LOGINตกเย็น
“นั่นเธอจะไปไหนยัยแป้ง” ปกรณ์กิตติ์ถามขึ้น เมื่อเห็นว่าศิรดากำลังเดินเลี่ยงออกไปทางอื่นที่ไม่ใช่รถของเขาที่จอดอยู่ เมื่อเสร็จธุระกันแล้วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ฉันจะกลับบ้าน” เธอหันมาตอบเขา และกำลังจะหหันหหลังกลับคืน เพื่อเดินมุ่งหน้าออกไปจากตรงนี้ทันที
“กลับบ้าน?” ปกรณ์กิตติ์เลิกคิ้วมองเธอแล้วถามย้ำคำพูดของเธอกลับไป
“ก็คุณจะไปหาเพื่อนของคุณต่อไม่ใช่เหรอไงคุณกิตติ์” เธอถามเขาออกไป เพราะก่อนมาเขาก็พูดบอกกับสุทัศน์ชัดเจนแล้วว่าจะมาสังสรรค์กับเพื่อนต่อ
“ฉันว่าฉันพูดบอกพ่อไปแล้วนะแป้ง ว่าเราจะอยู่กันต่อ เพราะฉะนั้นเธอก็ต้องไปกับฉันด้วย นี่คือคำสั่ง” เขาออกคำสั่งกับเธอทันที
“สั่งในฐานะอะไรไม่ทราบ” เธอหันมาถามเขาอย่างอยากรู้ ว่าที่เขากล้าออกคำสั่งกับเธอแบบนี้ เขาสั่งเธอในฐานะอะไรกันแน่
“เป็นเจ้าชีวิตที่กุมความลับของเธอเอาไว้ ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้เว่าเรามีอะไรกันแล้ว ก็ทำตามที่ฉันสั่ง” เขาเอาเรื่องนี้ขึ้นมาขู่เธอทันที เมื่อได้โอกาสเพราะว่าเธอไม่ยอมทำตามที่เขาบอก
ศิรดาขนลุกซู่หน้าซีดลงทันที ที่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูดขู่ออกมา และไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี จึงได้แต่ยอมจำนนทำตามที่เขาต้องการ เพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
“เปิดประตูสิ!” เธอสั่งเขาขึ้นมาบ้าง เมื่อเขาจะให้เธอไปดด้วยกัน แต่ประตูรถก็ยังคงถูกล็อกเอาไว้อยู่ ทั้งที่ในมือของเขาก็ถือรีโมทเอาไว้
“นี่สั่งฉันเหรอว่ะ” ปกรณ์กิตติ์หน้าเหวอขึ้นมาทันที เมื่อเธอกล้าออกคำสั่งใส่เขา แบบไม่เกรงกลัวคำขู่ของเขาเมื่อสักครู่เลยสักนิด
“ก็เออนะสิ ใครถือรีโมทรถอยู่ล่ะ” เธอตอกกลับแบบไม่เกรงกลัว เพราะที่เธอพูดมานั้นก็ถูกทุกอย่าง
ปกรณ์กิตติ์จึงยอมกดปุ่มปลดล็อคประตูรถให้ และศิรดาก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งในตำแหน่งข้างคนขับของเธอโดยไม่พูดและสนใจอะไรเขาอีก
“เธอเป็นใครใหญ่มากจากไหนกันว่ะยัยแป้ง ถึงกล้ามาออกคำสั่งกับฉัน” ปกรณ์กิตติ์บ่นให้แก่คนในรถอย่างหัวเสีย ก่อนที่จะเดินอ้อมไปทางฝั่งคนขับ
*
*
“มาแล้วเหรอ กูนึกว่ามึงจะไม่มาเสียแล้ว” เสียงของคนที่นั่งรออยู่แล้วเอ่ยถามขึ้นทันที ที่ปกรณ์กิตติ์ผลักประตูเข้ามา พร้อมกับหญิงสาวที่เดินมาตามหลังของเพื่อน
อคิราห์ หรือ ฟืน เป็นแฝดผู้พี่ บิดามารดาเป็นนักธุรกิจดังในจังหวัด แต่เจ้าตัวกลับเลือกคบเพื่อนอย่างปกรณ์กิตติ์ที่เป็นลูกชาวสวน พวกเขารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมจนจบมหาวิทยาลัย แต่แฝดทั้งสองต้องไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ และพึ่งจะได้กลับมา ทำให้ต้องมานัดเจอกันอีกครั้งในรอบหลายปี หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานาน
ปกรณ์กิตติ์มองหน้าเพื่อนทั้งสองแต่ไม่ได้พูดอะไร แล้วเดินเข้าไปนั่งลงที่ว่างทันที ก่อนที่จะขยับให้ศิรดาได้นั่งลงข้าง ๆ กันกับเขา เมื่อเจอสายตาของสองแฝดที่มองศิรดานั้น เขารู้สึกได้ทันทีว่าเพื่อนของเขาทั้งสองคนนนี้ไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย เพราะผู้ชายด้วยกันมักจะมองกันออกอยู่แล้ว
“ทำไมพวกมึงถึงนัดกูมาที่นี่ว่ะ” ปกรณ์กิตติ์ถามทั้งสองขึ้นทันที ที่นั่งลง
“ที่นี่แหละเป็นส่วนตัวหน่อยแถมยังอิสระดีอีก จะนัดไปที่บ้านก็เกรงใจคนอื่น แล้วนี้มึงพาใครมาด้วยว่ะไอ้กิตติ์” อคิราห์บอกออกไปตามตรง เพราะเกรงใจคนที่บ้าน หากว่าจะพากันไปสังสรรค์ที่นั่น แล้วถามเขากลับมาทันทีเมื่อเห็นเขาพาหญิงสาวมาด้วย แถมยังนั่งตัวติดเขาตัวไม่ห่างอีก
“มึงมองไม่ออกเหรอวะไอ้ฟืนว่าใคร” ปกรณ์กิตติ์เลิกคิ้วถามกลับ นี้เพื่อนทั้งสองของเขามองไม่ออกเลยเหรอไงว่าเธอเป็นใคร เพราะในสายตาของเขาศิรดาไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมเลย
“น้องแป้งหรือว่ะ” เสียงทุ้มของอีกคนที่นั่งเงียบมาสักพักแล้วถามขึ้น เพราะเท่าที่รู้จักกันมา ปกรณ์กิตติ์ไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนไปไหนมาด้วยเป็นการส่วนตัวแบบนี้
อัคนี หรือ ไฟ แฝดผู้น้องที่คลานตามพี่ชายออกมาติด ๆ ซึ่งหน้าตารูปลักษณ์ภายนอกทั้งสองจะเหมือนกันมาก หากว่าคนนอกที่ไม่สนิทจริง จะไม่สามารถแยกพวกเขาทั้งสองออกว่าใครเป็นพี่เป็นน้อง
“จะมีใครอีกละที่ชอบตามติดกูแบบนี้” ปกรณ์กิตติ์พูดขึ้นด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ยิ่งนัก เมื่อเพื่อนทั้งสองแต่ถามคนข้าง ๆ แถมยังใช้สายตามองอย่างแทะโลมเธออีก
“ไม่ได้เจอกันนาน โตแล้วสวยมากเลย” อคิราห์เอ่ยชมเธอขึ้นมาจากใจจริง โดยไม่สนใจสายตาของปกรณ์กิตติ์ที่มองตนเลย
“มึงเอาตาไหนมอง ว่ายัยนี่สวยว่ะไอ้ฟืน” ปกรณ์กิตติ์แทรกขึ้นมาทันที ที่เพื่อนชมหญิงสาวข้างกายเขาว่าสวย
“มึงก็พูดเกินไปไอ้กิตติ์” อัคนีตำหนิปกรณ์กิตติ์ขึ้นมาบ้าง เมื่อเพื่อนคอยเอาแต่ว่าหญิงสาว โดยที่เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย
“สวัสดีครับน้องแป้ง พี่ชื่อฟืนนะ ส่วนนั้นน้องชายฝาแฝดของพี่เอง มันชื่อไอ้ไฟ น้องแป้งจำพวกพี่ได้หรือเปล่าครับ” อคิราห์จึงเอ่ยทักทาย และแนะนำตัวกับหญิงสาวออย่างเป็นทางการ แถมยังยื่นมือไปหาหมายจะเช็คแฮนด์ตามธรรมเนียมของต่างชาติ
“...” ศิรดานั่งนิ่งไม่ได้พูดอะไร และไม่กล้ายื่นมือออกไป เมื่อเจอสายตาวาวโรจน์ของปกรณ์กิตติ์มองมาทางเธอแถมยังขู่เธอเอาไว้อีกด้วย
“ตามสบายน่ะ อยากดื่มอะไรน้องแป้งสั่งได้ตามใจเลยพี่เลี้ยงไม่อั้น” อคิราห์จึงชักมือกลับคืน แล้วเอ่ยบอกกับเธออย่างแก้เก้อ
“ห้ามดื่ม เธอยังป่วยอยู่น่ะ” ปกรณ์กิตติ์หันมาเอ่ยเสียงเบากับคนข้าง ๆ เขารู้ดีว่าเธอยังไม่ค่อยหายดี และอีกอย่างเขาไม่ค่อยไว้ใจสองแฝดนี้ด้วย เพราะว่าไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว กลัวเพื่อนทั้งสองของเขาจะคิดไม่ดี
“แป้งขอเป็นอะไรก็ได้จ้ะ ที่เบา ๆ” เธอตอบอคิราห์ออกไปตามมารยาท
“เมื่อก่อนน้องแป้งดูจะออกแนวหวาน ๆ น่ะ แต่ตอนนี้กลับดูห้าว ๆ” อัคนีแฝดผู้น้อง แซวขึ้นมาบ้าง เมื่อนั่งสังเกตหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องมานาน เธอกลับเปลี่ยนไปจากเดิมมาก
“...” ศิรดาไม่ตอบอะไร ได้แต่ชำเลืองมองคนข้าง ๆ ว่าเขามีปฏิกิริยาเช่นไร
“มึงไปทำอะไรน้องมันว่ะไอ้กิตติ์” อคิราห์ที่นึกใจเหมือนที่น้องชายพูดนั้น ก็หันไปถามทางปกรณ์กิตติ์ขึ้นมาบ้าง
“กูจะทำอะไรล่ะ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่มีใครกล้ามารังแกได้” ปกรณ์กิตติ์เลิกลั่กประหม่าทันที ที่เพื่อนพูดออกมาแบบนี้ราวกับว่ากำลังจับผิดเขาอยู่
“กูว่า จะมีก็แต่ผู้ชายมากกว่าตอนนี้ที่จะมารังแกน้องแป้ง” อัคนียังคงแซวออกมาอีก และสายตาก็ยังจับจ้องไปที่หหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องไม่วางตา
หวงหรือไง“คุยอะไรกันอยู่หนุ่ม ๆ” สุทัศน์ที่พึ่งจะลงมาจากชั้นบนของบ้านนั้นเอ่ยขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าแขกผู้มาเยือนเป็นเพื่อนของลูกชายตนที่หายหน้าหายตาไปนานเพราะไปเรียนที่ต่างประเทศกัน“อาทัศน์สวัสดีครับ”สองแฝดหนุ่มได้แต่ยกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพผู้ใหญ่อย่างอ่อนน้อม เมื่อเห็นเป็นผู้อาวุโสของที่นี่เดินมาทันทายพวกตน“ไปอยู่ต่างประเทศเสียนาน หน้าออกไปทางฝรั่งเสียแล้วสองแฝด ตามสบายเลยนะ อาไม่อยู่รบกวนวัยรุ่นอย่างพวกเราแล้ว” สุทัศน์ได้แต่เอ่ยแซวสองแฝดเพื่อนลูกชายอย่างนึกเอ็นดู“พ่อจะไปไหนครับ” ปกรณ์กิตติ์เอ่ยถามคนเป็นพ่อขึ้น เมื่อเห็นว่าบิดาของเขานั้นแต่งตัวดูดีกว่าทุกวัน คงต้องมีธุระออกไปข้างนอกแน่“ไปทำธุระนิดหน่อยแล้วแป้งกับปิ่นขอไปด้วย แกมีอะไรหรือเปล่าไอ้กิตติ์” สุทัศน์ตอบลูกชายออกไปตามตรง เพราะเขาพาหญิงสาวสองคนไปด้วยกันจริง แล้วถามลูกชายอย่างนึกจับผิด เพราะร้อยวันพันรปีเจ้าลูกชายไม่เคยถามไถ่เลยว่าผู้เป็นพ่อนั้นจะไปไหน“เปล่าครับ”ปกรณ์กิตติ์รีบปฏิเสธทันควัน เมื่อเจอสายตาคู่นั้นของผู้เป็นพ่อมองมาอย่างจับผิด และสุทัศน์ก็เดินออกไปทันที เพราะรู้ว่าสองสาวรออยู่ที่รถแล้ว“น้องคนนั้นชื่ออะไรห
กูชอบน้องแป้ง“พากันมาทำไม ผลไม้ช่วงนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาเก็บผลผลิตเสียหน่อย” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยทักทายถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที ด้วยทีท่าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสองแฝดของเขาคนนี้ ทำให้เขาไม่ชอบใจยิ่งนักที่พวกมันทั้งสองมาหาเขาถึงที่นี่สองแฝดหนุ่มที่นั่งลงอยู่บนโซฟาห้องรับแขกของบ้าน กลับได้สนใจในคำพูดคำจาของเจ้าของสวนผลไม้ไม่ เพราะว่าความตั้งใจของพวกเขาที่มาในวันนี้ไม่ได้จะมาหาเพื่อนของเขาเลย...“เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะไอ้กิตติ์” อคิราห์แฝดผู้พี่เริ่มเกริ่นนำเปิดประเด็นขึ้นมาเสียก่อน พร้อมกับจ้องมองปที่ใบหน้าของปกรณ์กิตติ์อย่างอยากลองหยั่งเชิงดู“พอดีว่า...ช่วงนี้พวกกูสองคนพึ่งกลับมาอยู่บ้าน ว่าง ๆ เลยไม่รู้จะไปไหนกัน เลยแวะมาหาน้องแป้งอยากทำความรู้จักน้องเขา” แล้วอัคนีแฝดผู้น้องจึงเอ่ยตาม ว่าสาเหตุที่พวกเขาทั้งสองมาที่นี่ในวันนี้นั้นคืออะไร“มึงว่าอะไรนะ!!! ไอ้ไฟ?” ทำเอาปกรณ์กิตติ์หันหน้าขวับไปหาทั้งสองหนุ่มทันที ที่ได้ยินถึงจุดประสงค์ของทั้งสองแฝดที่มาในวันนี้“กูบอกว่า พวกกูสองคนมาหาน้องแป้ง” อัคนีเอ่ยย้ำอีกคร
อย่าบอกนะว่าพึ่งตื่นรุ่งเช้า“คุณกิตติ์ ตื่นได้แล้ว แล้วคุณก็ช่วยปล่อยฉันด้วย มีคนมาเคาะประตู” ศิรดาได้แต่สะกิดบอกคนที่นอนกอดรัดเธอ เมื่อได้ยินคนมาเคาะประตูที่หน้าห้องของเธออยู่หลายครั้ง“อื้อ...ใครมาเคาะแต่เช้าว่ะ รบกวนเวลาพักผ่อนฉิบหะ...ขอโทษ เดี๋ยวฉันไปดูเอง” เสียงทุ้มครางต่ำของปกรณ์กิตติ์ขานรับ ก่อนที่จะสบถออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อถูกรบกวนการนอน แต่กลับต้องหุบปากฉับเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอพูดจาไม่ดี แล้วรีบขอโทษเธอและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างสุภาพ แถมยังทำท่าทางกำลังจะลุกขึ้นปดู“มะ ไม่ได้” แต่ถูกศิรดาข้ามเอาไว้เสียก่อน“ทำไม?” เขาด้แต่เลิกคิ้วถามเธออย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเธอนั้นจะห้ามเขาทำไมกัน เพราะทุกทีหากว่ามีคนมาเคาะประตูเขาจะไปเปิดให้ตลอด“ก็นี้มันเป็นห้องนอนของฉันนะคุณลืมไปแล้วหรือไง ขืนใครมาเห็นว่าคุณมาอยู่ห้องนี้กับฉัน มีหวังความแตกแน่”“เหอะ” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่แค่นขำให้กับตัวเอง ที่ลืมไปเสียสนิทเลยว่าตอนนี้ตัวเองนั้นอยู่ที่ห้องของหญิงสาว ไม่ได้อยู่ที่ห้องของตัวเองจากนั้นปกรณ์กิตติ์จึงยอมยกวงแขนของตนที่กอดศิรดาอยู่นั้นออก แล้วเธอก็รีบลุกขึ้นหาเสื้อมาคลุมตัวก่อน
ต้องทำเวลา NCบทเพลงรักอันแสนเร่าร้อนได้เริ่มขึ้นในทันที หลังจากที่ทั้งคู่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกทั้งหมดทุกชิ้นแล้ว เพราะต่างต้องรีบทำแข่งกับเวลาที่เร่งรีบ ขืนชักช้ากว่านี้มีหวังคนคงสงสัยกันเป็นแน่“อ๊ะ เสียว”เสียงครวญครางร้องของศิรดาดังขึ้นมาเป็นระยะ ตั้งแต่ที่เขานั้นเริ่มขยับสะโพกตอกอัดใส่เธอตั้งแต่คราแรกด้วยจังหวะที่เนิบนาบแล้ว และเริ่มไต่ระดับขึ้นตามมาเรื่อยย ๆ“เสียวก็ร้องออกมา ปล่อยอารมณ์ไปกับมันแป้ง” เสียงกระเส่าเอ่ยบอกคนใต้ร่างเพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายลดความกังวลลงบ้าง เพราะเขารับรู้ได้ว่าเธอกำลังตื่นเต้นมาก รู้สึกถึงสัมผัสจากแรงตอดรัดภายในร่องฉ่ำที่บีบรัดเป็นจังหวะถี่เร็วตับ ตับ ตับ“อยากขึ้นเองไหม” เขาผ่อนแรงลงเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามเธอออกไป เพราะอยากจะเป็นฝ่ายเอาใจและตามใจเธอบ้าง เขาเองก็ไม่รู้หรอก ว่าเธอนั้นมีความสุขไปด้วยกันกับเขาหรือเปล่าเธอได้แต่ส่ายหน้าให้เขาเป็นคำตอบ และรีบเร่งให้เขารีบดำเนินบทรักนี้ให้จบลงเร็วไว เพราะว่าเวลานี้ก็ผ่านมาหลายนาทีแล้ว ตั้งแต่ที่เขาสอดใส่เขากลับไม่ยอมเสร็จสมสักที ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือเปล่าและเธอก็ยังมีความกังวลคิดมากอยู่ตลอด หาก
ไม่ใช่น้องสาวตกเย็น“หาววว...คุณกิตติ์!!!”หญิงสาวที่กำลังอ้าปากกว้างจากหาวเพราะกำลังตื่นนอน กลับต้องเบิกตากว้างตกใจรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างไวพร้อมกับร้องเสียงออกมา เมื่อเห็นว่าข้างกายของเธอนั้นมีร่างแกร่งนอนจ้องมองมาเธออยู่แล้ว“ก็ฉันนะสิ เธอเห็นเป็นใครล่ะ” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่ลุกขึ้นนั่งตาม แล้วยังคงนั่งจ้องมองเธอด้วยท่าทีที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร ก่อนที่จะเอ่ยตอบด้วยวาจาที่กวนชวนให้เธอโมโห“นี่คุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไงกันคุณกิตติ์” หญิงสาวยิงคำถามใส่เขาออกไปด้วยใบหน้าที่งุนงง เพราะเธอตกใจไม่น้อยที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ในห้องของเธอ เขาเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนแล้วทำไมเขาถึงเข้ามาที่ห้องของเธอได้ แถมยังจะมานอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับเธออีก ทั้ง ๆ ที่ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยคิดที่จะย่างกรายเข้ามาเหยียบในพื้นที่ตรงนี้เลยสักครั้ง ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ห้องนี้เขาก้ไม่เคยได้เข้ามา“นี่เธอลืมไปแล้วหรือยังไง ว่าบ้านหลังนี้มันเป็นบ้านของใคร ยัยแป้งเน่า” เขาถามเธอกลับไปบ้างแถมยังยื่นใบหน้าหล่อเข้าไปใกล้ ๆ กันกับใบหน้าของเธออีก จนศิรดาต้องเอียงหน้าหนีหลบไปทางอื่น และก็ต้องนอนราบลงไปกับที่นอนอี
คนคุ้นเคยบ่ายคล้อยของวันต่อมาสวนปกรณ์กิตติ์“มาหาใครค่ะ” หญิงสาวถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที ขณะที่เธอกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ที่หน้าบ้าน แล้วเห็นรถไม่คุ้นตาขับเข้ามาจอดที่ลานกว้างปิ่นมุก หญิงสาวคนสนิทของศิรดา เป็นลูกสาวของ ‘แก้วตา’ ซึ่งเป็นแม่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ที่เธอลืมตาดูโลกแล้ว และเติบโตมาพร้อมกันกับศิรดาภายในสวนผลไม้แห่งนี้“กิตติ์อยู่ไหม พาฉันไปพบเขาหน่อย” เสียงของหญิงสาวผู้มาเยือนเอ่ยถามขึ้นมาทันทีรสรินทร์ หรือ โรส อดีตคนคุ้นเคยของปกรณ์กิตติ์ที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องแยกย้ายกันไปเมื่อทั้งคู่เรียนจบ เพราะหญิงสาวตัดสินใจจบความสัมพันธ์ลง แล้วเลือกที่จะไปใช้ชีวิตในต่างแดนกับชายคนรักหญิงสาวสวมชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดกับรองเท้าส้นสูงพร้อมกับแว่นกันแดดบดบังใบหน้าขาวผ่อง บนตัวล้วนแต่มีเครื่องประดับราาคาแพง ซึ่งดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าไม่ใช่คนพื้นที่นี้แน่“เอ่อ...คือว่า” ปิ่นมุกได้แต่อ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าจะตอบคนตรงหน้าเช่นไร และอีกอย่างเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใครกัน อยู่ที่นี่มาจนอายุ 23 ปีแล้ว เธอยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนมาถามหาเจ้านายหนุ่มของเธ







