LOGIN“ทำไมถึงเปิดแค่ห้องเดียวละคุณกิตติ์” ศิรดาถามขึ้นทันทีอย่างไม่ค่อยพอใจ เมื่อเข้ามาภายในห้องพักสุดหรูของโรงแรม
“ฉันลืมพกบัตรประชาชนมา เปิดห้องเดียวมันจะเป็นอะไรกันนักกันหนา” เขาเฉไฉตอบเธอออกไป แล้วเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงยักไหล่ใส่เธอทำเป็นไขสือ แล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงกว้างทันที
“...” ศิรดาที่ได้ฟังเหตุผลของคนเจ้าดเล่ห์ กลับพูดอะไรไม่ออกทันที ไม่น่าละตอนจะเช็คอินเข้ามา เขาถึงใช้บัตรประจำตัวประชาชนของเธอเอาไปจัดการแทนเองทุกอย่าง
“สิ้นเปลืองเสียเปล่า อีกอย่างเธอกับฉันก็นอนห้องเดียวกันออกจะบ่อย แถมที่ผ่านมายังทำมากกว่านอนก็ทำมาแล้ว...” ปกรณ์กิตติ์พูดขึ้นมา เมื่อเห็นเธอยังคงนิ่งเงียบไม่พูดดอะไรออกมาสักคำ
“แต่ว่า...”
“ไปอาบน้ำได้แล้ว จะได้รีบพักผ่อนฉันง่วงจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้นอยู่แล้ว”
ยังไม่ทันที่ศิรดาจะได้โต้แย้งอะไรออกมา ปกรณ์กิตติ์ก็รีบเปลี่ยนเรื่องเอ่ยปากขึ้นไล่เธอให้ไปอาบน้ำทันที เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาตอบคำถามอะไรเธออีก
“คุณก็ไปอาบน้ำก่อนสิ อ๊ะ! คะ คุณจะทำอะไร”
เมื่อเธอกำลังจะเอ่ยปากขึ้นบอกเขา จัวของเธอก็ลอยหวือขึ้นมาอยู่ในอ้อมอกหนั่นแน่นของเขาเข้าเสียแล้ว โดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัวเลย
“อาบพร้อมกันนี่แหละ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา จะได้รีบเสร็จรีบมานอนพักผ่อน อีกไม่กี่ชั่วโมงมันก็เช้าแล้ว” เขาพูดออกมาอย่างหน้าตาย
“แต่...”
“จะอาบน้ำดี ๆ หรือว่าอยากจะทำอย่างอื่นแทนดีละ หืม...” ศิรดาจำใจต้องยอมทำตามที่เขาบอก เพราะเจอสายตาที่เขาขู่มองแบบนี้ เธอรู้ดีว่าสื่อความหมายเช่นไร
“อาบก็ได้”
“ก็แค่นี้ ทำไมต้องให้พูดบ่อยนัก”
เมื่อศิรดายอมทำตามที่เขาสั่ง แล้วมีหรือที่คนอย่างปกรณ์กิตติ์จะยอมแค่อาบน้ำด้วยกันเฉย ๆ เพียงอย่างเดียว เขาจับเธอขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์ล้างหหน้าแล้วจับขาสองข้างแบออกดันตัวตนเข้าไปในร่องรักของเธอทันที ที่ทั้งสองร่างกายเปลือยเปล่า โดยไม่สนแล้วว่าเธอยังเจ็บอยู่อีกหรือไม่
“อื้อ...เจ็บ” เธอร้องออกมาทันที ที่แก่นกายเข้าสู่ร่องรัก แขนทั้งสองข้างยกขึ้นกอดลำคอเขาเอาไว้แน่นด้วยสัญชาตญาณ
“ต้องทำบ่อย ๆ สิ เธอจะได้คุ้นชิน และต่อไปก็จะได้ไม่ต้องเจ็บด้วย” เขาพูดพร้อมกับมือที่จจับลูกเอวคอดของเธอเอาไว้แน่น
“คุณมันคนเจ้าเล่ห์ อ๊ะ...”
“เสียวก็ร้องออกมาเลยแป้ง มีอารมณ์ร่วมไปกับมันนะ”
“คะ คุณ!”
“รอบเดียวก่อน แล้วค่อยไปต่อที่เตียงกัน” เสียงแหบพร่าแสนเสน่ห์เอ่ยบอก เมื่อเห็นว่าเธอนั้นกำลังจะประท้วงเขา
ตับ ตับ ตับ
สะโพกสอบเริ่มทำงานอย่างหนักหน่วงด้วยจังหวะที่ร้อนแรงตั้งแต่คราแรก เพราะในร่างกายที่มีฤทธิ์แอลกอฮอล์อยู่ ทำให้ภายในร่างกายที่ร้อนรุ่มมีความต้องการอยากปลดปล่อย
“ละ ลึก”
“อ๊า...ตอดดีมากเลยแป้ง อ้าขาออกกว้าง ๆ จะแตกแล้ว” เสียงครางแหบพร่าสุขสมเอ่ยออกมาไม่ขาดปาก เพราะรู้สึกเช่นนั้นจริง และเร่งจังหวะเพิ่มขึ้นเท่าทวีคูณเมื่อกำลังจะพบจุดหมาย
“อย่าปละ...”
ตับ ตับ ตับ
ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยปากร้องห้ามอะไรเขาไว้ ร่างแกร่งก็ยิ่งถาโถมแรงเข้าใส่อย่างหนักหน่วง และแตกกระจายน้ำรักปลดปล่อยเข้าสู่กายเธออย่างสุดลึกใจไปในที่สุด โดยที่เธอห้ามไม่ทันเสียแล้ว
“อ๊าส...ตะแตกแล้วแป้ง”
ใบหน้าสวยทรุดฮวบลงที่อกดแกร่งอย่างหมดเรี่ยวแรง ทั้งที่เธอไม่ได้เป็นคนออกแรงเลยแม้แต่น้อย มีเพียงเสียงลมหอบเหื่อยเท่านั้น โดยไม่มีเสียงเอ่ยใด ๆ เล็ดลอดออกมา
“โกรธเหรอ?” เขาตัดสินใจถามออกไป เมื่อเห็นว่าเธอเงียบนิ่ง ไม่ยอมพูดหรือถามอะไรเขาออกมาสักคำ
“ทำไมคุณถึงปล่อยข้างในอีกแล้ว”
“ขอโทษนะ มันเอาออกไปทันจริง ๆ” เขาพูดขอโทษเธอออกมาด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ราวกับว่าไม่ได้รู้สึกเหมือนเช่นที่พูดออกมาเลย
“เอาออกไม่ทัน หรือไม่อยากเอาออกกันแน่” เธอสวนกลับเขาทันที อย่างรู้ทันคนเจ้าเล่ห์แบบเขา
“ก็เธอกอดรัดฉันแน่นแบบนี้้ ใครจะดึงออกมาแตกข้างนอกได้ทันละ” เขาพูดพร้อมกับส่งสายตามองไปที่อ้อมแขนที่เธอยังคงกอดคอเขาเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“แล้วทำไมคุณ ว้าย...”
ยังไม่ทันที่เธอจะได้ต่อว่าเขา ร่างของเธอก็ลอยหวือขึ้นจากเคาน์เตอร์ไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้ว เพราะเขาอุ้มเธอขึ้นโดยที่ส่วนนั้นยังไม่ยอมถอดถอนออก แล้วพาเดินออกจากห้องน้ำไปยังเตียงนอนทันที
“...” ศิรดาไม่ตอบอะไร แต่กลับกอดคอเขาแน่นขึ้นกว่าเดิมเพราะกลัวตก แล้วซบใบหน้าลงที่บ่ากว้างของเขา
ปกรณ์กิตติ์นั่งลงที่ปลายเตียง โดยมีศิรดานั่งอยู่บนตัก ใบหน้าคมจ้องมองเธออย่างปรารถนา แล้วความคิดบางอย่างก้โผล่ขึ้นมา
“ทำให้หน่อยสิแป้ง...” จู่ ๆ เขาก็ขอเธอออกมาโต้ง ๆ แบบไม่รู้สึกกระดากปากอายอะไรเลย
“ฉะ ฉัน เอ่อ...” เธอมองหน้าเขาด้วยความประหม่า เพราะไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไร
เมื่อรู้ว่าศิรดากำลังประหม่า เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องแพงของเขาขึ้นมา แล้วกดเปิดคลิปอะไรสักอย่าง แล้วยื่นมาตรงหน้าให้เธอดู
“ลองทำตามดู ท่านี้แหละแบบเดียวกับที่เธอกำลังนั่งบนตัวฉันตอนนี้เลย”
“น่าอายชะมัด” เธอได้แต่ก้มหน้างุดหันไปทางอื่นด้วยความอาย ทำไมเขาถึงมีความต้องเรื่องเซ็กส์มากถึงขนาดนี้กันนะ
“จะอายทำไมแป้ง เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์เราอยู่แล้ว ที่ชายหญิงต้องเอากัน” เขาพยายามพูดเพื่อให้เธอมีความมั่นใจ ไม่ให้เธอต้องเอียงอายในเรื่องพวกนี้
“ไหนคุณว่าฉันไม่เหมือนผู้หญิงไง” เธอโต้เขาขึ้นมาทันที
“เธอมี-วยเหมือนฉันไหมละแป้ง? ไม่มี! เพราะเธอไม่มีไง เธอก็ไม่ใช่ผู้ชาย...” เขายกเหตุผลขึ้นมาพูดโดยไม่มีความอายเลยสักนิด
“แต่ในสายตาที่คุณมองฉัน คุณไม่ได้มองเป็นผู้หญิงตั้งแต่แรก”
“ถ้าฉันไม่มองเธอเป็นผู้หญิง แล้วฉันจะเอา-วยของฉันสอดเข้าไปในรูของเธอทำไมกันแป้ง ฉันไม่ใช่ผู้ชายที่มีรสนิยมชอบเอาเพศเดียวกันหรอกนะ” เขาพูดขึ้นมาแบบตรง ๆ ถึงแม้จะเป็นวาจาที่ลามกจนคคคนฟังก้มหน้างุด แต่เขาที่เป็นคนพูดกลับไม่รู้สึกกระดากอายเลยสักนิด
“ก็คุณ ว้าย...”
ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยอะไรออกมา เขาก็จับร่างของเธอนอนหงายราบไปกับที่นอน โดยที่มีเขาคร่อมทับอยู่ด้านบนแทน
“พูดมาก สงสัยฉันคงต้องเอา-วยยัดปากเธอสินะ ถึงจะหยุดพูด”
“...” ศิรดาที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ออกมา เธอรีบยกขึ้นทั้งสองข้างของเธอขึ้นมาปิดปากของตัวเองแน่นทันที เพราะกลัวว่าเขาจะทำจริงอย่างที่พูด
“ในเมื่อฉันให้โอกาสเธอเป็นฝ่ายคุมเกมแล้วเธอไม่ยอมทำ งั้นคืนนี้ก็อย่าหวังว่าฉันจะยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ นะแป้ง”
ตับ ตับ ตับ
พูดจบเขาก็ตอกอัดสะโพกสอบใสเธอทันทีอย่างหนักหน่วง โดยไม่สนใจแล้วว่าคนใต้ร่างจะเป็นเช่นไร เพราะไฟราคะกำลังลุกโหมขึ้นจนยากที่จะดับลงได้แล้ว
“อ๊ะ...จุก”
หลายชั่วโมงผ่านไป จนเวลาล่วงเลยเข้ามาสู่วันใหม่ และแสงสีเหลืองของพระอาทิตย์ก็เริ่มให้แสงสว่างขึ้นมา แต่ร่างแกร่งก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมผ่อนปรนให้เธอเลย จนกระทั้งเปลือกตาของเธอเริ่มอ่อนล้าปิดลง เขาถึงยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ และยอมถอดถอนตัวตนที่ยังไม่ยอมสงบออกจากกายสาว และทำความสะอาดส่วนนั้นให้เธอ จัดแจงเธอให้นอนในท้วงท่าที่สบาย
และปกรณ์กิตติ์ก็ไม่ลืมที่จะดึงเธอเข้ามาสู่อ้อมกอดพร้อมกับห่มผ้าคลุมทั้งสองร่างเปลือยเปล่า ก่อนที่จะคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูเวลา และก็ปิดเปลือกตาลงหลับตามเธอไปในที่สุด
“ตีห้าแล้วเหรอ”
หวงหรือไง“คุยอะไรกันอยู่หนุ่ม ๆ” สุทัศน์ที่พึ่งจะลงมาจากชั้นบนของบ้านนั้นเอ่ยขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าแขกผู้มาเยือนเป็นเพื่อนของลูกชายตนที่หายหน้าหายตาไปนานเพราะไปเรียนที่ต่างประเทศกัน“อาทัศน์สวัสดีครับ”สองแฝดหนุ่มได้แต่ยกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพผู้ใหญ่อย่างอ่อนน้อม เมื่อเห็นเป็นผู้อาวุโสของที่นี่เดินมาทันทายพวกตน“ไปอยู่ต่างประเทศเสียนาน หน้าออกไปทางฝรั่งเสียแล้วสองแฝด ตามสบายเลยนะ อาไม่อยู่รบกวนวัยรุ่นอย่างพวกเราแล้ว” สุทัศน์ได้แต่เอ่ยแซวสองแฝดเพื่อนลูกชายอย่างนึกเอ็นดู“พ่อจะไปไหนครับ” ปกรณ์กิตติ์เอ่ยถามคนเป็นพ่อขึ้น เมื่อเห็นว่าบิดาของเขานั้นแต่งตัวดูดีกว่าทุกวัน คงต้องมีธุระออกไปข้างนอกแน่“ไปทำธุระนิดหน่อยแล้วแป้งกับปิ่นขอไปด้วย แกมีอะไรหรือเปล่าไอ้กิตติ์” สุทัศน์ตอบลูกชายออกไปตามตรง เพราะเขาพาหญิงสาวสองคนไปด้วยกันจริง แล้วถามลูกชายอย่างนึกจับผิด เพราะร้อยวันพันรปีเจ้าลูกชายไม่เคยถามไถ่เลยว่าผู้เป็นพ่อนั้นจะไปไหน“เปล่าครับ”ปกรณ์กิตติ์รีบปฏิเสธทันควัน เมื่อเจอสายตาคู่นั้นของผู้เป็นพ่อมองมาอย่างจับผิด และสุทัศน์ก็เดินออกไปทันที เพราะรู้ว่าสองสาวรออยู่ที่รถแล้ว“น้องคนนั้นชื่ออะไรห
กูชอบน้องแป้ง“พากันมาทำไม ผลไม้ช่วงนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาเก็บผลผลิตเสียหน่อย” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยทักทายถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที ด้วยทีท่าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสองแฝดของเขาคนนี้ ทำให้เขาไม่ชอบใจยิ่งนักที่พวกมันทั้งสองมาหาเขาถึงที่นี่สองแฝดหนุ่มที่นั่งลงอยู่บนโซฟาห้องรับแขกของบ้าน กลับได้สนใจในคำพูดคำจาของเจ้าของสวนผลไม้ไม่ เพราะว่าความตั้งใจของพวกเขาที่มาในวันนี้ไม่ได้จะมาหาเพื่อนของเขาเลย...“เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะไอ้กิตติ์” อคิราห์แฝดผู้พี่เริ่มเกริ่นนำเปิดประเด็นขึ้นมาเสียก่อน พร้อมกับจ้องมองปที่ใบหน้าของปกรณ์กิตติ์อย่างอยากลองหยั่งเชิงดู“พอดีว่า...ช่วงนี้พวกกูสองคนพึ่งกลับมาอยู่บ้าน ว่าง ๆ เลยไม่รู้จะไปไหนกัน เลยแวะมาหาน้องแป้งอยากทำความรู้จักน้องเขา” แล้วอัคนีแฝดผู้น้องจึงเอ่ยตาม ว่าสาเหตุที่พวกเขาทั้งสองมาที่นี่ในวันนี้นั้นคืออะไร“มึงว่าอะไรนะ!!! ไอ้ไฟ?” ทำเอาปกรณ์กิตติ์หันหน้าขวับไปหาทั้งสองหนุ่มทันที ที่ได้ยินถึงจุดประสงค์ของทั้งสองแฝดที่มาในวันนี้“กูบอกว่า พวกกูสองคนมาหาน้องแป้ง” อัคนีเอ่ยย้ำอีกคร
อย่าบอกนะว่าพึ่งตื่นรุ่งเช้า“คุณกิตติ์ ตื่นได้แล้ว แล้วคุณก็ช่วยปล่อยฉันด้วย มีคนมาเคาะประตู” ศิรดาได้แต่สะกิดบอกคนที่นอนกอดรัดเธอ เมื่อได้ยินคนมาเคาะประตูที่หน้าห้องของเธออยู่หลายครั้ง“อื้อ...ใครมาเคาะแต่เช้าว่ะ รบกวนเวลาพักผ่อนฉิบหะ...ขอโทษ เดี๋ยวฉันไปดูเอง” เสียงทุ้มครางต่ำของปกรณ์กิตติ์ขานรับ ก่อนที่จะสบถออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อถูกรบกวนการนอน แต่กลับต้องหุบปากฉับเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอพูดจาไม่ดี แล้วรีบขอโทษเธอและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างสุภาพ แถมยังทำท่าทางกำลังจะลุกขึ้นปดู“มะ ไม่ได้” แต่ถูกศิรดาข้ามเอาไว้เสียก่อน“ทำไม?” เขาด้แต่เลิกคิ้วถามเธออย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเธอนั้นจะห้ามเขาทำไมกัน เพราะทุกทีหากว่ามีคนมาเคาะประตูเขาจะไปเปิดให้ตลอด“ก็นี้มันเป็นห้องนอนของฉันนะคุณลืมไปแล้วหรือไง ขืนใครมาเห็นว่าคุณมาอยู่ห้องนี้กับฉัน มีหวังความแตกแน่”“เหอะ” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่แค่นขำให้กับตัวเอง ที่ลืมไปเสียสนิทเลยว่าตอนนี้ตัวเองนั้นอยู่ที่ห้องของหญิงสาว ไม่ได้อยู่ที่ห้องของตัวเองจากนั้นปกรณ์กิตติ์จึงยอมยกวงแขนของตนที่กอดศิรดาอยู่นั้นออก แล้วเธอก็รีบลุกขึ้นหาเสื้อมาคลุมตัวก่อน
ต้องทำเวลา NCบทเพลงรักอันแสนเร่าร้อนได้เริ่มขึ้นในทันที หลังจากที่ทั้งคู่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกทั้งหมดทุกชิ้นแล้ว เพราะต่างต้องรีบทำแข่งกับเวลาที่เร่งรีบ ขืนชักช้ากว่านี้มีหวังคนคงสงสัยกันเป็นแน่“อ๊ะ เสียว”เสียงครวญครางร้องของศิรดาดังขึ้นมาเป็นระยะ ตั้งแต่ที่เขานั้นเริ่มขยับสะโพกตอกอัดใส่เธอตั้งแต่คราแรกด้วยจังหวะที่เนิบนาบแล้ว และเริ่มไต่ระดับขึ้นตามมาเรื่อยย ๆ“เสียวก็ร้องออกมา ปล่อยอารมณ์ไปกับมันแป้ง” เสียงกระเส่าเอ่ยบอกคนใต้ร่างเพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายลดความกังวลลงบ้าง เพราะเขารับรู้ได้ว่าเธอกำลังตื่นเต้นมาก รู้สึกถึงสัมผัสจากแรงตอดรัดภายในร่องฉ่ำที่บีบรัดเป็นจังหวะถี่เร็วตับ ตับ ตับ“อยากขึ้นเองไหม” เขาผ่อนแรงลงเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามเธอออกไป เพราะอยากจะเป็นฝ่ายเอาใจและตามใจเธอบ้าง เขาเองก็ไม่รู้หรอก ว่าเธอนั้นมีความสุขไปด้วยกันกับเขาหรือเปล่าเธอได้แต่ส่ายหน้าให้เขาเป็นคำตอบ และรีบเร่งให้เขารีบดำเนินบทรักนี้ให้จบลงเร็วไว เพราะว่าเวลานี้ก็ผ่านมาหลายนาทีแล้ว ตั้งแต่ที่เขาสอดใส่เขากลับไม่ยอมเสร็จสมสักที ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือเปล่าและเธอก็ยังมีความกังวลคิดมากอยู่ตลอด หาก
ไม่ใช่น้องสาวตกเย็น“หาววว...คุณกิตติ์!!!”หญิงสาวที่กำลังอ้าปากกว้างจากหาวเพราะกำลังตื่นนอน กลับต้องเบิกตากว้างตกใจรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างไวพร้อมกับร้องเสียงออกมา เมื่อเห็นว่าข้างกายของเธอนั้นมีร่างแกร่งนอนจ้องมองมาเธออยู่แล้ว“ก็ฉันนะสิ เธอเห็นเป็นใครล่ะ” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่ลุกขึ้นนั่งตาม แล้วยังคงนั่งจ้องมองเธอด้วยท่าทีที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร ก่อนที่จะเอ่ยตอบด้วยวาจาที่กวนชวนให้เธอโมโห“นี่คุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไงกันคุณกิตติ์” หญิงสาวยิงคำถามใส่เขาออกไปด้วยใบหน้าที่งุนงง เพราะเธอตกใจไม่น้อยที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ในห้องของเธอ เขาเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนแล้วทำไมเขาถึงเข้ามาที่ห้องของเธอได้ แถมยังจะมานอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับเธออีก ทั้ง ๆ ที่ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยคิดที่จะย่างกรายเข้ามาเหยียบในพื้นที่ตรงนี้เลยสักครั้ง ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ห้องนี้เขาก้ไม่เคยได้เข้ามา“นี่เธอลืมไปแล้วหรือยังไง ว่าบ้านหลังนี้มันเป็นบ้านของใคร ยัยแป้งเน่า” เขาถามเธอกลับไปบ้างแถมยังยื่นใบหน้าหล่อเข้าไปใกล้ ๆ กันกับใบหน้าของเธออีก จนศิรดาต้องเอียงหน้าหนีหลบไปทางอื่น และก็ต้องนอนราบลงไปกับที่นอนอี
คนคุ้นเคยบ่ายคล้อยของวันต่อมาสวนปกรณ์กิตติ์“มาหาใครค่ะ” หญิงสาวถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที ขณะที่เธอกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ที่หน้าบ้าน แล้วเห็นรถไม่คุ้นตาขับเข้ามาจอดที่ลานกว้างปิ่นมุก หญิงสาวคนสนิทของศิรดา เป็นลูกสาวของ ‘แก้วตา’ ซึ่งเป็นแม่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ที่เธอลืมตาดูโลกแล้ว และเติบโตมาพร้อมกันกับศิรดาภายในสวนผลไม้แห่งนี้“กิตติ์อยู่ไหม พาฉันไปพบเขาหน่อย” เสียงของหญิงสาวผู้มาเยือนเอ่ยถามขึ้นมาทันทีรสรินทร์ หรือ โรส อดีตคนคุ้นเคยของปกรณ์กิตติ์ที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องแยกย้ายกันไปเมื่อทั้งคู่เรียนจบ เพราะหญิงสาวตัดสินใจจบความสัมพันธ์ลง แล้วเลือกที่จะไปใช้ชีวิตในต่างแดนกับชายคนรักหญิงสาวสวมชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดกับรองเท้าส้นสูงพร้อมกับแว่นกันแดดบดบังใบหน้าขาวผ่อง บนตัวล้วนแต่มีเครื่องประดับราาคาแพง ซึ่งดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าไม่ใช่คนพื้นที่นี้แน่“เอ่อ...คือว่า” ปิ่นมุกได้แต่อ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าจะตอบคนตรงหน้าเช่นไร และอีกอย่างเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใครกัน อยู่ที่นี่มาจนอายุ 23 ปีแล้ว เธอยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนมาถามหาเจ้านายหนุ่มของเธ







