LOGIN“พระชายาลู่ไม่อยู่ที่จวนอ๋องพะย่ะค่ะ” ทหารองครักษ์กล่าวรายงาน
“งั้นก็รีบหาสตรีเข้าห้องท่านอ๋องไปซะ” จวิ้นอ๋องสั่งทหารด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้กับองครักษ์
จ้าวเจินเซี่ยงที่ยืนฟังอยู่หน้าห้องสีหน้าตื่นตระหนกแต่ภายในใจลิงโลด เขาทำสัญญาณมือบอกฮูหยินให้สาวใช้นำจ้าวไฉ่เจินเข้าไปในห้องพักของชินอ๋อง
แสงไฟภายในห้องค่อนข้างมืดสลัว สว่างแค่พอมองเห็นกิริยาท่าทางของผู้ที่อยู่ภายในห้อง แต่มองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ชัดเจน
เมื่อจ้าวไฉ่เจินก้าวเท้าเข้าไปในห้องก็โผเข้าไปที่เตียงนอน ฝ่ามือลูบไล้ร่างของบุรุษที่อยู่นอนรออยู่บนเตียง
“ท่านอ๋อง หม่อมฉันร้อนมากเลยเพคะ ไม่ไหวแล้ว ท่านอ๋องช่วยหม่อมฉันด้วย”
จ้าวไฉ่เจินพูดเสียงกระเส่า นางขึ้นไปบนเตียงนอนแล้วถอดเสื้อผ้าของตนเองออกอย่างไร้ความเขินอาย
บุรุษที่นอนอยู่บนเตียงรีบพลิกกายเข้าหาสตรีร่างบาง มือของเขารีบช่วยนางปลดเสื้อผ้าด้วยความรวดเร็ว
“เจ้าช่วยถอดให้ข้าด้วย” เขาพูดเสียงแหบพร่า
เมื่อเสื้อผ้าของคนทั้งคู่หลุดออกจากร่างจนหมดบุรุษนั้นก็จับร่างบางให้พลิกลงด้านล่าง ส่วนตัวเขาเปลี่ยนเป็นลุกขึ้นคร่อมร่างบางนั้น
ฝ่ามือหนาทั้งสองข้างฟอนเฟ้นหน้าอกอวบอิ่มอย่างเพลิดเพลิน ริมฝีปากก้มลงไปทักทายกับยอดปทุมถันก่อนที่จะครอบริมฝีปากลงดูดดุนและส่งปลายลิ้นไล้เลียจนยอดถันแข็งชูชัน เขาทำเช่นนี้สลับกันทั้งสองข้างจนสตรีนั้นแอ่นกายส่งเสียงครวญคราง
เสียงร้องราวกับร่ายมนต์กล่อมชายหนุ่มให้เปลี่ยนตำแหน่ง จากที่ใบหน้าของเขาซุกจมอยู่ระหว่างเนินอกก็เลื่อนลงมาผ่านหน้าท้องที่แบนราบ เมื่อมือใหญ่จับขาเรียวขาวแยกออกจากกัน ใบหน้าของบุรุษก็แทรกเข้าไปตรงช่องที่เปิดอ้าทันที ริมฝีปากเล็มเลียกลีบดอกไม้ของหญิงสาวอย่างตะกละตะกลาม
มืองามข้างหนึ่งจับศีรษะของชายหนุ่มนั้นกดลงให้แนบชิดกับดอกไม้ของตนยิ่งขึ้น ส่วนมืออีกข้างกำผ้าปูเตียงไว้แน่น เมื่อริมฝีปากรับรู้ถึงการกระตุกกายของหญิงสาว เขาก็ไม่รอช้าจับขางามพาดบนบ่าแล้วส่งแท่งหยกของตนเข้าไปในโพรงน้ำหวานของหญิงสาว
ยิ่งเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังเท่าใดเขาก็ยิ่งเร่งจังหวะการเคลื่อนไหวของแท่งหยกให้เร็วและดุดันยิ่งขึ้น เสียงของคนทั้งสองดังจนทำให้สาวใช้ที่รออยู่นอกห้องหน้าแดงด้วยความเขินอาย
บุรุษซึ่งเชี่ยวชาญในเรื่องท่าทางหฤหรรษ์ได้จับสตรีใต้ร่างให้เปลี่ยนท่าตามที่เขาชื่นชอบ เงาที่สะท้อนออกทางหน้าต่างจึงเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ หากคนที่อยู่นอกห้องตั้งใจมองก็จะเห็นว่าคนทั้งคู่ไม่ได้อยู่แค่บนเตียง ยังไปที่โต๊ะตั่ง กระทั่งเครื่องเรือนที่วางอยู่ทั่วทุกมุมห้อง
ความรื่นเริงของคนทั้งสองนั้นเริ่มต้นจากช่วงหัวค่ำจนไปจบตอนเวลาใกล้รุ่งสาง เวลานั้นก็เหลือเพียงสาวใช้และองครักษ์ของจวิ้นอ๋องที่ถูกผลัดเปลี่ยนยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องอย่างแข็งขัน
จ้าวเจินเซี่ยงรอฟังข่าวที่เรือนของตนเองด้วยความกระสับกระส่าย ในใจอยากจะไปยืนอยู่หน้าห้องด้วยอีกคน แต่เมื่อนึกถึงความเหมาะสมจึงรอเวลาอย่างร้อนใจ
เมื่อสาวใช้มารายงานว่าเสียงภายในห้องเงียบลงแล้ว เขาก็รีบแต่งกายออกไปที่ห้องนั้นด้วยความตื่นเต้น ใจหวังจะได้ยินถึงการรับผิดชอบโดยแต่งบุตรสาวให้เป็นพระชายารองของจวนอ๋อง
ประตูห้องแง้มออกอย่างช้าๆ บุรุษหนุ่มภายในห้องสีหน้าตื่นตกใจค่อยๆ เคลื่อนกายออกนอกห้อง จ้าวเจินเซี่ยงที่กำลังจะยกมือคารวะกลับจ้องหน้าแล้วก็ค้างอยู่ท่านั้นราวกับถูกแช่แข็ง
“สะ เสิ่นป๋อคง” เขาเรียกชื่อชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงตกใจก่อนจะหันมองไปยังองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตู
องครักษ์สีหน้าเรียบเฉย เอ่ยบทที่เตี๊ยมไว้กับชินอ๋องและจวิ้นอ๋องอย่างคล่องแคล่ว
“ฝ่าบาททรงเห็นว่าซื่อจื่อจวนกั๋วกงก็ถูกวางยาเช่นเดียวกันจึงให้มาพักอยู่ที่ห้องนี้ ตอนสาวใช้นำตัวคุณหนูรองมา ข้าเอ่ยบอกแล้วแต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจฟัง จึงต้องอยู่ดูแลความปลอดภัยของซื่อ จื่อตามพระบัญชาของฝ่าบาท อีกสักพักเจิ้งกั๋วกงคงมาที่นี่ด้วยตนเอง”
หากฮ่องเต้ทรงทราบว่าตนถูกชินอ๋องซ่างเทียนหลินแอบอ้างพระนามคงจะขุ่นเคืองพระทัยมิใช่น้อย เรื่องเช่นนี้ถึงจะอ้างชื่อชินอ๋องก็ไม่มีผู้ใดกล้าหืออือ เพียงแต่ซ่างเทียนหลินต้องการจะปัดเรื่องต่างๆ ให้ฮ่องเต้จัดการแทนให้หมด สมกับเป็นพระอนุชาที่รักษาความดีสม่ำเสมอ คือเรื่องที่ดีไม่เคยให้ฮ่องเต้ได้ชื่นใจ แต่เรื่องบรรลัยยกให้ฮ่องเต้จัดการสม่ำเสมอ และหากวันใดวันหนึ่งที่ฮ่องเต้ไม่จัดการให้ เขาก็พร้อมจะโยนให้จวิ้นอ๋องซ่างเทียนหรูจัดการแทนทันที
ผ่านไปไม่นาน เจิ้งกั๋วกงก็มาถึงจวนตระกูลจ้าวด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ถึงบุตรชายของเขาจะดูเสเพลและอันธพาลไปบ้าง แต่ก็ควรที่จะได้แต่งกับคุณหนูสายตรงมากกว่าบุตรสาวของอนุภรรยา แม้ว่าฝ่าบาทจะมีรับสั่งเพียงแค่ให้ตบแต่งอย่างเป็นทางการ แต่ก็ไม่ได้รับสั่งว่าต้องให้จ้าวไฉ่เจินแต่งเข้าเป็นฮูหยินเอก กระนั้นก็ตาม งานเมื่อคืนแขกเหรื่อจำนวนมากล้วนรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น เรื่องนี้จึงสร้างความลำบากใจแก่เขาเป็นอย่างมาก
เขานั่งรอที่โถงรับแขกได้สักพัก จ้าวเจินเซี่ยงก็เดินนำเสิ่นป๋อคงและจ้าวไฉ่เจินออกมา หนุ่มสาวล้วนก้มหน้าเกรงกลัว เมื่อเขาเห็นดังนั้นก็เกิดอารมณ์ฉุนเฉียวลุกขึ้นชี้หน้าต่อว่าบุตรชายของตน
“จะ เจ้านี่นะ ไม่เอาไหนเสียเลย ทำไมไม่กลับจวน” เขาหน้าตาบูดบึ้งด้วยความโมโห
“คือว่า ฝ่าบาทให้ข้าไปรอที่ห้อง บอกว่าจะมีสาวงามจากในวังมา ไม่ต้องรีบกลับ” เสิ่นป๋อคงค่อยๆ พูดออกมาช้าๆ ทีละคำ
........
ทางฝั่งซ่างเทียนหลิน เมื่อคืนเขาได้ให้องครักษ์รีบพาตนไปยังตำหนักชิงหลาน ตำหนักส่วนตัวที่อยู่บนเขาชานเมือง
เมื่อถึงตำหนักเขาก็รีบไปที่สระจันทรา สระน้ำนี้เป็นสระน้ำธรรมชาติตั้งอยู่ในตำแหน่งที่พลังงานยินไหลผ่าน ทั้งยังได้รับแสงจันทร์ทุกค่ำคืน จึงมีพลังยินเพียงพอที่จะบรรเทาอาการของยาปลุกกำหนัดได้
เขาสั่งให้องครักษ์กระจายไปคุ้มกันยังบริเวณต่างๆ เพราะจำได้ว่าลู่ซินหลินก็พำนักอยู่ที่ตำหนักนี้เช่นเดียวกัน
“ท่านอ๋อง เหตุใดท่านอ๋องจึงไม่เรียกตัวพระชายามาปรนนิบัติหรือขอรับ” องครักษ์หลูจวิน องครักษ์ข้างกายเปรียบเสมือนเป็นมือซ้ายของซ่างเทียนหลินเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ข้าไม่ได้แต่งนางมาเพื่อเรื่องบนเตียงเสียหน่อย”
“แต่เรื่องอย่างว่าสามารถรักษาอาการของท่านอ๋องได้นะพะย่ะค่ะ การแช่น้ำอาจจะช่วยได้ไม่มาก” องครักษ์หลูจวินยังนำเสนอต่อ
“หากข้าใกล้ตายค่อยเรียกนางมาละกัน” ซ่างเทียนหลินตอบปัดอย่างไม่ใส่ใจ
ตอนนี้เขารู้สึกภายในกายร้อนรุ่ม แต่ก็ยังสามารถที่จะทนไหวใยต้องพึ่งสตรีด้วยเล่า หากเขาสามารถเอาชนะฤทธิ์ของยานี้ได้จึงจะถือว่าเป็นบุรุษที่แกร่งในใต้หล้าไร้ผู้ใดเทียบ
เขาเอนกายท่าทางกึ่งนั่งกึ่งนอนแช่น้ำในสระอยู่เป็นเวลานานแต่ความรุ่มร้อนภายในกายก็ไม่มีวี่แววว่าจะลดลงเสียที ขณะที่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้นเองก็ได้ยินเสียงน้ำกระเพื่อมราวกับมีคนเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ เขาค่อยๆ เคลื่อนไหวในน้ำให้เสียงเบาที่สุดเพื่อไปดูต้นเหตุที่ทำให้เกิดเสียง
เห็นไหล่มนและแขนเรียวของหญิงสาว ผิวขาวนวลเนียนดั่งไข่ปอก มือทั้งสองข้างกำลังสลับลูบไล้น้ำให้สัมผัสแขนตนไปมา หญิงสาวนางนั้นกำลังเล่นน้ำโดยไม่ได้สังเกตว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่ทางด้านหลังของเธอ
ซ่างเทียนหลินเดินแหวกสายน้ำไปด้านหลังของหญิงสาว มือแกร่งคว้าเข้าที่ข้อมือของสตรีนางนั้น จากนั้นออกแรงดึงให้นางหันหน้าเข้าหา
“ลู่ซินหลิน” เขาเลิกคิ้วสีหน้าประหลาดใจ “เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
สตรีน้อยตกใจราวกับเห็นผี และเมื่อเจอกับคำถามในสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนใจก็อึ้งไป
“มาอาบน้ำเพคะ ท่านอ๋องปล่อยหม่อมฉันก่อน” ใบหน้างามเขินอายแต่ยังกล้าตอบโดยไม่หลบสายตา ยังดีที่ส่วนสำคัญของหญิงสาวยังคงอยู่ใต้น้ำ ไม่ได้เปิดเผยออกมาให้ชายหนุ่มตรงหน้าเห็น
“เจ้ามายั่วข้าเช่นนั้นหรือ” นัยน์ตาคมเข้มเค้นถามสตรีตรงหน้าด้วยความสงสัย
“จะยั่วได้อย่างไรเพคะ ในเมื่อหม่อมฉันไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะเสด็จมา ท่านอ๋องปล่อยหม่อมฉันก่อน” ลู่ซินหลินเริ่มดิ้นพยายามจะสะบัดแขนของตนให้หลุดจากมือที่แข็งแกร่ง
ชายหนุ่มเห็นท่าทางขัดขืนของหญิงสาวตรงหน้าอารมณ์ก็เริ่มขุ่นมัว เขารั้งร่างของนางเข้ามาใกล้จนร่างของคนจะสองแนบชิดกัน
ซ่างเทียนหลินที่แต่งกายโดยใส่เพียงเสื้อคลุมบางๆ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าอกบางส่วนเมื่อสัมผัสผิวกายของสตรีที่ร่างเปลือยเปล่าก็ทำให้ร่างกายที่ร้อนรุ่มอยู่แล้วยิ่งร้อนมากยิ่งขึ้น
หน้าอกที่ใหญ่และนุ่มนิ่มของนางชนกับหน้าอกของเขา เขาเอื้อมมืออีกข้างรั้งสะโพกของนางให้มาแนบชิดกับส่วนสำคัญของเขา เมื่อชายหญิงได้แนบชิดกันก็ส่งผลให้เลือดในกายยิ่งพลุ่งพล่าน ส่วนสำคัญของชายหนุ่มตื่นตัวอย่างเต็มที่
ลู่ซินหลินรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งบริเวณท้องน้อยของชายหนุ่มที่มาดุนส่วนสงวนของนาง ร่างกายนางก็ถูกปลุกเร้า ยอดปทุมถันเต่งตึงอวดความงามภายใต้กายของบุรุษนั้น ส่วนขาของนางก็อ่อนระทวย นางทิ้งตัวลงภายใต้อ้อมแขนของเขา
ท่าทางที่ดูขัดขืนแต่ก็เหมือนกับยั่วยวนของหญิงสาวทำให้การยับยั้งชั่งใจของซ่างเทียนหลินหมดลงทันใด เขาประคองร่างที่งดงามของนางไปพิงกับก้อนหินริมฝั่งน้ำ มือข้างหนึ่งของเขาปลดกางเกงของตนเอง ก่อนนำแท่งหยกของตนสอดเข้าระหว่างขาอ่อนของสตรีนั้นแล้วขยับสะโพกเป็นจังหวะ
ถูไถอยู่แค่ภายนอก เขายังไม่พอใจ
หญิงสาวอ่อนแรงเอนกายตนพิงกับก้อนหิน ทำให้ความงามของหน้าอกคู่ใหญ่ถูกเปิดเผยให้ชายหนุ่มเห็น ก้อนเนื้อขนาดส้มโอลูกย่อมๆ สองลูกขาวผ่องเด้งขึ้นลงเป็นจังหวะ ยอดถันทั้งสองสีชมพูเข้มยั่วยวนราวกับจะท้าทายชายหนุ่มตรงหน้า
เขาไม่รอช้าก้มหน้าส่งปากหยักเข้าไปดูดเม้มยอดถันนั้นราวกับกระหายมาแรมปี สองมือหนายกร่างบางให้สะโพกงามอยู่บนหินก่อนจับเรียวขาสองข้างให้แยกออกจากกัน เนินเนื้อเนียนสวยเกลี้ยงเกลาด้านล่างมีดอกไม้งามชุ่มฉ่ำที่สั่นเล็กน้อยเหมือนเชื้อเชิญให้ชายหนุ่มมาทำการสำรวจ
มือแกร่งส่งนิ้วมือเรียวเข้าไปสำรวจโพรงดอกไม้อย่างระมัดระวัง เมื่อได้ยินเสียงร้องของหญิงสาวว่าเจ็บ เขาก็ขยับนิ้วเข้าออกให้นุ่มนวลขึ้น ไม่นานนักร่างบางก็เริ่มส่ายไปมาก่อนจะกระตุกเกร็ง เสียงครางหวานดังขึ้นพร้อมกับความชุ่มฉ่ำที่ชโลมนิ้วมือของเขา
ซ่างเทียนหลินเห็นเช่นนั้นก็ไม่รอช้า เขาก้มลงกระซิบข้างหูหญิงสาว “เปิ่นหวางขอนะ” โดยไม่สนใจคำตอบของหญิงสาวเขาก็จับแท่งหยกร้อนของตนสอดใส่เข้าไปภายในโพรงดอกไม้งามที่คับแคบนั้น เมื่อร่างทั้งสองเชื่อมโยงกันชายหนุ่มก็ส่งจังหวะให้ร่างบางใต้ร่างของตนรับรู้ ตั้งแต่เนิบช้าไปจนถึงหนักหน่วงและรวดเร็ว แต่ไม่ว่าเขาจะควบคุมอย่างไร สตรีน้อยก็ขยับสะโพกกลมมนสู้กับเขาจนสุดชีวิต
“ดีมาก” เขากล่าวด้วยความพึงพอใจ ทำตัวถือศีลกินผักมานาน เมื่อได้ลิ้มรสเนื้อแล้วก็ย่อมติดใจ
เขาอุ้มหญิงสาวแล้วหยิบเสื้อคลุมปกปิดร่างกายบางส่วนก่อนจะพากลับไปยังตำหนักของตน องครักษ์หลูเห็นไกลๆ ก็ลอบยิ้มอย่างดีใจ ตามไปอารักขารอบบริเวณตำหนัก
เรื่องดีๆ ของท่านอ๋อง จะต้องไม่มีสิ่งใดมาทำให้เสียบรรยากาศ
ลู่เซียงเจี้ยนได้ยินก็ไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด นางวิ่งเข้ามาหมายจะตบตีลู่ซินหลิน ขนาดวางยาฆ่าสามีตนเองยังทำมาแล้ว การตบหน้าพี่สาวต่างมารดากลายเป็นเรื่องเล็กน้อยในทันที ลู่ซินหลินยืนนิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหว เมื่อลู่เซียงเจี้ยนเข้ามาใกล้ก็ถูกองครักษ์รวบตัวอย่างรวดเร็ว “พระชายา จะให้จัดการนางอย่างไรหรือพะย่ะค่ะ” “พานางไปไว้นอกวัด อย่าให้เข้ามาก็พอ รบกวนพระเดี๋ยวจะบาป” ลู่ซินหลินตอบ เดินเข้าไปไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ด้านหน้าอย่างใจเย็น องครักษ์หิ้วตัวลู่เซียงเจี้ยนไปไว้นอกกำแพงวัด ลู่เซียง เจี้ยนทุบประ
ครั้นเยี่ยนจิงหนิงลืมตาขึ้น นางก็ถูกมัดอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง เมื่อมองไปโดยรอบก็เห็นหญิงสาวอีกหลายคนถูกมัดเช่นกัน มีทั้งสาวน้อยวัยแรกแย้มและสตรีที่อายุเกินยี่สิบปี ทั้งหมดรวมๆ กันประมาณสิบคนชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้มตัวลงเอามือหนาจับคางของหญิงสาวเพื่อมองหน้าพวกนางให้ชัดๆ ก่อนจะแยกพวกนางออกเป็นสองกลุ่ม“นังคนนั้นไว้ทางซ้าย คนนี้ไว้ฝั่งทางขวา” เขาบอกลูกน้องให้จับตัวหญิงสาวนั่งห่างกันคนละฝั่งของบ้านเมื่อชายผู้นั้นมาถึงเยี่ยนจิงหนิง เขาสำรวจใบหน้าของเธอ “อืม งามใช้ได้” เขาทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนที่จะจับแขนแล้วถลกแขนเสื้อดูแขนของนาง เมื่อเห็นแต้มโส่วกงซายังอยู่ “ของดีจริงๆ”“ฝั่งทางขวา” ชายคนนั้นดึงมือของตนกลับ “ต้องขายได้ราคาดีแน่ๆ” เขายิ้มอย่างชั่วร้าย“ข้าต้องไปปลดปล่อยก่อน” เขาบอกกับบรรดาลูกสมุนก่อนก้าวเท้าออก
เขาจับร่างบางของสตรีให้พลิกคว่ำลงกับหมอน รั้งสะโพกงามให้ลอยเด่นยั่วยวนสายตาเขา เมื่อดอกไม้งามสั่นไหวเรียกหาอยู่ตรงหน้า เข้าก็ก้มลงทักทายอย่างไม่รอช้า ปากหยักขยับคล่องแคล่วเหมือนผู้มีประสบการณ์มานาน เมื่อแท่งหยกเขาพร้อมอีกครั้งก็ส่งเข้าไปยังช่องทางเดิมทันที การส่งไปในครั้งนี้เป็นการสำรวจโพรงน้ำหวานที่ลึกกว่าเดิม “ดีมาก” เขาพูดในลำคอ มือจับสะโพกที่งอนงามไว้ส่วนแก่นกายของตนก็กระแทกเข้าออกไม่ยอมหยุด “เรียกสามี” เขาสั่งให้สตรีที่ร้องเสียงหลงเรียกอย่างหน้าไม่อาย “สะ สามี” นางที่หัวสมองโล่งไปหมดก็เรียกสามีตามที่เขาสั่ง เขาสั่งให้อยู่ท่าไหนก็ยอมเขาอย่างว่าง่าย เป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่ร่างของคนทั้งสองเกี่ยวพันประสานกันอย่างล้ำลึก ........ หลังจากว่าราชกิจในท้องพระโรงเสร็จ สายตาทั้งสามคู่ของฮ่องเต้ จวิ้นอ๋องซ่างเทียนหรูและจิ่งเซี่ยวหรานก็จับจ้องมายังซ่างเทียนหลินโดยไม่ได้นัดหมาย “ชินอ๋องละทิ้งหน้าที่ เขาขลุกอยู่กับพระชายาตั้งแต่ค่ำของเมื่อวาน ปล่อยให้กระหม่อมต้องสอบสวนเจ้าชั่วนั่นคนเดียว” จิ่งเซี่ยวหรานทูลฟ้อ
ซ่างเทียนหลินวางหญิงสาวที่ร่างกายเปียกชื้นลงบนเตียง นางเหนื่อยหอบส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้เขาแต่ไม่เอื้อนเอ่ยอะไร เขายิ้มมุมปากก่อนยกเรียวขางามมาพาดบ่าของตนทั้งสองข้าง จากนั้นจึงส่งแท่งหยกร้อนเข้าไปทักทายโพรงดอกไม้ที่คับแน่นและชุ่มฉ่ำอีกครั้ง ใบหน้าของเขาก้มลงประทับจุมพิต โลมเลียและขบกัดตั้งแต่ริมฝีปาก ลำคอและหน้าอกที่อวบอิ่มของนาง ฝ่ามือลูบไล้คลึงเคล้นไปทั่วเรือนร่าง การรุกล้ำ จังหวะเคลื่อนไหวที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของเขาทำให้สตรีใต้ร่างส่งเสียงครวญครางทั้งคืนจวบจนถึงรุ่งสางประตูห้องบรรทมตำหนักถูกเปิดออก ซ่างเทียนหลินก้าวเท้าออกมาจากห้องตั้งแต่เช้าด้วยความสดชื่น เขากล่าวกับไป๋หลานที่ยืนรออยู่หน้าหอ “ดูแลพระชายาให้ดี”ไป๋หลานก้มหน้ารับคำ นางรีบเข้าไปให้ห้องเพื่อปรนนิบัติ ลู่ซินหลิน“คุณหนู เอ่อ พระชายาจะอาบน้ำหรือเสวยมื้อเช้าก่อน เพคะ”สตรีบนเตียงนอนแผ่อย่างอ่อนล้า พูดเสียงแหบพร่า“ขอน้ำก่อน ข้าหิวน้ำ” นางร้องทั้งคืนไม่มีโอกาสได้ดื่มน้ำแม้แต่หยดเดียว ตอนนี้คอแห้งผากอยากดื่มน้ำก่อนทำสิ่งอื่นใดเมื่อร่างกายพอมีแรง นางจึงให้ไป๋หลานพยุงนางลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนที่จะรับประทานอาหารเช้า.....
“พระชายาลู่ไม่อยู่ที่จวนอ๋องพะย่ะค่ะ” ทหารองครักษ์กล่าวรายงาน“งั้นก็รีบหาสตรีเข้าห้องท่านอ๋องไปซะ” จวิ้นอ๋องสั่งทหารด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้กับองครักษ์จ้าวเจินเซี่ยงที่ยืนฟังอยู่หน้าห้องสีหน้าตื่นตระหนกแต่ภายในใจลิงโลด เขาทำสัญญาณมือบอกฮูหยินให้สาวใช้นำจ้าวไฉ่เจินเข้าไปในห้องพักของชินอ๋องแสงไฟภายในห้องค่อนข้างมืดสลัว สว่างแค่พอมองเห็นกิริยาท่าทางของผู้ที่อยู่ภายในห้อง แต่มองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ชัดเจนเมื่อจ้าวไฉ่เจินก้าวเท้าเข้าไปในห้องก็โผเข้าไปที่เตียงนอน ฝ่ามือลูบไล้ร่างของบุรุษที่อยู่นอนรออยู่บนเตียง“ท่านอ๋อง หม่อมฉันร้อนมากเลยเพคะ ไม่ไหวแล้ว ท่านอ๋องช่วยหม่อมฉันด้วย”จ้าวไฉ่เจินพูดเสียงกระเส่า นางขึ้นไปบนเตียงนอนแล้วถอดเสื้อผ้าของตนเองออกอย่างไร้ความเขินอายบุรุษที่นอนอยู่บนเตียงรีบพลิกกายเข้าหาสตรีร่างบาง มือของเขารีบช่วยนางปลดเสื้อผ้าด้วยความรวดเร็ว“เจ้าช่วยถอดให้ข้าด้วย” เขาพูดเสียงแหบพร่าเมื่อเสื้อผ้าของคนทั้งคู่หลุดออกจากร่างจนหมดบุรุษนั้นก็จับร่างบางให้พลิกลงด้านล่าง ส่วนตัวเขาเปลี่ยนเป็นลุกขึ้นคร่อมร่างบางนั้นฝ่ามือหนาทั้งสองข้างฟอนเฟ้นหน้าอก
เมื่อถึงวันเกิดใต้เท้าจ้าวเจินเซี่ยง ในตอนเช้าลู่เสี่ยวลี่รีบไปยังจวนชินอ๋องตั้งแต่เช้าก่อนงานเลี้ยงตอนเย็นเริ่มเป็นเวลาหลาย ชั่วยาม“หม่อมฉันคารวะพระชายาเพคะ” ลู่เสี่ยวลี่ยอบกายคำนับอย่างมีมารยาทลู่ซินหลินที่ไม่ได้ติดต่อกับพี่น้องทั้งสองของตนเองเลยนับตั้งแต่แต่งงานมาก็ทำหน้าสงสัย “มาหาข้ามีธุระอะไรหรือ”“ข้าได้ยินมาว่าที่ป่าบริเวณชานเมืองด้านตะวันออกพบเห็ดหลินจือขึ้นมากเลยเพคะ ข้าอยากจะไปเก็บแต่ก็ไม่ค่อยมีความรู้ว่าต้องเลือกอย่างไร พอดีทราบมาว่าท่านพี่ซินหลินเชี่ยวชาญเรื่องยาสมุนไพร เลยอยากชวนท่านพี่ไปด้วยกัน” ลู่เสี่ยวลี่เอ่ยปากชักชวนอย่างไหลลื่นลู่ซินหลินได้ยินก็สนใจ “ข้าขอไปถามท่านอ๋องก่อนนะ” พูดจบนางก็ลุกไปทางตำหนักวั่งอวิ๋นบอกกล่าวแก่พ่อบ้านฉวน สักพัก ฉวนเจี่ยนก็เดินเข้ามา“ท่านอ๋องอนุญาตให้พระชายาเสด็จไปได้พะย่ะค่ะ แต่พระชายาห้ามไปเพียงลำพัง ต้องพาแม่นางไป๋หลานกับองครักษ์ไปด้วย เดี๋ยวข้าน้อยเลือกองครักษ์ให้พระองค์เอง”ผ่านไปไม่นานรถม้าของจวนชินอ๋องก็ออกเดินทาง ลู่เสี่ยวลี่ก็ขึ้นรถม้าคันเดียวกัน เนื่องจากตอนที่มานางนั่งเกี้ยวมา เมื่อชินอ๋องให้รถม้านางจึงไม่ต้องย้อนกลับไปยังจว







