LOGIN“ใครจะกล้ามารังแกยัยนี้ ขืนมีคนมารังแกพวกมึงคิดว่าพ่อกูจะปล่อยไปอย่างนั้นเหรอ พวกมึงเองก็รู้ดี ว่าพ่อกูทั้งรักทั้งหวงยัยนี้ยิ่งกว่ากูที่เป็นลูกในไส้เสียอีก” ปกรณ์กิตติ์ขึ้นอย่างรู้สึกน้อยใจ แต่ยังเป็นวาจาที่แหนบแนมศิรดา
“ก็น้องเขาเป็นผู้หญิงไหมว่ะไอ้กิตติ์ เหมือนกันกับมึงที่เป็นผู้ชายอกสามศอกเสียที่ไหน” อคิราห์พูดเสริม เพราะเขาเห็นดีเห็นงามกับที่น้องชายพูด
“พวกมึงเอาตาข้างไหนมองกันว่ะ ว่ายัยนี้เป็นผู้หญิง” ปกรณ์กิตติ์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก แล้วยกแก้วเครื่องดื่มที่อคิราห์ยื่นมาให้ตรงหน้าขึ้นกระดกทันทีทีเดียวหมดแก้ว
“ตาสองลูกของพวกกูนี่แหละ ว่าแต่มึงดูไม่ปกตินะไอ้กิตติ์” อคิราห์เอ่ยพร้อมกับจ้องมองปกรณ์กิตติ์อย่างนึกจับผิดในท่าทีแปลก ๆ ไปของเพื่อนที่ม่ได้เจอกันนาน
“มะ ไม่ปกติยังไงว่ะ กูก็ดูปกติดี อาจเป็นเพราะพวกเราไม่ค่อยได้เจอหน้ากันนานหรือเปล่า พวกมึงสองคนเลยมองกูเปลี่ยนไป” ปกรณ์กิตติ์เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสูง และพยายามปั้นหน้าเก็บอาการให้เป็นปกติที่สุด
“คงงั้นมั้ง แต่กูเห็นด้วยกับไอ้ฟืนนะ ว่ามึงก็ดูเหมือนไม่ค่อยปกติจริง ๆ” อัคนีผู้เป็นแฝดน้อง ก็เห็นด้วยกับแฝดพี่
ทั้งสามหนุ่มนั่งดื่มคุยถามสารทุกข์สุกดิบกันไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งเวลาล่วงเลยเดินทางมาถึงร้านใกล้จะปิดแล้ว ทั้งสามหนุ่มจึงพากันแยกย้าย
*
*
“มึงขับรถกลับสวนไหวแน่น่ะไอ้กิตติ์ ให้พวกกูไปส่งไหม” อคิราห์ถามขึ้น เมื่อทั้งหมดพากันเดินออกมานอกร้านจนถึงที่จอดรถแล้ว
“ไม่รบกวนพวกมึงสองคนหรอก เพราะกูก็ไม่ได้จะกลับไปสวนอยู่แล้ว” ปกรณ์กิตติ์พูดเช่นนั้นก็โยนรีโมทรถให้แก่ศิรดาที่เดินมาตามหลังพวกเขาทันที
“หมายความว่าไง? ที่มึงบอกว่าไม่กลับไปสวน” อัคนีถามขึ้นทันที ที่ปกรณ์กิตติ์ตอบพี่ชายฝาแฝดของเขาเช่นนั้น
“ก็คืนนี้กูจะไปหาเปิดโรงแรมแถวนี้นอนไปก่อน ขืนพากันกลับไปในสภาพนี้ คงโดนพ่อกูสวดให้ไม่จบไม่สิ้นแน่” ปกรณ์กิตติ์ตอบออกไปตามตรง
“แล้ว?” อัคนีหันมามองหน้าศิรดาและปกรณ์กิตติ์สลับไปมาอย่างตกใจ ที่ปกรณ์กิตติ์บอกว่าจะพากันพักที่นี่ก่อน
“มาด้วยกัน ก็ต้องอยู่ด้วยกันรอกลับพร้อมกันสิวะ มึงก็ถามได้” ปกรณ์กิตติ์ตอบออกไป เมื่อรู้ว่าเพื่อนกำลังจะถามอะไร
“นี่พวกมึงสองคน?” อคิราห์หันมาถามทั้งสองอย่างนึกจับผิด เพราะเขาเองก็ใจเช่นกันที่เพื่อนตอบแบบนี้ ใครจะคิดดีได้ล่ะ เพื่อนว่าเพื่อนเขากับหญิงสาวนั้นไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน
“เอ่อ พวกเรานอนคนละห้องจ้ะ” ศิรดาจึงเป็นฝ่ายแก้ต่างออกไป เพราะกลัวว่าเพื่อนทั้งสองของปกรณ์กิตติ์จะคิดเกินไปไกลมากกว่านี้ และเข้าใจเธอกับเขาผิดเสียเอา
“ขึ้นรถได้แล้ว ฉันเหนื่อยมาทั้งวันอยากพักผ่อนแล้ว ทำไมต้องปตอบคำถามไร้สาระกับพวกนี้ด้วย” ปกรณ์กิตติ์หันมาสั่งกับหญิงสาว ก่อนที่เขาเข้าจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถในตำแหน่งข้างคนขับ โดยไม่สนใจว่าเพื่อนแฝดของเขาจะคิดอย่างไร
*
*
“มึงคิดเหมือนกูไหมว่ะไอ้ไฟ ว่าไอ้กิตติ์มันดูไม่ปกติ” อคิราห์แฝดผู้พี่ถามแฝดผู้เป็นน้องออกไป เมื่อรถของปกรณ์กิตติ์ขับออกไปจากตรงนี้แล้ว
“กูว่าสองคนนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่พี่น้องธรรมดา” อัคนีได้แต่เอ่ยขึ้นอย่างมีความใน
“ยังไง? พวกมันก็ไม่ใช่พี่น้องกันจริง ๆ อยู่แล้วไหมว่ะ”
“ไม่รู้ว่ากูคิดไปเองหรือเปล่าไอ้ฟืน” อัคนีรู้สึกว่ามีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เขากำลังสงสัยในความสัมพันธ์ของปกรณ์กิตติ์และศิรดา
“มึงพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงไอ้ไฟ” อคิราห์ถามน้องชายออกไปอย่างไม่เข้าใจ เพราะอัคนีพูดเหมือนกับว่าไปรู้ไปเห็นอะไรมาเสียอย่างนั้นแหละ
“ไม่มีอะไรหรอก กลับบ้านกันได้แล้ว เดี๋ยวคุณนายแม่จะดุเอา” อัคนีรีบเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาทันที
“จะกลับทำไมไปทำไมให้โดนด่าว่ะ ได้กลับมาอยู่บ้านเกิดอย่างถาวรทั้งที มันก็ต้องหาอะไรสนุก ๆ ทำแก้เบื่อ ใช้ชีวิตวัยรุ่นให้คุ้มกันหน่อยสิ” แต่คนอย่างอคิราห์ที่รักสนุก กลับปฏิเสธคำชวนของน้องชาย
“ตามใจมึงเลย ไปหาข้อแก้ตัวกับคุณนายแม่ของมึงเองก็แล้วกันกูขี้เกียจแก้ต่างให้แล้ว” อัคนีได้แต่พูดอย่างไม่สนใจและนึกเอือมระอากับนิสัยรักสนุกของพี่ชาย
“เออน่า กูไม่ทำให้มึงเดียดร้อนหรอกไอ้น้องรัก” อคิราห์ได้แตะไหล่น้องชายเบา ๆ
“ทำอะไรก็หัดรู้จักป้องกันบ้างนะ เกิดป๋องขึ้นมาอย่าหาว่ากูไม่เตือนมึงไอ้พี่เลว” อัคนีได้แต่คอยเตือนพี่ชาย และไม่วายที่จะเอ่ยแหนบแนมใส่
“กูรู้จักถุงยางมาตั้งแต่กูใช้งานน้องชายกูเป็นแล้วไอ้ไฟ ว่าแต่มึงเถอะกูเห็นมองน้องแป้งตาเป็นมันเลยนะ ชอบน้องมันหรือไงว่ะ” อคิราห์เอ่ยตอบอย่างมั่นใจ แล้วจึงถามน้องชายออกไปในความสงสัยของตน ที่น้องชายนั้นเหมือนมีอะไรที่รู้สึกพิเศษ
“มันเรื่องของกู”
“ชอบก็บอก เผื่อพี่คนนี้จะช่วย มึงได้ไอ้น้อง”
“เอาตัวมึงเองให้รอดก่อนเถอะ คิดหาทางออกให้ได้ว่าจะทำไงถึงไม่ต้องหมั้นตามคำสั่งของคุณนายแม่” อัคนีสวนกลับพี่ชายทันที เพราะเรื่องของตัวเองยังจะหาทางออกไปไม่ได้เลย ยังคิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องของคนอื่นอีก
“มึงก็...”
“Stop! มึงอย่าแม้แต่จะคิดเลยไอ้พี่ชาย มึงเป็นพี่ยังไงมึงก็ต้องเสียสละเพื่อครอบครัวก่อนอยู่แล้ว” อัคนีรีบขัดความคิดของคนเป็นพี่ทันควัน เมื่อรู้ว่าพี่ชายกำลังนึกจะทำอะไร
“ถ้าเกิดกูมีแฟนขึ้นมาจริง ๆ มึงว่าแม่จะยอมล้มเลิกเรื่องนี้ไหมว่ะไอ้ไฟ” อคิราห์พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มความเจ้าเล่ห์
“มึงอย่าแม้แต่จะคิดที่ไปจ้างใครมาเป็นแฟนปลอม ๆ เพื่อตบตาพวกท่านเด็ดขาดเลยไอ้ฟืน ถ้าพวกท่านรู้เข้า ไม่ใช่แค่มึงที่จะเดือดร้อนคิดถึงผลที่ตามมาด้วย กูเตือนมึงด้วยความหวังดี” อัคนีได้แต่ดับฝันของพี่ชายเอาไว้
“รู้ทันกูทุกเรื่องจริง ๆ นะมึง”
ก็เพราะพวกเขาทั้งสองนั้นเป็นฝาแฝดที่ตัวติดกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ไม่รู้ทันกันนี้สิแปลก
หวงหรือไง“คุยอะไรกันอยู่หนุ่ม ๆ” สุทัศน์ที่พึ่งจะลงมาจากชั้นบนของบ้านนั้นเอ่ยขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าแขกผู้มาเยือนเป็นเพื่อนของลูกชายตนที่หายหน้าหายตาไปนานเพราะไปเรียนที่ต่างประเทศกัน“อาทัศน์สวัสดีครับ”สองแฝดหนุ่มได้แต่ยกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพผู้ใหญ่อย่างอ่อนน้อม เมื่อเห็นเป็นผู้อาวุโสของที่นี่เดินมาทันทายพวกตน“ไปอยู่ต่างประเทศเสียนาน หน้าออกไปทางฝรั่งเสียแล้วสองแฝด ตามสบายเลยนะ อาไม่อยู่รบกวนวัยรุ่นอย่างพวกเราแล้ว” สุทัศน์ได้แต่เอ่ยแซวสองแฝดเพื่อนลูกชายอย่างนึกเอ็นดู“พ่อจะไปไหนครับ” ปกรณ์กิตติ์เอ่ยถามคนเป็นพ่อขึ้น เมื่อเห็นว่าบิดาของเขานั้นแต่งตัวดูดีกว่าทุกวัน คงต้องมีธุระออกไปข้างนอกแน่“ไปทำธุระนิดหน่อยแล้วแป้งกับปิ่นขอไปด้วย แกมีอะไรหรือเปล่าไอ้กิตติ์” สุทัศน์ตอบลูกชายออกไปตามตรง เพราะเขาพาหญิงสาวสองคนไปด้วยกันจริง แล้วถามลูกชายอย่างนึกจับผิด เพราะร้อยวันพันรปีเจ้าลูกชายไม่เคยถามไถ่เลยว่าผู้เป็นพ่อนั้นจะไปไหน“เปล่าครับ”ปกรณ์กิตติ์รีบปฏิเสธทันควัน เมื่อเจอสายตาคู่นั้นของผู้เป็นพ่อมองมาอย่างจับผิด และสุทัศน์ก็เดินออกไปทันที เพราะรู้ว่าสองสาวรออยู่ที่รถแล้ว“น้องคนนั้นชื่ออะไรห
กูชอบน้องแป้ง“พากันมาทำไม ผลไม้ช่วงนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาเก็บผลผลิตเสียหน่อย” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยทักทายถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที ด้วยทีท่าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสองแฝดของเขาคนนี้ ทำให้เขาไม่ชอบใจยิ่งนักที่พวกมันทั้งสองมาหาเขาถึงที่นี่สองแฝดหนุ่มที่นั่งลงอยู่บนโซฟาห้องรับแขกของบ้าน กลับได้สนใจในคำพูดคำจาของเจ้าของสวนผลไม้ไม่ เพราะว่าความตั้งใจของพวกเขาที่มาในวันนี้ไม่ได้จะมาหาเพื่อนของเขาเลย...“เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะไอ้กิตติ์” อคิราห์แฝดผู้พี่เริ่มเกริ่นนำเปิดประเด็นขึ้นมาเสียก่อน พร้อมกับจ้องมองปที่ใบหน้าของปกรณ์กิตติ์อย่างอยากลองหยั่งเชิงดู“พอดีว่า...ช่วงนี้พวกกูสองคนพึ่งกลับมาอยู่บ้าน ว่าง ๆ เลยไม่รู้จะไปไหนกัน เลยแวะมาหาน้องแป้งอยากทำความรู้จักน้องเขา” แล้วอัคนีแฝดผู้น้องจึงเอ่ยตาม ว่าสาเหตุที่พวกเขาทั้งสองมาที่นี่ในวันนี้นั้นคืออะไร“มึงว่าอะไรนะ!!! ไอ้ไฟ?” ทำเอาปกรณ์กิตติ์หันหน้าขวับไปหาทั้งสองหนุ่มทันที ที่ได้ยินถึงจุดประสงค์ของทั้งสองแฝดที่มาในวันนี้“กูบอกว่า พวกกูสองคนมาหาน้องแป้ง” อัคนีเอ่ยย้ำอีกคร
อย่าบอกนะว่าพึ่งตื่นรุ่งเช้า“คุณกิตติ์ ตื่นได้แล้ว แล้วคุณก็ช่วยปล่อยฉันด้วย มีคนมาเคาะประตู” ศิรดาได้แต่สะกิดบอกคนที่นอนกอดรัดเธอ เมื่อได้ยินคนมาเคาะประตูที่หน้าห้องของเธออยู่หลายครั้ง“อื้อ...ใครมาเคาะแต่เช้าว่ะ รบกวนเวลาพักผ่อนฉิบหะ...ขอโทษ เดี๋ยวฉันไปดูเอง” เสียงทุ้มครางต่ำของปกรณ์กิตติ์ขานรับ ก่อนที่จะสบถออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อถูกรบกวนการนอน แต่กลับต้องหุบปากฉับเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอพูดจาไม่ดี แล้วรีบขอโทษเธอและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างสุภาพ แถมยังทำท่าทางกำลังจะลุกขึ้นปดู“มะ ไม่ได้” แต่ถูกศิรดาข้ามเอาไว้เสียก่อน“ทำไม?” เขาด้แต่เลิกคิ้วถามเธออย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเธอนั้นจะห้ามเขาทำไมกัน เพราะทุกทีหากว่ามีคนมาเคาะประตูเขาจะไปเปิดให้ตลอด“ก็นี้มันเป็นห้องนอนของฉันนะคุณลืมไปแล้วหรือไง ขืนใครมาเห็นว่าคุณมาอยู่ห้องนี้กับฉัน มีหวังความแตกแน่”“เหอะ” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่แค่นขำให้กับตัวเอง ที่ลืมไปเสียสนิทเลยว่าตอนนี้ตัวเองนั้นอยู่ที่ห้องของหญิงสาว ไม่ได้อยู่ที่ห้องของตัวเองจากนั้นปกรณ์กิตติ์จึงยอมยกวงแขนของตนที่กอดศิรดาอยู่นั้นออก แล้วเธอก็รีบลุกขึ้นหาเสื้อมาคลุมตัวก่อน
ต้องทำเวลา NCบทเพลงรักอันแสนเร่าร้อนได้เริ่มขึ้นในทันที หลังจากที่ทั้งคู่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกทั้งหมดทุกชิ้นแล้ว เพราะต่างต้องรีบทำแข่งกับเวลาที่เร่งรีบ ขืนชักช้ากว่านี้มีหวังคนคงสงสัยกันเป็นแน่“อ๊ะ เสียว”เสียงครวญครางร้องของศิรดาดังขึ้นมาเป็นระยะ ตั้งแต่ที่เขานั้นเริ่มขยับสะโพกตอกอัดใส่เธอตั้งแต่คราแรกด้วยจังหวะที่เนิบนาบแล้ว และเริ่มไต่ระดับขึ้นตามมาเรื่อยย ๆ“เสียวก็ร้องออกมา ปล่อยอารมณ์ไปกับมันแป้ง” เสียงกระเส่าเอ่ยบอกคนใต้ร่างเพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายลดความกังวลลงบ้าง เพราะเขารับรู้ได้ว่าเธอกำลังตื่นเต้นมาก รู้สึกถึงสัมผัสจากแรงตอดรัดภายในร่องฉ่ำที่บีบรัดเป็นจังหวะถี่เร็วตับ ตับ ตับ“อยากขึ้นเองไหม” เขาผ่อนแรงลงเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามเธอออกไป เพราะอยากจะเป็นฝ่ายเอาใจและตามใจเธอบ้าง เขาเองก็ไม่รู้หรอก ว่าเธอนั้นมีความสุขไปด้วยกันกับเขาหรือเปล่าเธอได้แต่ส่ายหน้าให้เขาเป็นคำตอบ และรีบเร่งให้เขารีบดำเนินบทรักนี้ให้จบลงเร็วไว เพราะว่าเวลานี้ก็ผ่านมาหลายนาทีแล้ว ตั้งแต่ที่เขาสอดใส่เขากลับไม่ยอมเสร็จสมสักที ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือเปล่าและเธอก็ยังมีความกังวลคิดมากอยู่ตลอด หาก
ไม่ใช่น้องสาวตกเย็น“หาววว...คุณกิตติ์!!!”หญิงสาวที่กำลังอ้าปากกว้างจากหาวเพราะกำลังตื่นนอน กลับต้องเบิกตากว้างตกใจรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างไวพร้อมกับร้องเสียงออกมา เมื่อเห็นว่าข้างกายของเธอนั้นมีร่างแกร่งนอนจ้องมองมาเธออยู่แล้ว“ก็ฉันนะสิ เธอเห็นเป็นใครล่ะ” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่ลุกขึ้นนั่งตาม แล้วยังคงนั่งจ้องมองเธอด้วยท่าทีที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร ก่อนที่จะเอ่ยตอบด้วยวาจาที่กวนชวนให้เธอโมโห“นี่คุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไงกันคุณกิตติ์” หญิงสาวยิงคำถามใส่เขาออกไปด้วยใบหน้าที่งุนงง เพราะเธอตกใจไม่น้อยที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ในห้องของเธอ เขาเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนแล้วทำไมเขาถึงเข้ามาที่ห้องของเธอได้ แถมยังจะมานอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับเธออีก ทั้ง ๆ ที่ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยคิดที่จะย่างกรายเข้ามาเหยียบในพื้นที่ตรงนี้เลยสักครั้ง ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ห้องนี้เขาก้ไม่เคยได้เข้ามา“นี่เธอลืมไปแล้วหรือยังไง ว่าบ้านหลังนี้มันเป็นบ้านของใคร ยัยแป้งเน่า” เขาถามเธอกลับไปบ้างแถมยังยื่นใบหน้าหล่อเข้าไปใกล้ ๆ กันกับใบหน้าของเธออีก จนศิรดาต้องเอียงหน้าหนีหลบไปทางอื่น และก็ต้องนอนราบลงไปกับที่นอนอี
คนคุ้นเคยบ่ายคล้อยของวันต่อมาสวนปกรณ์กิตติ์“มาหาใครค่ะ” หญิงสาวถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที ขณะที่เธอกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ที่หน้าบ้าน แล้วเห็นรถไม่คุ้นตาขับเข้ามาจอดที่ลานกว้างปิ่นมุก หญิงสาวคนสนิทของศิรดา เป็นลูกสาวของ ‘แก้วตา’ ซึ่งเป็นแม่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ที่เธอลืมตาดูโลกแล้ว และเติบโตมาพร้อมกันกับศิรดาภายในสวนผลไม้แห่งนี้“กิตติ์อยู่ไหม พาฉันไปพบเขาหน่อย” เสียงของหญิงสาวผู้มาเยือนเอ่ยถามขึ้นมาทันทีรสรินทร์ หรือ โรส อดีตคนคุ้นเคยของปกรณ์กิตติ์ที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องแยกย้ายกันไปเมื่อทั้งคู่เรียนจบ เพราะหญิงสาวตัดสินใจจบความสัมพันธ์ลง แล้วเลือกที่จะไปใช้ชีวิตในต่างแดนกับชายคนรักหญิงสาวสวมชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดกับรองเท้าส้นสูงพร้อมกับแว่นกันแดดบดบังใบหน้าขาวผ่อง บนตัวล้วนแต่มีเครื่องประดับราาคาแพง ซึ่งดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าไม่ใช่คนพื้นที่นี้แน่“เอ่อ...คือว่า” ปิ่นมุกได้แต่อ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าจะตอบคนตรงหน้าเช่นไร และอีกอย่างเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใครกัน อยู่ที่นี่มาจนอายุ 23 ปีแล้ว เธอยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนมาถามหาเจ้านายหนุ่มของเธ







