LOGINเขาจับร่างบางของสตรีให้พลิกคว่ำลงกับหมอน รั้งสะโพกงามให้ลอยเด่นยั่วยวนสายตาเขา เมื่อดอกไม้งามสั่นไหวเรียกหาอยู่ตรงหน้า เข้าก็ก้มลงทักทายอย่างไม่รอช้า ปากหยักขยับคล่องแคล่วเหมือนผู้มีประสบการณ์มานาน เมื่อแท่งหยกเขาพร้อมอีกครั้งก็ส่งเข้าไปยังช่องทางเดิมทันที การส่งไปในครั้งนี้เป็นการสำรวจโพรงน้ำหวานที่ลึกกว่าเดิม
“ดีมาก” เขาพูดในลำคอ มือจับสะโพกที่งอนงามไว้ส่วนแก่นกายของตนก็กระแทกเข้าออกไม่ยอมหยุด
“เรียกสามี” เขาสั่งให้สตรีที่ร้องเสียงหลงเรียกอย่างหน้าไม่อาย
“สะ สามี” นางที่หัวสมองโล่งไปหมดก็เรียกสามีตามที่เขาสั่ง เขาสั่งให้อยู่ท่าไหนก็ยอมเขาอย่างว่าง่าย
เป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่ร่างของคนทั้งสองเกี่ยวพันประสานกันอย่างล้ำลึก
........
หลังจากว่าราชกิจในท้องพระโรงเสร็จ สายตาทั้งสามคู่ของฮ่องเต้ จวิ้นอ๋องซ่างเทียนหรูและจิ่งเซี่ยวหรานก็จับจ้องมายังซ่างเทียนหลินโดยไม่ได้นัดหมาย
“ชินอ๋องละทิ้งหน้าที่ เขาขลุกอยู่กับพระชายาตั้งแต่ค่ำของเมื่อวาน ปล่อยให้กระหม่อมต้องสอบสวนเจ้าชั่วนั่นคนเดียว” จิ่งเซี่ยวหรานทูลฟ้อง
“หน้าที่ของเปิ่นหวางแค่จับกุม เมื่อจับได้แล้วก็หมดหน้าที่” ซ่างเทียนหลินแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“เสด็จพี่นี่ชอบนอกสถานที่จริงๆ พระชายาอยู่ในจวนมาตั้งนานไม่เคยแตะต้อง พอออกนอกจวนก็ทำให้นางเพลียจนไม่มีแรงเดิน”
ซ่างเทียนหรูหัวเราะชอบใจ เสด็จพี่ผู้ใจแข็งเรื่องสตรีมานาน สุดท้ายก็พ่ายแพ้แก่พระชายาคนงาม
“หุบปากซะ” เขาตะคอกใส่พระอนุชา น้ำเสียงไม่พึงพอใจอย่างมาก ก่อนพูดเสียงเบา “ต่อไปเจ้าก็รู้เอง”
เขาพยายามไม่เข้าใกล้พระชายาตัวน้อย เพราะความตั้งใจเดิมคือแต่งเพียงในนามจากสมรสพระราชทาน เพียงแต่เมื่อได้ลิ้มชิมรสเพียงแค่หนึ่งคืน ก็ทำให้เขาโหยหาอยากได้อีกเรื่อยๆ
ต่อไปต้องพยายามอยู่ห่างจากนางไว้ เขาตั้งมั่นไว้ในใจ
........
ลู่ซินหลินกลับจวนอ๋องตั้งแต่เช้า ตอนที่ซ่างเทียนหลินกำลังแต่งตัวจะเข้าวังหลวง เขาก็ให้ไป๋หลานและนางกำนัลมาแต่งตัวให้นางและขึ้นรถม้าพร้อมกับเขา สายตาของชายหนุ่มจ้องมองแต่ตำราที่อยู่ในมือไม่เหลียวแลนางแม้แต่น้อย
‘ฮึ กลางคืนเหมือนกับเป็นอีกคน พอเช้าแล้วช่างเย่อหยิ่งเสียจริง’ สตรีคิดในใจ
ระหว่างนางกับเขาในช่วงเวลากลางวันก็แทบจะไม่ได้พบเจอหน้ากัน มองก็ไม่ได้มอง ทั้งยังคุยก็ยังไม่ได้พูดคุยกันแม้แต่สักนิด ทำเหมือนคนแปลกหน้าก็ไม่ปาน แต่สองคืนที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อคืน นางต้องเรียกเขาว่าสามีหลายต่อหลายหนเขาจึงพอใจ
เมื่อกลับถึงจวนอ๋อง ลู่ซินหลินก็นอนพักผ่อนเอาแรง นางให้ห้องครัวของจวนทำไก่ตุ๋นโสมให้ พละกำลังที่เสียไปเมื่อคืนจะได้ฟื้นฟูกลับมาได้อย่างรวดเร็ว พอรู้สึกเริ่มมีแรงก็อยากจะออกไปเที่ยวข้างนอกจวนดังเดิม
“ไป๋หลาน ออกไปข้างนอกกัน” นางร้องเรียกพร้อมกับหยิบร่มพกติดตัวไปด้วย
“พระชายาควรอยู่ในจวนก่อนนะเพคะ” ไป๋หลานรีบบอก กลัวว่าชินอ๋องจะไม่พอใจ
“ยังไม่ค่ำเลย ตอนนี้เป็นเพียงคนแปลกหน้า ไม่เป็นไรหรอก” นางไม่สนใจคำทัดทานของไป๋หลาน ก้าวเท้าอย่างไวจะได้รีบไปจากจวน มีเพียงไป๋หลานที่วิ่งตามไปเพียงคนเดียว เพราะ ลู่ซินหลินรีบจึงไม่ได้แจ้งขอองครักษ์
ลู่ซินหลินเดินสำรวจตลาดยาสมุนไพรของเมืองจู่เฉิงเผื่อว่าจะเจอยาตัวไหนที่น่านำกลับไปจวนอ๋อง
........
“คุณหนูคะ นางคนนั้นที่ทำให้ข้าถูกตบ” หญิงรับใช้คนหนึ่งชี้นิ้วไปที่ลู่ซินหลิน นางบอกนายของตนที่กำลังติดต่อนำยาสมุนไพรเข้ามาขายในโรงหมอเต๋ออีถัง
เยี่ยนจิงหนิงมองตามนิ้วของสาวใช้ตน เห็นลู่ซินหลินก็จำได้ ผู้หญิงที่นำยาสมุนไพรมาขายตัดราคาหน้าร้านยาของตนที่เมือง ซานอวี่
“ไม่เจอหน้าแป๊บเดียวก็ออกเรือนเสียแล้ว สงสัยถูกทางบ้านจับกลับไปแต่งงาน” เยี่ยนจิงหนิงพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาดูถูก
ที่หน้าโรงหมอเต๋ออีถังนอกจากเยี่ยนจิงหนิงและสาวใช้แล้ว ตอนนี้ก็ยังมีคนไข้ยืนรอเป็นจำนวนมาก เนื่องจากวันก่อนหมอใหญ่ หลี่ถูกลอบสังหารจนบาดเจ็บสาหัส จึงต้องมีหมอคอยเฝ้าดูอาการทุกชั่วยาม ดังนั้นหมอของโรงหมอจึงขาดไปสองคน ไม่เพียงพอต่อปริมาณของคนไข้
เมื่อลู่ซินหลินเห็นเข้าจึงเดินเข้ามาดูเหตุการณ์ นางเห็นคนไข้ร้องโอดโอยน่าสงสารเลยเข้าดูอาการ ก่อนจะถามคนที่ยืนชั่งยาจัดยาสมุนไพรว่านางสามารถจ่ายยาสมุนไพรให้ได้หรือไม่
ระหว่างที่คนจัดยาครุ่นคิด กำลังจะเรียกเด็กไปถามท่านหมอที่ตรวจรักษาในแต่ละห้อง ก็มีหญิงนางหนึ่งเดินเข้ามาในร้านและพูดด้วยเสียงอันดัง
“แม่นางคนนี้เป็นหมอเถื่อน ใครรักษากับนางก็ระวังจะตายเร็วละกัน”
ไป๋หลานหันมองต้นเสียง นางกำลังจะเถียงตอบโต้แต่ถูก ลู่ซินหลินห้ามเอาไว้ “อย่าไปยุ่ง” นางจึงยืนเงียบอยู่ข้างกายนายของตนแทน
คนไข้จากที่เดิมทีคิดว่าลู่ซินหลินเป็นหมอจะให้ช่วยรักษา พวกเขากลับชะงักและเดินถอยไปตั้งแถวรอตรวจกับหมอของโรงหมอเช่นเดิม
“นางคนนี้ไม่ได้เป็นหมอ แต่ชอบอวดอ้างว่าเป็นหมอ ไม่ได้รู้จริงเลยแม้แต่น้อย ใครเคยได้ยาไปตายกันหมด” สาวใช้ของเยี่ยนจิงหนิงยังไม่ยอมเลิก นางตะโกนป่าวประกาศอยู่หน้าร้าน
ในขณะเดียวกัน จิ่งเซี่ยวหรานและซ่างเทียนหลินนำทหารมาสอบสวนหมอใหญ่หลี่ ซ่างเทียนหลินได้เห็นพฤติกรรมของสาวใช้นางนั้นมาสักพักหนึ่งแล้ว เขาทำมือส่งสัญญาณให้องครักษ์มาจับกุมสาวใช้คนนั้น เมื่อกำลังจะเข้าไปภายในโรงหมอ จิ่งเซี่ยวหรานก็เป็นผู้ที่เอ่ยปากกับลู่ซินหลิน
“เชิญแม่นางเข้าไปด้วยกัน”
ส่วนซ่างเทียนหลินได้แต่ปรายหางตามองหญิงสาวไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
ลู่ซินหลินรู้สึกโล่งใจที่เขาไม่ได้เอ่ยถึงนางว่าพระชายา มิเช่นนั้นเรื่องเมื่อสักครู่อาจจะส่งผลเสียของทางจวนชินอ๋อง แม้ว่านางจะไม่ได้เป็นอย่างที่ว่า แต่พวกที่คอยจ้องจับผิดและทำร้ายผู้อื่นด้วยวาจาก็มีอยู่ไม่น้อย
สาวใช้ถูกองครักษ์จับกุมตัวตกใจเบิกตากว้าง พยายามจะร้องขอความเป็นธรรม เรียกให้คนที่มามุงดูช่วยกันรุมประณามทหารที่จับตน แต่กลับเป็นนางที่โดนเอาผ้ายัดปากและนำไปส่งศาลเมือง จู่เฉิงแทน นางส่งสายตาอ้อนวอนไปทางเยี่ยนจิงหนิง แต่เยี่ยนจิงหนิงเมื่อเห็นคนของทางการปฏิบัติต่อลู่ซินหลินเป็นอย่างดีจึงเดินไปหลบอยู่หลังผู้คนที่มุงดูอยู่ไม่ให้เป็นการสังเกตเห็น
“นังนั่นมีดีอะไร ทำไมถึงมีคนคอยหนุนหลังอยู่เรื่อย” เยี่ยนจิงหนิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห จากนั้นนางหันไปบอกกับบ่าวชายและสาวรับใช้ที่ติดตามมาด้วยอีกสองคน “ตามข้ามา”
นางเดินนำคนรับใช้มายังตลาดมืด ก่อนจะเดินเข้าไปในเรือนเล็กที่ลับตาคน
“แม่นางเยี่ยน ต้องการสิ่งใดจึงมาเยือนถึงที่นี่” เสียงบุรุษหน้าตาอัปลักษณ์เอ่ยถามดั่งคนคุ้นเคย
“ข้าต้องการให้เจ้าจับสตรีผู้หนึ่งไปขายที่หอคณิกา”
เยี่ยนจิงหนิงพูดพลางล้วงมือไปหยิบถุงใส่เงินที่อยู่ในแขนเสื้อแล้วโยนลงไปบนโต๊ะ
“ขายแบบไม่สามารถที่จะไถ่ตัวออกมาได้”
“โอ้ แม่นางผู้นั้นทำสิ่งใดกับท่านจึงโชคร้ายเพียงนี้” บุรุษอัปลักษณ์คว้าถุงเงินมาเปิดดูภายใน มือก็กะน้ำหนักว่ารายรับครั้งนี้ได้มากเพียงใด
“ก็ไม่ได้ทำสิ่งใด เพียงไม่ชอบหน้า ไม่ถูกชะตา” นางพูดพร้อมบอกให้คนของบุรุษอัปลักษณ์นั้นวาดรูปเหมือนของลู่ซิน หลินตามที่นางบรรยายรายละเอียด
“ไม่เกินสามวันท่านจะไม่ได้เห็นนางตามถนนแน่” เขาพูดรับรองให้นางวางใจ ก่อนที่จะลุกขึ้นไปส่งนางออกนอกเรือน
........
ทางฝั่งลู่ซินหลินที่เดินตามจิ่งเซี่ยวหรานและซ่างเทียนหลินเข้าไปในเต๋ออีถัง ก็ได้พบกับหมอใหญ่หลี่ที่ถูกนักฆ่าลอบสังหารแต่ไม่สำเร็จ เพียงแต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เห็นหมอใหญ่หลี่นอนไร้สติจึงอดไม่ได้ที่จะเข้าไปแมะ (จับชีพจร) ตามสัญชาตญาณ
“ตอนนี้ให้ยาอะไรแก่ท่านหมอใหญ่บ้างหรือ” นางหันไปถามหมออีกคนที่อยู่ดูแลหมอใหญ่หลี่
หมอคนนั้นมองลู่ซินหลินด้วยสีหน้าสงสัยก่อนเอ่ย “ยาต้มกับยาทา เป็นยาห้ามเลือดกับยาสลายเลือดคั่ง”
ลู่ซินหลินพยักหน้าน้อยๆ “ท่านหมอใหญ่หลี่นอนหมดสติมาหลายวัน ตอนนี้ม้ามเริ่มอ่อนแอ ท่านเพิ่มยาบำรุงม้ามสร้างลมปราณหน่อยก็ดี”
“ขอบคุณแม่นาง พรุ่งนี้ข้าว่าจะเปิดยาใหม่ให้ท่านหมอหลี่อยู่พอดี” เขากล่าวขอบคุณในคำแนะนำของนาง
“เมื่อสักครู่แม่นางท่านนี้เสนอตัวมาช่วยเป็นหมอชั่วคราวที่โรงหมอของเราขอรับ” เด็กเฝ้าร้านที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อสักครู่บอกกับหมอคนนั้น
เขาหันมามองลู่ซินหลินด้วยความประหลาดใจ
“จริงหรือแม่นาง ดีๆ ตอนนี้งานพวกข้าล้นมือยิ่งนัก ได้หมอมาเพิ่มดีมิใช่น้อย”
“ห้ามให้นางกลับค่ำก็พอ และให้ช่วยงานพวกเจ้าเพียงครึ่งเดือน” ซ่างเทียนหลินรีบพูดแทรกขึ้นมา
“ขอรับท่านอ๋อง” ท่านหมอยกมือคารวะซ่างเทียนหลิน จิ่งเซี่ยวหรานและลู่ซินหลิน “ข้าขอบคุณแทนท่านหมอหลี่ด้วยจริงๆ”
สองวันแรกที่ลู่ซินหลินมาทำงานที่โรงหมอเต๋ออีถังจะมี ไป๋หลานกับองครักษ์อีกหนึ่งคนติดตามมาด้วยเสมอ การตรวจรักษาคนไข้ก็เป็นไปอย่างราบรื่น แต่เมื่อเข้าสู่เช้าวันที่สาม ชินอ๋องซ่างเทียนหลินต้องเดินทางไปราชกิจกับฮ่องเต้และจวิ้นอ๋องซ่างเทียนหรูที่ต่างเมือง ทั้งยังเป็นวันทำความสะอาดใหญ่ของจวนอ๋อง ทำให้บรรดาองครักษ์และสาวรับใช้ในจวนวิ่งกันหัวหมุนตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นดี ลู่ซินหลินเห็นดังนั้นจึงรีบออกมาก่อนเวลาโดยที่ไม่ได้บอกกล่าวกับผู้ใด
ระหว่างทางที่ไปโรงหมอเต๋ออีถัง ลู่ซินหลินรู้สึกว่าถูกสะกดรอยตาม จึงเร่งฝีเท้าด้วยความรวดเร็ว นางวิ่งไปตามทางลัดให้ถึงที่หมายโดยไว แต่คนที่สะกดรอยตามนางมาก็วิ่งตามจนทัน พวกมันเขวี้ยงฝักกระบี่ใส่หลังนางจนหมดสติล้มลงที่พื้น จากนั้นก็เอาถุงผ้าคลุมร่างของนางก่อนจับพาดบ่าแล้วพาตัวไป
พวกมันนำลู่ซินหลินมายังบริเวณที่นัดหมายส่งมอบตัวก่อนเวลานัดถึงหนึ่งชั่วยาม
“เราไปหาอะไรกินก่อนเถอะ นังนี่สลบอยู่หนีไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว มื้อนี้ต้องกินดีหน่อยเพราะรายได้งาม” พวกมันสามคนก็หัวเราะอย่างเริงร่าก่อนเดินจากไป
เยี่ยนจิงหนิงรู้สถานที่นัดส่งตัว เดินออกมาจากที่หลบซ่อน กระชากผ้าที่คลุมร่างของลู่ซินหลิน นางเห็นลู่ซินหลินไม่ได้สติก็หัวเราะอย่างชั่วร้าย
“ผู้หญิงอย่างเจ้าจงไปเป็นนางคณิกาเสียเถอะ ฮ่าๆ”
นางหัวเราะได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกฝ่ามือของชายหนุ่มผู้หนึ่งซัดจนสลบ นอกจากนั้นเขายังสกัดจุดพูดของนางไม่ให้ส่งเสียงได้ภายในเวลาสามชั่วยาม บุรุษผู้นั้นแก้เชือกที่มัดตัวลู่ซินหลินก่อนเอาไปมัดที่เยี่ยนจิงหนิง และเอาผ้าคลุมตัวเยี่ยนจิงหนิงแทน ระหว่างนั้นเขาได้ยินเสียงของผู้ที่มีวรยุทธสูงเคลื่อนไหวใกล้เข้ามา จึงจับตัวลู่ซินหลินนั่งพิงกับต้นไม้ก่อนจะจับเยี่ยนจิงหนิงพาดบ่าของตนแล้วเหาะขึ้นไปหลบดูอยู่บนต้นไม้
“นั่นพระชายา” องครักษ์ของซ่างเทียนหลินมากันสองคน พวกเขาตามมาหลังจากลู่ซินหลินเกิดเรื่องได้สักพัก เมื่อเห็นนางไม่ได้รับบาดเจ็บมากก็นำตัวนางกลับ
“เจ้าจะรอจัดการเจ้าพวกที่จับพระชายามาหรือไม่”
“ตามตัวพวกมันไม่ยากหรอก ท่านอ๋องคงจะทลายทั้งรังโจร ตอนนี้พาพระชายากลับก่อน” องครักษ์ทั้งสองคนพูดคุยกันก่อนที่จะนำตัวลู่ซินหลินกลับจวนอ๋อง
บุรุษที่หลบอยู่บนต้นไม้สีหน้าซับซ้อน ก่อนที่จะนำตัวเยี่ยนจิงหนิงลงมาแล้วจัดท่าทางให้เหมือนกับลู่ซินหลิน เมื่อเห็นกลุ่มคนที่ชายสามคนนั้นนัดหมายมา เขาก็หลบเพื่อลอบดูอีกครั้ง
“นั่นอยู่ตรงนั้น” คนกลุ่มใหม่ที่เพิ่งเข้ามาชี้นิ้วมาทางเยี่ยนจิงหนิง
“อุ้มนางไปเลยไหม หรือต้องรอคนของตลาดมืดมาก่อน” หนึ่งในพวกมันเอ่ยถาม
“ไม่ต้องรอ ค่อยจ่ายเงินกับพวกนั้นทีหลังก็ได้ เราเอาแม่นางคนนี้ไปก่อนที่นางจะฟื้น” พูดจบมันก็คว้าร่างของเยี่ยนจิงหนิงจากไป
ทุกการกระทำของพวกมันอยู่ในสายตาของบุรุษผู้นั้น
ลู่เซียงเจี้ยนได้ยินก็ไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด นางวิ่งเข้ามาหมายจะตบตีลู่ซินหลิน ขนาดวางยาฆ่าสามีตนเองยังทำมาแล้ว การตบหน้าพี่สาวต่างมารดากลายเป็นเรื่องเล็กน้อยในทันที ลู่ซินหลินยืนนิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหว เมื่อลู่เซียงเจี้ยนเข้ามาใกล้ก็ถูกองครักษ์รวบตัวอย่างรวดเร็ว “พระชายา จะให้จัดการนางอย่างไรหรือพะย่ะค่ะ” “พานางไปไว้นอกวัด อย่าให้เข้ามาก็พอ รบกวนพระเดี๋ยวจะบาป” ลู่ซินหลินตอบ เดินเข้าไปไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ด้านหน้าอย่างใจเย็น องครักษ์หิ้วตัวลู่เซียงเจี้ยนไปไว้นอกกำแพงวัด ลู่เซียง เจี้ยนทุบประ
ครั้นเยี่ยนจิงหนิงลืมตาขึ้น นางก็ถูกมัดอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง เมื่อมองไปโดยรอบก็เห็นหญิงสาวอีกหลายคนถูกมัดเช่นกัน มีทั้งสาวน้อยวัยแรกแย้มและสตรีที่อายุเกินยี่สิบปี ทั้งหมดรวมๆ กันประมาณสิบคนชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้มตัวลงเอามือหนาจับคางของหญิงสาวเพื่อมองหน้าพวกนางให้ชัดๆ ก่อนจะแยกพวกนางออกเป็นสองกลุ่ม“นังคนนั้นไว้ทางซ้าย คนนี้ไว้ฝั่งทางขวา” เขาบอกลูกน้องให้จับตัวหญิงสาวนั่งห่างกันคนละฝั่งของบ้านเมื่อชายผู้นั้นมาถึงเยี่ยนจิงหนิง เขาสำรวจใบหน้าของเธอ “อืม งามใช้ได้” เขาทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนที่จะจับแขนแล้วถลกแขนเสื้อดูแขนของนาง เมื่อเห็นแต้มโส่วกงซายังอยู่ “ของดีจริงๆ”“ฝั่งทางขวา” ชายคนนั้นดึงมือของตนกลับ “ต้องขายได้ราคาดีแน่ๆ” เขายิ้มอย่างชั่วร้าย“ข้าต้องไปปลดปล่อยก่อน” เขาบอกกับบรรดาลูกสมุนก่อนก้าวเท้าออก
เขาจับร่างบางของสตรีให้พลิกคว่ำลงกับหมอน รั้งสะโพกงามให้ลอยเด่นยั่วยวนสายตาเขา เมื่อดอกไม้งามสั่นไหวเรียกหาอยู่ตรงหน้า เข้าก็ก้มลงทักทายอย่างไม่รอช้า ปากหยักขยับคล่องแคล่วเหมือนผู้มีประสบการณ์มานาน เมื่อแท่งหยกเขาพร้อมอีกครั้งก็ส่งเข้าไปยังช่องทางเดิมทันที การส่งไปในครั้งนี้เป็นการสำรวจโพรงน้ำหวานที่ลึกกว่าเดิม “ดีมาก” เขาพูดในลำคอ มือจับสะโพกที่งอนงามไว้ส่วนแก่นกายของตนก็กระแทกเข้าออกไม่ยอมหยุด “เรียกสามี” เขาสั่งให้สตรีที่ร้องเสียงหลงเรียกอย่างหน้าไม่อาย “สะ สามี” นางที่หัวสมองโล่งไปหมดก็เรียกสามีตามที่เขาสั่ง เขาสั่งให้อยู่ท่าไหนก็ยอมเขาอย่างว่าง่าย เป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่ร่างของคนทั้งสองเกี่ยวพันประสานกันอย่างล้ำลึก ........ หลังจากว่าราชกิจในท้องพระโรงเสร็จ สายตาทั้งสามคู่ของฮ่องเต้ จวิ้นอ๋องซ่างเทียนหรูและจิ่งเซี่ยวหรานก็จับจ้องมายังซ่างเทียนหลินโดยไม่ได้นัดหมาย “ชินอ๋องละทิ้งหน้าที่ เขาขลุกอยู่กับพระชายาตั้งแต่ค่ำของเมื่อวาน ปล่อยให้กระหม่อมต้องสอบสวนเจ้าชั่วนั่นคนเดียว” จิ่งเซี่ยวหรานทูลฟ้อ
ซ่างเทียนหลินวางหญิงสาวที่ร่างกายเปียกชื้นลงบนเตียง นางเหนื่อยหอบส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้เขาแต่ไม่เอื้อนเอ่ยอะไร เขายิ้มมุมปากก่อนยกเรียวขางามมาพาดบ่าของตนทั้งสองข้าง จากนั้นจึงส่งแท่งหยกร้อนเข้าไปทักทายโพรงดอกไม้ที่คับแน่นและชุ่มฉ่ำอีกครั้ง ใบหน้าของเขาก้มลงประทับจุมพิต โลมเลียและขบกัดตั้งแต่ริมฝีปาก ลำคอและหน้าอกที่อวบอิ่มของนาง ฝ่ามือลูบไล้คลึงเคล้นไปทั่วเรือนร่าง การรุกล้ำ จังหวะเคลื่อนไหวที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของเขาทำให้สตรีใต้ร่างส่งเสียงครวญครางทั้งคืนจวบจนถึงรุ่งสางประตูห้องบรรทมตำหนักถูกเปิดออก ซ่างเทียนหลินก้าวเท้าออกมาจากห้องตั้งแต่เช้าด้วยความสดชื่น เขากล่าวกับไป๋หลานที่ยืนรออยู่หน้าหอ “ดูแลพระชายาให้ดี”ไป๋หลานก้มหน้ารับคำ นางรีบเข้าไปให้ห้องเพื่อปรนนิบัติ ลู่ซินหลิน“คุณหนู เอ่อ พระชายาจะอาบน้ำหรือเสวยมื้อเช้าก่อน เพคะ”สตรีบนเตียงนอนแผ่อย่างอ่อนล้า พูดเสียงแหบพร่า“ขอน้ำก่อน ข้าหิวน้ำ” นางร้องทั้งคืนไม่มีโอกาสได้ดื่มน้ำแม้แต่หยดเดียว ตอนนี้คอแห้งผากอยากดื่มน้ำก่อนทำสิ่งอื่นใดเมื่อร่างกายพอมีแรง นางจึงให้ไป๋หลานพยุงนางลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนที่จะรับประทานอาหารเช้า.....
“พระชายาลู่ไม่อยู่ที่จวนอ๋องพะย่ะค่ะ” ทหารองครักษ์กล่าวรายงาน“งั้นก็รีบหาสตรีเข้าห้องท่านอ๋องไปซะ” จวิ้นอ๋องสั่งทหารด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้กับองครักษ์จ้าวเจินเซี่ยงที่ยืนฟังอยู่หน้าห้องสีหน้าตื่นตระหนกแต่ภายในใจลิงโลด เขาทำสัญญาณมือบอกฮูหยินให้สาวใช้นำจ้าวไฉ่เจินเข้าไปในห้องพักของชินอ๋องแสงไฟภายในห้องค่อนข้างมืดสลัว สว่างแค่พอมองเห็นกิริยาท่าทางของผู้ที่อยู่ภายในห้อง แต่มองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ชัดเจนเมื่อจ้าวไฉ่เจินก้าวเท้าเข้าไปในห้องก็โผเข้าไปที่เตียงนอน ฝ่ามือลูบไล้ร่างของบุรุษที่อยู่นอนรออยู่บนเตียง“ท่านอ๋อง หม่อมฉันร้อนมากเลยเพคะ ไม่ไหวแล้ว ท่านอ๋องช่วยหม่อมฉันด้วย”จ้าวไฉ่เจินพูดเสียงกระเส่า นางขึ้นไปบนเตียงนอนแล้วถอดเสื้อผ้าของตนเองออกอย่างไร้ความเขินอายบุรุษที่นอนอยู่บนเตียงรีบพลิกกายเข้าหาสตรีร่างบาง มือของเขารีบช่วยนางปลดเสื้อผ้าด้วยความรวดเร็ว“เจ้าช่วยถอดให้ข้าด้วย” เขาพูดเสียงแหบพร่าเมื่อเสื้อผ้าของคนทั้งคู่หลุดออกจากร่างจนหมดบุรุษนั้นก็จับร่างบางให้พลิกลงด้านล่าง ส่วนตัวเขาเปลี่ยนเป็นลุกขึ้นคร่อมร่างบางนั้นฝ่ามือหนาทั้งสองข้างฟอนเฟ้นหน้าอก
เมื่อถึงวันเกิดใต้เท้าจ้าวเจินเซี่ยง ในตอนเช้าลู่เสี่ยวลี่รีบไปยังจวนชินอ๋องตั้งแต่เช้าก่อนงานเลี้ยงตอนเย็นเริ่มเป็นเวลาหลาย ชั่วยาม“หม่อมฉันคารวะพระชายาเพคะ” ลู่เสี่ยวลี่ยอบกายคำนับอย่างมีมารยาทลู่ซินหลินที่ไม่ได้ติดต่อกับพี่น้องทั้งสองของตนเองเลยนับตั้งแต่แต่งงานมาก็ทำหน้าสงสัย “มาหาข้ามีธุระอะไรหรือ”“ข้าได้ยินมาว่าที่ป่าบริเวณชานเมืองด้านตะวันออกพบเห็ดหลินจือขึ้นมากเลยเพคะ ข้าอยากจะไปเก็บแต่ก็ไม่ค่อยมีความรู้ว่าต้องเลือกอย่างไร พอดีทราบมาว่าท่านพี่ซินหลินเชี่ยวชาญเรื่องยาสมุนไพร เลยอยากชวนท่านพี่ไปด้วยกัน” ลู่เสี่ยวลี่เอ่ยปากชักชวนอย่างไหลลื่นลู่ซินหลินได้ยินก็สนใจ “ข้าขอไปถามท่านอ๋องก่อนนะ” พูดจบนางก็ลุกไปทางตำหนักวั่งอวิ๋นบอกกล่าวแก่พ่อบ้านฉวน สักพัก ฉวนเจี่ยนก็เดินเข้ามา“ท่านอ๋องอนุญาตให้พระชายาเสด็จไปได้พะย่ะค่ะ แต่พระชายาห้ามไปเพียงลำพัง ต้องพาแม่นางไป๋หลานกับองครักษ์ไปด้วย เดี๋ยวข้าน้อยเลือกองครักษ์ให้พระองค์เอง”ผ่านไปไม่นานรถม้าของจวนชินอ๋องก็ออกเดินทาง ลู่เสี่ยวลี่ก็ขึ้นรถม้าคันเดียวกัน เนื่องจากตอนที่มานางนั่งเกี้ยวมา เมื่อชินอ๋องให้รถม้านางจึงไม่ต้องย้อนกลับไปยังจว







