรือจะรอมันหิ้วหญิงเข้าหอก่อนล่ะ” จิ่งเซี่ยวหรานถามพลางหยิบจอกสุรามาดื่ม
“ทหารภายนอกพร้อมแล้วใช่หรือไม่ ถ้ามาครบแล้วก็จับเลย” ซ่างเทียนหลินลุกขึ้นทันทีแล้วก็เดินไปทางบุรุษผู้นั้น
ด้วยสัญชาตญาณนักฆ่า บุรุษผู้นั้นรีบลุกขึ้นจากโต๊ะ วิ่งไปทางหน้าต่างแล้วพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว มันวิ่งหนีไปทางตรอกด้านข้างของหอว่านฮัว แล้วแฝงตัวทำเป็นแขกเข้าพักที่โรงเตี๊ยม ซินเหอ
ซ่างเทียนหลิน จิ่งเซี่ยวหรานและทหารไล่ตามไปที่โรงเตี๊ยมนั้น พวกเขาแบ่งกำลังผลักประตูตรวจค้นทุกห้อง
บุรุษมือสังหารเมื่อสบจังหวะก็เข้าไปหลบในห้องสตรีนางหนึ่ง มันผลักหญิงสาวคนนั้นลงบนเตียง มีดปลายแหลมด้ามเล็กจ่ออยู่ที่คอนาง หากคนนอกไม่สังเกตก็มองไม่เห็น
เมื่อนางล้มลงบนเตียง มันก็กระชากคอเสื้อของนางออกเผยให้เห็นหัวไหล่และไหปลาร้าที่ขาวนวลเนียน
“มีของดีเหมือนหญิงคณิกาเลยนะเนี่ย” มันยิ้มอย่างร้ายกาจ เลียริมฝีปากอย่างหิวกระหาย
เสียงประตูถูกเปิดออก หญิงคนนั้นอยากร้องขอความช่วยเหลือแต่ก็ร้องไม่ออก ส่วนชายที่จับตัวเธออยู่นั้นตะคอกเสียงดัง
“เรื่องของผัวเมียอย่ามายุ่ง”
บุรุษที่เปิดประตูเห็นสตรีบนเตียงมีสีหน้าซีดเผือก สายตาเกรี้ยวกราดของเขาก็ฉายแววความโหดเหี้ยมออกมา ไม่นานองครักษ์และไป๋หลานก็วิ่งจากห้องด้านข้างมายังหน้าประตู
เขากวาดสายตาดุร้ายมองไปยังองครักษ์ องครักษ์ยืนชะงักคอตกอยู่ตรงนั้น จากนั้นเขาก็เข้าพุ่งตัวเข้าไปภายในห้อง ซัดอาวุธลับใส่มือของมือสังหารก่อนที่มันจะคว้ากระบี่มาตอบโต้
มีดเล่มเล็กหล่นอยู่บนเตียง มือสังหารผู้นั้นเบี่ยงตัวหลบ มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บคว้ากระบี่ออกมาต่อสู้กับชายแปลกหน้าที่เข้ามา ส่วนสตรีรีบดึงเสื้อมาปกปิดร่างกายของตนด้วยความลุกลี้ลุกลน
บุรุษที่เพิ่งเข้าไปในห้องหลบกระบี่อย่างรวดเร็ว เขาพลิกตัวไปอยู่ด้านหลังของมือสังหารแล้วซัดฝ่ามือใส่หลังชายผู้นั้น ก่อนที่จะยกกระบี่ขึ้นมาพาดคอของมัน เป็นเวลาที่จิ่งเซี่ยวหรานมาพอดี พวกเขาจัดการก่อนที่มันจะชิงฆ่าตัวตาย มือสังหารถูกควบคุมตัวไปกับจิ่งเซี่ยวหรานพร้อมกับทหารที่รออยู่ด้านนอก
เมื่อเหตุการณ์สงบ องครักษ์ที่ยืนคอตกอยู่หน้าประตูก็ดึงไป๋หลานไปที่อื่น เขายังมีเรื่องสำคัญมากที่ยังต้องทำเพื่อเป็นการแก้ตัว
ชายหนุ่มที่เป็นเสมือนวีรบุรุษช่วยสาวงาม ยืนจ้องมองสตรีร่างน้อย สายตาของเขาซับซ้อนจนไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้
“ขอบคุณเจ้าค่ะ เชิญคุณชายออกไปได้แล้ว” หญิงสาวกระเถิบตัวหลบมุมอยู่บนเตียง
“หึ” ชายหนุ่มพ่นเสียงออกมาก่อนที่จะก้าวเท้าขึ้นเตียง เขาดึงหญิงสาวให้มาอยู่ตรงกลางของเตียงก่อนที่จะนำตนเองคร่อมบนร่างกายของนาง มือทั้งสองเปิดเสื้อของนางเฉกเช่นกับมือสังหารก่อนหน้านี้
“อย่า คุณชาย ไม่ได้” หญิงสาวกรีดร้องด้วยความตกใจ มือน้อยพยายามปัดป้องอย่างสุดกำลัง
ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เขาจับมือทั้งสองของหญิงสาวรวบขึ้นเหนือศีรษะ มือแกร่งยึดไม่ให้สตรีใต้ร่างดิ้นหรือต่อต้านได้ มือข้างที่ว่างเปิดเสื้อจนเห็นโต้วตู** สีแดงสดของหญิงสาว
หญิงสาวเริ่มร้องไห้ “ขะ ข้าเป็นพระชายาของชินอ๋อง ถ้าเจ้าทำอะไรข้า ชินอ๋องไม่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอดไปแน่” นางทั้งร้อง ทั้งดิ้นและข่มขู่ชายแปลกหน้าที่คร่อมตัวนาง
มุมปากบุรุษยกยิ้มอย่างพึงพอใจ “เจ้ารู้ตัวด้วยหรือว่าเป็นชายาของใคร ใยถึงไม่อยู่ที่จวน เที่ยวมาพักอยู่ตามโรงเตี๊ยม”
เขาไม่พูดอย่างเดียว มือแกร่งยังกระชากโต้วตูของหญิงสาวจนหลุดออกมาจากกายเผยให้เห็นอกงามสล้างอวดโฉมอยู่เบื้องหน้า
สตรีน้อยเมื่อได้ยินเสียงก็ตั้งสติได้ นางจ้องตาบุรุษที่ไม่คุ้นหน้า แต่ดวงหน้านั้นยิ่งกว่าคุ้นเคย
“ทะ ท่านอ๋องหรือ” นางเสียงสั่นถามเขาเพื่อความมั่นใจ
“ถ้าจำหน้าจำเสียงข้าไม่ได้ เจ้าอาจจะจำเรือนร่างและสิ่งอื่นของสามีเจ้าได้ เมื่อคืนยิ่งเข้ากันได้ดีมาก”
เขาก้มลงไปพูดข้างใบหูนาง ก่อนที่จะก้มลงส่งลิ้นโลมเลียและดูดดุนยอดถันที่ชูชันทั้งสอง
สตรีจากที่ส่งเสียงข่มขู่ก็กลายเป็นส่งเสียงครวญครางไม่ได้ศัพท์ออกมา เมื่อได้ยินเสียงเช่นนั้นชายหนุ่มก็ปล่อยมือของตนที่จับข้อมือทั้งสองของหญิงสาว ก่อนที่จะย้ายมาอยู่ตรงกางเกงของนางแล้วดึงมันออกในครั้งเดียว
เขาไล่ลิ้นที่พรมจูบและดูดดุนบริเวณหน้าอก เลื่อนลงมาผ่านหน้าท้องที่แบนราบ เนินเนื้อที่เรียบเนียนไร้เส้นขน เมื่อมาถึงจุดอ่อนไหวของหญิงสาวเขาก็จับขาที่ขาวเนียนพาดบนบ่าของตนก่อนที่จะลิ้มรสและสำรวจกลีบดอกไม้งามฉ่ำน้ำที่สีชมพูระเรื่อ ทั้งลิ้นและริมฝีปากของเขาทำหน้าที่เข้ากันอย่างดีเยี่ยม จังหวะการขยับลิ้นและการขบเม้มของริมฝีปากทำให้หญิงสาวครางไม่หยุด ร่างกายสั่นไหว นางแอ่นหน้าอกและส่วนสงวนเพื่อรอรับการรุกล้ำของจริงที่กำลังจะตามมา
บุรุษหยุดไปพักหนึ่งเมื่อร่างสตรีกระตุก เขาใช้จังหวะนี้ถอดเสื้อผ้าของตนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็นั่งบนเตียงรั้งขางามขาวผ่องมาวางบนหน้าขาของตน เขาจับแท่งหยกของตนมาถูวนบริเวณปากโพรงน้ำหวาน สายตาจับจ้องสตรีตรงหน้า
ใบหน้างามจ้องมองเขาหยาดเยิ้ม ราวกับว่ารอให้สอดใส่เข้ามาเร็วๆ เขายิ้มพึงพอใจก้มลงไปฟอนเฟ้นอกตูมอีกครั้ง
“เจ้าอยากกินข้าหรือไม่” เขาถามเย้าแหย่สตรีใต้ร่าง
หญิงสาวได้ยินก็เขินอาย นางไม่ได้ตอบคำถาม เห็นๆ อยู่ว่าเขากินนางทั้งร่างแล้ว ยังจะมาถามว่านางจะกินเขาหรือเปล่าอีก ช่างหน้าไม่อาย
เมื่อรับรู้ถึงการตอบสนองของร่างบาง นางแอ่นหน้าอกรับการเล้าโลมของเขา ด้านล่างขางามเกี่ยวพันรอบเอว ไม่รอช้าเขาจึงส่งแท่งหยกร้อนของตนเข้าไปทักทายโพรงน้ำหวานดั่งเช่นเมื่อวาน เขาขยับเอวของตัวเองเป็นจังหวะจากช้าไปเร็ว จากนุ่มนวลไปจนดุดัน เมื่อร่างสตรีกระตุกอีกรอบเขาจึงพลิกตัวของนาง
เปลี่ยนท่าบ้างน่าจะดี
* ชุ่น เป็นหน่วยวัดความยาวของจีน 1ชุ่น เท่ากับ 1.312 นิ้ว
**โต้วตู คือ ชุดชั้นในของสตรี มีลักษณะคล้ายผ้ากันเปื้อน
ลู่เซียงเจี้ยนได้ยินก็ไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด นางวิ่งเข้ามาหมายจะตบตีลู่ซินหลิน ขนาดวางยาฆ่าสามีตนเองยังทำมาแล้ว การตบหน้าพี่สาวต่างมารดากลายเป็นเรื่องเล็กน้อยในทันที ลู่ซินหลินยืนนิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหว เมื่อลู่เซียงเจี้ยนเข้ามาใกล้ก็ถูกองครักษ์รวบตัวอย่างรวดเร็ว “พระชายา จะให้จัดการนางอย่างไรหรือพะย่ะค่ะ” “พานางไปไว้นอกวัด อย่าให้เข้ามาก็พอ รบกวนพระเดี๋ยวจะบาป” ลู่ซินหลินตอบ เดินเข้าไปไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ด้านหน้าอย่างใจเย็น องครักษ์หิ้วตัวลู่เซียงเจี้ยนไปไว้นอกกำแพงวัด ลู่เซียง เจี้ยนทุบประ
ครั้นเยี่ยนจิงหนิงลืมตาขึ้น นางก็ถูกมัดอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง เมื่อมองไปโดยรอบก็เห็นหญิงสาวอีกหลายคนถูกมัดเช่นกัน มีทั้งสาวน้อยวัยแรกแย้มและสตรีที่อายุเกินยี่สิบปี ทั้งหมดรวมๆ กันประมาณสิบคนชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้มตัวลงเอามือหนาจับคางของหญิงสาวเพื่อมองหน้าพวกนางให้ชัดๆ ก่อนจะแยกพวกนางออกเป็นสองกลุ่ม“นังคนนั้นไว้ทางซ้าย คนนี้ไว้ฝั่งทางขวา” เขาบอกลูกน้องให้จับตัวหญิงสาวนั่งห่างกันคนละฝั่งของบ้านเมื่อชายผู้นั้นมาถึงเยี่ยนจิงหนิง เขาสำรวจใบหน้าของเธอ “อืม งามใช้ได้” เขาทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนที่จะจับแขนแล้วถลกแขนเสื้อดูแขนของนาง เมื่อเห็นแต้มโส่วกงซายังอยู่ “ของดีจริงๆ”“ฝั่งทางขวา” ชายคนนั้นดึงมือของตนกลับ “ต้องขายได้ราคาดีแน่ๆ” เขายิ้มอย่างชั่วร้าย“ข้าต้องไปปลดปล่อยก่อน” เขาบอกกับบรรดาลูกสมุนก่อนก้าวเท้าออก
เขาจับร่างบางของสตรีให้พลิกคว่ำลงกับหมอน รั้งสะโพกงามให้ลอยเด่นยั่วยวนสายตาเขา เมื่อดอกไม้งามสั่นไหวเรียกหาอยู่ตรงหน้า เข้าก็ก้มลงทักทายอย่างไม่รอช้า ปากหยักขยับคล่องแคล่วเหมือนผู้มีประสบการณ์มานาน เมื่อแท่งหยกเขาพร้อมอีกครั้งก็ส่งเข้าไปยังช่องทางเดิมทันที การส่งไปในครั้งนี้เป็นการสำรวจโพรงน้ำหวานที่ลึกกว่าเดิม “ดีมาก” เขาพูดในลำคอ มือจับสะโพกที่งอนงามไว้ส่วนแก่นกายของตนก็กระแทกเข้าออกไม่ยอมหยุด “เรียกสามี” เขาสั่งให้สตรีที่ร้องเสียงหลงเรียกอย่างหน้าไม่อาย “สะ สามี” นางที่หัวสมองโล่งไปหมดก็เรียกสามีตามที่เขาสั่ง เขาสั่งให้อยู่ท่าไหนก็ยอมเขาอย่างว่าง่าย เป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่ร่างของคนทั้งสองเกี่ยวพันประสานกันอย่างล้ำลึก ........ หลังจากว่าราชกิจในท้องพระโรงเสร็จ สายตาทั้งสามคู่ของฮ่องเต้ จวิ้นอ๋องซ่างเทียนหรูและจิ่งเซี่ยวหรานก็จับจ้องมายังซ่างเทียนหลินโดยไม่ได้นัดหมาย “ชินอ๋องละทิ้งหน้าที่ เขาขลุกอยู่กับพระชายาตั้งแต่ค่ำของเมื่อวาน ปล่อยให้กระหม่อมต้องสอบสวนเจ้าชั่วนั่นคนเดียว” จิ่งเซี่ยวหรานทูลฟ้อ
ซ่างเทียนหลินวางหญิงสาวที่ร่างกายเปียกชื้นลงบนเตียง นางเหนื่อยหอบส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้เขาแต่ไม่เอื้อนเอ่ยอะไร เขายิ้มมุมปากก่อนยกเรียวขางามมาพาดบ่าของตนทั้งสองข้าง จากนั้นจึงส่งแท่งหยกร้อนเข้าไปทักทายโพรงดอกไม้ที่คับแน่นและชุ่มฉ่ำอีกครั้ง ใบหน้าของเขาก้มลงประทับจุมพิต โลมเลียและขบกัดตั้งแต่ริมฝีปาก ลำคอและหน้าอกที่อวบอิ่มของนาง ฝ่ามือลูบไล้คลึงเคล้นไปทั่วเรือนร่าง การรุกล้ำ จังหวะเคลื่อนไหวที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของเขาทำให้สตรีใต้ร่างส่งเสียงครวญครางทั้งคืนจวบจนถึงรุ่งสางประตูห้องบรรทมตำหนักถูกเปิดออก ซ่างเทียนหลินก้าวเท้าออกมาจากห้องตั้งแต่เช้าด้วยความสดชื่น เขากล่าวกับไป๋หลานที่ยืนรออยู่หน้าหอ “ดูแลพระชายาให้ดี”ไป๋หลานก้มหน้ารับคำ นางรีบเข้าไปให้ห้องเพื่อปรนนิบัติ ลู่ซินหลิน“คุณหนู เอ่อ พระชายาจะอาบน้ำหรือเสวยมื้อเช้าก่อน เพคะ”สตรีบนเตียงนอนแผ่อย่างอ่อนล้า พูดเสียงแหบพร่า“ขอน้ำก่อน ข้าหิวน้ำ” นางร้องทั้งคืนไม่มีโอกาสได้ดื่มน้ำแม้แต่หยดเดียว ตอนนี้คอแห้งผากอยากดื่มน้ำก่อนทำสิ่งอื่นใดเมื่อร่างกายพอมีแรง นางจึงให้ไป๋หลานพยุงนางลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนที่จะรับประทานอาหารเช้า.....
“พระชายาลู่ไม่อยู่ที่จวนอ๋องพะย่ะค่ะ” ทหารองครักษ์กล่าวรายงาน“งั้นก็รีบหาสตรีเข้าห้องท่านอ๋องไปซะ” จวิ้นอ๋องสั่งทหารด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้กับองครักษ์จ้าวเจินเซี่ยงที่ยืนฟังอยู่หน้าห้องสีหน้าตื่นตระหนกแต่ภายในใจลิงโลด เขาทำสัญญาณมือบอกฮูหยินให้สาวใช้นำจ้าวไฉ่เจินเข้าไปในห้องพักของชินอ๋องแสงไฟภายในห้องค่อนข้างมืดสลัว สว่างแค่พอมองเห็นกิริยาท่าทางของผู้ที่อยู่ภายในห้อง แต่มองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ชัดเจนเมื่อจ้าวไฉ่เจินก้าวเท้าเข้าไปในห้องก็โผเข้าไปที่เตียงนอน ฝ่ามือลูบไล้ร่างของบุรุษที่อยู่นอนรออยู่บนเตียง“ท่านอ๋อง หม่อมฉันร้อนมากเลยเพคะ ไม่ไหวแล้ว ท่านอ๋องช่วยหม่อมฉันด้วย”จ้าวไฉ่เจินพูดเสียงกระเส่า นางขึ้นไปบนเตียงนอนแล้วถอดเสื้อผ้าของตนเองออกอย่างไร้ความเขินอายบุรุษที่นอนอยู่บนเตียงรีบพลิกกายเข้าหาสตรีร่างบาง มือของเขารีบช่วยนางปลดเสื้อผ้าด้วยความรวดเร็ว“เจ้าช่วยถอดให้ข้าด้วย” เขาพูดเสียงแหบพร่าเมื่อเสื้อผ้าของคนทั้งคู่หลุดออกจากร่างจนหมดบุรุษนั้นก็จับร่างบางให้พลิกลงด้านล่าง ส่วนตัวเขาเปลี่ยนเป็นลุกขึ้นคร่อมร่างบางนั้นฝ่ามือหนาทั้งสองข้างฟอนเฟ้นหน้าอก
เมื่อถึงวันเกิดใต้เท้าจ้าวเจินเซี่ยง ในตอนเช้าลู่เสี่ยวลี่รีบไปยังจวนชินอ๋องตั้งแต่เช้าก่อนงานเลี้ยงตอนเย็นเริ่มเป็นเวลาหลาย ชั่วยาม“หม่อมฉันคารวะพระชายาเพคะ” ลู่เสี่ยวลี่ยอบกายคำนับอย่างมีมารยาทลู่ซินหลินที่ไม่ได้ติดต่อกับพี่น้องทั้งสองของตนเองเลยนับตั้งแต่แต่งงานมาก็ทำหน้าสงสัย “มาหาข้ามีธุระอะไรหรือ”“ข้าได้ยินมาว่าที่ป่าบริเวณชานเมืองด้านตะวันออกพบเห็ดหลินจือขึ้นมากเลยเพคะ ข้าอยากจะไปเก็บแต่ก็ไม่ค่อยมีความรู้ว่าต้องเลือกอย่างไร พอดีทราบมาว่าท่านพี่ซินหลินเชี่ยวชาญเรื่องยาสมุนไพร เลยอยากชวนท่านพี่ไปด้วยกัน” ลู่เสี่ยวลี่เอ่ยปากชักชวนอย่างไหลลื่นลู่ซินหลินได้ยินก็สนใจ “ข้าขอไปถามท่านอ๋องก่อนนะ” พูดจบนางก็ลุกไปทางตำหนักวั่งอวิ๋นบอกกล่าวแก่พ่อบ้านฉวน สักพัก ฉวนเจี่ยนก็เดินเข้ามา“ท่านอ๋องอนุญาตให้พระชายาเสด็จไปได้พะย่ะค่ะ แต่พระชายาห้ามไปเพียงลำพัง ต้องพาแม่นางไป๋หลานกับองครักษ์ไปด้วย เดี๋ยวข้าน้อยเลือกองครักษ์ให้พระองค์เอง”ผ่านไปไม่นานรถม้าของจวนชินอ๋องก็ออกเดินทาง ลู่เสี่ยวลี่ก็ขึ้นรถม้าคันเดียวกัน เนื่องจากตอนที่มานางนั่งเกี้ยวมา เมื่อชินอ๋องให้รถม้านางจึงไม่ต้องย้อนกลับไปยังจว







